Togo (2022) โทโก
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายภาพเหตุการณ์ระหว่างนักขับเลื่อน Leonhard Seppalaที่เลี้ยงสุนัขของเขาTogoและการแข่งขันวิ่งเซรุ่มไปยังเมือง Nome เมื่อปี 1925 ในปี 1913 เซปปาลาและคอนสแตนซ์ ภรรยาของเขา ต้อนรับ ลูกสุนัข ไซบีเรียนฮัสกี้ แรกเกิด สู่ฝูงสุนัขลากเลื่อนของพวกเขาในเมืองโนม รัฐอลาสก้า ในขณะที่เซปปาลายืนกรานที่จะปลดระวางทันทีเนื่องจากมันตัวเล็กและอ่อนแอ คอนสแตนซ์กลับสนับสนุนลูกสุนัขตัวนี้อย่างเต็มที่ สุนัขตัวเล็กกลายเป็นสุนัขที่ควบคุมยากและไม่ยอมอยู่บ้านในขณะที่สุนัขตัวอื่นกำลังทำงาน
มันหลบหนีอยู่ตลอดเวลาเมื่อถูกทิ้งไว้ในกรง และตามหาสุนัขในทีมของเซปปาลา Togo ทำให้การฝึกสุนัขของเซปปาลาต้องหยุดชะงัก หลังจากพยายามกำจัดฮัสกี้ออกไปสองครั้ง สุนัขตัวเล็กก็หลบหนีโดยชนกระจกหน้าต่างและกลับมาอีกครั้งเพื่อพบว่าสุนัขตัวอื่นกำลังฝึกอยู่ เซปปาลายอมแพ้และปล่อยให้มันวิ่งไปกับสุนัขตัวอื่นๆ ซึ่งเขาประหลาดใจมากเมื่อพบว่ามันมีพลังมากพอที่จะวิ่งแซงสุนัขตัวอื่นๆ และเป็นผู้นำโดยธรรมชาติของสุนัขในทีม
เขาตระหนักว่าลูกสุนัขตัวนี้มีศักยภาพที่จะเป็นแชมป์เปี้ยนในอนาคต เขาตัดสินใจเรียกเขาว่า โทโกะ ตามชื่อ ผู้ด้อยโอกาสอีก คน พลเรือเอกญี่ปุ่นโทโกะ เฮฮาจิโร่เขาฝึกฝนโทโกะอย่างเต็มที่จนกระทั่งสามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันAll Alaska Sweepstakes ได้สำเร็จ ทำให้ทั้งโทโกะและตัวเขาเองมีชื่อเสียงในระดับท้องถิ่น ในปี 1925 โรค คอตีบระบาดในเมืองโนม โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเด็ก นายกเทศมนตรีจอร์จ เมย์นาร์ดมีแผนที่จะขนส่งเซรุ่มจากเมืองเนนานาแต่ปรากฏว่าเป็นไปไม่ได้เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรง เจ้าหน้าที่ของเมืองประชุมกันและได้ทราบว่าการขนส่งทางอากาศเป็นไปไม่ได้เนื่องจากสภาพอากาศ และสรุปว่ามีเพียงเซปปาลาเท่านั้นที่มีทักษะในการขับรถ 600 ไมล์ในสภาพอากาศเช่นนี้
เพื่อไปเก็บสารต้านพิษ ในที่สุด เซปปาลาก็โน้มน้าวให้ไปเก็บเซรุ่มและรีบกลับ และตัดสินใจพาโตโกไปด้วยแม้ว่าสุนัขจะอายุมากแล้วก็ตาม (โตโกอายุ 12 ปี ซึ่งถือว่าแก่สำหรับสุนัข ) คอนสแตนซ์เริ่มกังวลและบอกว่าการเดินทางครั้งนี้จะทำให้สุนัขตาย แต่เซปปาลายืนกรานที่จะไปและบอกเธอว่าถ้าไม่มีโตโกเป็นผู้นำทีม ตัวเขาเองคงไม่มีโอกาสรอดชีวิต เซปปาลาและทีมของเขาต้องฝ่าพายุและหยุดพักที่ด่านหน้า ซึ่งแพทย์ประจำท้องถิ่นชื่ออาติกทาลิกบอกกับเขาว่าโตโกเหนื่อยแล้ว เซปปาลาเดินทางต่อไปเป็นระยะทางหลายไมล์ โดยใช้ทางลัดอันตรายข้ามนอร์ตันซาวด์ ที่กำลังละลาย เพื่อช่วยการเล่นเลื่อนหิมะในหนึ่งวัน ในระหว่างนั้น หลังจากที่เขาจากไป ทีม ผลัดก็พร้อมใจกันนำเซรั่มกลับคืนมา โดยแต่ละทีมวิ่งระยะทางเฉลี่ย 31 ไมล์
