Trainspotting (1996) แก๊งเมาแหลก พันธุ์แหกกฎ
เรื่องย่อ
การเดินทางของ Trainspotting ที่ไร้รูปแบบและป่าเถื่อนผ่านช่องว่างที่มืดมนที่สุดของชีวิตที่ตกต่ำในเอดินบะระโดยมุ่งเน้นไปที่ Mark Renton และความพยายามที่จะเลิกนิสัยชอบเฮโรอีนของเขาและผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวและเพื่อน ๆ : Sean Connery wannabe Sick Boy, dimbulb Spud, Psycho Begbie, Diane แฟนสาววัย 14 ปีและ Tommy นักกีฬามือสะอาดที่ไม่เคยสัมผัสยา แต่อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น
ผู้กำกับ
- Danny Boyle
นักแสดง
- Miramax
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
Trainspotting หลังกลายเป็นที่จับตาจากการทำหนังอินดี้ทุนจำกัดจำเขี่ยอย่าง Shallow Grave (1994) แดนนี่ บอยล์ ก็พบว่าตัวเองกำลังวุ่นอยู่กับการผลักดันงานเรื่องถัดไปร่วมกับสองเพื่อนซี้ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข แอนดรูว์ แม็คโดนัลด์ ในฐานะโปรดิวเซอร์กับ จอห์น ฮ็อดจ์ ในตำแหน่งคนเขียนบท และไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดหรือไม่ พวกเขาก็หมกมุ่นอยู่กับความพยายามจะดัดแปลงนิยายของ เออร์ไวน์ เวลช์ ชื่อ Trainspotting ซึ่งเกี่ยวกับวัยรุ่นเสพยา “ปัญหาอยู่ตรงที่เราซื้อลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ตรงๆ ไม่ได้” แม็คโดนัลด์กล่าว “เพราะโนลเกย์ (บริษัทผลิตรายการทีวี) ซื้อไปแล้ว แถมเอาไปดองไว้เฉยๆ แต่พอเราจะทำ พวกเขาก็หูผึ่งขึ้นมาและอยากมีเอี่ยว”
แม้การเจรจาเรื่องสิทธิในการสร้างกินเวลาเป็นเดือน สิ่งที่ช่วยคลี่คลายปัญหาก็คือสคริปต์อันดีเลิศ สามหน่อได้รับทุนมาจำนวน 1.5 ล้านปอนด์ถ้วน ซึ่งก็นับว่าเพียงพอในสายตาของคนทำหนังอิสระ พวกเขาไม่ได้ต้องการทุนที่มาก ขอแค่ได้ทุนที่เพียงพอ เหตุนี้กระบวนการต่างๆ จึงออกไปทางเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก เน้นความว่องไวตามปัจจัยทรัพยากรอันน้อยนิด อย่างบรรดาทีมงานเน้นใช้ชุดเดิมๆ จาก Shallow Grave ส่วนการแคสต์นักแสดงก็มีทั้งแบบเป็นตัวเลือกในใจและแบบผ่านฉลุยภายในไม่กี่วิ กระนั้น พวกเขายังคงใส่ความพิถีพิถัน ในเมื่อตัวละครต่างๆ ล้วนมีเอกลักษณ์ เป็นฟันเฟืองหลัก ต้องไม่มีใครที่หมองหรือถูกเพื่อนๆ กลบ นี่คือเรื่องราวการตามติดชีวิตวัยรุ่นเสเพลกลุ่มหนึ่งในเอดินเบอระ
“สิ่งหนึ่งที่ผมจำได้แจ่มชัดก็คือเรามีทีมนักแสดงที่เจ๋งโคตรๆ” บอยล์ยืนยัน “ปกติถ้ามีเด่นๆ ได้สองสามบทก็นับว่าเก่งแล้ว แต่นี่นักแสดงเจ็ดแปดคนเล่นกันได้ถึงใจ เหมือนต่างคิดกันว่าพวกเขาคือตัวเอก กลายเป็นหนังที่ไม่มีบทสมทบ” รายแรกสุดที่ได้มาคือ Trainspotting ยวน แม็คเกรเกอร์ ในบท มาร์ค เรนตัน อาศัยความรู้จักมักคุ้นหลังเพิ่งเป็นตัวเด่นใน Shallow Grave มาหมาดๆ แต่บทนี้ก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เป็นความท้าทายที่จะเปิดโอกาสให้แม็คเกรเกอร์ได้พิสูจน์อย่างเต็มที่ ได้สำรวจตัวละครในทุกแง่มุม ความเมามาย ความบ้าคลั่ง ความเจ็บปวด
