The Orphanage (2007) สถานรับเลี้ยงผี
เรื่องย่อ
The Orphanage ลอร่าอดีตเด็กกำพร้าเลี้ยงลูกชายบุญธรรมของเธอพร้อมกับคาร์ลอสสามีในบ้านเก่าและบ้านเด็กกำพร้าที่เธอเลี้ยง </span><span>ในขณะที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าSimó n บอกลอร่าว่าเขามีเพื่อนที่มองไม่เห็นห้าคนซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นผลผลิตจากจินตนาการที่กระฉับกระเฉงของเขา ลอร่าตัดสินใจที่จะเปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อรองรับเด็กพิการและจัดงานเลี้ยงในระหว่างงานเลี้ยงSimó n พยายามเกลี้ยกล่อมลอร่าให้ไปดูกระท่อมของเพื่อน แต่เธอยุ่งเกินไป
ผู้กำกับ
- J.A. Bayona
บริษัท ค่ายหนัง
- MEDIA Programme of the European Union
- Instituto de la Cinematografía y de las Artes Audiovisuales (ICAA)
นักแสดง
- Belén Rueda
- Fernando Cayo
- Roger Príncep
- Mabel Rivera
- Montserrat Carulla
- Andrés Gertrúdix
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
คำเตือน The Orphanage ด้านล่างนี้จะมีส่วนที่เป็นสปอยล์อยู่นะครับ ใครไม่อยากโดนสปอยล์ หลบเลี่ยงโดยด่วนครับ !! ส่วนใครรอสปอยล์เรื่องนี้อยู่ ก็จัดเลยครับ เรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่ลูกที่ย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เคยเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเก่ามาก่อน โดยที่พวกเขามีเหตุผลบางอย่างที่ต้องย้ายเข้ามา แต่แล้วหลังจากที่เขาอยู่ไปได้ไม่นาน ลูกชายคนเดียวของเขา ไซม่อน ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ และไม่ว่าจะตามหายังไงก็หาไม่เจอ โดยแม่ของไซม่อนเสียใจอย่างมาก และเชื่ออย่างสุดใจว่า สิ่งที่จับตัวลูกของเธอไป ก็คือ วิญญาณของเด็กกำพร้าที่สิงอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอจึงตัดสินใจสืบหาความจริงด้วยตัวเอง เกี่ยวกับความจริงของสถานรับเลี้ยงแห่งนี้ และเธอก็ได้พบคำตอบที่ทั้งน่าเศร้าและกระตุกขวัญในเวลาเดียวกัน !! ตลอดทั้งเรื่องที่ดู หนังให้อารมณ์เหมือนกำลังดู The Others มากเพียงแต่จะให้อารมณ์ความชวนสงสัย และหลอนมากกว่าเล็กน้อยครับ !! ระดับความหลอน + ความดีงามของหนัง 9.5 หลุม
.
.
.
.
VV สปอยล์ด้านล่างนี้ VV
หนังมาเฉลยในตอนท้ายเรื่องว่าจริงๆแล้ว ไซม่อนนั้นตายไปนานแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่หายตัวไปแรกๆเลยครับ โดยไซม่อนแอบเข้าไปเล่นในห้องลับที่ซ่อนอยู่ในห้องใต้บันได ที่วิญญาณเด็กคนหนึ่ง (เด็กที่สวมหน้ากากถุงกระสอบ) บอกให้ไซม่อนเข้าไปเล่น และตอนที่แม่เห็นว่า ไซม่อนหายไป เธอก็ดันไปรื้อของในห้องใต้บันได จนมันไปขวางประตูออกจากห้องลับซึ่งไซม่อนอยู่ข้างในเอาไว้ และเมื่อไซม่อนพยายามออกมาโดยการทุบผนัง The Orphanage คนทั้งบ้านกลับคิดว่าเป็นเสียงของวิญญานเด็กซะอย่างนั้น
