ดูซีรีย์ Doctor John (2019) หมอหัตถ์เทวดา
เรื่องย่อ
เรื่องราวจะติดตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Pain Management หรือการระงับความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วย ชาโยฮัน (รับบทโดย จีซอง) วิสัญญีแพทย์หนุ่มที่เย่อหยิ่งแต่เขาก็เป็นอัจฉริยะในสายงานที่เขาทำ และ คังชียอง (รับบทโดย อีเซยอง) วิสัญญีแพทย์สาวที่เป็น Resident ทำงานกับชาโยฮัน เธอทั้งเก่ง, อบอุ่น และคอยรับฟังอย่างระมัดระวังเมื่อคนไข้บอกอะไรมา ผู้คนต่างมาโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บปวดเรื้อรังและสาหัสที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ชาโยฮัน และ คังชียอง จะพยายามช่วยหาต้นเหตุของอาการเจ็บปวดเหล่านั้นให้เอง
ผู้กำกับ
- Jo Soo won
- Kim Young-hwan
- Lee Gye-joon
บริษัทค่ายซีรีย์
- KPJ Corporation
นักแสดง
- Ji Sung
- Lee Se-young
- Lee Kyu-hyung
- Hwang Hee
โปสเตอร์ซีรีย์
รีวิว Doctor John (2019) หมอหัตถ์เทวดา
🤩 คะแนน: 6/10 ดาว
Doctor John บันทึกเอาไว้เลยว่านี่คือซีรีส์ทางการแพทย์เรื่องเยี่ยมที่ควรยกขึ้นหิ้ง งดงาม สนุกทุกตอนไม่มีดร็อปเลย!! รับชมได้ทาง Netflixดูแบบสองคืนจบ 16 ตอน สนุกมากกก จีซองไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย เป็นนักแสดงเกาหลีรุ่นใหญ่ที่มีเสน่ห์มากไม่ได้ขายความหล่อ (แต่ก็ดูดีมาก) แต่ขายความสามารถ ขายแคแรคเตอร์ ขายแสน่ห์ ทางการแสดงมาแบบเต็มๆ นางคือหมอชาที่ เย็นชา ไร้ความรู้สึก ฝีมือฉกาจ และเป็นบทบาทการแสดงในตำนานที่ผมขอบอกเลยว่า ดูแล้วเราจะลืมเค้าไม่ลงเด็ดขาด!! เรื่องราวของ Doctor John เริ่มต้นในเรือนจำ เมื่อ คังชียอง หมอประจำบ้านปีสอง ที่มีปมปัญหาในการทำงาน จนไม่สามารถเป็นหมอต่อไปได้ เข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ดูแลนักโทษอย่างเงียบๆในเรือนจำ ก่อนที่เธอจะหนีปัญหาทั้งหมดเพื่อเดินทางไปมาดากาสก้า แต่เธอก็ต้องโดนลองของเมื่อเธอได้พบกับ ชาโยฮัน (จีซอง) นักโทษลึกลับ ที่มาแบบเงียบๆ สอนมวยและช่วยแก้ปัญหาในเคสยากๆของผู้ป่วยในเรือนจำให้รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์ นั่นเป็นแรงบันดาลใจให้เธอตัดสินใจกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล
