The Moon That Embraces the Sun (2012) ลิขิตรักตะวันและจันทรา The Moon That Embraces The Sun เป็นเรื่องราวโรแมนติกย้อนยุคซึ่งเกิดขึ้นในสมัยโชซอน ในวัยเด็ก องค์รัชชทายาท อี ฮวอน ได้ปลอมตัวเป็นสามัญชน เพื่อหนีออกไปนอกวัง แต่บังเอิญเจอกับ เด็กสาว โฮยอนอู ที่เธอไปร่วมงานที่พี่ชายไปรับประกาศ จองหงวนด้านภาษา องค์รัชชทายาท ทรงสนใจยอนอูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ องค์รัชชทายาท อี ฮวอน ไม่ได้แสดงตัวว่าตัวเองคือใคร แต่ก่อนที่ ยอนอูจะกลับ พระองค์ฝากจดหมายไปให้ ยอนอู แต่เป็นจดหมายที่ต้องตีความ แต่เพราะความฉลาดของ ยอนอู ยอนอู ตีความจดหมายออก ว่า พระองค์ คือองค์รัชชาทายาท โฮยอมพี่ชายของยอนอู ได้เข้าไปเป็นพระอาจารย์ด้านภาษาให้ กับ องค์รัชชาทายาท แต่องค์รัชชายาท ยากจะยอมรับคนที่อายุน้อยเป็นอาจารย์ ยอนอู เลยเสนอวิธีช่วย โฮยอม โดยการทายปริศนาถ้าหากองค์รัชชทายาททรงทายปริศนาได้ โฮยอมจะยอมคืนตำแหน่ง แต่หากทรงหาคำตอบไม่ได้ จะต้อง ทรงยอมรับเขาเป็นพระอาจารย์ องค์รัชชทายาท ทรง ทายปริศนาผิด จึงทรงยอมรับ โฮยอมเป็น พระอาจารย์ โฮยอมทูลกับพระองค์ว่าน้องสาวเป็นคนให้ปริศนาไป พระองค์จึงประทาน น้ำตาลสกัดจากผลไม้ฝากมาให้แก่ยอนอู ยอนอู มอบสาสน์แก่องค์รัชชทายาท เป็นกลอน ลีเกียวโป ไม่นาน ยอนอู ถูกเรียดตัวเข้าวัง เพื่อไปเป็นเพื่อนเล่นกับ องค์หญิงมินฮวา น้องสาวองค์รัชชทายาท ทั้งองค์รัชชทายาทและองค์ชายยางมยอง พระเชษฐาต่างมารดาขององค์รัชชทายาท ทั้งคู่ต่างบอกว่า พระบิดาว่าทรงโปรด ยอนอู แต่เมื่อมีการประกาศเรื่องการอภิเษก และจะต้องคัดเลือกพระชายาให้กับองค์รัชชทายาท องค์ชายยางมยอง ก็ต้องทรงผิดหวังที่ ยอนยู ได้เข้าคัดเลือกตัวด้วย และด้วยความฉลาดเฉลียวของยอนอู ฝ่าบาททรงพอพระทัยยอนอูกับคำถามที่ทรงตั้งเพื่อคัดเลือกพระชายา จึงให้ยอนอู เป็นพระชายาขององค์รัชชทายาท พระมารดาของฝ่าบาท ทรงให้คนทำพิธีกรรมใช้เวทมนตร์มนต์ดำเพื่อฆ่าพระชายายอนอู เมื่อพระชายาป่วย นางจึงต้องออกจากวัง และต้องกลับไปอยู่บ้าน อาการของนางทรุดลงเรื่อยๆ องค์รัชชายาทปลอมตัวออกไปเยี่ยมยอนอู ยอนอูได้มีโอกาสพูดความรู้สึกกับองค์รัชชาทายาท และ องค์รัชชาทายาทได้มอบปิ่นปักผมรูปนกกระเรียน เป็นสัญลักษณ์ของจันทร์สีขาวโอบอุ้มตะวันสีแดง ชื่อว่า จันทร์โอบตะวัน ให้แก่ยอนอู และไม่นาน ยอนอู ก็เสียชีวิตลง องค์รัชชทายาททรงเสียพระทัยเป็นอย่างมากองค์ชายยางมยอง บอกกับองค์รัชชายาทว่า ยอนอูคือผู้หญิงที่ตนรักหากเป็นเขา เขาจะปกป้องผู้หญิงที่รัก และทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องนาง ธิดาเทพจางผู้ใช้เวทมนตร์มนต์ดำทำให้ยอนอูตาย ได้ไปขุดศพ ยอนอู ทำให้ยอนอูฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่นางจำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งว่าตัวเองคือใคร ธิดาเทพจาง จึงบอกยอนอูว่า นางคือธิดาเทพ และได้พายอนอูนั่งเรือไปอยู่ที่อื่น เมื่อยอนอูจากไป ทั้งองค์รัชชทายาทและองค์ชายยางมยอง ต่างยังทรงคิดถึงยอนอู และมิอาจลืมยอนอูได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ต่อมาองค์รัชชายาท อี