สุดท้ายไซม่อนหลังจากทุบกำแพงไม่นาน เข้าก็ดันพลาดตกจากบันไดในห้องลับ จนตกลงมาตายอยู่ในห้องลับใต้บันไดนั้นนั่นเอง และตลอดทั้งเรื่อง แม่ของเขาก็หาตัวเขามาตลอด โดยไม่รู้เลยว่า ตัวเองเป็นคนที่ฆ่าลูก (จริงๆเป็นลูกบุญธรรมที่รับมาเลี้ยงครับ โดยไซม่อนมีเชื้อ HIV ติดมาด้วย) ของตัวเอง และหลอกตัวเอง รวมทั้งคนดูว่า วิญญาณของเด็กในบ้านเป็นคนเอาตัวไซม่อนไปซ่อนไว้!! แต่จริงๆแล้ว วิญญาณของพวกเด็กกำลังพยายามบอกใบ้ต่างหากว่า ไซม่อนตายอยู่ในห้องใต้บันได
และในตอนจบของเรื่อง แม่ของไซม่อนก็อุ้มไซม่อนออกมาจากห้องใต้บันได พร้อมกับร่ำไห้ถึงลูกชาย แต่หลังจากนั้น เธอก็เหมือนนิมิตเห็นสถานรับเลี้ยงเด็กกลับกลายเป็นเหมือนเดิม (เพราะเธอเองก็เคยอยู่ที่นี่ด้วย นั่นเองครับ นี่แหละเหตุผลที่เธอย้ายมาที่นี่) และวิญญาณเด็กๆที่เคยเป็นเพื่อนกับเธอก็วิ่งเข้ามาหา และเล่นด้วยกัน และฉากก็ตัดไป ฉากจบทั้งแม่และไซม่อนตายหมดเลยครับ โดยจุดนี้ ผมเองก็ไม่มั่นใจนะครับ ว่า ลอร่าแม่ของไซม่อน เธอตายได้ยังไง แต่น่าจะเป็นช่วงที่เธออุ้ม (ศพ) ไซม่อนออกมาแล้วมานั่งอยู่ที่ห้องนอนนั่นแหละครับ และฝ่ายสามีก็เอาดอกไม้มาวางหน้าหลุมศพของภรรยาและพวกเด็กที่ตายที่นี่ จบบริบูรณ์ครับป๋ม 🙂 ปล. อยากให้สปอยล์เรื่องไหนอีก เรื่องต่อไปแอดเลือกไว้ในคิวแล้วครับ (มีเพื่อนๆเพจขอเข้ามาครับ) The Orphanage รอติดตามได้เลยนะครับ และถ้าอยากให้ผมมาสปอยล์เรื่องไหนอีก บอกได้เลยนะครับ 🙂
เป็นหนังผีที่ไม่น่ากลัวเท่าไร แต่ตอนจบหักมุมเข้าไปอีก เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนึง เธอตัดสินใจซื้อบ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยอาศัยอยู่ในสมัยเด็กเพื่อที่จะฟื้นฟูและเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กอีกครั้ง แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าเด็กที่มาอยู่มีแต่ผี แถมลูกชายคนเดียวของตัวเองดันมาหายตัวไปอีก ความหวังสุดท้ายที่จะเจอตัวลูกคือพวกผีเด็กที่เข้ามาอยู่ในบ้านที่พอจะช่วยเธอตามหาลูกได้ เธอเลยขอความช่วยเหลือให้ผีเด็กพวกนั้นตามหาลูกของเธอ เอาจริงๆ ก็แอบหลอนนะ พวกภาพเสียงอะไรแบบนี้ ดีที่มันไม่มีผีตุ้งแช่ แล้วก็ผีแว็บๆ อะไรแบบนั้นก็ไม่มี เพราะมันมาแบบเป็นตัวๆ เลย มาแบบเต็มจอแต่มาช้าๆ อะมึง มาเป็นฝูงไรงี้ ดูเถอะ หนังสนุก ไม่น่ากลัว
รีวิว สถานรับเลี้ยงผี กำกับโดย เจ. เอ. บาโยน่า จัดว่าเป็นหนังผีสยองขวัญที่โดดเด่นด้านการสร้างภาพและบรรยากาศแห่งความหลอนได้ยอดเยี่ยมไปพร้อม ๆ กับเส้นเรื่องแนวสืบสวนสอบสอนได้กลมกลืน อีกทั้งยังเล่นกับสัญลักษณ์ให้เราคบคิดได้อย่างสนุก แบ้สหักมุมจบในแบบที่เราไม่คาดคิด จัดว่าเป็นหนังผีสยองขวัญที่ขายไอเดียแนวใหม่ นับเป็นหนังผีสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จเนื่องจากได้รับรางวัลสำคัญต่าง ๆ The Orphanage จำนวนมากเช่น รางวัลโกย่าสาขาผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม รางวัลโกย่าสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม รางวัลโกย่าสาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมเป็นต้น หนังเล่าเรื่องราวของ ลอร่า และครอบครัว
