The Wolverine (2013) เดอะ วูล์ฟเวอรีน
เรื่องย่อ
ผู้กำกับ
เจมส์ แมนโกลด์
บริษัท ค่ายหนัง
- Marvel Entertainment
- The Donners’ Company
- Seed Productions
- Hutch Parker Entertainment
นักแสดง
- ฮิว แจ็กแมน
- ทาโอะ โอกาโมโตะ
- ฮิโรยูกิ ซานาดะ
- ริล่า ฟูกูชิมา
- สเวตลานา ค็อดเชนโควา
- วิล ยุน ลี
- ฟัมเกอ ยันส์เซิน
- ไบรอัน ที
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
ห่วยรีวิว
===มึงดูเรื่องนี้ยังมาเป็นชุด===
The Wolverine / เดอะวูล์ฟเวอรีน (6.7/10) เล่าด้วยความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในหัวของโลแกน เพราะความที่เป็นอมตะ เพราะต้องเสียและเฝ้ามองคนที่ตัวเองรู้จัก และรัก ไปทีละคน โดยที่ต้องฝันร้ายทุกคืนโดยมีภาพของจีน คนที่เคยเป็นที่รักเป็นตัวแทนความรู้สึกนั้น และเขาก็มีความรู้สึกไม่มีความหวังในชีวิตตัวเองอีก ว่าจะอยู่ไปเพื่อใคร
เรื่องนี้มีจุดกำเนิดจากความต้องการของ ยาชิดะ ทหารหนุ่มผู้ที่โลแกนได้ช่วยเหลือไว้ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ในตอนที่ญี่ปุ่นถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ นางาซากิที่ต้องการพบตัวโลแกนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะตายเพราะความชรา
คำคมคนดังระดับโลก
รีวิว The Wolverine (2013) แบบ 3D ภาคนี้ไปญี่ปุ่น เนื้อเรื่องสนุกประทับใจมากครับ เนื้อเรื่องสนุกกว่า X-Men Origins: Wolverine เยอะ โดยเล่าเรื่องที่โลแกนถูกเพื่อนเก่าชาวญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กำลังใกล้แก่ตายเรียกตัวไปเพราะติดหนี้บุญคุณโลแกนในการช่วยเหลือเขาเอาตัวรอดจากระเบิดปรมาณูในนางาซากิ และนั้นเป็นต้นกำเนิดเรื่องราวทุกอย่าง ความรักครั้งใหม่ โลแกนที่โดนดึงพลังออกไป และได้ตายจริงๆเป็นครั้งแรก เพื่อนใหม่ การหักหลัง การตามล่าตัวของยากูซ่า การปกป้องเจ้าหญิงแสนสวย นางเอกคนใหม่ที่สวยแบบญี่ปุ่นถูกใจชาวเอเซียกับชาวไทยแน่นอน หุหุ 3D ก็มีตื้นลึกพอประมาณครับ หนังดีไม่ควรพลาดครับ 9.5/10 ครับ
Pretty Plasalid & Entertainmentbite
รีวิว – The Wolverine (James Mangold,2013) หนังมันคัลท์มากอ่ะ ไม่รู้จะให้คะแนนยังไงดี ความรู้สึกในแง่หนังแอ็คชั่น : นี่มันเจมส์ บอนด์(สมัยเพียซ บรอสแนน) ในคราบวูฟเวอร์รีนนี่นา
ความรู้สึกในแง่ฝรั่งมองเอเชีย : ญี่ปุ่นนี่มันป๊อปคัลเจอร์เยอะเนอะ มีทั้งบ้านสไตล์ญี่ปุ่นปูเสื้อตาตามิ ใส่กิโมโน รอยสัก ยากูซ่า นินจา รถไฟชินคังเซน เกมตู้ ซามูไร สงครามโลกครั้งที่ 2 ม่านรูดล้ำจินตนาการ หุ่นยนต์ แม่มอะไรเป็น เจเปนนีส พี่แกยัดมาให้ครบเลยฮ่ะ
ความรู้สึกในแง่เอ็กเมนซ์ : คุณพระ มาร์เวลคิดอะไรอยู่เนี่ย ส่วนมนุษย์กลายพันธุ์อีกตัวอย่างไวเปอร์ (สเวทลานา คอชเชนโควา) หล่อนมาทำอะไรคะ ? อยากมาก็มา คราวจะตายหล่อนก็ตายซะอย่างนั้น (สปอยล์นะ เพราะนางเป็นตัวร้าย ยังไงก็ต้องตาย)
ถามว่าสนุกไหม – คือมันก็ดูได้เพลินๆ แต่ค่อนข้างอิลุ่ยฉุยแฉกมากๆ และที่สำคัญหนังจบอย่ารีบลุก หนังปูทางไว้สำหรับ X-Men: Days of Future Past ไว้แล้ว
Marvel Universe Lover Thailand
LKPP Review : The Wolverine (2013) “ลืมความหลังครั้ง X-Men Origins ไปได้เลย!!!!”