ฮวาน ขึ้นครองราชเป็น พระราชา วันนึงขณะที่ฝ่าบาทเสด็จไปเยี่ยมราษฎร ได้ทรงปลอมตัวออกไปตามหมู่บ้านพร้อมองครักษ์อุน เพราะฝนตกและความมืดทำให้หลงทางจึงได้พบกับหญิงสาวงามคนนึง พระองค์จึงเข้าไปพักในกระท่อมของเธอ หญิงสาวคนนี้ไม่เพียงรูปงามเท่านั้น เธอกับมี วาทะที่เป็นเลิศทั้ง กาพย์และกลอน เพราะเธอไม่มีชื่อ พระองค์จึงประทานชื่อว่า วอล(ซึ่งแปลว่าพระจันทร์) พระองค์เกิดตกหลุมรัก วอล ผู้ซึ่งมีหลายอย่างคล้ายๆกับ ยอน อู อดีตคู่หมั้นของพระองค์ที่พระองค์คิดว่า โดนฆ่าไปแล้ว พระพันปีต้องการ พลังของธิดาเทพเพื่อทำให้ฝ่าบาทฟื้นพลังกำลัง จึงเรียกตัวธิดาเทพจางกลับวัง แต่นางไม่ยอมกลับ วอล จึงโดนลักพาตัวไปเพื่อเป็นตัวประกัน แต่เนื่องจากทุกคนเข้าใจว่า วอลคือ ธิดาเทพ ลูกสาวของ ธิดาเทพ จาง จึงนำตัว วอล เข้าไปในขณะที่ฝ่าบาทกำลังบรรทม เพื่อเป็นเครื่องราง ทำให้ฝ่าบาทฟื้นพลังกำลัง ทำให้วอลได้เข้าไปในวังอีกครั้ง
The Moon That Embraces the Sun (2012)
“The Moon That Embraces the Sun” ซีรีส์ดราม่าประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ที่ออกอากาศในปี 2012 ครองใจผู้ชมด้วยโครงเรื่องที่น่าติดตาม ตัวละครที่วาดไว้อย่างเข้มข้น และความโรแมนติกอันกว้างไกลโดยมีฉากหลังเป็นฉากหลังของราชวงศ์โชซอน ซีรีส์นี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกัน โดยติดตามความรักต้องห้ามระหว่างมกุฎราชกุมารกับลูกสาวหมอผี ซึ่งโชคชะตาเกี่ยวพันกับสายใยที่ซับซ้อนของการวางแผนทางการเมือง การแย่งชิงอำนาจ และคำทำนายโบราณ ผ่านการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ การถ่ายภาพยนตร์อันเขียวชอุ่ม และการแสดงที่โดดเด่น ทำให้ “The Moon That Embraces the Sun” กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม โดยทิ้งมรดกที่ยั่งยืนไว้ว่าเป็นหนึ่งในละครที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ของเกาหลี The Moon That Embraces the Sun (2012)
โดยแก่นของเรื่องคือ “The Moon That Embraces the Sun” เป็นเรื่องราวอมตะของความรัก ความเสียสละ และโชคชะตา ในขณะที่คู่รักข้ามดวงดาวท้าทายโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันแม้จะมีอุปสรรคที่ขวางทางก็ตาม ซีรีส์นี้นำเสนอธีมของหน้าที่ เกียรติยศ และพลังการเปลี่ยนแปลงของความรัก ท่ามกลางฉากหลังของยุคที่สับสนอลหม่านที่เกิดจากความไม่สงบทางการเมืองและพลังเหนือธรรมชาติ ผ่านการทดลองและความยากลำบากที่ตัวละครเอกต้องเผชิญ ผู้ชมจะถูกดึงดูดเข้าสู่โลกแห่งความลุ่มหลงและความหลงใหล ซึ่งความรักกลายเป็นทั้งแหล่งความเข้มแข็งและตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง The Moon That Embraces the Sun (2012)
จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของซีรีส์นี้อยู่ที่ความใส่ใจอย่างพิถีพิถันในรายละเอียดทางประวัติศาสตร์และการถ่ายทอดชีวิตในราชวงศ์โชซอนที่สดใส ตั้งแต่เครื่องแต่งกายอันวิจิตรบรรจงและพระราชวังอันหรูหราไปจนถึงพิธีกรรมและขนบธรรมเนียมอันซับซ้อนแห่งยุค “พระจันทร์ที่โอบรับดวงอาทิตย์” จะพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่โลกแห่งความยิ่งใหญ่และอลังการ ด้วยการพาผู้ชมดื่มด่ำไปกับภาพ เสียง และความรู้สึกของเกาหลีโบราณ ซีรีส์นี้สร้างประสบการณ์การรับชมที่เข้มข้นและดื่มด่ำที่กระตุ้นจินตนาการและพาผู้ชมไปยังเวลาและสถานที่อื่น kubhd