และเธอก็มีโอกาสได้กลับมาเจอกับ ชาโยฮัน อีกครั้งในฐานะที่เค้าคืออาจารย์หมอ ที่ประจำอยู่ศูนย์ระงับความเจ็บปวด หน่วยงานสุดท้ายที่คนไม่ค่อยให้ความสนใจ ดูเผินๆเหมือนชาโยฮัน จะเป็นวิสัญญีแพทย์ และหมอที่คอยให้ยาระงับปวดกับคนไข้ แต่เค้าก็เป็นเหมือนหมอต้องห้ามเพราะเค้าเคยทำการุญฆาตคนไข้จนติดคุก แต่ปมปัญหาต่างๆก็ยังเป็นเรื่องมืดดำ สิ่งที่หมอคังได้พบเจอในตัวชาโยฮัน คือเธอพบว่าหมอชาได้รับฉายาว่า คุณหมอสิบวิ เค้าสามารถวินิจฉัยอาการคนไข้ได้ในเวลาเพียง 10 วินาที และเค้าสามารถแก้ไขปัญหาและช่วยคนไข้ในเคสยากๆ ที่ไม่แสดงอาการหรือส่งเลือดเข้าแลปแล้วไม่เจออาการอะไร หมอชาสามารถวินิจฉัยโรคได้เป๊ะๆ เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในศูนย์การแพทย์ พร้อมกับประเด็นในเรื่องการุณยฆาตที่มีเข้ามาท้าทายเคสแล้วเคสเล่า โดยผู้ป่วยเคสสำคัญที่กำลังนอนรอเคสอยู่คือผู้อำนวยการศูนย์ที่เป็นพ่อของหมอคังเองก็คือความท้าทาย ที่มันมีอะไรมากมายกว่าที่คิด และมันคือเคสที่จะไขปริศนาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของหมอชาเองและสาเหตุว่าทำไมหมอต้องห้ามอย่างหมอชาถึงยังสามารถมาทำงานเป็นหมออยู่ต่อได้ ทั้งๆที่เค้าเคยต้องคดีอาญา
เนื้อหาเข้มข้นไปสุดทุกทาง โดยเฉพาะการรีเสิร์ชข้อมูลทางการแพทย์ ซึ่งทีมงานที่ทำซีรีส์ทำการบ้านมาอย่างดีเยี่ยม ทุกเคสในซีรีส์มีผลงานทางวิชาการรองรับหมด บทซีรีส์เขียนเรื่องความรู้ทางการแพทย์ที่โคตรยาก แต่สามารถอธิบายมาให้คนดูเข้าใจได้อย่างง่ายๆ และดูสนุก ลุ้นไปทุกตอน ปมประเด็นที่ถูกซ่อนไว้ โดยเฉพาะความลับของหมอชา ที่บอกเลยว่า ทันทีที่ปมโดนไข มันดราม่าจัดถึงขั้นร้องไห้ได้เลย นักแสดงอย่างจีซองปลอยของแบบสุด แสดงเป็นหมอเทวดาได้อย่างต้องใช้คำว่า ยอดเยี่ยม เป็นที่สุด ฉากผ่าตัด ฉากเข็มจิ้มเนื้อ ทุกอย่างดูสมจริงสมจังหมดเลย เกาหลีทำซีรีส์ที่เกี่ยวกับการแพทย์ออกมายอดเยี่ยมทุกเรื่อง ความสมจริงสมจังนี่แหละที่ทำให้มันดูสนุก ปมเงื่อนถูกผูกเอาไว้อย่างฉลาดและรัดกุมมาก คนดูดูตามแล้วจะรู้สึกว้าวมากว่ามันคิดบทแบบนี้ได้ยังไง คือมันครบรส ถึงใจถึงอารมณ์เป็นอย่างมาก
ปมดราม่ามีซ่อนไว้ทุกตอนอย่างแยบยล เราไม่สังเกต แต่พอเฉลยเราจะรู้เลยว่า เค้าออกแบบตัวละครและวางแผนเอาไว้อย่างครบถ้วนหมดแล้ว จีซอง กับเสน่ห์ในการแสดงที่ล้นเหลือ เค้าเป็นหมอชา หมอเทวดาที่ดูเย็นชา และดูมีความลับซ่อนเอาไว้เหมือนระเบิดเวลา จีซองเป็นผู้ชายอายุ 42 ที่ดูดีมาก แสดงเรื่องไหนก็ทุบบทแตกกระจุยกระจาย ไม่เคยผิดหวังเลย ส่วนนางเอก อีเซยอง ที่มารับบทหมอคังคือสวยมากกกหน้าคลีนชวนมอง ยิ่งมองยิ่งสวย และแสดงดีมากด้วย นางคือคนที่รู้ความลับของหมอชาและอึดอัดกับสิ่งที่รู้ รวมถึงอมทุกข์เพราะมีปมที่จะต้องสะสางให้ได้ ผมดู Doctor John 16 ตอน รวดโดยใช้เวลาสองคืน ดูต่อเนื่องจนจบด้วยความสุข ความฟิน มันสนุกมากกกกกเนื้อหาชวนติดตามทุกตอน ดูจบแบบตอนต่อตอน แทบไม่ได้กินข้าวกินปลาเลย อยากจะบอกว่าไม่ผิดหวังเลย ใครยังไม่ได้ชมก็ไปเปิดรับชมได้ทาง Netflix เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน!!!
