ดูหนังออนไลน์ใหม่ 2025 หนังเต็มเรื่อง ดูหนังใหม่ ดูหนังฟรี HD Netflix

The Prince & Me (2004) รักนาย เจ้าชายของฉัน

ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้

ตัวอย่าง

The Prince & Me (2004) รักนาย เจ้าชายของฉัน

The Prince & Me (2004) รักนาย เจ้าชายของฉัน

เรื่องย่อ

ที่วิทยาลัย Paige ได้พบกับ Eddie เพื่อนนักศึกษาจากเดนมาร์ก ซึ่งตอนแรกเธอไม่ชอบแต่ต่อมาก็ยอมรับ ชอบ และรัก เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นมกุฎราชกุมารเอ็ดวาร์ด Paige ติดตามเขาไปที่โคเปนเฮเกนและติดตามเธอกลับไปโรงเรียนด้วยแผน เพจ มอร์แกน (รับบทโดยจูเลีย สไตลส์) เป็นนักศึกษาสาวชาวอเมริกันที่มหาวิทยาลัยในวิสคอนซิน เธอเป็นคนทะเยอทะยานและมุ่งมั่นที่จะเรียนจบด้านการแพทย์เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคง The Prince & Me  วันหนึ่งเธอได้พบกับ เอ็ดดี้ (รับบทโดยลุค แมบลีย์) ชายหนุ่มชาวเดนมาร์กที่ดูเหมือนนักศึกษาแลกเปลี่ยนธรรมดา แต่แท้จริงแล้วเขาคือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งเดนมาร์ก เอ็ดเวิร์ดตัดสินใจหลีกหนีชีวิตในวังที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบมาลองใช้ชีวิตอิสระในอเมริกา เมื่อมาเรียนที่มหาวิทยาลัย เขาได้พบกับเพจ ทั้งคู่เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เนื่องจากนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว

ผู้กำกับ

  • Martha Coolidge

บริษัท ค่ายหนัง

  • Lionsgate
  • Sobini Films

นักแสดง

  • Julia Stiles
  • Luke Mably
  • Ben Miller
  • Miranda Richardson
  • James Fox
  • Alberta Watson
  • John Bourgeois
  • Zachary Knighton

โปสเตอร์หนัง

The Prince & Me (2004) รักนาย เจ้าชายของฉัน

The Prince & Me (2004) รักนาย เจ้าชายของฉัน

The Prince & Me (2004) รักนาย เจ้าชายของฉัน

รีวิว

หมื่นทิพ

ผมเคยดู  The Prince & Me เมื่อนานมาแล้วครับ ยอมรับว่าจำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก Julia Stiles ที่ผมว่าเล่นเรื่องไหนเธอก็ทำหน้าที่ได้ดีเสมอ ในขณะที่ตัวหนังนั้นรู้สึกกลางๆ ครั้นมีโอกาสคว้าเอามาดูอีกรอบก็รู้สึกโอเคกับหนังมากขึ้นหน่อยนึง แต่กระนั้นก็รู้สึกครับว่าหนังยังไม่ลงตัวคล่องคอแบบเต็มร้อย มีทั้งจุดที่เข้าท่าและจุดที่แปร่งปร่าผสมกลั้วๆ กันไป พล็อตเรื่องเล่าง่ายครับ  เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (Luke Mably) แห่งเดนมาร์กเกิดอยากมาลองใช้ชีวิตสนุกๆ ในอเมริกาก็เลยปลอมตัวเป็นสามัญชนมาเพื่อเรียนๆ เล่นๆ แต่แล้วเขาก็ได้พบกับเพจ มอร์แกน (Stiles) สาวสวยที่จริงจังกับชีวิต และเธอคนนี้นี่แหละครับที่จะเปลี่ยนเจ้าชายเพลย์บอยให้กลายเป็นสุภาพบุรุษ – แต่ประเด็นคือเธอไม่รู้เลยนะว่าเอ็ดเวิร์ดคือเจ้าชายน่ะ