จากนั้นคนอื่นๆ ก็ทยอยมา อย่างในรายของ ยวน เบรมเนอร์ กับ โรเบิร์ต คาร์ไลล์ ซึ่งถูกวางตัวไว้สำหรับบท สปัด กับ เบ็กบี้ แต่แรก ขณะที่ จอห์นนี่ ลี มิลเลอร์ ก็สามารถแปลงเป็น ซิกบอย ต่อหน้าต่อตาทีมงานทันทีที่ก้าวเข้าห้อง ส่วนในบางบทเป็นการออดิชั่นวัยรุ่นหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ ซึ่งหนึ่งในผลผลิตนี้ก็คือ เคลลี่ แม็คโดนัลด์ ในบท ไดแอน และบทจำพวกตัวประกอบก็ใช้ทีมงานผลัดกันเข้ากล้อง ไม่ว่าผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ หรือแม้แต่เจ้าของงานต้นฉบับอย่างเวลช์ยังมาร่วมแจม
“ขอแค่ได้ตัวหลักๆ ไว้ก่อน” บอยล์อธิบาย “ถึงยังไงเราก็ไม่จำเป็นต้องให้นักแสดงซ้อมกันทุกคนเพราะมีหลายบทถ่ายแค่วันสองวัน” ความประหยัดคือวาระแห่งชาติ ทุกภาคส่วนต้องหาวิธีใช้สอยงบที่น้อยแต่ตักตวงประโยชน์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างฟากโปรดักชั่นอาศัยวิธีขอยืม หาจากกองขยะ หรือซื้อจากคนขายของเก่า แล้วก็แปรสภาพสิ่งเหล่านั้นให้ดูมีราคาด้วยสิ่งที่เรียกว่า “สไตล์” ลองนึกถึงฉากในบาร์ แสงสีจากไฟนีออนสองเฉดที่ชวนให้ล่องลอย หรือสภาพห้องหับโกโรโกโสอันเป็นแหล่งมั่วสุม หรือแม้แต่ฉากส้วม “ที่กากที่สุดในสก็อตแลนด์” งานเหล่านั้นคงไม่อาจติดตาฝังแน่นทนนานได้เลยหากปราศจากทีมโปรดักชั่นที่ยอดเยี่ยม
“สำหรับฉากห้องน้ำต้องยกเครดิตให้กับ เคฟ ควินน์ คนออกแบบ และ ไบรอัน ทูฟาโน ที่เป็นตากล้อง” ผู้กำกับบรรยาย “เพราะเราถ่ายฉากนี้โดยไม่ใช้ซีจีเลยสักนิด” แท้จริงสภาพของห้องน้ำสุดแสนโสโครกนั้นกลับสะอาดเหลือเชื่อ แถมอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของช็อคโกแลตนานาชนิดขนาดที่ว่ารัญจวนจนอยากใช้ลิ้นเลีย งานนี้ต้องยอมใจแม็คเกรเกอร์ที่ถ่ายทอดสีหน้าสะอิดสะเอียนได้อย่างสมจริง ซึ่งถ้าพิจารณาความยุ่งยากในการสวมบทบาท Trainspotting พระเอกของงานนี่เองที่ต้องแบกไว้มาก มีภาระเยอะเป็นพิเศษสำหรับหน้าที่ดำเนินเรื่องราว เริ่มจากเชิงกายภาพที่ต้องลดน้ำหนักให้ผอมซูบสมการเป็นคนติดยาพ่วงด้วยการตัดสกินเฮด ทั้งยังมีฉากที่ต้องกัดฟันวิ่งเป็นสิบเทค ไปจนถึงการทำความเข้าใจตัวละคร ซึ่งการเข้าถึงมุมมองความรู้สึกของคนเสพเฮโรอีนไม่ใช่อะไรที่ง่าย
“เราได้พบปะพูดคุยกับคนมากมายที่เคยใช้ยา” เจ้าตัวกล่าว “พวกเขาหลายคนก็ได้อ่านหนังสือมาเหมือนกันและก็รับรู้ว่าเราจริงจังกับมันมาก” การถ่ายทำเสร็จสิ้นใน 35 วันโดยเป็นการตระเวนไปถ่ายในทำเลต่างๆ รวมกว่า 50 แห่ง เวลานั้นมันคือหนังที่ไม่จำเป็นต้องคาดหวังอะไร โดยเฉพาะเมื่อช่วงเวลานั้นผู้คนในอังกฤษกำลังนิยมหนังโรแมนติคแบบ Four Weddings and a Funeral (1994) กับ Sense and Sensibility (1995) แล้วจู่ๆ หนังเกี่ยวกับขี้ยาแต่งตัวมอซอจะขายได้อย่างไร แต่แล้วมันก็เป็นไป เพราะลำพังการทดลองฉายซีนเปิดสี่นาทีแรกให้ค่ายใหญ่อย่างโพลีแกรมได้ชม พวกเขาถึงกับยกระดับการจัดจำหน่าย