🤩 คะแนน: 7/10 ดาว
ความคมคายในการตั้งคำถามในสิทธิ์ที่จะจบชีวิตตัวเองของผู้ป่วยและความขัดแย้งทางกฎหมายและจรรยาบรรณ เล่าบนความเข้มข้นในในการสร้างความขัดแย้งในใจผู้ชมอย่างได้ผล
Netflix : 1 Season 16 Episodes (2019)มีหลายต่อหลายคนไถ่ถามกันมาว่าเราเอาอะไรมาตัดสินว่าซีรีย์เรื่องไหนน่าดู เราคงต้องตอบในที่นี้ว่าเรื่องไหนที่เราดูจบนั่นคือน่าดูทั้งนั้น เนื่องเพราะงานด้านซีรีย์ไม่ว่าจะมาจากสัญชาติไหนก็มักจะมาด้วยความยาวและจำนวนตอนที่มากพอสมควร ซึ่งการที่งานซีรีย์จะสามารถตรึงผู้ชมให้ติดตามจนครบจบทุกตอนนั้นหากว่าพลังงานความน่าติดตามไม่สูงพอผู้ชมก็พร้อมที่จะเทไว้กลางทาง นั่นหมายความว่างานซีรีย์ที่สามารถทำให้ผู้ชมดูตั้งแต่ต้นจนจบได้นั้นต้องมีดีแน่นอน แต่ยังไงก็ตามคำว่าดีสำหรับคนเรานั้นมันต่างกัน เพราะความชอบของแต่ละคนนั้นต่างกัน ซีรีย์ที่ดีที่สนุกสำหรับคนหนึ่งอาจจะน่าเบื่อสำหรับอีกคนหนึ่ง แต่ก็มีไม่น้อยที่ความเห็นของผู้ชมออกมาในทางเดียวกัน แต่นั่นมันคืองานที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในทุกทางที่ต้องยอมรับว่าเป็นแค่ส่วนน้อยและไม่ใช่ทุกเรื่องจะสัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่า
#ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เช่นกันกับงานซีรีย์เรื่องที่เราเพิ่งดูจบไปสดๆร้อนๆเรื่องนี้ที่มาผู้อ่านแนะนำมา และเราเองก็เพิ่งวนๆเวียนๆกับเรื่องหมอๆอยู่ในช่วงหลังจาก Life ที่เป็นการฟาดฟันกันในเชิงธุรกิจกับจรรยาบรรณ ต่อมายัง Oh My Baby ที่ตัวเอกตัวหนึ่งเป็นหมอและเรื่องก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาของการมีบุตรโดยไม่มีสามี จนกระทั่งเรื่องนี้ที่เรากลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเนื่องเพราะนี่คืองานที่เล่าเรื่องราวของหมอพันธุ์หายาก หมอจอมแหกคอกนอกกรอบที่น่าจะเชือดเฉือนกันมันส์ๆ แต่กระนั้นเมื่อเราได้ดูไปสักพักอารมณ์เชือดเฉือนกันอย่างที่หวังกลับไม่แรงมากพอ หากแต่ทดแทนด้วยความคมคายในการตั้งคำถามเรื่องสิทธิ์ที่จะจบชีวิตของตัวเองของผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมาน จรรยาบรรณแพทย์ที่จะตัดสินว่าควรจะยื้อชีวิตหรือปล่อยไป และความขัดแย้งในข้อกฎหมายที่มองเป็นอาชญากรรมผ่านการนำเสนอที่แหลมคม แต่ความเข้มข้นมันดันไม่ถึงหยดสุดท้ายอย่างที่ควรจะเป็น #DoctorJohn #หมอหัตถ์เทวดา
