3 Body Problem (2024) ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก
เรื่องย่อ
ดูหนัง ออนไลน์ หลายสิบปีผ่านพ้นและอยู่ห่างไกลกันคนละฟาก เพื่อนรักห้าคนค้นพบบางสิ่งที่จะสั่นสะเทือนโลก ขณะที่กฎของวิทยาศาสตร์ได้รับการเปิดเผยและภัยคุกคามที่ไม่ควรเมินเฉยเริ่มปรากฏ
ผู้กำกับ
มิงกี้ สไปโร
บริษัท ค่ายหนัง
- BLB
- The Three Body Universe
- T-Street
- Plan B Entertainment
- Primitive Streak
นักแสดง
- ไอซ่า กอนซาเลซ
- มาร์โล เคลลี
- เจสส์ ฮง
- เบเนดิคท์ หว่อง
- จอห์น แบรดลีย์
- เลียม คันนิ่งแฮม
- ทะเล ชิโมกะ
- อเล็กซ์ ชาร์ป
- Zine Tseng
- Saamer Usmani
- โรซาลินด์ เชา
- โจนาทาน ไพรซ์
- Jovan Adepo
- เบน ชเนทเซอร์
- Avital Lvova
- โจว ไฉ่ฉิน
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
Chanchai Csirre Arreewittayalerd
3 Body Problem [2024]
.
เป็นมินิซีรีส์ที่สร้างจากนิยายจีนชื่อเดียวกัน มันเป็นหนังที่ดูแล้วสนุกมากแต่ต้องดูแบบไม่รู้พล็อดเรื่องอะไรมาก่อนเลย (ชื่อเรื่องก็ไม่สามารถเดาได้ว่าเกี่ยวกับอะไรแน่ รู้แค่ประเภทว่าเป็นนิยายวิทยาศาสตร์) แถมเรื่องนี้พื้นฐานของเรื่องเป็นอะไรที่บังเอิญสนใจอยู่แล้ว เลยยิ่งดูสนุกเข้าไปอีก เอาจริงแล้วเรื่องนี้สนุกกว่า Shogun มาก แถมฉีกบรรยากาศให้เรื่องราวเกิดในยุโรป (เบื่อฉากอเมริกาแล้ว…) เอาเป็นว่าขอรีวิวแบบไม่สปอยล์เลยก็แล้วกัน ฉากสวย บทดี พล็อตแน่น เป็นเหตุเป็นผล ผู้สนใจวิทยาศาสตร์และ science-fiction ห้ามพลาด
คะแนน 9/10 (หัก 1 เพราะอะไรไม่สามารถบอกได้เพราะจะเสียอรรถรสในการรับชม)
สปอยหนัง
🔥รีวิวจากทางบ้าน.. เต็มสิบให้กี่คะแนน ?!
ภัยร้ายเเรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ดาวซานถี่อุบัติการสงครามล้างโลก 🛸
‘3 Body Problem’ ซีรีส์ไซไฟฟอร์มยักษ์จากนิยายชื่อดัง “ดาวซานถี่” การันตีคุณภาพโดยผู้สร้าง Game of Thrones เรื่องราว ณ โลกมนุษย์ หลายสิบปีผ่านพ้นและอยู่ห่างไกลกันคนละฟากเพื่อนรักนักวิทยาศาตร์ทั้ง 5 คน ได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่จะสั่นสะเทือนโลก ขณะที่กฎของวิทยาศาสตร์ได้รับการเปิดเผยและภัยคุกคามที่ไม่ควรเมินเฉยเริ่มปรากฏขึ้น ทุกคนจึงต้องร่วมมือกันเพื่อยับยั้งหยุดภัยคุกคามที่จะนำมาสู่จุดสูญสิ้นของมวลมนุษย์ชาติ.. มนุษยชาติ วิทยาศาสตร์ และสิ่งลี้ลับนอกโลก ทั้งสามสิ่งนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แล้วใครจะเป็นผู้อยู่รอด ? มาลุ้นพร้อมกัน 8 ตอนรวด พร้อมพากย์ไทย ☄
🍿มีทั้งหมด 1 ซีซั่น 8 ตอนรวด ( พร้อมพากย์ไทย )
💬สามารถรับชมได้ที่นี้เลยย👇
ความสุขเล็กๆน้อยๆของชายวัยกลางคน
รีวิวซีรี่ส์ 3 Body Problem (2024 : คะแนน 9 / 10)
กลุ่มเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ 5 คนที่หลังจากเรียนจบอ็อกซ์ฟอร์ด กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่ออาจารย์ของพวกเขาเสียชีวิตจากการทำอัตวิบาตกรรม แต่ไม่ได้ทิ้งจดหมายหรือข้อความใด ๆ เอาไว้บอกแก่คนที่ยังอยู่เลย และโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาค่อย ๆ ค้นพบความลับบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังการตายของอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงลึกลับที่กล้องวีดิโอบันทึกภาพเอาไว้ไม่ได้ หรือเกมเสมือนจริงแปลกประหลาดที่จริง ๆ แล้วเป็นเครื่องมือในการคัดเลือกคนไปสู่ภารกิจบางอย่าง พวกเขาค่อย ๆ พบว่าเงื่อนงำต่าง ๆ นำไปสู่สิ่งที่น่ากลัวและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ โดยมีหน่วยงานลับของรัฐบาลคอยจับจ้องทุกย่างก้าวของพวกเขาอย่างระมัดระวัง