นอกจากนั้น บอยล์และพรรคพวกยังสามารถผลักดันอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญได้อย่างเกินตัว นั่นคือซาวด์แทร็ก ไม่น่าเชื่อว่าหนังทุนล้านห้าจะสามารถรวบรวมเพลงเด็ดโดนใจของศิลปินมากมายไว้ อาทิ Iggy Pop, Lou Reed, Pulp, Primal Scream และ Blur ที่ขนาดนักร้องนำอย่าง เดมอน อัลบาร์น ยังร่วมชมการฉายรอบสื่อ อยู่ๆ หนังเรื่องนี้ก็ดูน่าตื่นเต้นขึ้นมา “มีสามสี่เพลงที่แต่งขึ้นใหม่โดยเฉพาะ” แม็คโดนัลด์ผู้เป็นโปรดิวเซอร์เผย “ส่วนบางวงที่ไม่มีเวลาทำเพลงให้ พวกเขาก็ยกเพลงที่ไม่ได้ใช้ในอัลบั้มให้เราเลย”
กลายเป็นภาพยนตร์ฮือฮาได้รับการกล่าวขวัญ แม้ไม่ได้ทำเงินอย่างล้นหลามหรือเป็นเจ้าแห่งเวทีรางวัล สิ่งที่หนังเรื่องนี้ได้สร้างคือวัฒนธรรมความนิยมที่แข็งแรง โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นซึ่งหลงใหลกันในระดับเสพติด พวกเขาคลั่งไคล้ตัวละคร ท่องจำบทพูดที่แฝงไปด้วยความหมาย “จงเลือกชีวิต” สำหรับความรู้สึกสับสนหนทางของคนหนุ่มสาวในยุคบริโภคนิยม พวกเขาได้มองเห็นปรัชญา แง่คิด นี่ไม่ใช่แค่หนังดิบๆ หยาบๆ ที่เชิญชวนให้เล่นยา กลับกัน มันชี้ให้เห็นผลกระทบที่ตามมา ให้เข้าใจโลกในความเป็นจริงที่ที่ผู้คนอยากจะเพ้อฝันแต่ต้องตื่นขึ้นมาดิ้นรน
ฉันเป็นคนแก่คนหนึ่ง Trainspotting และเป็นแฟนหนังที่มีจิตใจเปิดกว้างด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่นักวิจารณ์มักกล่าวถึงว่ามีความสำคัญมาก เมื่อฉันอ่านคำอธิบายของภาพยนตร์เรื่องนี้ ปฏิกิริยาแรกของฉันคือเลี่ยงที่จะดูภาพยนตร์เรื่องนี้โดยสิ้นเชิง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก และฉันก็ชอบนักแสดงจากเรื่อง Elementary ด้วย ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก แม้ว่าจะดูยากที่จะได้เห็นชายหนุ่มเหล่านี้ติดยา แต่ฉันก็เริ่มสนใจพวกเขา พวกเขาเป็นบุคคลที่มุ่งมั่นและมีชีวิตที่ดี มีทั้งดีและไม่ดี แต่พวกเขาก็ล้มเหลวอยู่เสมอเพราะความผิดพลาดของตนเอง ผู้ที่พูดว่าเรื่องนี้เป็นการยกย่องยาเสพติดนั้นพลาดประเด็นไปอย่างสิ้นเชิง
เป็นภาพยนตร์ที่ดึงดูดใจ น่าตื่นเต้น และน่ารังเกียจ โดยอิงจากเมืองใต้ดินที่เสื่อมโทรมของเอดินบะระ เหล่าโจร ผู้ติดยา และคนชั้นล่างที่ก่อความรุนแรงอาศัยอยู่ในบ้านรกร้างกับทารกที่คลานไปมาโดยไม่รู้เท่าทันถึงอันตรายที่พวกเขาเผชิญ เรนตัน (ยวน แม็คเกรเกอร์) เป็นผู้ติดเฮโรอีนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ขโมยของและตามหาเฮโรอีน ชีวิตของเขาช่างว่างเปล่าและเขารู้ตัวว่าต้องเลิกเฮโรอีนให้ได้ แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามเลิกเฮโรอีน ก็มีบางอย่างดึงเขากลับไป เรนตันได้สัมผัสกับด้านดีของเฮโรอีน แต่เขารู้ดีว่าด้านไม่ดีนั้นมีราคาแพงเกินไปที่จะจ่าย เพื่อนและผู้ร่วมงานของเขาทำให้เขาเลิกเสพยาได้ยาก