เรื่องเปิดตัว #คังชียอง (#อีเซยอง) หญิงสาวที่เป็นแพทย์ประจำบ้านปีสองที่กำลังจะเดินทางเพื่อหนีอะไรบางอย่าง ก่อนเดินทางเธอได้รับข้อเสนอให้ไปเป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ในเรือนจำเป็นการชั่วคราว และที่นั่นเธอได้พบกับนักโทษคนหนึ่งที่ชอบมาจุ้นจ้านกับคนป่วย จนกระทั่งคังชียองพบว่าเขาคือหมอ #ชาโยฮัน (#จีซอง) ที่ความเก่งกาจในการวินิจฉัยโรคเหมือนดั่งมีเนตรทิพย์ปานเทวดา แต่ชาโยฮันก็เป็นคนแปลกที่ไม่น่าไว้วางใจเช่นกัน จนกระทั่งคังชียองได้ช่วยชีวิตนักโทษคนหนึ่งตามคำแนะนำของหมอชา เธอจึงเริ่มเอะใจและสามารถลุกขึ้นมาจากการจ่อมจมกับแผลในใจเพื่อเริ่มเข้ามาเรียนแพทย์อีกครั้งจากการนั้น แต่คล้ายกับเป็นโชคชะตาหรือความบังเอิญก็หาทราบได้เมื่อหมอชาโยฮันที่พ้นโทษออกมาก็ได้มาทำงานในโรงพยาบาลเดียวกับคังชียอง และหนักเข้าไปอีกเมื่อเขามาเป็นหัวหน้าศูนย์บรรเทาอาการปวดที่เธอประจำอยู่และต้องมา
เป็นอาจารย์หมอของเธอ แถมยังไม่พอคังชียองดันพบว่าหมอชาโยฮันที่ต้องถูกคุมขังเพราะเหตุการณ์การุนยฆาตผู้ป่วยที่เป็นเรื่องผิดกฏหมาย คังชียองจึงต้องเรียนรู้จากหมอชาโยฮันด้วยความกังขาตั้งแต่เริ่ม ซ้ำหมอชาโยฮันยังถูกตามหมายหัวจากอัยการที่เคยทำคดีของเขาคืออัยการ #ซนซอกกี (#อีคยูฮยอง) ที่แสดงออกอย่างเต็มที่ว่ามีความแค้นแน่นทรวงกับหมอชาโยฮัน แถมสถานการณ์ในโรงพยาบาลยังเข้าทางอัยการซนเมื่อทางโรงพยาบาลมีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบยื้อชีวิตอยู่หนึ่งคนที่จะกลายเป็นคำถามถึงความชอบธรรมในการยื้อชีวิตหรือปล่อยให้ผู้ป่วยสิ้นใจอย่างสงบ ในขณะที่แผลในใจของคังชียองก็เปรียบดั่งอาการป่วยที่เธอต้องได้รับการรักษาเช่นกัน และเรื่องทั้งหมดก็เสนอในเชิงตั้งคำถามเรื่องเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และแม้จะตั้งคำถามอย่างนั้นตลอดมาแต่ก็ยังฉลาดพอที่จะไม่ฟันธงว่าอะไรคือสิ่งที่ควร เพียงแต่ความเข้มข้นไม่ได้ถึงหยดสุดท้ายเพราะตอนท้ายกลายเป็นแทบสิ้นพลังไปอย่างน่าเสียดาย
งานด้านบทนั้นเป็นที่น่าเสียดายที่เรื่องเปิดออกมาอย่างพลังแรงสูงมากในช่วงต้นที่เหตุเกิดในเรือนจำ ผู้ชมพร้อมที่จะกังขาในตัวหมอหัตถ์เทวดา แต่พอมาถึงกลางเรื่องพลังที่มีค่อยๆลดลงอย่างน่าเสียดายกลายเป็นงานซีรีย์การแพทย์พื้นๆที่เล่าเรื่องการรักษาผู้ป่วยเคสยากๆไปทีละเคส และถ้าสังเกตดีๆช่วงกลางจะเห็นการหลงไปจากประเด็นหลักไปไกลอยู่พอสมควรก่อนที่จะกลับมาสูงขึ้นเมื่อเรื่องเข้ามาถึงตอนท้าย