ในที่สุดเซปพาลาก็ได้พบกับเฮนรี่ อิวานอฟ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมที่นำเซรุ่มมาที่เมืองโนมในฐานะส่วนหนึ่งของการวิ่งผลัด จึงสามารถเดินทางกลับเมืองโนมได้ในวันถัดไป เซปพาลาและทีมของเขาเดินทางกลับข้ามนอร์ตันซาวด์อีกครั้ง ซึ่งเป็นความพยายามที่เสี่ยงอันตรายเพื่อประหยัดเวลาและความเครียดของสุนัขด้วยการใช้ทางลัดอันตรายข้ามน้ำแข็งที่แตก ทีมติดอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่แตกใกล้กับชายฝั่ง Togo และเขาถูกบังคับให้โยนโตโกเข้าฝั่ง ซึ่งสุนัขดึงแผ่นน้ำแข็งทั้งหมดให้ปลอดภัย ความพยายามและการวิ่งฝ่าพายุที่โหมกระหน่ำทำให้โตโกหมดแรง เมื่อไปถึงฐานทัพของอาติกทาลิกอีกครั้ง เธอบอกเขาว่าโตโกกำลังจะตาย ดูเหมือนหมดหวังสำหรับชาวเมืองโนม พวกเขาเปิดไฟและสวดมนต์ให้ทีมด้วยความหวังว่าจะพาพวกเขากลับบ้านได้
ผู้กำกับ
- Ericson Core
บริษัท ค่ายหนัง
- The Walt Disney Company
นักแสดง
- Willem Dafoe
- Julianne Nicholson
- Christopher Heyerdahl
- Richard Dormer
- Adrien Dorval
- Madeline Wickins
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
บอกก่อนเลยว่าไม่เศร้าอย่ากลัวที่จะดู เพราะมีหลายคนยังไม่เคยดูแล้วคิดว่ามันจะเศร้าและหดหู่แน่ๆ! เฮ้ยคุณเราจะบอกว่ามันซึ้งโคตรๆ มันซนโคตรๆ ซนจริงๆดื้อจริงๆ แต่ความห้าวหาญ กล้าหาญ อึดถึกทน และความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเนี่ยไม่เป็นรองหมาตัวไหนๆเลยนะ แล้วงานภาพที่คุณจะได้เห็นก็ไม่ธรรมดาเลย งานโคตรสวยและสมจริงมาก ถึงแม้ในเรื่องจะเหน็บหนาวจนติดลบ 60 องศามากแค่ไหน Togo แต่สิ่งที่คนดูได้กลับออกมาคือความอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน ภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้มค่ากับเวลาชีวิตของคุณอย่างแน่นอน
หลายๆคนที่ชอบดูการ์ตูนหรืออ่านเรื่องราวเกี่ยวกับหมาที่เป็นฮีโร่ในเหตุการณ์ต่างๆในอดีตมักจะคุ้นชื่อ Balto มากกว่า เพราะเจ้า Balto เป็นหมาตัวที่วิ่งนำขบวนผลัดสุดท้ายจนมาถึงเมือง Nome แล้วได้รับการสรรเสริญเยินยอจนสร้างเป็นอนุสาวรีย์เพื่อเชิดชู อีกทั้งยังสต๊าฟร่างไว้อีกต่างหาก แต่เอาจริงๆนะหมาตัวที่วิ่งต่อเนื่องและยาวนานที่สุดบนเส้นทางอันตรายที่สุดในเหตุการณ์ครั้งประวัตศาสตร์ครั้งนั้นก็ คือ ด้วยระยะทางประมาณ 273 กิโลเมตร จริงๆฮีโร่ก็คือหมาทุกตัวนั่นแหละ แต่สมควรถูกกล่าวถึงและสรรเสริญเยินยอและควรสร้างเป็นอนุสาวรีย์เพื่อเชิดชูมากกว่าที่เป็นอยู่เช่นนี้