โดยรวมแล้วก็จัดว่าดูได้เพลินๆ สำหรับความเป็นหนังโรแมนติกผสมเบาสมองแบบวัยรุ่นน่ะนะครับ มีกุ๊กกิ๊ก มีฮา มีดราม่าผสมปนๆ กัน จริงๆ ถือว่าค่อนข้างครบ แต่ยอมรับว่าช่วงต้นๆ ไม่ใคร่จะถูกโฉลกกับตัวเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดสักเท่าไร อย่างตอนต้นเรื่องนี่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดดูเป็นเพลย์บอยเหลือเกิน ยิ่งฉากที่เขากอดผู้หญิงซ้ายขวาและผลัดกันหอมนี่ผมนึกถึงหนังจีนขึ้นมาเลย ที่จะมีฉากพวกคุณชายเจ้าสำราญไปเที่ยวหอคณิกาแล้วก็โอบสาวๆ ซ้ายขวาก่อนจะหอมสลับกันไปซ้ายทีขวาที นี่ถ้ามีมือยื่นมาป้อนจอกเหล้าแล้วมีเสียงหัวเราะ “วะฮะฮะฮะ” นี่ใช่เลยครับ หรือเหตุผลในการที่เอ็ดเวิร์ดไปอเมริกาหนังก็สื่อไปในทางที่ว่าเขาไปก็เพราะสาวๆ เรียกว่ากะไปสำมะเลเทเมาเป็นหลัก และขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของโรงเรียนที่เอ็ดเวิร์ดไปก็ดูสำมะเลาเทเมพอกัน ยิ่งบทสนทนาที่เขาพูดกับเพจตรงบาร์เหล้าแล้วยิ่งสื่อชัดว่าเขามาเพื่อหลีเป็นหลัก

จริงๆ ก็พอเข้าใจน่ะครับ ช่วงต้นพยายามสื่อว่าพระเอกเป็นเพลย์บอยไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ แล้วก็ให้เจอกับนางเอกที่มีความหนักแน่น ขยันหมั่นเพียร แล้วในที่สุดเธอก็เปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม มีความรับผิดชอบมากขึ้น เป็นสุภาพชนมากขึ้น ก็พอเข้าใจน่ะ ขณะเดียวกันหนังก็พยายามสื่อว่าจริงๆ เอ็ดเวิร์ดเป็นคนมีของ มีดีในตัว อย่างฉากอ่านหนังสือแล้วตีความงานของเชคสเปียร์เป็นต้น ฉากนี้บ่งบอกว่าเอ็ดเวิร์ดตีความความลึกซึ้งได้มากกว่าเพจเสียอีก ถึงจุดนี้ผมก็พยายามมองน่ะครับว่าเอ็ดเวิร์ดมีดี เพียงแต่สิ่งแวดล้อมที่ผ่านมามันพาเขาไปในทางเพลย์บอยเสียเยอะ พอเจอเพจมาดึงสติเขาก็เลยเปลี่ยนไปในแง่ดี แล้วก็ดึงเอาอะไรดีๆ ในตัวเขาออกมาด้วย

จะว่าไปผมก็ชอบประเด็นนี้น่ะครับ ประเด็นที่ว่าการมีความรักมันส่งผลต่อคู่รักคู่นั้นๆ เสมอ  The Prince & Me บางคู่รักกันแล้วดี รักกันแล้วเกื้อกูลหนุนนำให้ชีวิตทั้งคู่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น พัฒนาขึ้น อัพเกรดขึ้น เรียกว่ารักกันแล้วเจริญก้าวหน้า แต่คู่ที่รักกันแล้วพากันไปเสีย พากันไปเข้ารกเข้าพงนี่ก็มีเหมือนกัน ดังนั้นยามเรามีรักก็ควรตรวจสอบความรักของคู่เราสักหน่อยครับ ว่าเมื่อรักกันแล้ว เมื่อมีแฟนแล้ว มันนำพาเราไปในทิศทางไหน หากดีก็ดีไป แล้วก็ช่วยกันทำให้มันดียิ่งๆ ขึ้นไปก็จะดี – แต่หากรักแล้วหลงระเริง หลงผิดคิดพลาด ยิ่งรักกลับยิ่งทำให้ชีวิตดิ่งลงสู่ที่ต่ำ ทั้งสองฝ่ายก็ควรช่วยกันดึงสติ ช่วยกันผลัดดึงมืออีกฝ่ายให้พ้นจากบ่อปลักบ่อโคลน รักแล้วควรให้งอกงาม ไม่ใช่หงิกงอเงอะงะ