แต่กระนั้นตอนสุดท้ายก็กลายเป็นเหมือนใส้ติ่งที่ไม่มีประโยชน์ใดๆกับร่างกายมนุษย์เมื่อทิ้งทุกอย่างที่มีมาตั้งแต่ต้นเพื่อความเท่ห์และการพยายามโรแมนติก เอาตามตรงแบบไม่เกรงใจคือบทโดยรวมหลวม บางเหตุการณ์ดูลอยมาลอยไปไม่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ความตั้งใจหลักจะเล่า ถ้านั่นยังไม่หนำใจบทที่ปูทางไว้อย่างเข้มแต่หาทางลงอย่างง่ายไปเช่นประเด็นการเลือกประธานที่ปูมาอย่างน่าสนใจแต่หาทางออกแบบเอางี้ล่ะเว้ยใครจะทำไม และอีกอย่างที่ขัดใจคือผมหงอกหลอกๆของหัวหน้ามินที่ดูยังไงก็ขัดตาไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งนั่นคือรอยแผลที่บทโดยรวมมีทำให้งานด้านบทไม่แกร่งทั่วแผ่น
แต่กระนั้นถ้ามองอย่างเป็นธรรมในสิ่งที่เรื่องตั้งธงไว้นับว่าได้ผลดีแม้จะเป๋ไปและเลือนลางไปบ้างในช่วงกลาง(เหมือนคิดอะไรไม่ออกเลยจับเอาสถานการณ์โรคแปลกๆมาใส่)นั้นคือประเด็นของการุนยฆาต สิทธิ์ที่จะเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองอย่างสงบของผู้ป่วยที่เจ็บปวดทรมานและไม่มีทางรักษาหาย แง่มุมของจรรยาบรรณแพทย์ที่เป็นผู้รักษาชีวิตไม่ใช่ผู้พรากชีวิต และข้อถกเถียงกันในเรื่องกฎหมายที่สร้างความขัดแย้งในใจผู้ชมให้ตั้งคำถาม และบทก็ฉลาดพอที่จะปล่อยให้เป็นคำถามอยู่อย่างนั้นไม่ฟันธงว่าอะไรถูกหรือควร และสิ่งที่บททำได้ดีคือประเด็นรองที่ว่าด้วยเรื่องการเยียวยาแผลในใจที่ทำให้คนบางคนไม่กล้าลุกขึ้น ความเปลี่ยนแปลงภายในที่เป็นการเริ่มต้นใหม่ของทั้งคังชียองและหมอชาโยฮัน ซึ่งเป็นสิ่งที่นำพาสิ่งที่เรียกว่าการส่งต่อความดีที่เห็นชัดสัมผัสได้ และเป็นสิ่งที่ประคองเรื่องไว้ในช่วงกลางที่เริ่มหลุดไปจากประเด็นหลัก แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เรื่องยังมีพลังมากพอที่ดึงผู้ชมอยู่ด้วยความระทึกในการรักษาโรคประหลาดต่างๆ ถ้าจะบอกว่าบทพยายามเน้นเรื่องภาวะจิตใจภายในของตัวละครและเลยเถิดมายังผู้ชมก็คงจะไม่เกินเลย และมันได้ผล
สิ่งที่ต้องยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชมสำหรับเรื่องนี้คือความกล้า ความกล้าที่จะเล่นประเด็นที่หมิ่นเหม่และเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอย่างเรื่องของสิทธิ์ที่จะจบชีวิตของตนเองเมื่อรู้ว่าอาการป่วยไม่มีทางรักษาและในทุกนาทีในแต่ละวันต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด เมื่อคนที่ยังไม่ป่วยอาจจะไม่เข้าใจความเจ็บปวดทั้งกายและใจเมื่อการยื้อชีวิตก็ไม่ต่างจาการสร้างความทรมานทางจิตใจให้คนที่อยู่ข้างหลังทั้งเรื่องการดูแลและค่าใช้จ่าย เพียงแต่สิทธิ์ที่เลือกนั้นตัวผู้ป่วยเองไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองจึงต้องพึ่งมือหมอ แต่ความขัดแย้งระหว่างความเห็นใจและเข้าใจความเจ็บปวดของผู้ป่วยกับความเป็นหมอที่ต้องรักษาชีวิตไม่ใช่พรากชีวิต หมอเองอาจมีเส้นบางๆในการตัดสินใจในเรื่องหมิ่นเหม่เช่นนี้ที่เสนอผ่านตัวละครหมอชาโยฮันอย่างเข้มข้นและถึงอารมณ์ผู้ชม อีกส่วนคือด้านของกฏหมายที่เรื่องของการุนยฆาตที่เป็นเรื่องผิดกฏหมายแม้ว่าผู้ป่วยเองจะยินยอมหากแต่กฏหมายก็ยังต้องเป็นกฏหมายไม่มีทางละเมิดได้ เพียงแต่การบังคับใช้กฏหมายนั้นจะมาจากจิตใจที่เที่ยงธรรมหรือมีอะไรแอบแฝง
และการนำเสนอผ่านตัวละครอัยการซนซอกกีที่เต็มไปด้วยความแค้นและให้ความแค้นมาบังตาในบางเรื่อง หากแต่ถึงที่สุดแล้วหมอชาโยฮันที่มีความเป็นหมออยู่ทั้งตัวและหัวใจกลับไม่ได้ใส่ใจซ้ำยังเข้าใจในความคับแค้นนั้นและไม่ได้ตอบโต้อะไรจนเรื่องราวผ่านไปถึงจุดที่แสดงให้เห็นว่าความแค้นที่หนักหน่วงไม่ได้ทำให้ใจเป็นสุข หากแต่ความเข้าใจโลกเข้าใจผู้อื่นต่างหากที่จะกำจัดสิ่งที่รบกวนในใจ ซึ่งในเรื่องราวหลักนี้นับว่าแข็งแรงและสร้างคำถามในใจผู้ชมว่า ถ้าถึงเวลานั้นที่ตัวผู้มชมเป็นผู้ป่วยที่ต้องเผชิญอาการเจ็บและทรมานและไม่มีทางรักษา ประกอบกับความเห็นใจคนอยู่ข้างหลังถ้าเลือกได้ ผู้ชมจะเลือกให้หมอจบชีวิตตัวเองหรือไม่ และหากผู้ชมเป็นหมอที่มีหน้าที่ขจัดความเจ็บปวดอย่างหมอชาโยฮันแล้ว เมื่อถูกร้องขอและไม่มีทางทำอะไรได้กว่าที่เป็นแล้ว จะเลือกขจัดความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายให้ผู้ป่วยหรือไม่ และอีกคำถามคือเรื่องของการยื้อชีวิตของคนที่เรารักที่บางทีก็เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่จะปล่อยให้คนที่เรารักจากไปอย่างสงบหรือยื้อชีวิตไว้เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ หากแต่การยื้อไว้อาจไม่ใช่การทำเพื่อคนที่เรารักแต่เป็นการทำเพื่อตัวเองใช่หรือไม่ เหมือนอย่างที่หมอชาโยฮันพยายามยื้อชีวิตคนไข้คนหนึ่งสุดฤทธิ์แต่ทว่าหัตถ์เทวดาก็ไม่สามารถยื้อไว้ได้ แต่คนที่เจ็บปวดกว่าคนไข้ที่ไม่ได้สติคือแม่ที่มองดูผ่านคราบน้ำตาที่ไหลนองนั่นเอง….