แอดมิน LKPP ไปชมมาเป็นที่เรียบร้อยครับสำหรับภาพยนต์ฉายเดี่ยวเรื่องใหม่ของพี่เตี้ยวูฟเวอร์รีน ที่คราวนี้ผผมต้องขอบอกเลยว่าผมไปดูด้วยความไม่คาดหวังอะไรมากจริงๆ เพราะเคยผิดหวังอย่างรุนแรงมาแล้วใน X-Men Origins : Wolverrine ที่เล่นเอาซะหน้ามืดเลยตอนดู …แต่กับ The Wolverine นั้นไม่เป็นแบบนั้นครับ เพราะหนังถือว่าเยี่ยมมากสำหรับการเล่าเรื่องผู้ชายที่ชื่อว่า “โลแกน” คนนี้อย่างเต็มๆ
ก่อนจะเข้าเรื่อง ผมขอตอบคำถามที่จะตามมา 2 ข้อก่อนล่วงหน้านะครับว่า
1) ถาม : หนังภาคนี้ยังคงเป็นเส้นเรื่องในจักรวาลเดียวกับหนังเรื่องอื่นๆหรือเปล่า?
ตอบ : ยังอยู่ในจักรวาลเดียวกันกับ X-Men ทุกภาคครับ
2) ถาม : แล้วสรุปเรื่องราวในภาคนี้ต่อเนื่องมาจากหนังภาคไหนกันแน่?
ตอบ : เป็นเนื้อหาหลังจากหนัง X-Men ทุกภาคที่เคยฉายมาครับ ฉะนั้นในทางที่ดีหากท่านที่ยังไม่เคยดู X-Men ซักภาคเดียว ก็ขอให้ดูครบทุกภาคเลยนะครับ
เข้าเรื่องแล้ว …หนัง The Wolverine เรื่องนี้เป็นหนังที่ทำทุกอย่างออกมาได้ดีและลงตัวมาก เพราะหนังไม่สร้างเนื้อหาและโทนหนัง ให้ซ้ำกับหนัง X-Men เรื่องอื่นๆ แต่จะเล่าเรื่องในมุมมองที่ใหม่และไม่ซ้ำซาก และลบจุดอ่อนของหนัง X-Men Origins ที่เล่าเรื่องที่เคยเล่าไปแล้วในหนัง X-Men 2 ด้วยการพาผู้ชมไปเจอสิ่งแปลกใหม่ของโลแกนที่เรายังไม่เคยเห็นมาก่อน หรือไม่ก็เห็นมาแล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้สำผัสด้านอื่นๆชองโลแกนมากนัก ซึ่งหนังภาคนี้ก็จัดให้เต็มๆ
ด้วยความที่เนื้อหาทั้งเรื่องเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น ทำให้เราได้เห็นโลแกนไปอยู่ท่ามกลางสถานที่และวัฒนธรรมที่ตนเองไม่คุ้นเคย ผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์ สร้างภาพญี่ปุ่นในหนังของเขาในทางที่ดีและทำด้วยความเคารพ ทำให้เราได้เห็นการเคารพขนบประเพณี และศักดิ์ศรีแบบญี่ปุ่นออกในในทางที่สวยงามมาก ทำให้หนังภาคนี้มีกลิ่นอายความเป็นเอเชียมากกว่าทุกๆภาค และมีอารมรณ์เศร้า เหงา แค้น ที่สวยงาม
ซึ่งแม้เนื้อหาในหนังจะดัดแปลงมาจากคอมิคชุด Wolverine 4 Limited Series ของ แฟรงค์ มิลเลอร์ แต่หนังก็ไม่ได้เล่นตามการ์ตูนเป๊ะ แต่ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของเนื้อหา ซึ่งทำให้หนังสามารถใส่อะไรใหม่ๆเข้าไปได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ผมชอบมากๆในหนังภาคนี้คือ การได้เห็นโลแกนในมุมที่ต่างออกไป เช่น การที่เขาเสียพลัง Healing Factor ของตัวเองไปจนทำให้โลแกนได้สำผัสความรู้สึกเจ็บปวดแบบคนธรรมดาเป็นครั้งแรกในชีวิต, ได้เห็นโลแกนได้เข้าไปสำผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น หรือการได้เห็นโลแกนพร่ำเพ้อถึงอดีตอันเจ็บปวดจากการตายของจีน เกรย์ (อันนี้ขอบอกด้วยความคิดถึงว่า เฟมเก้ เจนเซ่น สวยไม่สร่างเลย แฮ่ๆ)