และจริงๆ ไม่ใช่แค่คนรักเท่านั้นที่มีผลต่อชีวิตเราครับ แต่ยังรวมถึงสังคมคนแวดล้อมรอบตัวเราด้วย เราอยู่กับคนหมู่ไหนก็จะมีแนวโน้มที่เราจะเป็นเหมือนคนหมู่นั้น มีชีวิตเหมือนคนหมู่นั้น – การเลือกคบคนจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ ที่ส่งผลดีแย่แก่ชีวิตเราได้เหมือนกัน นอกจากนี้คนเราต้องรู้จักมีความรับผิดชอบ ต้องรู้จักบริหารจัดการชีวิตตน และหมั่นอัพเกรดตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงครับ เราจะเป็นใครก็ตามก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตนทั้งสิ้น – เราในวันนี้สามารถดีกว่าเมื่อวานได้ หากเราตั้งใจมากพอล่ะก็

ครับ ประเด็นน่ะเข้าท่า แต่การนำเสนอร้อยเรียงเรื่องราวนั้นยังไม่เข้าที่ อีกอย่างคือยอมรับว่าแอบขัดๆในบางช่วงเหมือนกัน สิ่งหนึ่งเลยที่รู้สึกคือตัวละครในบางฉากดูขัดกับบางฉาก ไม่ได้ดูต่อเนื่องเป็นตัวเดียวกัน อย่างฉากที่เอ็ดเวิร์ดเป็นเพลย์บอย จ้องแต่ความสวยของสาวๆ บวกด้วยการเอาแต่อารมณ์พร้อมจะระเบิดความรู้สึกออกมา ฉากนั้นก็ดูเอ็ดเวิร์ดเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่มีเค้าความเป็นคนที่มีความคิดเจืออยู่เลย ครั้นพอถึงฉากที่เอ็ดเวิร์ดดูมีความคิด เขาก็ดูมีความคิดเด่นชัด ดูเป็นอีกคน เสมือนหนึ่งว่าช่วงที่เป็นเพลย์บอยไม่เคยเกิดขึ้น – อันนี้โดยส่วนตัวมองว่าเป็นในเรื่องการแสดงของ Mably ที่อาจยังตีไม่แตกกับคาแรคเตอร์ของเอ็ดเวิร์ด

ที่มองแบบนั้นก็เพราะเรื่องแบบนั้นไม่เกิดกับ Stiles ครับ เธอดูเป็นคนแบบไหนก็เป็นแบบนั้น เวลาเธอจะมีความเปลี่ยนแปลงเราก็จะสัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์บางอย่างนำร่องมาก่อนที่ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น ไม่ว่าตอนที่จู่ๆ เธอก็อยากพาเอ็ดเวิร์ดไปจู๋จี๋ในมุมลับของห้องสมุด หรือตอนท้ายที่เธอตัดสินใจจะก้าวออกมาจากชีวิตเอ็ดเวิร์ด มันดูมีการแลนดิ้งทางอารมณ์ นำทางให้คนดูรู้สึกว่าเธอกำลังคิดอะไร และมันจะนำไปสู่อะไร

แต่กระนั้นตอนท้ายหนังก็สรุปจบไวเหมือนกันครับ เหมือนจะรีบจบก็เลยรีบสรุปให้มันจบลงดื้อๆ ง่ายๆ แบบนั้นเลย อันนี้ก็อาจต้องมอบความรับผิดชอบให้ทีมเขียนบท+ดัดแปลงบทอย่าง Mark Amin, Katherine Fugate, Jack Amiel และ Michael Begler ที่ยังเกลาบทได้ไม่เนียนในบางจังหวะ ในขณะที่ผู้กำกับ Martha Coolidge จะว่าไปก็คุมงานแต่ละฉากได้ไม่เลว เพียงแต่ความกลมกล่อมยังไม่เต็มที่ ซึ่งก็มาจากบทในแต่ละช่วงที่บางช่วงก็โทนหนึ่ง บางซีนก็อีกโทนหรือไปอีกเรื่องหนึ่ง – แต่ซีนไหนที่ดีก็คือดีจนสัมผัสได้ครับ อย่างซีนสาวๆ รวมพลังบัตรเครดิตเพื่อช่วยเพจน่ะครับ  The Prince & Me ฉากนี้มาสั้นๆ แต่น่ารักได้ใจ

