ดูซีรีย์ Hospital Playlist เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์
เรื่องย่อ
Hospital Playlist ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของแพทย์ทั้ง 5 คน ที่เป็นเพื่อนสนิทกันมา 20 ปี และใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายในโรงพยาบาล ซีรีส์เรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของแพทย์ในแต่ละวัน รวมถึงชีวิตของผู้ป่วยในโรงพยาบาล
ผู้กำกับ
- Shin Won-ho
บริษัทค่ายซีรีย์
- Egg Is Coming
- CJ ENM
นักแสดง
- Jo Jung-suk
- Yoo Yeon-seok
- Jung Kyung-ho
- Kim Dae-myung
- Jeon Mi-do
โปสเตอร์ซีรีย์
รีวิว Hospital Playlist เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์
🤩 คะแนน: 6/10 ดาว
ละมุนหัวใจในทางที่แตกต่าง เมื่อเรื่องทางการแพทย์ถูกเล่าในความสวยงามของโลก และความงดงามของอาชีพ ที่มองเห็นอารมณ์เชิดชู มีความเป็นมนุษย์กว่าที่เคย แต่โดดเด่นเรื่องมิตรภาพที่แสนประทับใจNETFLIX : 1 Season 12 Episodes (2020)เชื่อเหลือเกินว่า ในชีวิตของคนดูหนังดูซีรีส์ จะต้องมีบ้างไม่มากก็น้อยที่มักจะมองข้ามหนังหรือซีรีส์บางเรื่องราวไปด้วยเหตุผลส่วนตัวของใครก็ของมัน เราเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อมีบางครั้งเราก็เลื่อนผ่านงานหนังหรือระยะหลังก็เป็นงานซีรีส์ไปด้วยเหตุผลส่วนตัว จนเมื่อได้ตัดสินใจเปิดใจดูโดยลืมเหตุผลที่ว่านั้น ก็กลับกลายมาเป็นว่า หลายครั้งที่กลายเป็นว่า #ไปอยู่ไหนมาเพิ่งได้ดู ซึ่ง เราคงต้องบอกว่าเราก็อยู่บ้านนี่ล่ะ เพียงแต่เราไม่ยอมเปิดหัวใจตนเองเท่านั้น และมีงานซีรีส์แนวหนึ่งที่เราเองมักจะเว้นไว้ก่อนเสมอคืองานซีรีส์แนวการแพทย์ ที่เรามักจะเลื่อนผ่าน กระทั่งรอจนไม่มีอะไรดูแล้วจึงได้มาเปิดดู เนื่องเพราะเรามักจะไม่ค่อยอยากเห็นภาพการผ่าตัดหรือการรักษาโรคที่น่าหดหู่ ยิ่งช่วงหลังเราเองต้องมีอันได้พบกับคุณหมอและคุณพยาบาลบ่อยๆด้วยแล้ว ชีวิตจริงเลยพาลมากระทบกับความต้องการดูซีรีส์อย่างช่วยไม่ได้ อีกอย่างคือสมองของเราเริ่มจะไม่ทันกับศัพท์แสงทางการแพทย์ ที่มักมาแบบจัดเต็มให้ชวนวิงเวียนศีรษะ เลยกลายเป็นว่า
ซีรีส์การแพทย์นั้นสำหรับเราแล้ว เว้นได้ก็ละไว้ก่อน แล้วค่อยมาดูทีหลัง เช่นเดียวกับงานซีรีส์ที่เราเพิ่งได้ดูจบลงไป ที่นับเป็นงานที่มีเสียงชื่นชมปากต่อปากว่าดี แต่ เสียงร่ำลือหรือรีวิวที่ดีไม่ได้มีผลกับเรามากนักในการตัดสินใจ และเราเองตั้งไว้ใน My List ได้เป็นปีแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดดูสักที เพราะเหตุผลข้างต้น ทว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้ข่าวจากท่านผู้อ่านว่างานซีรีส์เรื่องที่ใครๆก็ว่าดีเรื่องนี้นั้น