นอกจากเรื่องที่กล่าวมาแล้ว ความเข้มของประเด็นเรื่องของการล้มแล้วลุก การเยียวยาหัวใจ ความรักความเข้าใจในครอบครัวก็ยังชัดและเป็นส่วนเกื้อหนุนให้กับความสนุกของเรื่องโดยเฉพาะในช่วงกลางที่เราบอกแล้วว่าหลุดจากประเด็นหลักออกไป สิ่งที่น่าดูอีกอย่างคือการแสดงของอีเซยองที่เป็นนางเอกเต็มตัว(หลังจากบทคุณหนูซอมบี้ในไซอิ๋วฉบับเกาหลี)ในบทหมอคังชียองผู้มีปมในใจ คนที่ล้มแล้วไม่ยอมลุกจนกระทั่งมาเจอกับหมอชาโยฮัน ได้พบแรงบันดาลใจ และแน่นอนว่าความรักทำให้เธอตาสว่างและลุกขึ้นยืนในจุดที่เธอควรยืนและพิสูจน์ตัวเองในฐานะหมอ ซึ่งอีเซยองทำหน้าที่ได้ชนิดเกือบสมบูรณ์แบบ ที่ว่าเกือบคือยังมีบ้างที่เรามองเห็นความพยายามและเห็นว่าเป็นการแสดง แต่โดยรวมแล้วการแสดงของเธอสมควรได้รับคำชื่นชม เพียงแต่เธอยังขาดพลังดาราและรังษีสตาร์มาต้านทานพระเอกอย่างจีซองที่รับบทหมอชาโยฮันอย่างน่าเชื่อถือ แต่การที่นางเอกบารมีไม่เสมอกับจีซองเลยมองเห็นระยะห่างและความเก๋าเกมไม่เท่ากัน เลยกลายเป็นพระเอกกับนางเอกเคมีไปคนละทางและผู้ชมรู้สึกเชื่อได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์เรื่องความรักของทั้งคู่ ไม่เชื่อลองนึกถึงงานที่จีซองเล่นกับ #ฮันจีมิน ใน Familiar Wife จะเห็นความต่างอย่างชัดเจนเมื่อเรื่องนั้นพระเอกกับนางเอกศีลเสมอกันและกลายเป็นเคมีลงตัวกันอย่างชัดเจนดังเช่นกาแฟกับน้ำตาล อีกอย่างตัวละครสมทบในรุ่นเล็กที่เป็นนักเรียนแพทย์ที่ความจริงมีนาทีในเรื่องค่อนข้างมากหากแต่มองเห็นว่าเป็นการแสดงอยู่เรื่อยๆ
ผิดกับนักแสดงสมทบรุ่นใหญ่อย่าง #ชินดองมี ในบทพยาบาลผู้มีแค้นฝังใจที่เวลาออกจอน้อยกว่าและบทของเธอยังลอยไปลอยมาผลุบๆโผล่ๆเป็นพักๆแต่การแสดงอยู่ในระดับที่เรียกว่า #เฉียบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบทอัยการที่ลึกๆแล้วเป็นคนดีแต่ถูกความแค้นบดบังจนน่าชิงชังในตอนแรกก่อนที่จะละลายในตอนหลังและบทก็ดันทิ้งเขาไปอย่างน่าเสียดายอย่างอีคยูฮยอง ที่พิสูจน์ให้เห็นมาหลายครั้งแล้วว่าเขาเจ๋งแค่ไหน รวมความแล้วนี่อาจไม่ใช่งานซีรีย์ที่เนี้ยบหรือสมบูรณ์ไร้ที่ติ แต่ประเด็นที่คมคาย การเล่าเรื่อง และการแสดงทำให้เป็นเรื่องที่ดูสนุกและพลังความน่าติดตามอยู่ในระดับสูง แถมให้ว่าภาพสวยเพลงเพราะอีกต่างหากแม้ว่านี่จะไม่ใช่งานที่ออกมาแบบไร้ที่ติ มีริ้วรอยมีแผลมากมาย เรื่องก็มีหลุดทางหลักไปบ้างในช่วงกลาง แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่านี่คืองานที่ดูสนุกและได้ลุ้นในทุกตอน