ขอพูดถึงตัวละครหญิงสองสาวบ้าง …เริ่มจากนางเอกที่เปรียบเป็นดั่งดอกไม้งามหนึ่งเดียวของเรื่อง “มาริโกะ” ที่ยอมรับว่าเป็นสาวสวยที่น่าหลงใหลจริงๆ มีสเน่ห์แบบสาวเอเชียที่น่าถนุถนอม แต่ภายในความอ่อนโยนนั้น แววตาของเธอก็มีความเข้มแข็งอยู่ในภายใน ทำให้ผมเชื่อว่าผู้ชายทุกคนจะต้องหลงสเน่ห์เธอกันหมดแน่ๆ เพราะยอมรับว่าเวลาเธออยู่บนจอ มันช่างละสายตาไปจากเธอไม่ได้จริงๆ >///<
หากมาริโกะเป็นดอกไม้งาม ก็มีดอกไม้เหล็กอีกนางหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันนั่นคือ “ยูกิโอะ” สาวน้อยผมแดงสุดแกร่งที่เป็นเหมือนกับคู่หู และเพื่อนคนเดียวของโลแกนในญี่ปุ่น ที่ดูจากเทรลเลอร์หรือภาพนิ่งอาจจะงั้นๆ แต่พออยู่ในหนังแล้ว ด้วยบทของเธอทำให้เธอดูมีเสน่ห์ในแบบ exotic มาก ผมชอบโมเมนต์น่ารักๆเวลาเธออยู่กับโลแกนครับ ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายกับน้องสาวเลย
ส่วนเหล่าร้ายในหนังก็มีจุดเด่นที่ชัดเจนและมีเอกลักษณ์ในตัวเองมากเช่นกัน อย่างวายร้ายสาวอสรพิษอย่าง “ไวเปอร์” นั้นต้องขอบอกว่าเธอสวยมากไม่แพ้สองสาวยุ่นข้างบนเลย และมีความร้ายกาจทั้งทางพลังพิเศษและสายตาที่ดุร้ายราวกับจะกลืนศัตรูลงไปทั้งตัวของเธอนั้น เล่นเอาผมปลื้มเลยเวลาเธอปรากฏตัวบนจอ …ส่วนวายร้ายที่แฟนๆคอมิคหลายคนอยากเห็นอย่าง “ซิลเวอร์ ซามูไร” …อันนี้ขอไม่พูดถึงครับ เพราะมันจะสปอยล์หนัง แต่บอกได้ว่า เซอร์ไพรส์และคิดไม่ถึงจริงๆ ต้องไปติดตามเองในหนังเลยครับ
ส่วนฉากแอ็คชั่นนั้นหายห่วงครับ บู๊แบบจัดเต็มตลอดทั้งเรื่องแน่นอน และผมขอยกให้เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ฉากแอ็คชั่นมันส์ที่สุดในปีนี้ไปเลยครับ เพราะด้วยสไตส์การต่อสู้ในแบบต่างๆที่ทั้งเท่ห์ และสวยงามในคราวเดียว ด้วยสเน่ห์การต่อสู้แบบตะวันออกของคนธรรมดาๆ ไม่ใช่มิวแทนท์แบบที่ผ่านๆมา ..ไม่ว่าจะเป็นการบู๊ด้วยกรงเล็บคู่ใจของโลแกนที่ยังเจ๋งไม่เปลี่ยน, ลีลาการวาดดาบสุดพริ้วไหวของยูกิโอะ ในการจัดการกับศัตรูนั้นทำออกมาได้สนุกและลื่นไหลมาก และที่ผมนำเสนอเลยก็คือ ฉากการต่อสู้บนรถไฟด้วยความเร็วนั้น ทำออกได้สนุกตื่นเต้นมากๆครับ
แต่ถ้าจะมีข้อเสียหนังเองก็มีจุดบกพร่องเหมือนกัน โดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่ไม่ชัดเจนในบางจุดของหนัง เช่น ที่มาที่ไปของไวเปอร์ที่ไม่ชัดเจน หรือไม่ก็พลังของยูกิโอะ ที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นพลังมิวแทนท์หรือญาณทิพย์สำผัสที่หกกันแน่ (อันนี้อาจเป็นผมคนเดียวก็ได้ที่สงสัย 5555)
