The Pale Blue Eye (2023) เดอะ เพล บลู อาย
เรื่องย่อ
ในช่วงเวลาเช้าตรู่ของฤดูหนาวอันสงบเงียบวันหนึ่ง มีนักเรียนนายร้อยคนหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิต แต่หลังจากศพของเขาส่งไปถึงสถานที่เก็บศพ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความป่าเถื่อนโหดร้ายเมื่อมีการค้นพบว่าหัวใจของนักเรียนนายร้อยคนนี้ถูกควักออกไปโดยฝีมือของใครคนหนึ่งที่มีความชำนาญ ด้วยความหวั่นเกรงว่าความเสียหายต่อโรงเรียนทหารที่เพิ่งก่อตั้งครั้งนี้จะลุกลามจนไม่อาจแก้ไขได้ ผู้บริหารของโรงเรียนจึงหันไป ดูหนังออนไลน์
พึ่งนักสืบในท้องถิ่นอย่างออกัสตัส แลนดอร์ (คริสเตียน เบล) เพื่อให้มาช่วยไขปริศนาการฆาตกรรม ทว่าด้วยอุปสรรคจากการที่นักเรียนนายร้อยต่างปิดปากเงียบ เขาจึงต้องขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายคดีจากนักเรียนนายร้อยบุคลิกแปลกผู้รังเกียจความเข้มงวดของสถาบันทหาร แถมยังมีความหลงใหลในบทกวี ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า เอ็ดการ์ แอลลัน โพ (แฮร์รี เมลลิง) “เดอะ เพล บลู อาย สร้างจากนิยายของหลุยส์ บายาร์ด
ยังคงเข็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนหลากแนวหลายสไตล์มาให้เหล่าสมาชิกได้ชมกันอยู่เรื่อย ๆ นะครับ เปิดศักราชด้วย เรื่องนี้นี่แหละ โดยมีจุดขายอยู่ที่เป็นหนังแนวรหัสคดีสืบสวนสอบสวนแนวพีเรียดในช่วงศตวรรษที่ 18 พร้อมด้วยนักแสดงนำระดับ A-List อย่าง คริสเตียน เบล (Christian Bale) ซึ่งพอเปิดตัวมาก็ทำสถิติขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของ Netflix กว่า 50 ประเทศได้ตั้งแต่วันแรก
ที่ฉายรวมทั้งการที่เรื่องราวส่วนหนึ่ง อ้างอิงมาจากชีวิตจริงของนักเขียนและกวีในตำนานอย่าง เอ็ดการ์ แอลลัน โพ (Edgar Allan Poe) ผู้บุกเบิกงานเขียนแนวสืบสวนสอบสวนและอาชญนิยายเป็นคนแรก เป็นนักเขียนและกวีที่ได้รับการยกย่องเป็นปรมาจารย์ด้านนิยายสยองขวัญ ซึ่งเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายชื่อเดียวกัน
ผลงานของ หลุยส์ เบยาร์ด (Louis Bayard) นักเขียนชาวอเมริกันที่ตีพิมพ์ในปี 2013จนกระทั่งปี 2020 Netflix ก็ลงทุนทุ่มซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ล่วงหน้าด้วยเม็ดเงิน 55 ล้านเหรียญ หรือราว 1,690 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเม็ดเงินที่สูงมากสำหรับอุตสาหกรรมหนังของยุโรป ได้ สก็อตต์ คูเปอร์ (Scott Cooper) จาก ‘Crazy Heart’ (2009) มารับหน้าที่กำกับและเขียนบท และก็ดึงเอาพี่เบล ที่เคยร่วมงานกับคูเปอร์มาแล้วใน
‘Hostiles’ (2017) และ ‘Out of the Furnace’ (2013) กลับมาร่วมงานแสดงเป็นครั้งที่ 3 และยังรับหน้าที่โปรดิวเซอร์ร่วมกันอีกด้วยศูนย์กลางของเนื้อเรื่องทั้งหมดเริ่มต้นที่โรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์ (West Point Academy) กรุงนิวยอร์ก ในช่วงฤดูหนาวปี 1830 เมื่อ นนร. ลีรอย ฟราย (Steven Maier) ถูกพบเป็นศพถูกแขวนคอบนต้นไม้ เพื่อไม่ให้ข่าวร้ายแพร่งพรายออกไปนอกรั้ว ร้อยเอกฮิตช์ค็อก (Simon McBurney) จึงได้เรียกตัว ออกัสตัส แลนดอร์ (Christian Bale) นักสืบท้องถิ่นผู้เกษียณงานวัยกลางคน