ประกอบด้วยสามีและลูกชายบุญธรรม ไซมอน ที่กำลังป่วยจากเชื้อ HIV เธอและครอบครัวตัดสินใจย้ายบ้านมาบ้านใหม่ที่เคยเป็นบ้านด็กกำพร้าที่เธอเคยอาศัยอยู่เมื่อตอนเป็นเด็กเพื่อรักษาอาการป่วยของลูกชาย ไซมอน ป่วยและมักบอกกับแม่ว่าตนมีเพื่อนใหม่ชื่อโทมัส และหลายคนอยู่ในบ้านแห่งนี้ แน่นอนว่าแม่ไม่เชื่อ คิดว่านั้นคือเพื่อนในจินตนาการของลูกชายหรือเกิดจากอาการป่วยนั้นเอง ต่อมา ลอร่าได้พบเห็นสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านวางอยู่ผิดที่ผิดทางราวกับจงใจให้เธอเห็น จากนั้นความทรงจำในวัยเด็กภายในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า รวมถึงเรื่องราวของอดีตสมาชิกเด็กที่อยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กแห่งนี้ ก็ค่อย ๆ กลับคืนมา วันหนึ่งเหตุการณ์เลวร้ายได้เกิดขึ้น ไซมอนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าลอร่าและสามีพยายามหาทั่วบ้านที่ที่ต่าง ๆ รอบบ้านก็หาไม่พบ แต่ทุกครั้งมันจะมีบางสิ่งบางอย่างพยายามชีนำลอร่าให้เห็นเบาะแสบางอย่างทั้งเกี่ยวกับลูกของเธอ และ อดีตของเธอในบ้านเด็กกำพร้านี้
ฉากที่ทำให้เรารู้สึกหลอน และรู้สึกไม่ไว้วางใจบ้านแห่งนี้คือฉากที่ ลอร่า เล่นซ่อนหากับผีให้ผีชี้นำทางเธอไปหาลูกชายที่หายตัวไป รวมถึงฉากเสียงทุบกำแพง ฉากเด็กวิ่งไปมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชีนำทางทั้งสิ้น หนังพยายามตั้งใจใส่สัญลักษณ์บางสิ่งบางอย่างให้กับคนดู The Orphanage ที่โดดเด่นมากคือการเล่นกับเงาในกระจกที่มีอยู่นอกบ้าน เป็นการแสดงมิติคู่ขนาน ที่ซ้อนกันอยู่ในหนัง คือมิติของปัจจุบัน มิติของอดีตและมิติของโลกแห่งวิญญาณ หนังแสดงให้เห็นถึงวิญญาณเด็กสวมหน้ากากคลุมหัวคือโทมัส กับกุญแจ เด็กสวมหน้ากากเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความทรงจำในอดีตที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้หรือความทรงจำที่เธอลอร่าหลงลืมไป ส่วนกุญแจเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าการไขความลับหรือความทรงจำในอดีต
หนังยังแสดงถึงคติความเชื่อเรื่องวิญญาณว่า ว่ามนุษย์เราไม่ว่าจะตายตอนอายุเท่าไหร่ ในกรณีที่ยังไม่หมดอายุขัยหรือว่าตายแบบผิดธรรมชาตินั้น วิญญาณก็ยังจะคงอยู่ในอายุหรือในวัยนั้นตลอดไปจนกว่าจะหมดอายุขัย คติความเชื่อนี้มีอยู่ในทั้งวัฒนธรรมของเอเชียและของชาวยุโรป สถานรับเลี้ยงผี แม้จะเป็นหนังผีสยองขวัญแต่คนดูก็เห็นผีน้อยมาก รวมถึงเพลงประกอบและ จังหวะตกใจก็ไม่ได้มีมากมายนัก แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน จัดการใส่ของดีแบบถูกที่ถูกเวลา และรวมถึงการเล่าเรื่องอันชาญฉลาดนั้น ก็ทำให้เรารู้สึกหวาดผวาไปกับหนังได้อยู่ตลอดเวลา รวมถึงสามารถสร้างความประหลาดใจกับตอนจบได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย 8/10