หลังเสร็จสิ้นจากซีรี่ส์ Game Of Thrones สองผู้ดูแลการสร้างสรรค์อย่างเดวิด เบนิออฟ และดี.บี.ไวส์ ก็ได้เซ็นสัญญาที่จะผลิตงานให้กับเน็ตฟลิกซ์ และมีผลงานเรื่องแรกเป็นซีรี่ส์เรื่องนี้ที่เขาร่วมมือกับอเล็กซานเดอร์ วู ดัดแปลงนวนิยายไซไฟที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของนักเขียนชาวจีน หลิวฉือซิน ที่ตีพิมพ์ออกมาในปี ค.ศ.2006 และมีฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี 2014 (และมีนวนิยายอีก 2 เล่มตามออกมาในฐานะภาคต่อ และถูกเรียกรวมว่าเป็นผลงานไตรภาค Remembrance of Earth’s Past) จริง ๆ ตัวซีรี่ส์ถ่ายทำเสร็จสิ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่เพราะเบนิออฟและไวส์ต้องการถ่ายฉากหนึ่งเพิ่มเติม แต่ติดการประท้วงของสมาคมนักแสดงอเมริกา ทำให้การถ่ายทำเพิ่มฉากดังกล่าวต้องรอให้การประท้วงเสร็จ และเป็นเหตุให้ซีรี่ส์เรื่องนี้ได้ฉายปีนี้แทน
โดยภาพรวม 3 Body Problem มีความทะเยอทะยานทั้งด้านการสร้าง เล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างสองช่วงเวลา อดีตสมัยที่สาธารณประชาชนจีนเผชิญกับการปฎิวัติวัฒนธรรม กับยุคสมัยใหม่ที่เป็นช่วงเวลาที่เหตุการณ์หลัก ๆ ของเรื่องเกิดขึ้น มีตัวละครมากมายไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ (เบเนดิกต์ หว่อง) หัวหน้าของเขา (เลียม คันนิ่งแฮม) เพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 5 คน รวมถึงด็อกเตอร์ยี่ (โรซาลินด์ เซา) ซึ่งดูจะเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดต่อซีซั่นนี้และต่อตัวหนังสือ เพราะใช้เวลาเล่าเรื่องทั้งอดีตและปัจจุบันของเธอค่อนข้างมากทีเดียว
ตัวซีรี่ส์ทั้งแปดตอนถือว่าทำออกมาได้น่าพอใจทีเดียว งานสร้างแน่นอนว่าด้วยงบประมาณมหาศาล ก็สามารถทำให้ถึงฟอร์มสมกับเป็นงานจากคนเบื้องหลังแถวหน้าของฮอลลีวูด ไม่ว่าจะงานกำกับ งานภาพ และการออกแบบงานสร้างถือว่าไม่มีส่วนไหนเป็นข้อด้อยเลย แม้แต่เทคนิคพิเศษก็ถือว่าออกมาใช้ได้ เช่นเดียวกับการแสดง ที่ถือว่าระดมนักแสดงได้น่าสนใจ โจวาน อะเดโป้,เจสส์ ฮง,จอห์น แบรดลี่ย์(หนึ่งในนักแสดงจาก Game Of Thrones) กับอเล็ก ชาร์ปดูน่าเชื่อพอสมควรในฐานะตัวละครที่เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และแม้แต่ไอซ่า กอนซาเลซ ที่ตอนเล่น Ambulance หนังของไมเคิล เบย์ถูกวิพากย์วิจารณ์ว่าดูไม่น่าเชื่อในบทเจ้าหน้าที่แพทย์หน่วยฉุกเฉินเท่าไหร่นัก และนอกนั้นก็มักได้รับบทสาวเซ็กซี่ที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อให้กับตัวละครของเธอได้เป็นอย่างดี และดูกลมกลืนกับตัวละครเพื่อน ๆ ของเธอรวมถึงตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง
ส่วนรุ่นใหญ่อย่างหว่อง ไปจนถึงคันนิ่งแฮมและโจนาธาน ไพรซ์ (สองคนหลังก็เคยเล่น Game Of Thrones เช่นกัน) ก็ทำหน้าที่ตัวเองได้ดี แม้บทจะไม่ได้เอื้อให้ทำอะไรมาก แต่คนที่โดดเด่นสูงสุดในซีซั่นนี้ก็คือโรซาลินด์ เซา (รวมถึง Zine Tseng ที่รับบทเดียวกันในวัยสาว) ผู้มารับบทตัวละครเย่เวนจี้ อาจจะเพราะซีซั่นนี้เลือกที่จะให้รายละเอียดแก่ตัวละครของเธอ ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เธอลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ในเรื่อง ไปจนถึงความรู้สึกเมื่อค่อย ๆ พบว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ค่อยจะเป็นอย่างที่คิดมากขึ้น เซาอาศัยประสบการณ์ 30 ปีนับตั้งแต่สมัยที่เล่นภาพยนตร์ The Joy Luck Club สร้างเลือดเนื้อและความซับซ้อนให้แก่ตัวละครของเธอได้ สมกับที่บทเอื้อให้เธอทำเช่นนั้นได้อย่างเต็มที่
แน่นอนว่าหากไม่โดนเน็ตฟลิกซ์ตัดจบ เพราะคนดูน้อยเกินไปเหมือนซีรี่ส์อื่น ๆ คนดูก็คงจะได้ดูซีซั่นต่อไปของ 3 Body Problem แน่นอน เพราะผู้สร้างวางแผนที่จะทำต่ออีกอย่างน้อย 3 ซีซั่นจากส่วนที่เหลืออยู่ของนวนิยายทั้ง 3 เล่ม และถ้าวัดจากซีซั่นนี้ ก็สมควรที่จะไปต่อมาก ๆ เพราะเล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตามในทุกตอน (แม้จะซับซ้อนไปบ้างบางช่วง และตัวละครบางตัวก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีรายละเอียดที่น่าสนใจเท่าไหร่) และเชื่อว่าน่าจะสร้างฐานแฟนที่จะคอยติดตามอย่างเหนียวแน่นได้แน่ ๆ
Supatanis Ham Kaewkong
3 Body Problem (Netflix)
ซีรีส์แนว ผจญภัย, ดราม่า, แฟนตาซี, ลึกลับ, ไซไฟ ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ การตายอย่างมีปริศนาของเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกติดต่อกันหลายคน และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เกิดผิดเพี้ยนไปทั่วโลก เลยทำให้ต้องมีการสืบคดีเพื่อค้นหาความจริง ในขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มนักเพื่อนวิทยาศาสตร์ 5 คน ที่ต้องการสืบหาความจริง ถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายของอาจารย์พวกเขา จนกลายเป็นเรื่องราวที่มาทั้งหมดของเรื่อง
บทและการดำเนินเรื่อง : ซีรีส์ดัดแปลงมาจากนิยายไซไฟของหลิวฉือซินในปี 2008 ที่ชื่อว่า “ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก” ที่เริ่มเล่าเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์สาวในยุคปฏิวัติจีนคนหนึ่ง ที่ได้เห็นพ่อของตัวเองต้องตายจากเหตุการณ์ปฏิวัติในประเทศจีน โดยคนดูจะได้รับสารเพียงเท่านั้นเป็นการเรียกน้ำย่อยและกระตุ้นต่อมความอยากรู้ของคนดู ก่อนที่บทจะสลับมาสู่ Part ของโลกในยุคปัจจุบัน ที่เริ่มมีนักวิทยาศาสตร์ตายอย่างเป็นปริศนาติดๆกันหลายคน หลังจากนั้นบทจะเริ่มพูดถึง กลุ่มเพื่อน 5 คนที่เคยเรียนด้วยกัน โดยเริ่มมีเหตุการณ์ประหลาดที่อธิบายไม่ได้กับ Saul Durand ในการทดลองของเขาและหลังจากนั้นอาจารย์ของเขาก็ฆ่าตัวตาย ด้าน Auggie Salazar ก็เห็นภาพประหลาดของตัวเลขนาฬิกานับถอยหลังที่ไม่มีใครเห็น โดยเงื่อนไขที่จะทำให้มันหายไปเธอจะต้องหยุดโครงการวิจัยนวัตกรรมที่ทำอยู่
