ดูซีรีย์ Mad for Each Other (2021) พบรักไว้พักใจ
เรื่องย่อ
เรื่องราวของคู่หนุ่มสาวที่มีเรื่องราวเจ็บปวดใจ ทั้งคู่ผ่านกระบวนการอันซับซ้อนของทั้งความเฮิร์ทและการรักษาบาดแผลในใจจนค่อย ๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นความรักต่อกัน มาติดตามชมกันได้ในซีรี่ย์เกาหลี Mad For Each Other พบรักไว้พักใจ
ผู้กำกับ
- Lee Tae-gon
บริษัทค่ายซีรีย์
- Kakao Entertainment
- S-PEACE
นักแสดง
- Jung Woo
- Oh Yeon-seo
โปสเตอร์ซีรีย์
รีวิว Mad for Each Other (2021) พบรักไว้พักใจ
⭐ ดดู
🤩 คะแนน: 8/10 ดาว
ซีรีส์เล่าเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่เพิ่งผ่านเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตมา ฝ่ายชายเป็นตำรวจที่มีอาชีพการงานที่ดีมาโดยตลอด แต่ดันเกิดเรื่องพลิกผัน ทำให้เขาเสียศูนย์ ถึงขั้นไม่สามารถระงับความโกรธของตัวเองได้ ในขณะที่ฝ่ายหญิง ที่เจอเหตุการณ์เลวร้ายจนถึงขั้นที่ทำให้เธอกลายเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ กลายเป็นคนขี้ระแวง และไม่สามารถไว้ใจใครได้อีก
• ทั้งคู่จึงกลายเป็นเหมือนคนเสียสติที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ดันมีเรื่องราวให้พวกเขามาเจอกันบ่อยมาก ทั้งรักษาที่จิตแพทย์คนเดียวกัน อยู่บ้านข้างกันอีก คนนึงระงับความโกรธได้ในระดับ 0 ส่วนอีกคนก็ยั่วโมโหได้ในระดับ 100 จึงเกิดเรื่องราวชวนหัวชวนสติแตก ที่กำลังก่อตัวเป็นความรักในแบบที่เราไม่คาดคิด จุดที่ชอบมากคือซีรีส์ค่อนข้างครบรส และไปได้สุดในทุกอารมณ์ ทั้งคอมเมดี้ ที่ตัวละครทุกตัวรับบทบาทกันได้อย่างสุดโต่ง โดยเฉพาะพระนางที่ปล่อยพลังความบ้าใส่กันแบบไม่มีกั๊ก ผลก็คือฮามากๆ ฮาความโมโหจนหน้าบูดหน้าเบี้ยวของพระเอก และฮาความโก๊ะและการวางท่าไม่รู้ไม่ชี้ของนางเอก ทุกครั้งที่พระนางทะเลาะกันมันเหมือนมวยถูกคู่ ทั้งฮา ทั้งบ้า สนุกมากๆ
ก็เลยเกิดเป็นเคมีที่ลงตัว ส่งผลให้พาร์ทโรแมนติกนั้นเวิร์คมากๆ ทำให้เราเชื่อว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันอย่างแรงจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่ความรักได้ เพราะทั้งคู่ต้องมีด้านที่อ่อนแอเหมือนกัน และการพบกันแต่ละครั้งมันเหมือนการเติมเต็มและฮีลหัวใจให้แก่กันและกันแบบไม่รู้ตัว ความฟิน ความโรแมนติก ก็ตามมาโดยอัตโนมัติ ความน่าติดตามอีกอย่างคือเรื่องราวปูมหลังของตัวละคร ที่ชวนให้เราอยากรู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พวกเขากลายเป็นแบบนี้ ซึ่งเรื่องราวของแต่ละคนนั้นสะเทือนใจมากๆ และเปลี่ยนจากความน่ารำคาญในช่วงแรก ให้กลายเป็นความน่าเห็นใจและเข้าใจ พาร์ทดราม่าจึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ซีรีส์ทำได้ดีมากๆ รวมทั้งการนำปมที่ปูมา มาเป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ของพวกเขาในช่วงท้าย ถือว่าซีรีส์มีบทที่ลงตัวมากทีเดียว น่าแปลกใจที่พระเอก จองอู เล่นซีรีส์น้อยมาก