ผู้มีปมอดีตหลังจากที่ แพตซี (Charlotte Gainsbourg) ลูกสาวของเขาหายตัวไป มารับหน้าที่สืบสาวต้นตอ แต่ที่แปลกก็คือ คนร้ายยังควักเอาหัวใจของเหยื่อไปด้วย นักเรียนนายร้อยก็แทบไม่มีใครยอมปริปากเพื่อให้ข้อมูล จะมีก็แค่ นนร. เอ็ดการ์ แอลลัน โพ (Harry Melling) นักเรียนนายร้อยผู้ใฝ่ในทางกวี ที่ยอมให้เบาะแส และอาสาช่วยแลนดอร์ในการไขคดีสุดเขย่าขวัญนี้ร่วมกันสิ่งที่น่าจะเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ในบรรดาหนังแนวรหัสคดีก็คือ
การหยิบจับเอาบรรยากาศของนิวยอร์กในช่วงศตวรรษที่ 18 หรือเมื่อ 193 ปีที่แล้ว (ตรงกับปีที่ เอ็ดการ์ แอลลัน โพ เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารจริง ๆ พอดี) มาใช้ แถมยังเป็นช่วงหน้าหนาวอีก ธีมบรรยากาศโดยรวมทั้งงานภาพ โปรดักชัน โลเกชันจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบโบราณที่เวิ้งว้าง เงียบสงัดรู้สึกได้ถึงความมืด ๆ ชื้น ๆ ติดกลิ่นอายกอธิก (Gothic) ที่แทรกซึมลงมาในหนัง รวมทั้งเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับศาสนา และตัวหนังที่เต็มไปด้วยไดอะล็อกภาษาภาษาเขียนโบราณ ๆ มีความเป็นบทกวีหน่อย ๆ ซึ่งถ้าใครไม่อินก็คงไม่ชอบ แต่โดยรวมก็ถือว่าเซตบรรยากาศออกมาได้ออกมาดาร์กและสยองขวัญในระดับหนึ่งเลยแหละแต่ในครึ่งหลัง ตัวหนังกลับเริ่มค่อย ๆ ลดความ Suspense
ลงอย่างเห็นได้ชัดครับ โดยเฉพาะช่วงกลาง ๆ เรื่องก่อนลากเข้าสู่ไคลแม็กซ์ ที่แม้ในพาร์ตนี้จะเป็นพาร์ตสำคัญที่เริ่มพุ่งเป้าหาตัวฆาตกร และเริ่มจับเบาะแสบางอย่างของฆาตกรได้บ้างแล้ว แต่ตัวหนังในช่วงนี้กลับหันไปเน้นการเล่าเรื่องข้างเคียง เช่นปูมหลังของตัวละคร และเรื่องราวประกอบอื่น ๆ ที่ไม่ได้ให้ข้อมูลในเชิงเบาะแสมากนัก เน้นปูคาแรกเตอร์ตัวละครหลักและตัวละครเสริมเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยทำให้ตัวหนังที่บิลต์ด้วยจังหวะเนิบช้า
ยังคงตรึงสายตาเอาไว้ได้อีกจุดที่ผู้เขียนชอบโดยส่วนตัวก็คือ การที่ตัวหนังเอาเกร็ดประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ จากประวัติชีวิตของ เอ็ดการ์ แอลลัน โพ มาร้อยเรียงเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว และเป็น Easter Egg เอาไว้ได้น่าสนใจใคร่รู้มาก ๆ ถ้าใครรู้เกร็ดพวกนี้ก็จะเอ๊ะได้แน่ ๆ แหละ ซึ่งถ้าอิงตามประวัติ
โพก็เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์เมื่อตอนอายุ 21 ปีจริง ๆ (แต่เรียนได้ไม่ถึงปีก็โดนไล่ออก) รวมทั้งการที่ชีวิตของเขามักจะผูกพันกับความตาย หรือแม้แต่ความเป็นหนอนหนังสือและเป็นเนิร์ดในด้านกวี ที่พอได้ แฮร์รี เมลลิง (Harry Melling) นักแสดงหนุ่มที่มีโครงหน้าคล้ายกับโพ รวมทั้งการแสดงแบบพูดเยอะพลางโบกไม้โบกมือมาแสดงบทบาทนี้ ก็เรียกได้ว่าลงล็อกกับคาแรกเตอร์ได้ดีทีเดียวพอมารวมเข้ากับจังหวะการเดินเรื่อง โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่ค่อย ๆ บิลต์บรรยากาศความดาร์กขึ้นมาทีละนิด ผสมกับกลิ่นอายความสยองขวัญด้วยการเผยให้เห็นภาพศพและบาดแผลแบบเรต R จนไม่เหมาะที่จะนั่งดูกับเด็ก รวมทั้งการปูเรื่องให้คนดูรู้สึกตะหงิด ๆ