สำหรับดาราในเรื่องนั้น รู้สึกเหมือน Stiles เป็นเดอะแบกอยู่เหมือนกันครับ ยังดีที่ช่วงหลังๆ Mably พอจะช่วยแบ่งการแบกไปได้บ้าง แต่รายที่ถือว่าขโมยซีนได้พอตัวคือ Ben Miller ในบทซอเรน ผู้คอยเคียงข้างเจ้าชายเสมอ อีกคนที่ถือว่าเด่นไม่น้อยคือ Miranda Richardson ในบทราชินีโรซาลินด์ ที่เด่นไม่น้อยในตอนหลัง แต่เสียดายครับที่จู่ๆ บทจะหายก็หายไปเลย ทั้งๆ ที่ตัวละครนี้น่าจะมีผลให้เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นแท้ๆ

ดารารายอื่นถือว่ากลางๆ ครับ แต่มีอยู่ 2 คนที่ดูแล้วรู้สึกคุ้นหน้า พอดูไปสักพักก็ร้องอ๋อ รายแรกคือ Devin Ratray ที่มาเป็นสก็อตตี้ เพื่อนร่วมห้องของเจ้าชาย รายนี้เคยเป็นบัซ พี่ของเควินใน Home Alone 2 ภาคแรกน่ะครับ แล้วอีกคนก็ Zachary Knighton ที่แสดงเป็นหนึ่งใน 2 พี่ชายของเพจ รายนี้ในเวลาต่อมาก็มาแสดงเป็นริคในซีรี่ส์ Magnum P.I. ครับ โดยรวมแล้วผมว่าหนังโอเคเพราะการแสดงของ Stiles ครับ นอกนั้นก็เรื่อยๆ แต่ก็จัดว่าดูได้สำหรับหนังสไตล์นี้

lavatch

มีภาพยนตร์โรแมนติกกี่เรื่องที่คู่หลักไม่ได้จูบกันครั้งแรกจนกระทั่งเริ่มเรื่องได้หนึ่งชั่วโมง “The Prince & Me” เป็นตัวอย่างที่หายากของภาพยนตร์ประเภทนี้ และฉันชื่นชมการพัฒนาความสัมพันธ์หลักอย่างรอบคอบ ซึ่งแสดงโดยจูเลีย สไตลส์และลุค แมบลีที่น่ารัก เหนือสิ่งอื่นใด ฉันชื่นชมการเน้นที่การเกี้ยวพาราสี ซึ่งเป็นแนวคิดที่อาจถือได้ว่ากำลังจะสูญพันธุ์ในวัฒนธรรมของเราในปัจจุบัน จริงๆ แล้ว ฉันจำไม่ได้เลยว่ามีภาพยนตร์เรื่องใดที่เน้นเรื่องเซ็กส์น้อยมากและมีฉากที่พัฒนาอย่างรอบคอบมากมาย ซึ่งเราเห็นเคมีทางอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นระหว่างตัวละครหลัก เพจ มอร์แกน นักเรียนเตรียมแพทย์สาวในวิสคอนซิน และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งเดนมาร์กที่เรียกตัวเองว่าเอ็ดดี้

“The Prince & Me” นำเสนอเรื่องราวความรักแบบฮอลลีวูดในสมัยก่อน จริงๆ แล้ว ฉันนึกถึงภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเรื่อง “The Swan” ที่มีเกรซ เคลลีผู้เปล่งประกาย อเล็ก กินเนสผู้เคร่งขรึม และหลุยส์ จอร์แดนผู้หล่อเหลาอยู่ตลอดเวลา แม้ว่า  The Prince & Me  อาจไม่คู่ควรกับสถานะความโรแมนติกแบบคลาสสิกอย่าง “The Swan” แต่ก็ถือเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกสดชื่นท่ามกลางหนังที่เสียดสีสังคมมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในปัจจุบัน จังหวะของหนังและฉากโคลสอัพที่กำกับโดยมาร์ธา คูลิดจ์ทำได้ดีทีเดียว ฉากที่ถ่ายทำในเดนมาร์กก็ยอดเยี่ยมมากและเพิ่มบรรยากาศของความมหัศจรรย์ให้กับความสัมพันธ์รักหลัก

