Working Girl (1988) เวิร์คกิ้ง เกิร์ล หัวใจเธอไม่แพ้
เรื่องย่อ
Tess McGill เป็นเลขานุการที่ท้อแท้ ดิ้นรนเพื่อก้าวไปข้างหน้าในโลกของธุรกิจขนาดใหญ่ในนิวยอร์ก เธอได้รับโอกาสเมื่อเจ้านายของเธอหักขาในวันหยุดเล่นสกี McGill ใช้ประโยชน์จากการขาดงานของเธอเพื่อผลักดันอาชีพการงานของเธอ เธอร่วมมือกับนายหน้าการลงทุน Jack Trainer เพื่อทำงานใหญ่ สถานการณ์มีความซับซ้อนหลังจากการกลับมาของเจ้านายของเธอ เทสส์ แม็กกิลล์ เป็นผู้หญิงชนชั้นแรงงานจากสเตเทนไอแลนด์ที่ใฝ่ฝันที่จะไต่เต้าในองค์กรจนได้ตำแหน่งผู้บริหาร แม้ว่าจะมีวุฒิการศึกษาด้านธุรกิจจากการเรียนภาคค่ำ แต่เจ้านายและเพื่อนร่วมงานชายของเธอที่บริษัทนายหน้าซื้อขายหุ้นในแมนฮัตตันตอนล่างซึ่งเธอทำงานเป็นเลขานุการกลับปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นนังโสเภณีแม้ว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากความฉลาดและสัญชาตญาณทางธุรกิจของเธอก็ตาม หลังจากถึงขีดจำกัดของเธอจากการถูกเจ้านายดูหมิ่น เทสส์ก็ลาออกอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นเทสก็ได้งานเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหารให้กับแคทธารีน ปาร์กเกอร์ ผู้ช่วยสาวในฝ่ายควบรวมและซื้อกิจการ ในตอนแรกแคทธารีนดูเหมือนจะสนับสนุนเทส โดยกระตุ้นให้เธอแบ่งปันความคิด แต่สุดท้ายก็บอกกับเทสว่าข้อเสนอที่เธอเสนอให้ซื้อเครือข่ายวิทยุโดย Trask Industries นั้นไม่เป็นผล เมื่อแคทเธอรีนขาหักระหว่างเล่นสกี เธอจึงขอให้เทสช่วยดูแลบ้านให้ ขณะอยู่ที่นั่น เทสพบบันทึกการประชุมที่เปิดเผยว่าแคทเธอรีนวางแผนที่จะแอบอ้างแนวคิดของ Trask Industries ว่าเป็นแนวคิดของเธอเอง ต่อมาเธอกลับบ้านมาพบว่าแฟนหนุ่มที่อยู่ด้วยกันกำลังมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่น เขาพยายามคืนดีและขอแต่งงาน แต่เธอตอบอย่างคลุมเครือ
และทั้งคู่ก็ยุติความสัมพันธ์กัน เมื่อเจ้านายไม่อยู่ Working Girl เทสจึงตัดสินใจใช้เส้นสายและเสื้อผ้าของแคทเธอรีนเพื่อดำเนินการตามแผนการควบรวมกิจการของเธอ ด้วยความช่วยเหลือจากซิน เพื่อนของเธอ เทสจึงตัดผมให้เธอและยืมเสื้อผ้าเก๋ๆ ของแคทเธอรีนมาใช้เพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น เทสนัดประชุมกับแจ็ค เทรนเนอร์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยฝ่ายควบรวมกิจการและซื้อกิจการจากบริษัทอื่น เมื่อคืนก่อนหน้านั้น เธอไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในนามของแคทเธอรีน ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัทของเทรนเนอร์ เพื่อทักทายก่อนการประชุม เทรนเนอร์รู้สึกสนใจและเข้าหาเทสที่บาร์ แต่ไม่เปิดเผยชื่อของเขา แม้ว่าเธอจะถามเขาว่าเขารู้จักแจ็ค เทรนเนอร์หรือไม่ก็ตาม ในที่สุดเทสก็จากไป และเขาตามไปพาเธอกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ของเขาหลังจากที่เธอหมดสติในแท็กซี่จากการใช้ยา Valium ร่วมกับแอลกอฮอล์
ผู้กำกับ
- Mike Nichols
บริษัท ค่ายหนัง
- Twentieth Century Fox
นักแสดง
- Harrison Ford
- Sigourney Weaver
- Melanie Griffith
- Alec Baldwin
- Joan Cusack
- Philip Bosco
- Nora Dunn
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
“สะท้อนชีวิตคนหนุ่มสาวยุค 80 กับการดิ้นรนเพื่ออยู่รอดในโลกธุรกิจ” ในยุค 80 คือการเริ่มต้นของยุค “ยัปปี้” อันหมายถึงคนหนุ่มสาวในสังคมชนชั้นกลางที่หาเงินเก่ง ใช่เงินเร็วและหมดเปลืองไปกับความหรูหราและสินค้าแบรนด์เนม Working Girl มีหนังฮอลลีวู้ดมากมายที่สะท้อนภาพชีวิตของคนในแบบที่เรียกว่า “ยัปปี้” นี้ได้ดี และ Working Girl (1988) คือหนึ่งในจำนวนนั้น เพียงแต่หนังไม่ได้ตีแผ่ของคนหนุ่มสาวในแบบยัปปี้แต่เพียงอย่างเดียวแต่ยังเล่าถึงหนทางการตะกายเข้าสู่สังคมในแบบนั้นด้วย ซึ่งหนังไม่ได้ทำออกมาในแบบดรามาที่เคร่งเครียดจริงจัง เพราะด้วยฝีมือของผู้กำกับรางวัลออสการ์ ไมค์ นิโคลส์ ที่มากำกับเรื่องนี้แล้วทำให้ Working Girl (1988) ออกมาในแบบสบาย ๆ แต่เสียดสีสังคมวัตถุนิยมแบบอเมริกันได้อย่างลึกซึ้ง ในความตลก สนุกสนาน ที่แทบจะเป็นหนังตลกโรแมนติคเรื่องหนึ่ง Working Girl (1988) กลับแฝงสาระที่น่าชื่นชม
เนื้อหาของ Working Girl (1988) เล่าถึง เทสส์ แม็คกิลล์ ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถแต่ถูกมองข้ามเพียงเพราะมาจากสังคมระดับล่างและไม่ได้จบจากสถาบันชื่อดัง เธอจึงเป็นได้แค่เพียงเลขานุการที่ถูกเอาเปรียบมาตลอดอีกทั้งยังถูกเหยียดในความเป็นผู้หญิงอีกด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเทสส์พบว่าเจ้านายของเธอแอบเอาความดีความชอบจากไอเดียของเธอไปนั่นเองทำให้เทสส์ลุกขึ้นมาสู้เพื่อสิทธิในความคิดด้านธุรกิจของเธอนั้น และนั่นคือหนทางพิสูจน์ฝีมือของเธอ หนังเล่าเรื่องแวดวงธุรกิจในนิวยอร์คแบบง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้ความซับซ้อนมากนักเพราะส่วนสำคัญของหนังอยู่ที่ชีวิตผุ้หญิงคนหนึ่งไม่ใช่การแข่งขันในเชิงธุรกิจ เมลานี กริฟฟิธ รับบท เทสส์ แม็คกิลล์