ผู้กำกับแดนนี่ บอยล์ได้เติมพลังให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเพลงประกอบ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาที่ชวนขนลุก ไม่ต่อเนื่อง เก๋ไก๋ และไร้ศีลธรรมในบางช่วง แม้ว่าจะมีชื่อเสียงในด้านความเท่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความน่าเกลียดของการเสพติด โดยเฉพาะกับตัวละครทอมมี่ที่คลั่งไคล้การออกกำลังกายและรักความสะอาด แต่กลับหันไปพึ่งยาเสพติดเมื่อแฟนสาวทิ้งเขาไปและเขาเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง A Clockwork Orange ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่ตัวละครหลักเป็นผู้บรรยาย ซึ่งทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่นและดึงเอาอารมณ์ขันที่มืดหม่นออกมา ฉันเพิ่งได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรกเมื่อยี่สิบปีที่แล้วหลังจากเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และรู้สึกประทับใจที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถยืนหยัดผ่านการทดสอบของเวลาได้เป็นอย่างดี
หลังจากอ่านบทวิจารณ์บางส่วนที่วิจารณ์หนังเรื่องนี้ ฉันก็ต้องพูดออกมา หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่หยาบกระด้างและสกปรก มีเนื้อหาที่ไม่น่าดู การใช้คำหยาบคายและความรุนแรงก็เป็นเรื่องอื่นๆ คุณคิดว่าหนังเกี่ยวกับการติดยาควรเกี่ยวกับอะไรอีก? จริงๆ แล้วมากกว่านั้น มันเกี่ยวกับทางเลือกและสิ่งที่คุณเลือก! หนังเรื่องนี้ไม่เคยทำให้ยาเสพติดดูน่าดึงดูดสำหรับฉันเลยสักครั้ง ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมคนจำนวนมากถึงคิดแบบนั้น ไม่เคยมีการพูดว่า “ดูนี่สิ เจ๋งดี” Trainspotting เลย สำหรับคนที่คิดว่าการใช้คำหยาบคายในหนังเรื่องนี้มากเกินไป แสดงว่าพวกเขาไม่เคยใช้เวลาอยู่กับคนชนชั้นแรงงานในอังกฤษเลย ไม่ใช่แค่สกอตแลนด์เท่านั้น ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สามารถพูดได้ว่ามันค่อนข้างแม่นยำ ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้หนังเรื่องนี้แย่ลงเลย คุณภาพของโครงเรื่องและเรื่องราว หรือการแสดงซึ่งสุดยอดมาก! โรเบิร์ต คาร์ลิซในบทเบกเบ้ทำได้ยอดเยี่ยมมาก และอีวาน แม็คเกรเกอร์ก็โดดเด่น นอกจากนี้ ตัวละครสปัดก็สมควรได้รับการกล่าวถึง เขาเล่นได้ดีมากจริงๆ
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Stuck in Love (2012) หลุมรักพลางใจ
3:10 to Yuma (2007) ชาติเสือแดนทมิฬ
7.1