The Good The Bad Weird (2008) โหด บ้า ล่าดีเดือด
เรื่องย่อ
นักล่าค่าหัว นักเลง The Good The Bad Weird (2008) โหด บ้า ล่าดีเดือด และโจรปล้นรถไฟต้องผนึกกำลังกันตามหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในแมนจูเลียช่วงยุค 1930 ก่อนที่แก๊งคู่อริและกองทัพญี่ปุ่นจะมาชิงไป โจรมืออาชีพที่มีชื่อเสียงได้มีเป้าหมายเดียวกันสำหรับงานใหญ่ในการขโมยแผนที่ขุ่มทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้บนรถไฟ ทว่าพวกเขาทั้งสามคนถูกตั้งค่าหัวเป็นเงินรางวัลทำให้การต่อสู้ที่ดุเดือดของพวกเขาต้องถูกไล่ต้อนจนไม่มีทางที่จะหนี พวกเขาจะทำอย่างไร ? ฉายาของพวกเขาคือ The Good นักล่าเงินรางวัลที่อ่อนโยน The Bad หัวหน้าแก๊งอันธพาลและ The Weird โจรหัวแข็งที่มีเก้าชีวิต
เป็นเรื่องราวในช่วงทศวรรษที่ 30s ดูหนัง โหด บ้า ล่าดีเดือด พากย์ไทย ช่วงนั้นสถานการณ์ที่เกาหลีนั้นเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงเพราะเกาะของเกาหลีบางส่วนนั้นก็ได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกองทัพญี่ปุ่นทำให้ชาวเกาหลีบางส่วนนั้นเริ่มทยอยกันอพยพไปอยู่ที่จีนและเรื่องราวนี้ก็ได้นำมาสู่เหตุการณ์ที่ได้มีคนสองคนที่อยู่เหนือกฎหมายและรวมไปถึงนักล่าเงินรางวัลในแมนจูเรียต้องมาแข่งขันกันเพื่อที่จะต้องการครอบครองแผนที่ขุมทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล
ผู้กำกับ โหด บ้า ล่าดีเดือด พากย์ไทย
Kim Jee-woon
บริษัท ค่ายหนัง
Barunson E&A
นักแสดง
- Song Kang-ho
- Lee Byung-hun
- Jung Woo-sung
- Yun Je-mun
- Ryu Seung-su
- Song Young-chang
โปสเตอร์หนัง
รีวิว ดู หนัง โหด บ้า ล่า ดีเดือด พากย์ ไทย
เรื่องราวของจอมโจร, The Good The Bad Weird (2008) โหด บ้า ล่าดีเดือด นักฆ่าและนักล่าเงินรางวัลในยุคล่มสลายของแมนจูเรียที่เคยเป็นใหญ่ (สมัยสงครามโลกครั้งที่2) พวกเขามีแผนที่จะชิงขุมทรัพย์ในขณะที่ถูกไล่ล่าโดยกองทัพญี่ปุ่น ทั้งสามจะได้พบกับปลายทางของแผนที่ขุมทรัพย์และใครจะอยู่รอดที่จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด? หลังสั่งสมความสำเร็จในบ้านเกิดจาก A Tale of Two Sisters (2003) และ A Bittersweet Life (2005) ผู้กำกับคิมจีวุนก็ได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก Blue Dragon Awards จากเรื่องนี้ก่อนจะก้าวไปกำกับหนังฮอลีวูดอย่าง The Last Stand (2013) เทียบกับผู้กำกับที่ก้าวไปสู่ฮอลีวูดคนอื่นๆ
ผกก.คิมจีวุน อาจจะไม่ได้มีรางวัลติดมือมากเท่า แต่ก็เป็นที่เลื่องชื่อสำหรับการทำหนังธรรมดาให้ออกมาเท่และมีสไตล์ ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ตัวหนังบอกใบ้ตั้งแต่ชื่อหนังว่าเป็นการคารวะหนัง Western คลาสสิคในอดีตเข้ากับการถ่ายภาพที่สวยงามและเอฟเฟคที่จัดเต็มระดับโลก รวมถึงมีซีนที่น่าจดจำทั้งฉากรถไฟ, ฉากเผชิญหน้าของทั้งสามและอีกหลากฉากการดวลปืนที่ทำให้นึกถึง ‘จอห์น วู’ คำเตือน!! ไม่เหมาะกับคนที่ชอบอะไรที่มีแต่ความสมจริง เพราะหนังเต็มไปด้วยองค์ประกอบแนวๆ ที่พาเพลินและสะใจมากมาย!