ล่าสุดเลยก็คือบทบาทพี่ขยะใน Reply 1994 นู่นเลย ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้นั้นน่าประทับใจมากๆ กับบทบาทชายหนุ่มที่ระงับความโกรธไม่ได้ ที่สุดโต่งมากๆ บทจะโมโหก็โมโห บทจะร้องไห้ก็ร้องขึ้นมาทันที ดีงามมากๆ, ส่วนนางเอก โอยอนซอ ชอบการดีไซน์คาแรกเตอร์ของเธอมากๆ ทั้งภาพลักษณ์สาวผมหยิก ใส่แว่นดำ ทัดดอกไม้ ที่ดูบ้า แต่สวยมากๆ พร้อมทั้งบทบาทสาวขี้ระแวงจนเรารำคาญ และทำให้เราเห็นใจมากๆกับปมที่หนักหน่วงของเธอ นอกจากนี้ยังมีตัวละครสมทบอีกมากมายที่มาช่วยเสริมความสนุกให้กับเรื่องราวได้ดีมากๆโดยรวมแล้วถือว่าเป็นซีรีส์ที่ครบรสและกลมกล่อมมากๆ แม้ว่าฟอร์มจะดูเล็ก แต่ด้วยเนื้อหาที่น่าประทับใจมากๆ อีกทั้งเคมีของพระนางที่เข้าขากันสุดๆ กับจำนวน 13 ตอน ตอนละครึ่งชั่วโมง ถือว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปมากๆ
🤩 คะแนน: 8/10 ดาว
ดูซีรีย์ Mad for Each Other อีกครั้งแล้วที่เราต้องเชิดชู #พลังดารา และเป็นอีกครั้งที่มาจากงานซีรีส์เกาหลี เพียงแต่คราวนี้ เรื่องมันไม่ธรรมดา และพลังดาราไม่ได้แบกเรื่อง แต่คือการทำให้เรื่องกลายเป็นที่รัก ด้วยความที่เราเองเคยบ่นไว้สองสามครั้งได้กระมังว่า บางครั้งบางที การดูหนังดูซีรีส์มากๆเข้า จะเริ่มผ่านตาแนวทาง พล็อต ลูกเล่น และชั้นเชิงมากมายที่ถูกใส่เข้ามา บางทีก็เห็นเป็นเรื่องซ้ำๆ เป็นของเก่าเอามาทำใหม่ แต่สำหรับทางเกาหลีแล้ว ที่เรามักเห็นอยู่เรื่อยๆในช่วงหลังคือการเอาของเก่ามาทำให้ใหม่ การเอาวัตถุดิบเดิมๆมาปรุงให้เป็นอาหารฟิวชั่นที่ดูใหม่ทั้งที่มันก็คืออาหารจานเดิม แค่เติมอะไรบางอย่างลงไป แล้วก็คล้ายกับเป็นความถนัดมือของเกาหลีก็ว่าได้ที่มักจะเอาของเก่ามาเล่าให้ดูใหม่ แถมทำได้อย่างน่าประทับใจด้วย เช่นเดียวกันกับซีรีส์ที่เราตั้งตารอคอยเรื่องหนึ่ง ที่เริ่มแรกทันทีที่เห็นตัวอย่างเราเกิดมีความอยากดูอย่างมากเนื่องเพราะ นี่คืองานซีรีส์เรื่องแรกหลังจาก Reply 1994 ของ #จองอู ที่ผู้ชมจดจำได้ในนามว่า #พี่ขยะ ซึ่งจะว่าไปจากเครดิตผลงานจะเห็นว่าเขาเป็นนักแสดงสายภาพยนตร์มากกว่า ดังนั้นการมารับงานซีรีส์เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา และการมาโคจรเจอกับ #โอยอนซอ ที่เราจดจำเธอได้จากความละม้ายคล้ายคลึงกับ #คิมฮีซอน ในบท #ซัมจัง จาก “ตำนานไซอิ๋วฉบับเกาหลี”
ที่หลังจากนั้นมามีผลงานซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องคือ Love with Flaws (2019) ที่คงไม่มีใครเข้าถึงมากมายพราะไม่ค่อยมีเสียงกล่าวถึง และนอกจากนักแสดงที่น่าจดจำสองคนมาประชันกันสิ่งที่สำคัญมากคือไอเดีย ทันทีที่เราเห็นตัวอย่างทาง NETFLIX เราเอะใจและคิดไปถึงหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งที่ทำให้นักแสดงอย่าง เจนนิเฟอร์ ลอวเรนซ์ คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 2013 หนังที่เธอร่วมแสดงกับ แบรดลีย์ คูเปอร์ ผลงานกำกับชั้นเยี่ยมของ เดวิด โอ รัซเซลล์ Silver Linings Playbook (2012) คือหนังที่ว่านั้น