แล้วหลังจากกงานศพของอาจารย์ที่ฆ่าตัวตาย Jin Cheng ก็ได้รับหมวกเล่นเกมประหลาดจากแม่ของอาจารย์คนนั้น ซึ่งเมื่อเกิดเรื่องประหลาดกับพวกเขาที่เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าทั้ง 3 คน รวมไปถึงเหตุการณ์การฆ่าตัวตายของอาจารย์ของพวกเขา ทำให้พวกเขาเริ่มค้นพบความจริงที่ว่า เรื่องราวเหล่านั้นมันเชื่อมโยงกันและนำไปสู่การมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาวจากดาวซานถี่ ซึ่งการเล่าเรื่องในช่วงนี้จะเป็นสลับ Part ไปมาระหว่างยุคปัจจุบันกับยุคปฏิวัติจีน เพื่อเชื่อมโยงถึงที่มาที่ไปของการที่มนุษย์ต่างดาวจากดาวซานถี่ต้องการที่จะมายังโลก จากนั้นตัวบทจะปูเรื่องราวไปถึง การที่ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความน่ากลัวของมนุษย์ต่างดาวจากดาวซานถี่ และการพยายามที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องโลกจากการรุกรานในครั้งนี้ จนนำไปสู่บทสรุปในท้ายของเรื่อง และทิ้งปมประเด็นไว้ในการสร้างภาคต่อ
ซึ่งภาพรวมของบทและการดำเนินเรื่อง ส่วนตัวมองว่า ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการหยิบทฤษฎีและความเชื่อหลายๆอย่างมาผนวกรวมเข้าด้วยกัน เช่น การมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว การมีอยู่ของพระเจ้า การที่พระเจ้าคือมนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าโลกเรามากๆ รวมถึงการที่มนุษย์ต่างดาวต้องการจะมายึดครองโลก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้ถือว่าเป็นของใหม่สำหรับวงการซีรี่ส์หรือภาพยนตร์แต่อย่างใด แต่สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดี คือการพยายามนำเทคโนโลยีต่างๆในโลกยุค 2024 ใส่เข้าในภาพยนตร์เพื่อให้เรารู้สึกอินมากขึ้น รวมถึงการใส่บทที่เกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ที่เหมือนจะไม่ได้จำเป็นในเรื่องมากนัก แต่ก็ถือเป็นจุดแปลกใหม่ของซีรีส์ฝั่งอเมรกา-ยุโรปอยู่ และแม้ว่าการดำเนินเรื่องที่หลายๆคนรู้สึกว่ามันค่อนข้างช้า และ ความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ยังน้อยกว่าที่คาดหวัง แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกว่า มันน่าเบื่อขนาดนั้น เพราะหากมองจริงๆแล้วต้องยอมรับด้วยว่าภาคนี้คือภาคแรก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ตัวบทต้องพยายามปูเรื่องราวเพื่อสร้างภาคอื่นๆต่อ แต่ส่วนตัวก็มองว่าในตัวบทและการดำเนินเรื่อง ก็มีสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันจะมองข้ามไปไม่ได้ นั่นก็คือ จุดเชื่อมของเรื่องราวที่ดูไม่สมเหตุสมผลในหลายๆจุด แม้หลายคนอาจมองว่า สามารถมองข้ามไปได้ แต่เราว่ามันแปลกที่จะมองข้ามเพราะว่าเรื่องนี้คือซีรีส์แนววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ภาพรวมยังรู้สึกชอบและอยากให้มีภาคต่อไปอีก (9.1/10)
นักแสดง : แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ได้ติดตามผลงานของเหล่านักแสดงในเรื่องมา แต่ต้องยอมรับว่าทุกคนแสดงที่ดี แสดงได้ดินตามบทบาทมากๆ โดยเฉพาะการเล่นกับความกลัว รวมไปถึงการเข้าถึงบทเศร้า บทดรามาได้ดี (9.3/10)
โปรดักชั่น : ภาพรวมในทุกด้านถือว่า ดีงาม โดยเฉพาะการสร้างฉาก แสง สี โทนภาพ Sound ที่ทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวบท แม้ว่า CG อาจจะยังไม่ได้ทำให้รู้สึก ว้าว เท่า GOT แต่รวมๆแล้วไม่ได้น้อยกว่ากันเท่าไหร่เลย (9.5/10)
ภาพรวมให้ 9.3/10 เป็นซีรีส์แนว Sci-fi ที่ถือว่าไม่ควรพลาดเรื่องนึงเลย ในปี 2024 นี้
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Alien Romulus (2024) เอเลี่ยน โรมูลัส
The Peripheral (2022) ท่องมิติพลิกโลก
6.8