กับกลไกอำนาจนิยมภายในโรงเรียนเตรียมทหารแห่งนี้ และความโหดร้ายผิดมนุษย์ของฆาตกร ก็ยิ่งสร้างบรรยากาศความสยองขวัญ ความไม่น่าไว้วางใจยิ่งกว่าเดิม ยิ่งบทปูเรื่องให้บางตัวละครเข้าไปใกล้รูปคดีมากขึ้น ก็ยิ่งชวนให้ไม่ไว้ใจหนักเข้าไปอีก ทำให้ในครึ่งแรกของหนังสามารถสร้างบรรยากาศการสืบสวนออกมาได้เยือกเย็น และคลี่คลายไปสู่บรรยากาศหนังทริลเลอร์ที่มีความ Suspense ลอยอวลเต็มไปหมดและการแสดงของเขาก็มาระเบิดเอากับ 30 นาทีสุดท้าย
ที่ถือว่าเป็นการหักศอกที่เล่นเอาเหวอไปเหมือนกันนะครับ คือมันเป็นการหักศอกเรื่องราวทั้งหมดที่ปูมาได้แบบพลิกความคาดหมายสุด ๆ ซึ่งถ้านี่เป็นการหักศอกเพื่อปิดเรื่องราวในฐานะหนังดราม่าทริลเลอร์ อันนี้ถือว่าเป็นการหักมุมที่รุนแรงและ Epic มาก ๆ โดยเฉพาะการเฉลยเรื่องให้เห็นถึงมูลเหตุที่แท้จริงของฆาตกร โดยเฉพาะความเกลียดชังแค้นเคืองในระบบอำนาจนิยมทหารของตัวฆาตกร จนกลายเป็นมูลเหตุจูงใจในการฆ่า ซึ่งพอประกอบกับปูมหลังสุดบัดซบ มันก็ถือว่าเป็นแรงจูงใจที่มีน้ำหนัก และชวนให้สลดหดหู่ใจจนน้ำตาซึมได้ไม่ยากเลยแต่ถ้ามองด้วยแว่นตาของหนังแนวรหัสคดี
ผู้กำกับ
Ajay Devgn
บริษัท ค่ายหนัง
Reliance Entertainment
นักแสดง
- Ajay Devgn
- Tabu
- Sanjay Mishra
- Deepak Dobriyal
- Gajraj Rao
- Vineet Kumar
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
หนังใหม่ Netflix ต้อนรับปีใหม่ ประจำเดือนมกราคม 2023
(เดอะ เพล บลู อาย)
——————————-
นักสืบวัยเกษียณจ้างนักเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ผู้ฉลาดเฉลียวชื่อเอ็ดการ์ แอลลัน โพ เพื่อมาช่วยเขาไขปริศนาคดีฆาตกรรมที่น่าสยดสยองที่โรงเรียนทหารของสหรัฐอเมริกา
เข้า Netflix แล้วเด้ออ..
2 ชั่วโมง 10 นาที ‘พากย์ไทยด้วย’
– ย้อนไปในปี 1830
– เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น
– ในโรงเรียนเตรียมทหารของอเมริกา
– มีคนพบศพนักเรียนผุกคอตาย
– มิหนำซ้ำ หัวใจยังถูกควักออกไปด้วย
– ทางโรงเรียนเลยให้นักสืบคนหนึ่งมาไขคดี
– จนไปพบกับความสะพรึงที่ซุกซ่อนอยู่
– หนังนำแสดงโดย ‘Christian Bale’
เรื่อง เดอะ เพล บลู อาย (2022)
เดอะ เพล บลู อาย
เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นในโรงเรียนทหาร แต่หาคนร้ายไม่ได้เรื่องที่เกิดขึ้นในปี 80s เมื่อโรงเรียนทหารแห่งหนึ่งเกิดฆาตกรรมสยองขวัญ
ที่อวัยวะภายในหายไป ทางโรงเรียนจึงจ้างนักสืบคนหนึ่งเข้ามาไขคดี
พีคมากกกกกก
Netflix ‘พากย์ไทยด้วย’
มีคนพบศพนักเรียนเสียชีวิต
หัวใจหายไปจากร่าง
และในมือก็กำอะไรบางอย่างเอาไว้
แล้วใครละคือฆาตกร
เรื่อง เดอะ เพล บลู อาย’
รีวิว – เดอะ เพลยบลูอาย (Netflix)
.
หนังสืบสวนสอบสวนเรื่องแรกของปีในเน็ตฟลิก (เฉพาะในไทย) ที่ได้ดารานำชั้นยอดของวงการอย่าง Christian Bale มาเล่นให้ แม้ต้นเรื่องกับช่วงกลางเรื่องจะอืดไปหน่อย แต่ถ้าคุณดูไปได้จนจบ รับรองว่ามีเหวอแน่นอน แถม Mood and Tone ในเรื่องก็ทำได้หมองดีมากๆ น่าสงสัยทุกดอก สุดท้ายเรื่องงานแสดง พูดได้แค่ดีมาก แฟนดาราไว้ใจได้เลย…
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Spicy Police Flower (2023) ตำรวจสาวหัวร้อน
Detective Conan Haibara Ai Monogatari Kurogane no Mystery Train (2023)
6.8