ด้วยเรื่องของคนป่วยอาการไบโพลาร์สองคนที่มาเจอกัน เริ่มต้นด้วยการปะทะ แล้วค่อยๆผูกสัมพันธ์กัน ช่วยเยียวยาซึ่งกันและกัน กระทั่งกลายเป็นความรักที่ทำให้คนป่วยสองคน ได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ซึ่ง มันก็คงเป็นไอเดียที่มาเป็นเรื่องนี้ ที่เล่าถึงคนที่มีปัญหาทางจิตเภทที่ต้องเข้ารับการปรึกษาจากจิตแพทย์ และเมื่อคนสองคนที่อยู่ในระดับคนบ้าไปแล้วมาเจอกันจึงเริ่มด้วยการปะทะกันอย่างแรง แล้วการได้มีปฏิสัมพันธ์กันก็ค่อยๆเยียวยาซึ่งกันและกัน จนลงท้ายตามสูตร เพียงแต่เมื่อเอาแฮมเบอเกอร์มากินกับซอสโคซูจัง รสมันจึงออกมาถูกปากอย่างน่าประกลาด แม้จะมีบ้างที่แหว่งๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา #MadForEachOther
วันฝนตก ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจเพราะหน้าตาบอกบุญไม่รับนั่งรถเมล์ไปยังที่แห่งหนึ่ง แล้วเรื่องก็พาผู้ชมไปพบกับจิตแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาให้กับ #โนอวีโฮ (จองอู) การได้คุยกับหมอครั้งนี้ ผู้ชมจึงได้ทราบว่า เขาเป็นผู้ป่วยจิตเภทที่บกพร่องทางการจัดการอารมณ์โกรธ นั่นคือเขาจะโกรธง่ายฉุนเฉียวง่าย และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ระเบิดอารมณ์ออกมาโดยไม่สนว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ ตัดมาอีกทีคือการเล่าถึงเรื่องที่เขาเจอผู้หญิงเพี้ยนๆ ใส่แวนกันแดดทั้งที่ฝนตก ทัดดอกไม้ที่ข้างหู การเจอกันเมื่อความฉุนเฉียวของ โนอวีโฮ กำลังปะทุ ทำให้หญิงคนนั้นรู้สึกหวาดกลัว แล้วก่อนจะขึ้นลิฟท์ นางก็ฟาดกบาล โนอวีโฮ ด้วยร่มที่ถือมาไปหลายดอก และเรื่องก็เผยว่า เธอคืออีกหนึ่งคนไข้ที่มาปรึกษาจิตแพทย์คนเดียวกันชื่อว่า #อีมินกยอง (โอยอนซอ) ที่เป็นโรคหวาดระแวงเต็มขั้น และแน่นอนคือกลัวง่าย ถ้านั่นยังไม่พอ คนที่โกรธง่ายกับคนที่กลัวง่าย ดันมาอยู่ห้องติดกัน เขาและเธอจึงต้องเจอกันบ่อยๆ แต่เรื่องก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อความบ้าของทั้งคู่มีสาเหตุ ผู้ชมจึงทราบว่า โนอวีโฮ
คือตำรวจที่ถูกพักงานเพราะความบ้ามุทะลุของตัวเอง จนทำให้เพื่อนร่วมงานบาดเจ็บสาหัส และความฉ้อฉลในวงการตำรวจ ได้ตัดสินเขาอย่างอยุติธรรม และในสมองที่เริ่มเพี้ยนจนเป็นบ้ามีเพียงเป้าหมายเดียว ก็คือการจับคนร้ายที่ทำให้เขาตกอยู่สภาพนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และก่อนหน้านั้น จำต้องมีใบรับรองแพทย์เรียบร้อยว่า เขาไม่ได้บ้า ส่วน อีมินกยอง คือหญิงสาวที่ไปมีความสัมพันธ์กับชายที่แต่งงานแล้วโดยที่ไม่รู้ ความบอบช้ำที่ได้รับตรงนี้ก็มากพอ แต่ยังถูกซ้ำเติมด้วยความเป็นเดรัจฉานมนุษย์ของฝ่ายชาย จนทำให้เธอต้องเป็นบ้าสติแตก หวาดวิตก และต้องหนีตลอดมาจนมาอยู่ข้างห้องของคนบ้าอีกคน แต่ เมื่อความดีที่ยังเต็มเปี่ยมอยู่ข้างในลึกๆอยู่หลังความบ้าและเกี้ยวกราดของ โนอวีโฮ ความไกล้ชิด เหตุการณ์ต่างๆก็เหมือนจะนำพาให้คนสองคนมาผูกสัมพันธ์กันแบบบ้าๆ เรื่องบันเทิงจึงตามมา และหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องตามสูตรที่ต่างฝ่ายต่างเยียวยาซึ่งกันและกัน จนกระทั่ง แม้จะไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่ระหว่างทางไปจนสุดท้าย ก็มอบความบันเทิงที่มีเนื้อมีหนังให้หัวใจสัมผัสได้อย่างเต็มที่ #งานตามสูตรที่เล่าด้วยไอเดียสุดเจ๋งจะว่าไปนี่ไม่ใช่งานเขียนบทที่เนี้ยบเฉียบทุกอณู เพราะยังมองเห็นริ้วรอยความง่าย
และการละไว้ให้ผู้ชมอาจจะเข้าใจในบางเรื่อง ซึ่ง แม้จะพอรับได้มันก็กลายเป็นบาดแผล แต่ สิ่งที่ทำให้งานชิ้นนี้ออกมาเป็นงานที่ผู้ชมดูสนุก และผู้ชมต้องรักคือไอเดียที่สุดเจ๋งที่ ผู้ชมซื้อไปหมดทั้งใจ เมื่อเล่าเรื่องของเมื่อฝนตก (ขี้หมูไม่ไหล) ทำให้คนบ้ามาพบกัน เมื่อความบ้ามาเจอกับความบอ ความเพี้ยนกับความเพี้ยนมาปะทะกัน เรื่องมันก็บันเทิงอย่างที่เป็น แต่ถ้าจะมาแค่นั้น นั่นอาจไม่ใช่เกาหลี เมื่อความถนัดเฉพาะทางของเกาหลีคือความหมายระหว่างบรรทัด เป้าหมายหลังเป้าหมายที่มีมาให้เห็นอยู่เสมอ เรื่องเลยมีพื้นฐานที่ค่อนข้างมีน้ำหนักในการอธิบายความบ้าของคนสองคน และแน่นอน เรื่องมันเป็นไปตามสูตรสำเร็จ เมื่อพระเอกกับนางเอกเป็นคนบ้าสองคนที่มีความต่างคนละขั้วมาเจอกัน เป้าหมายที่ตั้งไว้คือการจะพาคนบ้าสองคนมารักกันในตอนท้าย ซึ่งมันต้องผ่านเหตุการณ์วัดใจในเรื่องความรักหรือเรื่องของอาการป่วยตามสูตร และแน่นอนคือเรื่องของความรักที่ค่อยๆก่อตัว แล้วกลายเป็นการเยียวยา การเติมเต็มหนุนส่งกันในการผ่านพ้นอาการป่วย ซึ่งในส่วนนี้คือส่วนที่ประเสริฐที่สุดของเรื่อง นั่นคือพัฒนาการ เมื่อผู้ชมจะค่อยๆเห็นด้วยตาว่า คนสองคนที่บ้าสุดขีดในช่วงต้น ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรม และค่อยๆแง้มประตูใจ จนกระทั่งถอดสลักหัวใจซึ่งกันและกันได้
และต้องให้เครดิตกับการเขียนบทอย่างเต็มหัวใจในส่วนนี้ และมันจึงทำให้เรื่องนี้ มีทั้งเสียงหัวเราะด้วยความตลกขบขัน รอยยิ้มที่อิ่มเอม และซาบซึ้งดึงน้ำตา เรียกได้ว่า เป็นงานรอมคอตามสูตรที่ครบเครื่องถึงฟอร์ม กระนั้นนั่นเป็นเพียงส่วนหน้าที่ตั้งใจมาโชว์ เบื้องหลังที่ตั้งใจมาให้คิด นั่นคือทัศนคติของครอบครัวที่ส่งผลต่อภาวะจิตใจ ที่สื่อให้เห็นผ่านตัวละครพ่อแม่พระเอก และตัวละครแม่นางเอก โดยเฉพาะแม่สองคนที่เหมือนอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ ถ้านั่นยังไม่พอ ยังตบหน้าสังคมกลายๆด้วยการวางพื้นฐานน้ำหนักของตัวละครทั้งพระเอกนางเอกให้มีเรื่องย่อยเป็นของตัวเอง เป็นปมที่ต้องเคลียร์ เป็นกำแพงที่ต้องทลายออกไป ซึ่ง มันคือเรื่องที่ว่ากันถึงปัญหาความรุนแรงต่อสตรีในสังคมเกาหลีที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และเรื่องการค้ายาที่พัวพันกับการทุจริตในวงราชการของเจ้าหน้าที่ แล้วยังเล่าได้อย่างเร้าใจ มีมิติ เพียงแต่อาจจะเว้าแหว่งไปไม่ใช่น้อย เมื่อยังเห็นรอยแผลที่ไม่ได้อธิบาย แต่เลือกให้ผู้ชมเข้าใจเอาเอง แต่ก็อภัยได้ เมื่อองค์ประกอบหลักมันกลมกล่อมลงตัว และอีกส่วนที่เรามองว่าเยี่ยม คือการเลือกเล่าเรื่องของเพศทางเลือก การเรียกร้องการยอมรับในตัวพวกเขาผ่านตัวละครที่ความจริงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่อง หรือตัดออกไปก็ไม่เสียหาย แต่เลือกใส่มาเพื่อให้มีเสียงของคนที่เป็นเพศที่สาม และที่น่าทึ่งคือไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน
Mad for Each Other กลับกันผู้ชมกลับจะรักและเห็นใจตัวละครที่ใส่มาทั้งตัวผู้ชายข้ามเพศและน้องร้านสะดวกซื้อ มันคือการฝังเรื่องที่อยากร้องดังๆบอกให้สังคมได้รู้ได้อย่างแนบเนียน มันจึงทำให้งานด้านบทที่อาจไม่เป๊ะเต็มร้อยกลายเป็นงานที่น่าจดจำ และเสียดายที่สั้นไป(ไม่)หน่อย #ความรักและความเข้าใจที่สามารถถอดสลักประตูใจได้ นี่ความบ้าบอที่สุดถ้าว่ากันที่ไอเดียที่ฉาบหน้า แล้วตามมาด้วยการเลือกที่จะใส่ความหมายแฝงเรื่องของความรักและความเข้าใจในการมองผู้ป่วยทางจิตไว้ข้างหลัง ด้วยการเล่าเรื่องของคนที่สติสตังค์ไม่ค่อยเต็มมาเจอกัน แล้วทำให้คนสองคนที่ปะทะกันในตอนแรก ค่อยๆเปลี่ยนไปเพราะหัวใจได้เปิดรับความต่างเข้ามา เพราะเรื่องต้องการให้ผู้ชมสัมผัสได้ด้วยใจ เลยจำต้องให้เห็นด้วยตาก่อนว่า จะสื่อถึงคนสองคนที่มีความต่าง เป็นคนป่วย เป็นคนที่สติไม่เต็มเต็ง และตกหลุมรักกันทั้งที่มีอาการทางจิต จนสุดท้ายผ่านพ้นมรสุมชีวิตไปด้วยกัน และมันคือหนังตามสูตรเป๊ะ ทว่า ระหว่างทางผู้ชมได้เห็นด้วยสายตาว่า ความรักเท่านั้นที่จะสามารถเปิดประตูใจของคนที่หัวใจปิดล็อคแน่นได้ เพราะบางทีความต่างกันสุดขั้วก็ใช่ว่าจะประสานกันไม่ได้ เช่นที่เห็นกันชัดเจนในเรื่องนี้ที่หนึ่งความความเกรี้ยวกราด อีกหนึ่งคือความหวาดกลัว หนึ่งคือการควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้
กับอีกนึ่งคือตัวกระตุ้นอารมณ์โกรธ แต่ เมื่อโลกนี้ไม่มีหมาแย่ และหมาก็ยังคงเป็นหมาที่มีสิ่งทีมนุษย์ไม่มี ซึ่งมันคือพื้นฐานความดีที่มีในตัวคนบ้าคนหนึ่ง ทำให้การปะทะกันทุกวันระหว่างหมาบ้ากับคนบอก็คือสิ่งที่เป็นการค่อยๆเปิดแง้มบานประตู จนการได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ได้เรียนรู้บางอย่างซึ่งกันและกัน กลอนประตูจึงเปิด ชีวิตที่เหมือนจะต่างก็กลายเป็นหยินกับหยางที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน แน่นอนมันต้องลงเอยที่ความรัก และความรักนั้นก็แผ่ความหวังดีที่ไม่ต้องซับซ้อน ตามที่สมองที่ไม่ปกติเหมือนคนทั่วไปจะคิดได้ มันจึงไม่ต่างจากการเยียวยาหัวใจที่เจ็บปวดรุนแรงของคนทั้งสอง และถ้าจะให้เจาะจงลงไป ความปวดร้าวหัวใจจนเป็นบ้าของฝ่ายหญิงดูร้าวลึกรุนแรงกว่า เพราะมันคือการกระทบกระเทือนจากความรัก หากแต่เมื่อความรักเป็นพิษ ยาที่จะรักษาก็ย่อมเป็นความรัก ทั้งนี้เพราะ ความรักเป็นได้ทั้งยาพิษและยาถอนพิษ ความรักเป็นได้ทั้งไฟที่เผาผลาญหัวใจและสายน้ำรินไหลให้ช่วยดับร้อน กระนั้นความรักระหว่างหนุ่มสาวอาจจะยังไม่พอ เมื่อความจริงนั้น สถาบันครอบครัวคงต้องเป็นหน้าด่านที่ต้องคอยรักษาเยียวยา และในความเป็นจริง กำลังใจจากคนรอบข้างในวันที่อ่อนล้าสิ้นแรง ในวันที่ล้ม หรือกระทั่งในวันที่ป่วย คือยาดีที่สุดที่สามารถบรรเทาได้ และสิ่งนี้เองที่ฝ่ายชายมี แต่ฝ่ายหญิงไม่มี