กำลังจะมีซีซันสอง ซึ่ง นั้นหมายความว่า มันต้องมีดีอะไรสักอย่างที่ทำให้สตูดิโอสร้างซีซันต่อมาได้ และเมื่อเราเพิ่งดูงานที่บริหารสมองอย่างหนักหน่วงมาแล้วจาก Mouse ที่ใช้พลังงานทางสมองสิ้นเปลืองอย่างหนัก เราเองก็อยากหาอะไรที่เป็นทางที่แตกต่าง ก่อนที่จะเริ่มดู Taxi Driver ที่กะว่าคงจะจบครบทุกตอนทันกันพอดี เราจึงตัดสินใจดู และก็ได้รู้ว่า การที่ต้องมีซีซันสองเป็นเพราะสาเหตุไหน และระหว่างทางที่ผ่าน สิ่งที่ได้คืออารมณ์ที่หลากหลาย สัมผัสถึงมิตรภาพที่ละมุนละไม ผ่านการเล่าเรื่องที่มอบหมอที่เป็นหมอจริงๆที่เป็นมนุษย์ เพราะแม้จะเป็นหมอ อย่างน้อย พวกเขาก็ยังต้องมีชีวิตในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่ง มันลงตัวในทุกมิติ ถ้าไม่นับตอนจบของซีซันนี้ที่ปล่อยปลายให้ไปต่อ จนกระทั่งถ้าไม่ได้ข่าวว่ามีการสร้างซีวันสอง อาจมีอาการหงุดหงิดหลังดูจบ และในที่สุด เราเองก็ต้องมานั่งรำพึงกับตัวเองว่า “ทำไม่กูพึ่งมาดูตอนนี้” #HospitalPlaylist
โรงพยาบาลยุลเจ กำลังจะมีการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ เมื่อประธานของโรงพยาบาลป่วยหนักและจากไป การหาทายาทผู้จะมาบริหารโรงพยาบาลในภาพรวมก็เริ่มขึ้น ทว่า ตัวประธานเองที่มีลูกหญิงชายห้าคนก็เลี้ยงลูกมาอย่างดี และคาดว่าคงเลี้ยงตามหลักศาสนาที่ครอบครัวท่านนับถือ พระเจ้าเลยมองเห็นความดีงามนั้น จึงรับบุตรธิดาของประธานไปเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า เมื่อบุตรสองคนเดินเข้าสู่การเป็นบาทหลวง และธิดาสองนางเดินเข้าสู่การเป็นแม่ชีในคริสต์ศาสนา ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่บุตรคนเล็กที่เป็นกุมารศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลอื่นคือคุณหมอ #อันจองวอน (#ยูยอนซอก) ที่รู้ตัวเองว่า ตนไม่ได้มีความสามารถในการบริหาร และตนมีความสามารถในการช่วยชีวิตเด็กๆในฐานะหมอมากกว่า เขาจึงยกหน้าที่บริหารให้กับผู้จัดการโรงพยาบาลที่เป็นเพื่อนตั้งแต่เยาว์วัยของแม่ แต่มีข้อแม้ว่า เขาจะรวมทีมแพทย์เฉพาะทางมาอีกนอกจากเขาคือหนึ่ง คุณหมอ #แชซงฮวา (#จอนมีโด) ศัลยแพทย์ประสาท สองคือคุณหมอ #อีอิกจุน (#โจจองซอก) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการปลูกถ่ายอวัยวะ สามคือคุณหมอ