ตามชีวประวัติของเธอใน IMDb จูเลีย สไตลส์เป็นนักศึกษาเอกภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียและยังมีอาชีพการแสดงที่น่าประทับใจอีกด้วย ฉากใน “The Prince & Me” ที่ถ่ายทำที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมืองแมนิโทวาคนั้นถ่ายทอดชีวิตในมหาวิทยาลัยได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะช่วงติวหนังสือเรื่องเชกสเปียร์ ความสมจริงในกิจกรรมประจำวันในมหาวิทยาลัยช่วยทำให้เรื่องราวโดยรวมดูน่าเชื่อถือและกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกว่าความสัมพันธ์แบบของเพจและเอ็ดดี้นั้นอาจมีอยู่จริง

fugu_286

มีแนวโน้มว่าจะถูกวิจารณ์ว่าเดาทางได้หมด พบกับ Paige นักเรียนเตรียมแพทย์ที่ใฝ่ฝันอยากจะไปทั่วโลกกับองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน พบกับ Edvard มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์กที่อยากไปอเมริกา โดยเฉพาะวิสคอนซิน เพราะเขาดูวิดีโอ “Girls of Wisconsin” หนึ่งคลิป เขาสมัครเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนของ Paige ชื่อ “Eddie” เขาปลอมตัวเพราะอยากหลีกเลี่ยงปาปารัสซี่ คุณคิดว่าเขาจะเข้ากับ Paige ได้ไหมในตอนแรก คิดว่าพวกเขาจะตกหลุมรักกันไหม คิดว่านิยายรักโรแมนติกจะไม่บาน ถ้าคุณสงสัยในข้อนี้ แสดงว่าคุณ A) ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก B) ไม่เคยดูหนังรักโรแมนติกในชีวิตเลย ” The Prince & Me  ซึ่งแฟนสาวลากฉันไปดูนั้น *เดาทางได้* ขนาดนั้น แทบไม่มีการพลิกผันของเนื้อเรื่องเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นตามหนังสือ หญิงสาวพบกับเจ้าชายในคราบปลอมตัว หญิงสาวตกหลุมรักเจ้าชาย เจ้าชายเปิดเผยตัวตน หญิงสาวโกรธ หญิงสาวรู้ตัวว่าเธอรักเจ้าชาย จึงออกเดินทางไปยังเนเวอร์แลนด์เพื่อแต่งงานกับเจ้าชาย เป็นต้น

แต่ฉันคิดว่าถ้าฉันสามารถตื่นอยู่ได้ตลอดภาพยนตร์เรื่องนี้ (และฉันก็ทำได้) มันต้องมีข้อดีอยู่บ้าง และมันก็มีจริงๆ ราชวงศ์ “เดนมาร์ก” ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการล้อเลียนราชวงศ์อังกฤษอย่างแอบแฝง ราชินีชราผู้ไม่เต็มใจให้ญาติของเธอแต่งงานกับคนธรรมดา เจ้าชายเพลย์บอย…คุณคงเข้าใจแล้ว ส่วนนี้ของภาพยนตร์ทำให้การดำเนินเรื่องดูสมจริงขึ้น ฉันค่อนข้างชอบตรงนั้น ฉันเคยเห็นการแสดงของราชวงศ์ในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ฉันถูกบังคับให้ดู (เช่น King Ralph, Princess Diaries) และภาพยนตร์เหล่านั้นก็ไม่สามารถจะผิดพลาดไปกว่านี้อีกแล้ว

ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Wicked (2024) วิคเค็ด

Uranus 2324 (2024) ยูเรนัส 2324

Kadha Innuvare (2024) เรื่องรัก ของวันนี้

Girls Will Be Girls (2024) ผู้หญิงก็คือผู้หญิง

Love in the Big City (2024) เธอเหงาเราเผลอ

แสดงความคิดเห็น

แชร์

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Fire (2020)
หนังฝรั่ง ซับไทย
หนัง

6.5

ดูหนังออนไลน์ 2024

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่