นั้นคือการยอมรับและให้กำลังใจ สื่อความหวังดีออกมาในทางบวก ไม่ใช่สื่อออกมาในทางลบเหมือนกับทางฝ่ายหญิง แม้สุดท้าย ทั้งสองคนจะสามารถก้าวข้ามไปได้ด้วยดี จบอย่างลงตัว แต่บางครั้ง เรื่องบางประการก็มีอะไรให้ได้ฉุกคิด เพราะนี่คือเรื่องที่สามัญอีกเรื่องหนึ่งของโลก#บางทีอาจมีแค่เราที่ปกติและคำพิพากษาของของสองเราหากเรื่องนี้จะมีเรื่องที่ลึกลงไปอีกนั่นคงเป็นเรื่องของความปกติของคนปกติ กับความปกติของคนบ้า แล้วตั้งคำถามว่า ใครกันที่บ้า ใครกันที่ปกติ แต่หากนึกดูดีๆ คนที่ปกติอาจเป็นคนที่ใครๆก็ว่าบ้าก็ได้ เมื่อตัวละครรายล้อมที่ไม่ได้เข้ารับการรักษา ต่างมีอะไรเพี้ยนๆต่างกันไป เมื่อคนสองคนที่ว่าบ้า อาจบ้าในพฤติกรรมบางอย่างเท่านั้น แต่ทุกอย่างกลับอยู่ในรูปในรอย เพราะไม่ได้เดินแก้ผ้าโทงๆกลางถนน อาจมีระเบิดบ้างเมื่อถูกกระตุ้น แต่นั่นกลับถูกมองว่าเป็นคนบ้า แต่มนุษย์บางจำพวกที่ชอบสอดส่องเรื่องชาวบ้าน ขี้เหล้า หรือชอบคอมเมนต์เชิงลบไนเน็ต มองคนอื่นในมุมตัวเองเสมอไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจเรา เช่นเดียวกับแก๊งสามแม่ครัวสมาคมสตรี นี่หรือคือคนปกติ ชายที่หลอกลวง และทำร้ายผู้หญิงโดยใช้ความรักมาเป็นฉากบังหน้า นี่หรือคือคนปกติ และยิ่งชัดเจนเมื่อชายที่คนอื่นเรียกว่าหมาบ้า กลับให้เกียรติและไม่ทำร้ายผู้หญิง
เมื่อรักแล้วยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก นี่หรือคือคนบ้า อดีตคู่หมั้นที่กล้าพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย กล้าพูดจาดูหมิ่นให้คนอื่นรู้สึกแย่เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี นี่หรือคือคนปกติ แต่ภาพสะท้อนของหญิงที่เป็นบ้ากลับไม่ทำอะไรซับซ้อน ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็พูดตรงๆ อาจมีบ้างทำร้ายจิตใจคน หากแต่ก็ไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี และมันคือความสัตย์ซื่อ นี่หรือคือคนบ้า และเรื่องก็มีเรื่องนี้เองที่เป็นพื้นฐาน เป็นฐานรากที่แข็งแกร่งให้เรื่องที่เดินไปด้วยความรวดเร็วมีพลังอยู่เสมอ เพราะแม้จะเป็นผู้ชมเอง หากลองมองดูดีๆ พวกเราเองต่างหากที่มีพฤติกรรมที่ไม่เข้ารูปเข้ารอย และความไม่ปกติของพวกเขา พวกเราคือคนพิพากษาตัดสินพวกเขาอย่างที่ใจเราสั่งหรือไม่ เช่น โนอวีโฮ ที่ถูกพิพากษาจากกระบวนการความฉ้อฉลของเพื่อนร่วมอาชีพ การถูกกระทบกระเทือนทางใจจากเพื่อนร่วมงานคือเชื้อปะทุให้สติหลุด ยิ่งกับ อีมินกยอง ยิ่งชัดเจน เมื่อความเป็นผู้หญิงในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่อย่างเกาหลี ไม่ได้ถูกมองให้เป็นอย่างที่เป็น แค่กระทู้ในโลกออนไลน์ก็ทำร้ายคนได้ แถมยังมีคนที่ไม่พยายาม ไม่สนสี่สนแปดที่จะรู้ความจริง หรือไม่แม้แต่จะคิดว่า เธอก็คือมนุษย์ที่ถูกระทำเยี่ยงสัตว์จากผู้ชายใจสัตว์ แต่กลับถูกพิพากษาจากสังคมออนไลน์ที่เป็นใครก็ไม่ทราบได้ แค่อำนาจการตัดสินคนอยู่ที่นิ้ว หาใช่อยู่ที่สมองหรือหัวใจ แล้วเช่นนี้ ใครกันแน่ที่ปกติ และใครกันแน่ที่ไม่ปกติ