#คิมจุนวาน (#จองคยองโฮ) ศัลยแพทย์ทรวงอก และสุดท้าย คุณหมอ #ยางซอกฮยอง (#คิมแดมยอง) สูตินรีแพทย์ รวมทีมกันมาเพื่อดูแลคนไข้รวมถึงวอร์ด VIP ที่มีวัตถุประสงค์บางอย่างของคุณหมอ อันจองวอน และทั้งห้าคนก็คือเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแพทย์ การรวมตัวกันในโรงพยาบาลเดียวกันก็เหมือนการคืนสู่เหย้าที่ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก แต่เมื่อได้มารวมกันแล้ว สิ่งที่ตามมาคือมองเห็นมิตรภาพที่งดงามของเพื่อนสนิทอยู่เบื้องหลังการทำหน้าที่แพทย์ผู้มีจรรยาบรรณ และความงดงามของอาชีพแพทย์ผ่านการช่วยชีวิตผู้ป่วย และการรักษาผู้ป่วยด้วยความใส่ใจ ตามบุคลิกของคุณหมอแต่ละคนที่แตกต่าง และทำให้ภาพของแพทย์และพยาบาลออกมาในมุมของการเชิดชูกลายๆ แต่ ทุกเรื่องราวรายทาง แม้จะมีบ้างที่ต้องสูญเสียไม่ใช่จะจบลงสวยงามทุกเรื่อง แต่นั่นก็คือความจริงของชีวิต ที่ทำให้งานที่ไม่มีพระเอก ไม่ตัวตัวร้าย ไม่มีดราม่าเป็นนิยาย กลายเป็นความธรรมดาสามัญที่ผู้ชมสัมผัสได้ด้วยใจตลอดทาง
#เมื่อความหลากหลายของมิติทางอารมณ์มาพร้อมความเป็นมนุษย์ของเหล่าคุณหมองานที่เป็นการร่วมมือกันอีกครั้งของผู้เขียนบท #อีอูจอง และผู้กำกับ #ชินวอนโฮ จากซีรีส์ตระกูล reply จึงสัมผัสได้ถึงลายเซ็นที่เข้มจนเป็นตัวหนา การเล่าเรื่องของมิตรภาพระหว่างเพื่อน โดยมีเพื่อนสาวเป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง แล้วเล่าผ่านเหตุการณ์ยิบย่อยรายทางที่เยอะ แต่ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องที่เป็นปัจเจก เป็นเรื่องสามัญ และสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ซึ่ง อาจมีบ้างที่เรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้ลงเอยสวยงาม แต่ก็คือเรื่องที่เป็นความจริงในโลก ทำให้เรื่องไม่ออกไปโทนนิยาย หรืออาจบางทีอาจรวมงานอย่าง Prison Playbook ไปด้วยก็ย่อมได้ เมื่อลายเซ็นผู้กำกับชัดจนมองเห็นการเล่าเรื่องย่อยให้สัมพันธ์กันในภาพใหญ่ แล้วไม่ว่าจะดึงอารมณ์ความสงสัยในใจผู้ชมไปในทางไหน บทสรุปก็จะออกมามีความเป็นมนุษย์เสมอ และสิ่งเหล่านั้นเอง ได้สร้างภาพงานซีรีส์ทางการแพทย์ที่ดูสมจริง ได้มอบหมอที่เป็นมนุษย์ หาใช่หมออัจฉริยะหรือซูเปอร์ด็อกเตอร์ใดๆ แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่เจ็บได้ร้องให้เป็น มีหัวใจ มีความรักได้ มีเส้นแบ่งระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว มีเหน็ดเหนื่อย มีกินข้าวกินเหล้าเมาแล้วเรื้อน มีชิวิตส่วนตัวที่ต้องแลก และสิ่งที่ทำให้บทไม่ล้นไปจนเกินจริงก็คือความเป็นมนุษย์เหล่านี้ เมื่อทุกการรักษา ทุกอาการป่วยล้วนเป็นอาการป่วยทั่วไปไม่มีโรคพิสดาร และแน่นอนว่าเมื่อเป็นเรื่องของการรักษาผู้ป่วยที่หลากหลาย ทุกเพศทุกวัย อารมณ์จึงออกมาหลากหลายตามนั้น