ได้ดีและกลายเป็นบทที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอไปแล้ว แต่เดิมนั้น เมลานี กริฟฟิธ ถูกรู้จักในนามลูกสาวของนักแสดงดัง ทิปปี้ เฮเดรน เท่านั้นแถมซ้ำผลงานในยุคแรกของเธอยังออกมาในแนวเซ็กซี่ที่ทำให้เมลานีถูกมองข้ามในฝีมือมาตลอด แต่บทบาท เทสส์ แม็คกิลล์ ในเรื่องนี้ดูจะเหมาะกับเธอเหลือเกิน เพราะโดยพื้นฐานของตัวละคนี้เป็นแค่เลขานุการกับการแต่งตัวที่เปรี้ยวเฉี่ยวไปสักหน่อย ในมุมหนึ่งของเทสส์จึงเป็นความเซ็กซี่อยู่ไม่น้อย แต่เมื่อต้องมาเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองเป็นสาวทำงานในย่านธุรกิจของแมนฮัตตัน เทสส์ แม็คกิลล์ ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ดีอีกด้วย ซึ่งบทบาทแบบนี้จำต้องใช้ทั้งหน้าตา รูปร่าง และฝีมือ ซึ่ง เมลานี กริฟฟิธ มีอยู่อย่างครบถ้วน
ส่วนบทพระเอกของเรื่องมี แฮร์ริสัน ฟอร์ด มาแสดงในบทนักธุรกิจด้านการควบรวมบริษัทที่มาเป็นคู่หูในการทำงานของเทสส์ ซึ่งนับเป็นภาพที่แปลกตาอีกครั้งของเขากับการใส่สูทในบทเบา ๆ ไม่ใช่แนวทางแอ๊คชั่นผจญภัยที่หลายคนคุ้นเคย นักแสดงสำคัญอีกคนคือ ซิเกอร์นีย์ วีเวอร์ ในบทเจ้านายของเทสส์ที่ใช่ไอเดียของเธอในการทำงานแล้วแอบเอาความดีความชอบไปคนเดียว เธอเป็นนักแสดงที่ทำได้ดีทั้งบทดรามาและบทเบา ๆ ที่มีผ่านมาอย่างหลากหลายอยู่แล้วและผลงานในเรื่องนี้คือหนึ่งหนังที่ดีที่สุดของเธอแม้จะเป็นตัวร้ายก็ตาม ส่วนอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ โจน คูแสค ในบทเพื่อนสนิทของเทสส์ที่เป็นเลขานุการเหมือนกัน นับเป็นบทที่สร้างสีสันให้กับเรื่องและกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเพราะบทบาทในเรื่องนี้นั่นเอง
ที่น่าสนใจที่สุดคือนักแสดงหญิงในบทเด่นทั้งสามคนของ Working Girl ได้เข้าชิงออสการ์สมกับชื่อหนังทั้งสามคนคือ เมลานี กริฟฟิธ ในสาขานักแสดงนำ ซิเกอร์นีย์ วีเวอร์ และโจน คูแสค ในสาขานักแสดงสมทบ นอกจากนั้นยังได้เข้าชิงในสาขาหนังยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยมอีกด้วย แต่รางวัลออสการ์สาขาเดียวที่หนังได้รับคือเพลงประกอบยอดเยี่ยมนั่นคือเพลง Let the River Run ของ คาร์ลีย์ ไซมอน สาวเก่งอีกคนของวงการเพลง และเพลงนี้เองได้อยู่ในทุกอณูของหนังตั้งแต่เปิดเรื่องจนถึงเครดิทท้ายเรื่อง ที่สะท้อนภาพของการต่อสู้และใช่ชีวิตในเมืองใหญ่ได้ดี มาจนถึงทุกวันนี้ Working Girl (1988) คือหนังอีกเรื่องที่สะท้อนชีวิตในยุค 80 ได้ดีเช่นกัน