สรุปแล้วก็คือ The Wolverine คือหนังฉายเดี่ยวของพี่เตี้ยที่ออกมายอดเยี่ยม สมศักดิ์ศรีมิวแทนท์พันธุ์ระห่ำมากแบบไม่มีผิดหวังเลยครับ เพราะหนังเรื่องนี้ได้คลายปมที่ตกค้างในภาคก่อนๆของโลแกน และใส่เรื่องราวและอะไรใหม่ๆเข้าไป จนหนังออกมาล้างภาพอารมรณ์แบบ X-Men ไปหมดสิ้น กลายหนังวูฟเวอร์รีนที่สนุกและเป็นหนังแอ็คชั่นสุดเจ๋งที่แฟนๆ ห้ามพลาดเป็นอันขาดครับ คะแนน : B+
สตาร์หลอดโฟร์เค
The Wolverine (2013) (ชูนิ้วโป้ง) เนื่องในวโรกาสที่หนังเดี่ยวของวูฟเวอลิงภาคสุดท้ายของยุคจะเข้าฉาย จาจาจะขอนำบล็อกรีวิวสมัยเด็กกลับมาเรียบเรียงใหม่ต้อนรับการกลับมาเป็นครั้งสุดท้ายของผัวฮิวจ์ แจ๊คแมน
The Wolverine หรือ เดอะวูฟเวอลิง เป็นหนังภาคแยกเรื่องที่ 2 จากแฟรนไชส์ X-Men วางตัวให้เป็นภาคต่อของ X-Men: The Last Stand และเป็นภาคก่อนของ X-Men: Days of Future Past ในขณะที่จักรวาล X-Men ของฟ๊อกกำลังเริ่มต้นรีบูทเส้นเรื่องใหม่ไปแล้วในภาค X-Men: First Class เรื่องนี้กลับดำเนินเรื่องในเส้นเรื่องเก่าเพื่ออะไรก็ไม่รู้ ได้เจมส์ แมนโกลด์เป็นผู้กำกับ ธีมเรื่องมีความเป็นญี่ปุ่นมาก เพราะดัดแปลงมาจากคอมมิคภาคนึง เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากสงครามในภาค The Last Stand ราวๆ 5-6 ปี วูฟเวอลิงรู้สึกผิดที่ฆ่าจีน เกรย์ เมียตัวเอง เลยตัดสินใจหนีออกจากโรงเรียนเซเวียร์ออกไปอยู่ในป่าไกลๆ จากผู้คน ลืมพลังทุกอย่าง วันหนึ่งมีแก๊งนายพรานจากในเมืองมาฆ่าหมีเพื่อนรักของแก แกเลยตามล่าจะไปหาเรื่องถึงในเมือง
ปรากฏว่ามีสาวผมแดงหน้าตาเหมือนคนญี่ปุ่นนางนึงมาห้ามไว้ แล้วบอกว่ามีคนอยากพบและมอบดาบเล่นหนึ่งให้ แต่ต้องไปที่ญี่ปุ่นนะ แต่วูฟเวอลิงไม่อยากไปเพราะกลัวเครื่องบิน แต่ก็จำเป็นต้องไปญี่ปุ่น เพราะคนที่อยากพบเขาก็คือ ยาชิดะ อดีตนายทหารช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้ สาวญี่ปุ่นผมแดงคนนั้นชื่อ ยูกิโอะ ที่มีความสามารถในการใช้ดาบ แต่ไม่ได้เป็นมิวแทนต์ ก็ได้พาวูฟเวอลิงไปพบกับยาชิดะได้ตามที่หมายไว้ ปรากฏว่ายาชิดะแก่ตัวลงและใกล้ตายเต็มที จึงอยากจะขอบคุณเขา และได้พยายามตอบแทนที่เคยช่วยชีวิตด้วยการทำลายพลังวิเศษของพี่วูล์ฟ เพื่อให้หยุดจากการเป็นอมตะ จะได้พ้นทุกข์โศกเสียที แต่เขาคิดว่าเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ และกะว่าจะรอดูไปสักพัก และหารู้ไม่ว่าภัยอันตรายครั้งใหม่กำลังจะมาเยือน ไม่ว่าจะเป็นหมอสาวที่ดูแลยาชิดะอยู่ มาริโกะ หลานสาวของยาชิดะเอง หรือแม้กระทั่งทายาทของยาชิดะอย่างลูกชายตัวเอ้ กรงเล็บพิฆาตก็พร้อมจะผงาด!