เพราะเห็นชัดเจนในเบื้องหลังของการป่วยที่กระทบจิตใจผู้ป่วยเองและญาติ ส่วนการรักษาจะออกยังไงนั้น ล้วนแต่กระทบต่อหัวใจของผู้ชมในทุกเรื่อง และเช่นเดิมที่ผู้ชมที่จะสัมผัสมิติไหนได้มากกว่ากันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิต แต่อย่างน้อยต้องมีสักเรื่องที่สัมผัสได้ด้วยใจ เพราะเรื่องเหล่านั้นมีครบทุกมุม และทุกมุมล้วนมีพื้นฐานจากความรักและความเสียสละ ทั้งในมุมของสามีภรรยา คู่รักคู่ชีวิต มุมของพ่อแม่ที่มีต่อลูก หรือกระทั่งมุมของลูกที่มีต่อพ่อแม่ และแน่นอน แง่มุมของมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่ยั่งยืน ซึ่ง หลายต่อหลายครั้งอาจมองดูว่าเป็นการเชิดชูความงดงามของอาชีพหมอที่ต้องมีทั้งหัวใจและจรรยาบรรณ หรืออาจบางทีบทสรุปในเรื่องราวปลีกย่อยส่วนใหญ่ออกมาในมุมที่โลกสวย แต่ บทยังดีพอที่จะคุมเกมไว้ไม่ให้ดูจงใจ เพราะยังมีภาพบางอย่างฉายให้เห็นว่า ในดีมีเลว เมื่อมีหมอดีก็มีหมอที่แย่เช่นกัน และแม้จะเป็นหมอที่เก่งปานใด ก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทุกคน และคนที่ต้องก้าวข้ามให้ได้นอกจากญาติผู้ป่วย ก็คือตัวหมอเองที่ต้องผ่านไปให้ได้ มันจึงมอบหมอที่ดูเป็นมนุษย์ธรรมดาที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่ดูมาได้เลย ซึ่ง รายละเอียดปลีกย่อยที่มีความหมายเหล่านี้ และเป็นลายเซ็นที่สัมผัสได้มอบความอบอุ่นหัวใจให้ผู้ชมของผู้กำกับ ด้วยรายละเอียดที่เก็บได้หมดทุกประเด็น และมีตอนจบที่ทรงคุณค่าได้อีกเรื่องหนึ่งแม้จะเปิดปลายให้ได้คิดต่อ แต่ เมื่อการมาของซีซันต่อไปก็หมายถึงว่า ที่ต้องคิดต่อก็ได้มาบอกเล่าอีกครั้ง และกลายเป็นความมีคุณค่าของชีวิต ความงดงามของการมอบชีวิตใหม่ให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ชมที่สัมผัสได้ ในทุกเรื่องราว
#มิติความสัมพันธ์ที่หลากหลายและมีพัฒนาการเมื่อเลือกจะเล่าความเป็นมนุษย์ปุถุชนที่สวมชุดกาวน์แล้ว พฤติกรรมทั้งภายนอกและภายในจึงต้องเห็นความเป็นมนุษย์ เมื่อความสัมพันธ์ของแต่ละคนที่มีบุคลิกที่แตกต่างล้วนทุกเล่ามาอย่างมีพัฒนาการ ทั้งตัว แชซงฮวา ที่เป็นอาจารย์ใจดีต่อแพทย์ประจำบ้านและแพทย์ฝึกหัด และความน่ารักสดใสของเธอและไลฟ์สไตล์ก็ไปต้องใจลูกน้อง แต่กระนั้น เรื่องก็เลือกที่จะไม่เล่าให้ไปทางโรแมนติก เมื่อหัวใจเธอมันบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ และก็ไม่ต้องไปเหนือจริงขนาดมารักกันตอนปลาย เช่นเดียวกับเรื่องของ ยางซอกฮยอน สูตินรีแพทย์ที่เหมือนเป็นคนเร้นหนีสังคมไร้หัวใจ หากแต่เขามีปมเรื่องครอบครัวทำให้หัวใจไม่ยอมรับบางเรื่อง ทั้งที่รู้ว่าหมอรุ่นน้องมีใจให้ แต่ตัวเองก็อาจมีใจ แค่ยังไม่กล้าพอที่จะมีความสัมพันธ์ คิมจุนวาน หมอที่ดูตรงไปตรงมาและเหมือนไม่แคร์ใคร