สิ่งที่ทำให้ “The Moon That Embraces the Sun” แตกต่างออกไปคือตัวละครที่น่าดึงดูด ซึ่งแต่ละคนมีความหวัง ความฝัน และการต่อสู้ดิ้นรนเป็นของตัวเอง ซึ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้งผ่านการแสดงอันโดดเด่นของนักแสดง ตั้งแต่มกุฎราชกุมารผู้สูงศักดิ์และมีความเห็นอกเห็นใจไปจนถึงลูกสาวของหมอผีผู้ร่าเริงและยืดหยุ่น ตัวละครทุกตัวเต็มไปด้วยความลึก ความละเอียดอ่อน และความเป็นมนุษย์ ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นคนจริงๆ ที่ผู้ชมสามารถเห็นอกเห็นใจและเชื่อมโยงด้วย ความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นโรแมนติก ครอบครัว หรือการเมือง ขับเคลื่อนการเล่าเรื่องไปข้างหน้า โดยผสมผสานเรื่องราวด้วยอารมณ์ การวางอุบาย และความตึงเครียด The Moon That Embraces the Sun (2012)
ความสำเร็จของ “The Moon That Embraces the Sun” ยังเป็นผลมาจากธีมที่อยู่เหนือกาลเวลาและความน่าดึงดูดที่เป็นสากล ซึ่งโดนใจผู้ชมจากหลากหลายวัฒนธรรมและรุ่นต่อรุ่น ด้วยการสำรวจความซับซ้อนของความรัก อำนาจ และโชคชะตา ซีรีส์นี้พูดถึงความจริงพื้นฐานของประสบการณ์ของมนุษย์ The Moon That Embraces the Sun (2012) เชิญชวนให้ผู้ชมไตร่ตรองชีวิตและความสัมพันธ์ของตนเอง ด้วยเรื่องราวอันยิ่งใหญ่และเสียงสะท้อนทางอารมณ์ “The Moon That Embraces the Sun” ได้ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกไว้ในใจของผู้ชมทั่วโลก สร้างแรงบันดาลใจให้กับการดัดแปลง การรีเมค และการแสดงความเคารพนับไม่ถ้วน
นอกเหนือจากคุณค่าด้านความบันเทิงแล้ว “The Moon That Embraces the Sun” ยังมีความสำคัญลึกซึ้งยิ่งขึ้นในฐานะภาพสะท้อนของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของเกาหลี ด้วยการทำให้ขนบธรรมเนียม ประเพณี และคุณค่าของราชวงศ์โชซอนมีชีวิตขึ้นมา ซีรีส์เรื่องนี้ส่งเสริมความซาบซึ้งและความเข้าใจในมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของเกาหลีมากขึ้น ผ่านการสำรวจการต่อสู้และชัยชนะของตัวละคร “The Moon That Embraces the Sun” เฉลิมฉลองความยืดหยุ่น ความกล้าหาญ และจิตวิญญาณของชาวเกาหลี โดยทิ้งมรดกที่ยั่งยืนไว้เป็นมาตรฐานทางวัฒนธรรมและแหล่งที่มาของความภาคภูมิใจของชาติ
โดยสรุป “The Moon That Embraces the Sun” ถือเป็นผลงานชิ้นเอกเหนือกาลเวลาของโทรทัศน์เกาหลี ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมในเรื่องโรแมนติกที่ยิ่งใหญ่ ตัวละครที่น่าดึงดูด และการแสดงภาพประวัติศาสตร์เกาหลีที่มีรายละเอียดมากมาย ด้วยเนื้อเรื่องที่กว้างขวาง ภาพที่น่าทึ่ง และความลึกซึ้งทางอารมณ์ ซีรีส์เรื่องนี้ยังคงดึงดูดผู้ชมทั่วโลก โดยทิ้งมรดกที่ยั่งยืนให้เป็นหนึ่งในละครที่เป็นที่รักและโดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ของเกาหลี
3.4