“ฉันคิดเสมอว่ามันมีชีวิตเพื่อลากเลื่อน.. แต่ตลอดมามันมีชีวิตเพื่อฉัน” เป็นหมาที่ตัวเล็กแคระแต่มีหัวใจแห่งนักสู้มีทักษะพิเศษคือดมกลิ่นเก่ง Togo เป็นหมาที่วิ่งเร็ววิ่งไวและอึดที่สุดในฝูงลากเลื่อน ถึงตัวมันจะเข้าฝูงมาที่หลังด้วยความสามารถโดยโปรโมทตัวเองขึ้นมาแบบซนๆก็ตามที แต่ก็สามารถปรับตัวเองให้อยู่ร่วมกับตัวอื่นได้อย่างเรียบร้อย จนในที่สุดมันก็ชนะใจ Leonhard Seppala และได้อยู่ในตำแหน่งตัวแรกในการจูงลากเลื่อน
เนื้อหาภายในจะเล่าเหตุการณ์ของ Togo และ Leonhard Seppala (เจ้าของ) แบ่งออกเป็นสองช่วง คือปัจจุบันและอดีต ทำให้เราเข้าใจและซึมซับเหตุการณ์ได้ดียิ่งขึ้นเหมือนกับเราโตมาพร้อมกับเจ้า Togo เลยล่ะเหตุการณ์ในอดีตจะทำให้เรานั่งอมยิ้ม นั่งขำไปกับความโคตรดื้อของ Togo อยู่ตลอดทุกซีน เราจะได้รู้ว่าก่อนที่ทั้งคู่จะผุกพันกันต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรมาบ้าง.. ส่วนเหตุการณ์ในปัจจุบันจะทำให้เราลุ้นและเอาใจช่วยกับภารกิจเสี่ยงตายบนธานน้ำแข็ง จนทำให้หลายๆคนต้องเสียน้ำตาให้กับ Togo และ Leonhard Seppala (เจ้าของ) นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเองล้วนๆ เพราะความชอบหรือไม่ชอบนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รสนิยมในการรับชมย่อมแตกต่างกัน บางท่านอาจจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ลองตัดสินใจด้วยตัวท่านเองนะครับ
รีวิว TOGO .. ขนลุกกกมากกกกก หนังสร้างจากเรื่องจริงแต่เล่าเรื่องได้โคตรสนุกเลย แถมภาพยังสวยสัสๆอีกด้วย TOGO นายไม่ใช่หมาแล้ว ปีศาจปลอมตัวมาชัดๆ ถถถถถ แกร่งมากกกกกกก ดูได้ทาง Disney+ HotStar เป็นหนังเกี่ยวกับหมาอีกเรื่องที่สุดจริงๆ ภาพสวยแบบสวยชิบหาย ใครดูในทีวีแบบ 4K นี่ฟินกันตาแตกเลย หนังสร้างจากเรื่องจริง ที่รับประกันว่าคนรักหมามีน้ำตารื้นแน่นอน หนังเล่าเรื่องราวของ เซปป์ ชายหนุ่มที่มีอาชีพควบคุมสุนัขลากเลื่อน วันหนึ่งเค้าได้รับภารกิจให้ต้องไปเอา เซรุ่มยาจากต่างเมือง ที่มีระยะทางกว่า 600 ไมล์ ในสถานการณ์ที่พายุหิมะกำลังถาโถม โดยกลุ่มสุนัขลากเลื่อนของเค้ามีจ่าฝูงชื่อ Togo หมาไซบีเรียที่หัวใจแกร่งดุจดั่งหินผาเป็นหัวหน้าทีม