แต่ข้างในนั้นกลับอ่อนไหวอ่อนโยน ที่มีความรักกับน้องสาวเพื่อน แต่ต้องปกปิด และกำแพงบางอย่างก็ไม่สามารถทำอะไรให้เต็มที่ หรือชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวของ อีอิกจุน ที่ทำให้เขาต้องเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเต็มเวลา และเห็นสายตาที่มีอะไรบางอย่างกับ แชซงฮวา อยู่เสมอ แต่ก็ต้องเก็บมันไว้ในใจ อันจองวอน ผู้จิตใจดี และมอบหัวใจให้การรักษาคนไข้และพระเจ้า หากแต่ความรักที่บริสุทธ์ที่ได้รับจากหมอรุ่นน้อง ก็ได้สั่นคลอนหัวใจ และถึงที่สุดก็เลือกจะทำตามความรู้สึกตนเอง และด้วยความที่มากตัวละคร มากมิติ แต่ ทุกความสัมพันธ์เหล่านี้ได้ถูกบอกเล่าอย่างละเมียดละไม มีพัฒนาการที่มองเห็นการก่อตัวของความสัมพันธ์และความรู้สึกนั้นๆของแต่ละคนได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ความชาญฉลาดคือการเลือกที่จะไม่โรแมนติกจนดูล้น เพราะการเสนอความเป็นปุถุชนที่ทุกคนมีความคิด มีการตัดสินใจ มีปมอะไรบางอย่างในใจต่างกัน ซึ่ง เรื่องเหล่านี้ได้ถูกเล่าผ่านตัวละครรายทาง ตัวละครสมทบมากมายได้อย่างลงตัว เมื่อทุกตัวละครสมทบทั้งเล็กน้อยหรือตัวรับเชิญที่มาสัมผัสกับตัวละครหลักทั้งห้า ต้องมีส่วนร่วมกับความคิดอ่าน และความในใจของทุกคน ทั้งนี้ยังเยี่ยมมากในการย้อนแฟล็ชแบ็คไปเล่าถึงความสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มต้นของแก๊งคุณหมอทั้งห้า ที่มองเห็นได้ชัดเจนว่า
ทำไมพวกเขาถึงสนิทกันได้ขนาดนี้ แน่นอน การสื่อความชิดเชื้อกันเชิงสัญลักษณ์ก็ต้องมีคือการเล่นดนตรีที่เข้าขา เพราะการจะเป็นวงดนตรีที่เข้าขากันได้ขนาดนี้ ต้องเล่นร่วมกัน และผ่านอะไรร่วมกันมามากขนาดไหน แม้ว่าเสียงร้องของใครบางคนอาจเป็นฝันร้ายทั้งที่กินไข่สดเข้าไปก็ตาม #โลกนี้จะมีคนอยู่สามประเภทคนที่มีความสุขที่สุดเวลาได้กินของอร่อย คนที่อาหารอร่อยที่สุดเวลากินคนเดียว และสุดท้าย คนที่เห็นคนอื่นกินอย่างมีความสุขแล้วตัวเองยิ่งมีความสุข ซึ่งเมื่อมองเข้าไปในความเป็นมนุษย์ทุกคนบนโลก คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า โลกเป็นเช่นนี้ และคนทั้งสามประเภทนี้ก็คือความต่างกันที่จะกำหนดความเป็นตัวตนของแต่ละคน ซึ่ง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ล้วนแต่มีด้านที่ต่างกันของเหรียญ แต่เมื่อเลือกที่จะเล่าในมุมที่งดงาม และเชิดชูหัวใจของเหล่าคุณหมอและคุณพยาบาลแล้ว ก็เลือกที่จะเล่าออกมาในมุมที่สวยงามดีกว่า และมันก็เป็นไปตามนั้น เมื่อคนที่มีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นมีความสุขคือคนที่รวบรวมทีมหมอที่ทั้งเก่งและมีความงดงามข้างในทั้งหมดมารวมกัน อันเนื่องมาจากเขารู้ซึ้งอยู่แก่ใจว่าเพื่อนๆของเขาเป็นเช่นไรแน่นอน แต่ การจะหลอมรวมความต่างของแต่ละคนนั้นอาจเป็นเรื่องยาก จึงต้องมีคนที่เป็นจุดเชื่อมและเป็นตัวประสาน นั่นก็คือ เพื่อนหญิงเพียงหนึ่งเดียวที่มองเห็นความงดงามของชีวิตในทุกมิติ ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่ผู้ชมจะมองเห็นความหม่นในตัวของ แชซงฮวา