เทส แม็คกิล (Melanie Griffith) คือเลขามากความสามารถที่หวังจะก้าวหน้าในอาชีพ แต่ก็ไม่มีโอกาสซะที ได้เป็นแต่พนักงานนั่งโต๊ะต๊อกต๋อยไปวันๆ จนกระทั่งแคทเธอรีน ปาร์คเกอร์ (Sigourney Weaver) เจ้านายของเธอประสบอุบัติเหตุต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายสัปดาห์ เธอเลยถือโอกาสนี้ลองติดต่อธุรกิจด้วยตัวเองโดยอ้างตัวเป็นหุ้นส่วนของแค ธเธอรีนซะเลย แล้วในที่สุดเธอก็ได้จับงานใหญ่ตามความฝันของเธอ อีกทั้งยังได้เจอแจ๊ค เทรนเนอร์ (Harrison Ford) นายแบ๊งค์รูปหล่ออีกต่างหาก แต่มันจะราบรื่นตลอดมั้ย จะมีปัญหาตามมาหรือเปล่า อันนี้ต้องลองติดตามครับ
อีกหนึ่งงานกำกับ ของ Mike Nichols (Regarding Henry, Closer) ที่จัดได้ว่าเป็นหนังคุณภาพอีกเรื่อง เนื้อหาก็คงเดาออกนะครับว่าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนึงที่พยายามทำตามความฝันและ แสดงความสามารถของตนเอง แต่ไม่มีโอกาส และพอจังหวะมาถึงเธอก็ไม่รอช้าที่จะคว้าไว้ และการที่เธอประสบความสำเร็จนั้นก็ไม่ใช่เพราะความฟลุ๊คด้วย เพราะจะว่าไป เทสนั้น ก็เป็นคนเก่งนะครับ แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงและผู้หญิงมักจะไม่ค่อยได้แตะงานใหญ่เท่าไหร่ ใช่ครับ แม้แต่ยุคนี้ก็ตาม ผู้หญิงก็ยังถูกกีดกันอยู่นะ (แต่เริ่มน้อยลงแล้ว) ส่วนใหญ่ ต้องผู้ชายนั่นน่ะครับ ถึงจะได้ทำ ซึ่งก็ไม่รู้ทำไมนักหนา ใครออกกฎรึไงก็ไม่รู้ ดังนั้นในกรณีของเทส เธอเก่งก็จริง แต่ก็ต้องมีโชคและโอกาสด้วยแหละครับ ซึ่งดูแล้ว ก็เหมือนดูหนังคนสู้ชีวิตอีกประเภทหนึ่ง ไม่ใช่จากจนแล้วรวยนะครับ แต่เป็นแบบไม่ยอมแพ้น่ะ
แต่หนังก็มีบ้างนะครับ ที่จะเอื่อยๆ ซึ่งก็ต้องทำใจล่ะ แต่ยังไงซะก็อยากให้ดูครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงน่ะนะครับ Griffith แสดงได้ดีครับ ดูแล้วเชื่อจริงๆ ว่าเธอเป็นหญิงเก่ง ส่วนพี่ Ford ของผมนี่คงไม่ต้องบรรยายล่ะนะครับ แกไปได้เรื่อยๆ อยู่แล้วล่ะ แต่คนที่เด่นสุด เห็นจะหนีไม่พ้นเจ๊ Sigourney Weaver ล่ะครับ จะว่าไปบุคลิกลักษณะของเธอมันใกล้เคียงกับกอร์ดอน เก๊กโค่แห่ง Wall Street เลยนะครับ เพียงแต่จะไม่อำมหิตเท่า แต่เรื่องความเจ้าเล่ห์นี่เก่งกาจไม่แพ้กัน หนังมีสีสันมากขึ้นในตอนท้ายก็เพราะ Weaver นี่แหละ
สรุปว่านี่เป็นหนังแนวเวิร์คกิ้งเกิร์ลสมชื่อครับ Working Girl ดูสนุกและน่าจะช่วยเพิ่มกำลังใจคุณผู้หญิงในระดับหนึ่ง ปล. คุณจะได้พบกับ Kevin Spacey และ David Duchovny ในบทสมทบเล้กๆ ด้วยนะครับ และนอกจากนี้ตัวหนังเองฉากที่ทำงานของสองสาวนั้นน่ะ ก็ถ่ายทำกันบนชั้น 7 ของตึกเวิร์ดเทรดที่ถล่มไปเรียบร้อยแล้วเมื่อหลายปีก่อน ก็ถ้าใครอยากเห็นสภาพตึกภายในล่ะก็ เรื่องนี้ท่านก็จะได้เห็นครับ (เพราะโอกาสจะได้เห็นของจริงคงไม่มีแล้วล่ะครับ)