• บทพิสูจน์เลยว่าหนังเกาหลีใต้ทำแนวคาวบอยแบบตะวันตกให้เป็นสไตล์ตัวเองได้เหมือนกัน สร้างสไตล์ Kimchi Western ไม่ไปย่ำรอยของ Spaghetti Western ด้วย
• หนังได้แรงบันดาลใจมาจากหนังคาวบอยคลาสสิก The Good, the Bad and the Ugly แบบไม่ต้องสงสัย คือชัดตั้งแต่ชื่อหนังยันพล็อตและฉากสำคัญ
• เนื้อเรื่องมาแนวตามลายแทงล่าขุมทรัพย์ที่ต้องไปแย่งชิงมาจากพวกญี่ปุ่น โดยมี 4-5 ฝ่ายแย่งกันให้วุ่น ซึ่งหนังจะโฟกัสที่ตัวเอกที่เป็นนักล่าค่าหัว, นักฆ่าขั้นเทพ, และโจร(เหมือนจะ)กระจอกแต่ฝีมือดี
• หนังมาโทนแอ็คชั่นกึ่งผสมคอเมดี้ เลยทำให้พวกฉากไล่ยิงตัวเอกยังไงก็ยิงไม่โดนกลายเป็นเรื่องไม่สมจริงที่แอบหงุดหงิดพอสมควร ไม่ปลื้มตรงนี้ มันดูติดโม้สกิลพระเอกเกินไปมาก
• นักแสดงนำวันนั้นมาไกลกันหมดในวันนี้ ทั้ง ซง คังโฮ ที่ตอนนั้นเพิ่งเริ่มดังจาก The Good The Bad Weird (2008) โหด บ้า ล่าดีเดือด เริ่มมีชื่อเสียงด้านการแสดงในเอเชีย มาเรื่องนี้ก็เหมือนเก็บเลเวลต่อ จนมาถึงจุดพีคใน Parasite
• ส่วน อี บยองฮอน พอเรื่องนี้ไปฉายคานส์ ความเท่เข้าตาฮอลลีวูดได้ไปเล่น G.I. Joe: The Rise of Cobra เลย
• อาจจะมี จอง อูซอง ที่ได้บท The Good สไตล์คลิ้นต์ อีสวูด แล้วไปไม่ไกลเท่าอีกสองคนที่บทนำร่วมกัน แต่ก็ยังเห็นหน้าเห็นตาเรื่อย ๆ
• พี่หมี มาดงซอก วันนั้นยังเป็นตัวประกอบ วันนี้เป็นซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลเฉย
• จัดอันดับหนังของผู้กำกับ คิม จีวุน สักหน่อย The Age of Shadows > A Tale of Two Sisters > The Last Stand > The Good the Bad the Weird > Illang: The Wolf Brigade >>>>> A Bittersweet Life >>>>>>>> I Saw the Devil
• แล้วคิดว่าเพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้ คิม จีวุน ได้ไปทำหนังคาวบอยยุคใหม่ในฮอลลีวูดเรื่อง The Last Stand ที่เราชอบมาก
————————————-
พล็อตมันก็ง่าย ๆ ‘แทกู’ (ซง คังโฮ) ถูกจ้างให้ขโมยแผนที่จากพวกญี่ปุ่น แม้จะรู้ดีว่าคู่แข่งคือ ‘พัค ชางยี’ (อี บยองฮอน) นักฆ่าสุดโหดที่มีลูกน้องเป็นแก๊งใหญ่ ส่วน ‘โดวอน’ (จอง อูซอง) เป็นนักล่าค่าหัวฝีมือระดับเทพที่มาตามหาแผนที่และล่าค่าหัวชางยีด้วยพอดี จึงเกิดเป็นการชุลมุนไล่ตามแผนที่กันให้วุ่น ซึ่งแทกูเป็นคนครอบครองแผนที่จึงต้องหนีจากการถูกทุกฝ่ายตามล่า
.