ทั้งที่ความเป็นจริงเธอก็ได้ผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมาในการเริ่มความเป็นหมอ แต่ เธอก็ก้าวข้ามมาได้ ผู้ชมจึงไม่ได้เห็นความเจ็บปวดเมื่อสูญเสีย หรือความลิงโลดเมื่อการรักษาประสบผลจาก แชซงฮวา ซึ่งหมายความว่า แชซงฮวา คือคนที่มองโลกในภาพความจริงและเป็นภาพตรงกลางที่สวยงามที่สุดในหมู่เพื่อน เมื่อในวันหยุดเธอเลือกที่จะอยู่กับธรรมชาติ และเธอคือคนที่มองเห็นบุคลิกของมนุษย์สามอย่างในตัวเพื่อนๆ เธอจึงคล้ายกับเป็นจุดร่วมของความต่างของเพื่อนๆทุกคน เป็นเสาหลักของความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของคนทั้งห้า และทุกความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ย่อมต้องมีคนประมาณนี้ คนที่เข้าใจในความต่าง เข้าใจบุคลิกของเพื่อนแต่ละคน และเป็นศูนย์รวมจิตใจ รองลงมาคือคนที่เห็นความสุขของคนอื่นคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ของตนเอง ซึ่ง คนประเภทนี้จะเป็นที่รักของเพื่อนๆ ไม่ว่าผู้ชมจะมองย้อนกลับไปยังอดีตที่ผ่านมาไม่ว่านานหรือไม่แค่ไหน ในกลุ่มเพื่อนสนิทในชีวิตมักจะมีคนสามประเภทนี้อยู่ และจะมีคนสองคนอย่างเช่น แชซงฮวา และ อันจุงวาน อยู่เสมอ คนที่ไม่เคยโกรธ หรือไม่เคยล่วงเกินเพื่อนไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ คนที่ให้เกียรติเพื่อนเสมอมา และที่แน่นอนคือ นอกจากจะเป็นที่รักของเพื่อนและคนรอบข้างแล้ว ยังเป็นที่รักของผู้ชมทั้งหมดใจ#ตัวละครที่ผู้ชมต้องรักและการแสดงที่เปี่ยมเสน่ห์ทุกคน
เมื่อการมาหลอมรวมกันในความเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนสนิทที่สนิทกันจริงๆ แกนกลางจึงอยู่ที่เพื่อนหญิงที่เข้าใจในความเป็นเพื่อนชายอีกสี่คน และรองลงมาคือคนที่เห็นคนอื่นมีความสุขแล้วมีความสุขอย่างที่เอ่ยไว้ ผู้ชมจึงได้เห็นบท แชซองฮวา ของ จอนมีโด เป็นแกนกลาง และถูกขับเคลื่อนโดยบท อันจุงวาน ของ ยูยอนซอก แต่ สิ่งที่ต้องยอมรับคือแม้จะเป็นเช่นนั้น บทก็บริหารจัดการตัวละครทุกตัวได้อย่างลงตัวและเท่าทียมตามบทบาท และมันทำให้ตัวละครทุกตัวในเรื่องเป็นที่รักของผู้ชม ด้วยบทและธงของเรื่องที่จะเสนอความเป็นมนุษย์ในอาชีพแพทย์ การแสดงจึงต้องไม่หลุดไปจากโลกความเป็นมนุษย์ ซึ่ง ทุกคนให้การแสดงที่ต้องจดจำและเปี่ยมเสน่ห์ เพราะทุกคนล้วนมีคาแร็คเตอร์และหน้าที่รับผิดชอบต่อเรื่องต่างกัน และเสน่ห์ที่มอบให้ผู้ชม ก็ทำให้ฉากแดนซ์กระจายในโบสถ์กลายเป็นฉากที่ต้องติดอยู่ในความทรงจำ ฉากนั่งกินข้าวคุยกันธรรมดาที่ไม่รู้สึกเหมือนว่านี่คือการแสดง ถึงขนาดเราคงต้องสารภาพว่า