ลุ้นเพราะนี่คือเรื่องที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึก มีเหตุการณ์เร้าและบีบอารมณ์มากมาย ลุ้นไปกับการวินิจฉัยและการรักษาโรคประหลาดต่างๆ แต่ถ้าจะใส่ความเข้มข้นในการเชือดเฉือนกันระหว่างจรรยาบรรณกับกฏหมายและความขัดแย้งในใจของทั้งหมอและอัยการเข้าไปน่าจะสนุกยิ่งขึ้น เอาง่ายๆทุกฉากที่หมอชาโยฮันของจีซองเผชิญหน้ากับอัยการซนซอกกีของอีคยูฮยองที่ออกมาทรงพลังและเร้าใจทุกฉาก นั่นเพราะพลังดาราข่มกันไม่ลงทำให้การเชือดเฉือนด้วยคำพูดและภาษากายออกมาสนุกและน่าจดจำ แต่เมื่อเรื่องเลือกที่จะเล่าออกมาแบบเล่นกับอารมณ์และสร้างคำถามคำโตๆในใจ
ผู้ชมแบบนี้มันจึงเป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้ การเล่าเรื่องที่ไม่มีพลิกผันหักมุมอะไรแต่ทำให้ผู้ชมสนุกได้ขนาดนี้ก็จัดว่าดีพอแล้ว แต่กระนั้นความสนุกมันมาจากสถานการณ์มากกว่าการเล่นประเด็นย่อยเพื่อไปสู่เรื่องใหญ่ แต่ทั้งนี้เนื่องเพราะบทได้ตั้งธงไว้แล้วอย่างที่กล่าวมาแต่การขยายไม่ยาวพอเลยต้องใส่เหตุการณ์รายทางให้ลุ้นเป็นเคสบายเคสไปซึ่งก็ได้ผลอย่างน่าพอใจ แต่ที่เราเสียดายคือเมื่อธงตั้งไว้อย่างน่าสนใจและกล้าที่จะตั้งคำถามในเรื่องที่อ่อนไหวหรือละเอียดอ่อนในใจคนได้ขนาดนี้มันจึงน่าจะระทึกได้กว่านี้ แต่เท่าที่เป็นอยู่นี้ก็สนุกดีและแทบไม่เห็นสีชมพูอยู่แล้วเพราะบารมีนางเอกยังไม่ถึง ผู้ชมเลยไม่อินไปกับความโรแมนติกที่ถูกยัดให้ อีกอย่างคือตัวละครของอัยการซนเราคิดว่าน่าเสียดายที่บทไม่เน้นเขาให้มากกว่าที่เป็นและเป็นการปะทะกันของกฏหมายและจรรยาบรรณที่จะตั้งคำถามในเรื่องที่อยากเล่าน่าจะสนุกกว่านี้ แต่ก็นะ เมื่อเราแองดูจบได้นั่นแสดงว่ามีดีในตัวไม่อย่างงั้นเราคงไม่ทนดูได้ และงานซีรีย์เรื่องนี้ก็คืองานที่ดูสนุกและถ้าจะเอากันตามจริงก็อาจถึงขนาดไม่หลับไม่นอนได้เลยด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องที่ติดงอมแงมกันได้ง่ายๆ แม้จะไม่ถึงขนาดสมบูรณ์แบบไร้ที่ติก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ใช่งานทุกชิ้นที่ออกมาจะไปถึงระดับนั้น และกับเรื่องนี้เราเองก็ต้องยอมรับว่าเราประทับใจเช่นกัน เราประทับใจในคำถามที่ฝากไว้ในส่วนลึกของความคิดเข้าแล้วว่า ถ้าถึงเวลาเราจะตัดสินใจอย่างไร
ซีรีย์ที่คล้ายกัน
Hospital Playlist เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์
Salon De Nabi (2022) เติมฝัน ซาลอนรัก
Ghost Doctor (2022) คุณหมอ 2 วิญญาณ
6.9