เนื้อหาของหนังใจความสำคัญมีแค่ ภารกิจในการไปเอาเซรุ่มยาแค่นั้น ไม่มีอะไรเสริมเพิ่มเติมมากไปกว่านี้ แต่การเล่าเรื่องต้องยอมรับว่า หนังทำมาเอาใจทาสหมาแบบรุนแรงเลย โดยเฉพาะเรื่องราวของ อีโตโก หมาดื้อตัวนี้ คือมันเกิดมาก็มีร่างกายไม่ตรงลักษณะของหมาที่ดีแล้ว ความสูงไม่ได้ ขนาดตัวไม่ได้ คือไม่มีอะไรดีเลย เจ้าของก็พยายามจะเอามันไปให้คนอื่นหลายรอบ แต่คนที่เอาไปไม่มีใครเอามันอยู่เลย เพราะมันคึกอยู่ตลอดเวลา ขนาดพาไปส่งต่างเมือง มันยังหาทางกลับบ้านมาจนได้ จนคนที่เอาไปบอกว่ามึงไม่ใช่หมาแล้วมึงคือปีศาจปลอมตัวมา ถถถถถถถถถถถถ Togo มีความกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นผู้นำหมาลากเลื่อน โดยในหนังเราจะเห็นได้ว่ามันเป็นหมาที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
หนังแสดงให้เห็นหัวจิตหัวใจอันแข็งแกร่งของ Togo ในการทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรื่องจริง มันจะเว่อแบบในหนังมั๊ยนะ ถถถถถ แต่ยอมรับเลยว่า ฉากตอนวิ่งบนธารน้ำแข็งนี่สุดจริงๆ ด้วยความที่หนังมันสร้างจากเรื่องจริง มันเลยทำให้เราอินไปกับหนังได้ง่าย ยิ่งตอนท้ายเรื่อง ประโยคสดุดี Togo จากนิตยสาร TIME นี่ยอมรับเลยว่าขนลุกมากๆ เป็นอีกหนึ่งหนังของดีใน Disney+ HotStar ที่ควรค่าแก่การเปิดดู ของดีครับเรื่องนี้ ดูเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่า Walt Disney Picture ทำได้ดีมากกับภาพยนตร์ที่น่าทึ่งเรื่องนี้ ภาพยนตร์ที่สมควรได้รับการขนานนามว่า “Mission Impossible!” Willem Dafoe และ Julianne Nicholson ต่างก็ยอดเยี่ยม ผู้เขียนบทภาพยนตร์ Tom Flynn มอบโครงเรื่องตรงไปตรงมา ฉากเรียบง่ายแต่ยอดเยี่ยมให้กับเรา ซึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความระทึกขวัญ ตื่นเต้น และล้ำลึกในเวลาเดียวกัน ผู้กำกับ Ericson Core ก็ได้รับคำชมจากฉันอย่างสุดหัวใจเช่นกัน ทีมงานเอฟเฟกต์พิเศษก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน หลายฉากที่ฉันไม่สามารถเชื่อได้ว่าจะเป็นไปได้ แต่ฉากเหล่านั้นดูสมจริงและทรงพลังมาก ฉากข้ามทะเลสาบนั้นน่าสนใจอย่างเหลือเชื่อ
การแสดงของสุนัขนำแสดงนั้นเกินกว่าคำพูดใดจะบรรยายได้ และดอกป๊อปปี้ที่เล่นเป็นโตโกตอนอายุน้อยกว่าจะทำให้คุณเข้าใจได้ว่า “น่ารัก” จริงๆ แล้วหมายความว่าอย่างไร Willem Dafoe ช่างเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! Julianne Nicholson พรสวรรค์โดยธรรมชาติของเธอเปล่งประกายออกมาตลอดทั้งเรื่อง ทุกส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังต้องยกความดีความชอบให้กับการคัดเลือกนักแสดงที่ยอดเยี่ยมผ่านเลนส์ของกล้อง ที่ให้ภาพที่สวยงาม และงานตัดต่อที่สมบูรณ์แบบ… ภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ สุนัข คู่รักที่ยอดเยี่ยม และชาวเมืองที่ยอดเยี่ยม… เมื่อรวมกันแล้ว ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในช่วงปลายปี 2019
5