เราไม่เคยรู้สึกถูกชะตากับ โจจองซอก ขนาดนี้มาก่อนจากการดูเขาแสดงเรื่องก่อนๆ แม้กระทั่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หรืออารมณ์หม่นหมอง เจ็บปวด ที่มองเห็นได้เลยว่ามันมาจากข้างใน มาจากความรู้สึกข้างในจริงๆไม่มีเห็นแววของการเสแสร้งหรือจงใจ มันจึงเป็นเสน่ห์ที่น่าทึ่งที่นักแสดงหลักตั้งห้าคนทำให้ผู้ชมเชื่อหมดทั้งใจ ด้วยการแสดงรับส่งกันได้อย่างไหลลื่นและเป็นธรรมชาติ ทำให้มนุษย์ที่ต้องพบหมอบ่อยๆอย่างเรารู้สึกว่า
หากมีหมอแบบนี้ทุกคน การไปโรงพยาบาลอาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำใจล่วงหน้า ส่วนความเห็นส่วนตัวเรานั้น เรายอมรับว่า ทั้งห้าคนให้การแสดงในระดับท็อป ซึ่งความจริงก็อาจเป็นมาตรฐานของเกาหลีอยู่แลว แต่การจะเข้าไปนั่งใจใจผู้ชมอย่างเต็มที่นั้น ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ และมันจะยิ่งยาก ถ้าเข้าไปนั่งในใจผู้ชมได้ทั้งห้าคน ด้วยงานด้านภาพที่พยายามเลี่ยงภาพการผ่าตัดที่อาจไม่โสภานักอย่างเต็มที่ ภาพที่ออกมาสวยสื่อถึงความงดงามของจิตใจ งานเพลงประกอบที่เพราะทุกเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเพลงนั้นๆมอบอารมณ์คิดถึงเพื่อนๆเมื่อมีการซ้อมวงกัน ที่จะทำให้หัวใจผู้ชมได้คิดถึงอะไรต่อมิอะไรที่เคยทำกับเพื่อนๆ วีรกรรมวีรเวรที่มีประสบการณ์ร่วมกัน และด้วยบทเรียนชีวิตที่ทัชใจในทุกเรื่องราว และทางออกของทุกเรื่องราวนั้นเป็นทางสว่างไม่ต่างจากแสงแดดอ่อนในตอนเช้าแห่งฤดูหนาวที่ อบอุ่นหัวใจเหลือเกินไปอยู่ไหนมาถึงเพิ่งได้ดู เป็นอีกเรื่องที่ต้องสารภาพว่า เราดูช้าไป เพราะคนอื่นเขาคงดูกันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ซึ่ง ความจริงแล้ว ศัพท์เทคนิคที่มากมายที่เราหวั่นใจก็ยังคงมี เพียงแต่ความชาญฉลาดของบทที่วางตัวให้การรักษาผู้ป่วยเป็นองค์ประกอบ ในการมอบความเป็นมนุษย์ปุถุชนให้กับเหล่าคุณหมอ เลยกลายเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญและไม่ต้องไปใส่ใจมากมายก็ได้กับศัพท์แสงที่เข้าใจยาก เนื่องเพราะ เรื่องได้พาอารมณ์และหัวใจผู้ชมไปอยู่ในสถานะที่ว่า ถูกเรื่องราวที่ผ่านมาตามรายทางจัดการไว้อย่างอยู่หมัด ทั้งปลาบปลื้มยินดีเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษา น้ำตาเอ่อด้วยความตื้นตัน สะท้านสะเทือนใจกับความสูญเสียที่ไม่มีปาฏิหาริย์ น้ำตาก็เอ่อคลอเพราะสะท้านหัวใจ หรือรวมถึงมิติด้านความรัก มิตรภาพ เรื่องหัวใจที่ยังคงมีแม้จะไร้เวลาส่วนตัว