ในขณะที่เสียงวิจารณ์จากภาคนี้คือแตกออกเป็นสองฝั่งคือสนุกมากกับไม่สนุกเลย จาจาคิดว่ามันสนุกมาก ภาพสวยดี มุมกล้องใช้ได้เลยในหลายๆ ฉาก ทั้งฉากแอ๊คชั่น ทั้งดราม่า ไม่ไก่กา ภาพบ้านเมืองญี่ปุ่นที่ถูกถ่ายทำออกมาอย่างสวย เสียงประกอบก็ถือว่าหนักแน่น ซาวน์เอฟเฟกต์ช่วยเสริมแบบสุดๆ ฉัวะฉึกๆๆ ไม่ยั้ง การตัดต่อมียืดยาวในบางฉาก บางฉากก็กระชับดี ซีจีกำลังพอดี แต่ก็มีหนักเกินจนไม่เนียนในบางฉาก เช่นกล้ามของวูฟเวอลิงที่แน่นไป ฮือ นักแสดงแต่ละคนนี่คือสวยหล่อเริ่มจากผัวก่อนเลย หล่อมาก ตอนปรากฏตัวออกมาฉากแรกนี่แทบจะละลายติดเก้าอี้โรงหนังไปแล้ว
ยูกิโอะสาวผมแดงก็แซ่บอยู่นะ แต่ที่แซ่บยิ่งกว่าคือ มาริโกะ นางเอกของเรื่อง หลานสาวของยาชิดะ ที่ทราบมาว่าเป็นนางแบบชื่อดังของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ส่วนที่น่าจะทำให้คะแนนวิจารณ์ไม่ค่อยดีก็คงจะเป็นที่บทมั้ง เพราะบทหนังมันสูตรสำเร็จมาก มากแบบเดาฉากต่อไปออก แม้ว่าจะมีจุดพลิกบ้าง แต่ก็พลิกแบบคาดเดาได้เหมือนกัน เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนเลย ตามสไตล์หนังยอดมนุษย์ทั่วไป สิ่งเดียวในหนังที่จาจารำคาญที่สุดคือจีนเกรย์ นางชอบโผล่มาในฝัน โผล่มานอนข้างๆ วูฟเวอลิงตลอดเลย คืออะไร น่ารำคาญมาก ยังกะดู Inception ยังกะเป็นมอล เมียของคอบบ์ ที่คอยเรียกให้ผัวมาอยู่ด้วยตลอด เป็นบ้าหรอ แม้แต่ตอนใกล้จบก็ยังตามมาหลอกหลอนไม่เลิก
พอหนังจบจะมีเอ็นเครดิตที่ปูเรื่องไปยังตอนต้นของ X-Men: Days of Future Past สร้างความตื่นเต้นให้เราไม่น้อย โดยรวมคือถ้าดูเอามัน ก็ถือว่ามันอยู่ แต่เราผ่านจุดที่มีหนังรวมยอดมนุษย์อย่างดิอะเวนเจอร์มาแล้วนะ หนังซุปเปอร์ฮีโร่หลังจากนั้นมันก็ไม่ควรจะเล่นกันแค่นี้แล้วนะ ถ้าหนังเรื่องนี้เข้าฉายตอนปี 2007 หลังจากภาค The Last Stand ในปี 2006 ก่อนการมาถึงของ Iron Man และพรรคพวกฝั่งมาร์เวลหลักในปี 2008 มันคงจะเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่สุดยอดมากแน่ๆ จาจามั่นใจ เพียงแต่มันมาช้าเกินไปหน่อย และตอนนี้เราก็พร้อมจะไปปิดตำนานกรงเล็บวูฟเวอลิงในหนังภาคใหม่ชื่อ โลแกน ที่กำลังจะเข้าฉายแล้ว
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Spider Man Homecoming (2017) สไปเดอร์ แมน โฮมคัมมิ่ง
Spider Man Far from Home (2019) สไปเดอร์ แมน ฟาร์ ฟอร์ม โฮม
Amazing Spider-Man 2 (2014) ดิ อะเมซิ่ง สไปเดอร์แมน 2
7.1