#การแสดงระดับมาสเตอร์พีซที่จะทำให้ผู้ชมรักคนบ้า ถ้าว่ากันที่ตัวละคร นี่คือบทที่มีมิติที่หลากหลาย ท้าทาย และลึกมากในเรื่องของตัวละครเรื่องหนึ่งได้เลย โดยเฉพาะตัวละครหลักสองคน ซึ่ง การจะแสดงให้ผู้ชมเชื่อว่าเป็นคนบ้าๆบอๆโดยที่ไม่ให้จับได้ว่าเป็นการแสดงนั้น ไม่ใช่เรื่องงายแน่นอน และอย่างแรกที่ต้องชมเลยคือการเลือกเอา จองอู ที่บทบาททางซีรีส์ค่อนข้างน้อย และไม่ใช่คนที่หล่อวัวตายควายล้มมาแสดงเป็น โนฮวีโอ ตำรวจผู้มีปมในใจ เพราะจากบทบาทที่ผ่านมา ผู้ชมจะจดจำเขาได้จากบทพี่ขยะที่ความจริงไม่ใช่คนหล่อมาก แต่ดูเป็นมิตร จริงใจ และอบอุ่นเสียมากกว่า ทำให้เขาได้เปรียบตรงที่ไม่มีภาพจำอื่นนอกจากชายที่อบอุ่นคนนั้น ซึ่ง มันตรงเป๊ะกับความเป็น โนฮวีโอ ที่เป็นคนแบบเดียวกันในเวอร์ชั่นไม่ค่อยเต็ม แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่ทำให้ตัวละครของเขาออกมาอย่างที่เห็น ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการแสดงในระดับที่สุดจัดของ จองอู ในการรับบทเป็นคนบ้า คนเพี้ยน คนที่มีแผลใจอย่างลึกซึ้ง ที่แสดงออกผ่านความเกรี้ยวกราด แต่สายตายังเห็นว่าในความเกรี้ยวกราดนั้นยังมีแววแห่งความอบอุ่นอยู่ข้างใน ไมใช่ความเลวร้าย และกลายเป็นผู้ชายที่อบอุ่นจิตใจดีในเวลาต่อมา เช่นกันกับ โอยอนซอ ที่มาในลุคของ อีสมทรง จากหนังไอ้ฟักอย่างบังเอิญ ขาดแค่ชุดแดงกับร้องลิเกเท่านั้น เมื่อมาในเมคอัพที่ไม่เน้นสวย แต่ความเพี้ยนทำให้มั่นใจว่า “ฉันสวย” ด้วยแว่นกันแดดสีดำ ดอกไม้ที่ทัดหู สายตาท่าทางเพี้ยนเต็มทุกมิติ เป็นอีกครั้งที่เกาหลีเอาคนสวยมาทำให้เรื้อนได้อย่างน่าประหลาดใจ
ความที่เป็นคนที่วิตกจริตสุดขีด สายตาจึงสับสนหวาดกลัวในช่วงแรก Mad for Each Other จนกลายมาเป็นสายตาที่มีความหวังเมื่อความรักอยู่เต็มหัวใจ และถ้ายังไม่พอความเจ็บปวดที่สาหัสก็สามารถสื่อออกมาได้ผ่านสีหน้าและแววตาที่น้ำตาเอ่อขอบตาแดงก่ำ ฉากระเบิดอารมณ์เช่นคนบ้าที่สติเตลิดเปิดเปิง โอยอนซอ ทำให้ผู้ชมเชื่ออย่างหมดหัวใจ และแน่นอนว่า เขาและเธอทำให้ผู้ชมเห็นพัฒนาการของตัวละครที่ชัดเจน เมื่อเริ่มจากความบ้าจนแทบคลั่ง แล้วค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปผ่านการปรึกษาหมอ จนกระทั่งหายเป็นปกติ พัฒนาการเหล่านี้ถูกถ่ายทอดด้วยการแสดงในระดับ #มาสเตอร์พีซ ของคนทั้งสอง ทั้งเรื่องของการแสดงและการเข้าคู่รับส่งกันที่ลงตัวที่สุด ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็คือดีเท่าที่เป็น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว คนที่ดูดีเรื่องการแสดงอย่างไม่น่าเชื่อนอกจากพระนางคือ #ซูฮยอน ที่เป็นนักร้องเสียงดีที่รับบทเป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่เป็นสื่อกลางของบางเรื่องราว และการแสดงเรื่องแรกที่ไม่น่าเชื่อว่า แม้หน้าตาจะไม่สวยแบบพิมพ์นิยม แต่ก็มีพลังงานประหลาดที่สะกดสายตาผู้ชมได้ ไม่นับฉากที่ได้โชว์เสียงร้องเพลง ซึ่งโดยรวมแล้ว แม้ตัวบทจะไม่เนี้ยบไปทุกอณู แต่สำหรับด้านการแสดง นี่ต้องเป็นการแสดงในระดับที่ต้องเป็นที่จดจำ และผู้ชมต้องรัก และเป็นแรงพลังให้เรื่องที่เป็นไปตามสูตรสำเร็จนี้ มีรายละเอียดระหว่างทางที่อิ่มเอม