หรือประเด็นทางครอบครัวที่มีผลต่อจิตใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเครื่องปรุงรสล้ำที่ช่วยให้อาหารจานธรรมดานี้ออกมาละมุนลิ้น อาจไม่จัดจ้าน เพราะไม่มีตัวร้ายตัวโกง แต่ก็ชดเชยด้วยความจริงแท้ที่ทุกคนสัมผัสได้ และเราเชื่อว่า อารมณ์ประมาณนี้อาจมีบ้างที่ดูไปก็คิดไปถึงงานซีรีส์ตระกูล Reply ที่มีกลิ่นและอารมณ์ที่สัมผัสได้ โดยเฉพาะ Reply 1988 ที่เราไม่แน่ใจนักว่า เพลงบางเพลงเป็นเพลงเดียวกันหรือไม่ เพราะคุ้นหูเหลือเกิน และยังมีนักแสดงรับเชิญที่มีสีสัน โดยเฉพาะ #โกอารา ที่มารับเชิญแต่เคมีลงตัวกับ โจจองซอก อย่างที่สุด และถ้านั่นยังไม่พอ การเล่าเรื่องแบบนี้ที่ตั้งเรื่องหลักไว้แล้วมีปัจจัยมากระทบเรื่อยๆ แต่ถึงที่สุดก็มีทางออกที่เป็นมุมสว่างจนออกแนวหักมุมเล็กๆนั้น ก็ทำให้พลันนึกไปถึง Prison Playbook อยู่ด้วยเช่นกัน และองค์ประกอบที่ละเอียดยิบแม้กระทั่งเสียงริงโทนโทรศัพท์ที่เรื่องนี้ดังตลอดเวลา ซึ่งเราเพิ่งมาสังเกตว่าเรื่องนี้โทรศัพท์เปิดเสียง ซึ่งปกติเรามักจะเห็นงานซีรีส์เกาหลีเปิดสั่นจนเคยชิน แต่ เนื่องจากเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องของอาชีพหมอที่การปิดเสียงโทรศัพท์อาจทำให้ไม่ได้ยิน และทำให้ติดต่อไม่ได้เมื่อมีคนไข้ด่วนหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน และมันคือจุดเล็กจุดน้อยที่งานนี้เก็บรายละเอียดอย่างไร้ที่ติ แม้ว่า เป็นงานซีรีส์ที่เล่าเรื่องของอาการเจ็บป่วยที่อาจไม่น่าจะเริงใจ แต่เมื่อได้ดูแล้ว ได้เห็นและได้สัมผัสผู้ป่วยมากหน้าหลากหลายอาการ แต่ทุกครั้งทางออกก็จะเป็นการเยียวยาหัวใจให้กับผู้ชมทุกทาง จึงทำให้เรื่องนี้เป็นงานชั้นดีที่ดูด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราที่อาจมีเคล้าคราบน้ำตาบางบางครั้ง แต่ไม่มีความหม่นในใจมาให้สัมผัส ตัวละครที่เป็นที่รัก จึงเป็นงานที่คู่ควรกับการยกไว้บนหิ้งของความทรงจำได้อีกเรื่องหนึ่ง เพียงแต่ตอนจบที่เปิดปลายให้คิดนั้น ยังมีเรื่องราวที่กำลังจะตามมา เราจึงขอเลื่อนเวลาประทับตราว่า #อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดู ออกไปก่อน จนกว่าจะได้สัมผัสว่า ซีซันสอง จะยังคงมอบความประทับใจในระดับนี้ได้หรือไม่ แล้วค่อยว่ากัน แต่สำหรับซีซันนี้ นี่คือสิบสองตอนอันทรงคุณค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
🤩 คะแนน: 8.7/10 ดาว
เรื่องราวมิตรภาพอันแสนอบอุ่น และความรัก ของกลุ่มเพื่อนหมอ 5 คน ที่รวมตัวกันเล่นดนตรีเพื่อผ่อนคลายจากชีวิตประจำวัน พร้อมการเล่าถึงความรู้สึกกับประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา เนื้อหาการแพทย์อาจไม่เข้มข้นมากนัก อยู่ในระดับที่ดูแล้วเข้าใจง่ายแต่เราจะได้เห็นมุมมองของหมอทุกคนในอีกด้านจนรู้สึกอินได้โดยไม่รู้ตัว
ซีรีย์ที่คล้ายกัน
Hospital Playlist เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์
7.6