ลอร่า (เบเลน รูเอดา) กลับมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธอเคยอยู่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กกับคาร์ลอส (เฟอร์นันโด กายโอ) สามีของเธอ และไซมอน (โรเจอร์ พรินซ์) เด็กชายตัวน้อย โดยหวังว่าจะสถาปนาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ขึ้นใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนริมทะเลสำหรับเด็กพิการ แต่กลับพบว่าอาจมีผู้อาศัยบางคนที่ไม่เคยจากไป ในภาพยนตร์เรื่อง “The Orphanage” ของฆวน อันโตนิโอ บาโยนา ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เห็น และการเล่นของเด็กก็แฝงนัยแฝงที่ชั่วร้าย
บาโยนาเป็นหนึ่งในผู้กำกับภาษาสเปนรุ่นใหม่ (โดยเฉพาะเดล ตอร์โรและอาเมนาบาร์) ที่โดดเด่นในด้านการสร้างเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่มีนัยแฝงของนิกายคาธอลิก ในขณะที่ “Pan’s Labyrinth” ใช้แนวทางแฟนตาซีมืดหม่นกับละครเกี่ยวกับความรัก “The Orphanage” นั้นใกล้เคียงกับธีมบ้านผีสิงคลาสสิกของ “The Others” มากขึ้น เนื่องจากพยายามนำเสนอมุมมองที่ซาบซึ้งของชีวิตหลังความตาย ขอเตือนไว้ก่อนว่า “สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” มักจะเศร้ามากกว่าน่ากลัว และผู้ที่ไม่เคยรู้จักลัทธิลึกลับของนิกายโรมันคาธอลิกอาจพบว่าสิ่งต่างๆ ยากที่จะเชื่อได้ ตามคำขวัญของภาพยนตร์เรื่องนี้…เชื่อก่อนแล้วคุณจะเห็น ผู้ที่มีความอดทนและหัวใจจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากผู้ชมไม่จำเป็นต้องเชื่อเพื่อเชื่อมโยงกับตัวละครที่เชื่อ
บาโยนาใช้เทมเพลตสยองขวัญทางจิตวิทยาที่ประณีต “น้อยแต่มาก” ในการสร้างผลงานตามสูตรสำเร็จ จะเป็นการสำรวจความเศร้าโศกที่เรียบง่ายแต่จริงใจ จะมีการพาดพิงถึงวรรณกรรมคลาสสิก The Orphanage (ในกรณีนี้คือ “ปีเตอร์แพน” ที่ทำได้ดีมากในฐานะสัญลักษณ์ของนิกายโรมันคาธอลิก) จะมีการเผยความลับอันดำมืดจากอดีต จะมีการพาดพิงถึงเด็กๆ ที่เฉลียวฉลาดที่มีเพื่อนในจินตนาการที่น่ากลัว จะมีการจัดเตรียมฉากที่ดังเอี๊ยดอ๊าดและเอฟเฟกต์เสียงที่หลอกลวงเพื่อสร้างช่วงเวลา “จับได้!” จะมีการเรียกสื่อวิญญาณที่น่าขนลุก (เจอรัลดีน แชปลินที่ยอดเยี่ยม) เข้ามาเพื่อทำพิธีกรรมเรียกวิญญาณ และตอนจบจะมีจุดหักมุมด้วย
โชคดีที่ Belen Rueda ก็แสดงได้ยอดเยี่ยมในบทลอร่าด้วย เธอถ่ายทอดเรื่องราวของผู้หญิงที่สูญเสียคนรักไปอย่างสุดหัวใจและสิ้นหวังอย่างแสนสาหัส ไม่ว่าความจริงนั้นจะเลวร้ายเพียงใดก็ตาม คนเราต้องมีหัวใจที่เย็นชาจึงจะไม่รู้สึกเห็นใจเธอ และแม้แต่ผู้ชมที่ใจแข็งที่สุดก็อาจรู้สึกน้ำตาคลอเบ้าเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย “The Orphanage” ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่บางครั้งเรื่องผีๆ สางๆ เดิมๆ ที่นำเสนอในรูปแบบที่สวยงามก็กลายเป็นความบันเทิงที่ดีที่สุดสำหรับวันฝนตกและอากาศหนาวเย็น
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Land of Bad (2024) ภารกิจฝ่าแดนดิบ
Speak No Evil (2024) เงียบซ่อนตาย
The Night They Came Home (2024)
7.1