Mad for Each Other ดูแล้วสุขในหัวใจสารภาพตามตรงคือนี่คืองานซีรีส์ที่เราตั้งใจและรอคอยเรื่องหนึ่ง เพราะเราต้องการดูนักแสดง จองอู ที่ไม่ค่อยมีงานซีรีส์ให้ดูมากมายเท่าคนอื่น ถัดมาคือความน่าสนใจในเรื่องของไอเดีย ซึ่ง เราเองมองว่าเหตุที่เรื่องนี้มันได้ใจผู้ชมทั้งที่ตัวงานไม่ได้ละเอียดนัก เก็บฝีเช็มไม่หมดด้วยซ้ำ สิ่งนั้นคือ แรกเลยคือเรื่องของไอเดียที่ขายไอเดียขาด ผู้ชมซื้อแบบเหมาหมด ด้วยเรื่องบ้าบอของคนบ้ามาเจอกันและช่วยเยียวยา ต่อมาคือการต่อยอดไอเดียที่ว่าที่อาจดูซ้ำๆ แล้วเอามาใส่ดราม่า ใส่ประเด็นหลังประเด็น ปรับบริบทให้มีความเป็นเกาหลี ซึ่งมันคือเรื่องที่เก่งและฉลาดในการเอาเรื่องเก่าเก็บมาเล่าให้ดูสดใหม่ ด้วยขนาดของงานที่ไม่ใหญ่มากนัก ตัวผู้เล่นไม่กี่คน ไม่ได้ออกจากพื้นที่ไปไหนไกล ไม่ได้มีผลกระทบรุนแรงต่องสังคมในเรื่องมากมาย แต่กลายเป็นดีเพราะมันทำให้ผู้ชมโฟกัสไปที่ตัวละครอย่างเต็มที่ ซึ่งมันคือความตั้งใจของบทอยู่แล้วที่จะให้เป็นเช่นนั้น และจุดนี้จัดว่าเยี่ยม จึงจัดว่านี่คืองานที่ถึงฟอร์มทางด้านงานสร้างถ้าวัดกันที่ขนาดของเรื่อง
และคืองานที่ท็อปฟอร์มถ้าว่ากันที่สิ่งที่ต้องการจะเล่าหรือต้องการสื่อ และการเขาไปนั่งในใจผู้ชม แต่หากจะว่ากันที่ความเนี้ยบ เรื่องนี้ยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นงานชั้นยอดที่ดูได้ ดูดี ดูเพลินและสะกิดใจให้เห็นอะไรบางอย่าง แล้วถ้าการดูซีรีส์สักเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเป็นสิบตอน ทำให้ผู้ชมหัวเราะด้วยความขบขัน โกรธขึ้งชิงชังกับพฤติกรรมมนุษย์บางคนที่เป็นปฐมเหตุแห่งความบ้า คับแค้นเห็นใจในโชคชะตา สงสารในความอับจนหนทาง เอาใจช่วยให้ความรักได้เยียวยาอาการป่วย โดยที่ระหว่างนั้นมีรอยยิ้มและน้ำตาที่มีที่มาจากความซาบซึ้งอิ่มเอม และลงท้ายด้วยความสุขใจเมื่อทุกเรื่องราวจะผ่านไปด้วยความรักที่บริสุทธ์ เพราะเมื่อการบ้ามาจากเพราะรักเธอ ก็หายบ้าได้เพราะรักเธอเช่นกัน เมื่อการดูแล้วมีอารมณ์ร่วมให้หัวใจสัมผัสได้ขนาดนี้ คงปฏิเสธหัวใจไม่ให้รักเรื่องราวของคนบ้าที่บ้าบอพอตัวเรื่องนี้ได้ เพราะบางทีอาจไม่ต้องไปถามหาความสมบูรณ์แบบมากมาย แค่การได้เห็นภาพที่ประทับใจ แม้สมองจะยังสั่งไว้ให้บอกว่า นี่ยังไม่ใช่งานที่สมบูรณ์แบบ มีอะไรที่ยังขาดอยู่อีกมากมาย แต่หัวใจกลับบอกว่า นี่คืองานที่ต้องหลงรักเรื่องราวของคนบ้าทั้งสองคนจนหมดใจ
ซีรีย์ที่คล้ายกัน
Forecasting Love and Weather (2022)
My Man Is Cupid (2023) ปิ๊งรักนายคิวปิด
Perfect Marriage Revenge (2023) วิวาห์ลวง ชวนให้รัก