หนังสนุกเพลิน ๆ ไล่ตามล่ากันทั้งเรื่อง เสียอย่างเดียวพวกคิวบู๊ใช้ปืนเล่นเอาตัวประกอบกลายเป็นเกรดสตอร์มทรูปเปอร์ คือต่อให้เป็นโทนคอเมดี้ก็ยังรู้สึกว่ามันมีความไม่สมจริงมากเกินไปจนไม่ได้ลุ้น อย่างฉากตอนท้ายขี่ม้าไล่ล่ากันกลางทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา แทนที่จะบันเทิงกับการล่าแบบไม่มีพัก ดันแอบหงุดหงิดฉากตัวเอกโดนไล่ยิงเป็นร้อยนัดแต่ตัวประกอบยิงไม่โดนสักนัด ออกแนวเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ซึ่งถ้ามีแค่สองสามจังหวะคงปล่อยผ่านได้ แต่พอเจอยาว ๆ แอบกร่อย ถึงอย่างนั้นฉากตอนท้ายนี่ก็อลังการอยู่ ทุกแก๊งทั้งพวกญี่ปุ่นและโจรยกกองทัพมาตามล่าแผนที่ผืนเดียวกันไม่มีสิ้นสุด
.
ความเป็นการ์ตูนของหนังเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันเอาเซ้นส์ความตลกแบบหนังเกาหลีใต้ยุค 2000’s มาผสมกับพล็อตแนวคาวบอยอิตาเลียนแล้วกลายเป็นหนังผจญภัยที่ตั้งตัวเป็น Kimchi Western ได้ ด้วยเซ็ตติ้งก็เป็นช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง สามารถแตะ ๆ การเมืองความขัดแย้งกับญี่ปุ่นและพูดเรื่องความรักชาติได้เบา ๆ เป็นกลิ่นอายเฉพาะตัวของเกาหลีใต้ เสร็จแล้วประเคนฉากแอ็คชั่นมันส์ ๆ The Good The Bad Weird (2008) โหด บ้า ล่าดีเดือด ใช้พวกลูกเล่นสถาปัตยกรรมฝั่งเอเชียมาออกแบบคิวบู๊เฉพาะตัว ซึ่งคิม จีวุน ทำออกมาได้กลมกล่อมพอให้เราที่เป็นแฟนหนังคาวบอยยกนิ้วให้
ในฐานะแฟนตัวยงของเรื่อง The Good The Bad Weird (2008) โหด บ้า ล่าดีเดือด ผมรู้สึกสนใจเมื่อได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “The Good, The Bad, The Weird” ซึ่งเมื่อผมเห็นว่าเป็นภาพยนตร์แนวตะวันตกของเกาหลีที่ดำเนินเรื่องในทะเลทรายแมนจูเรียที่ถูกญี่ปุ่นยึดครอง ผมจึงต้องดูให้ได้ แม้ว่าจะมั่นใจว่ามันคงไม่ดีอย่างที่เห็นก็ตาม… โชคดีที่ผมคิดผิด เนื้อเรื่องอาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่ฉากแอ็กชั่นนั้นดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมักจะตลกมาก
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง “The Good, The Bad and The Ugly” อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้เป็นการสร้างใหม่ โดยความคล้ายคลึงหลักๆ อยู่ที่ตัวละครหลักทั้งสามคน ซึ่ง The Good ก็เป็นนักล่าเงินรางวัลเช่นกัน ส่วน The Bad ก็เป็นฆาตกรซาดิสต์ และ The Weird ก็เข้ามาแทนที่ The Ugly เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม เนื้อเรื่องกล่าวถึงการที่ The Weird ปล้นรถไฟ และหนึ่งในสิ่งของที่เขาขโมยไปก็คือแผนที่… แผนที่ที่ The Bad วางแผนจะขโมยด้วยเช่นกัน แม้ว่าเขาจะถูกขัดจังหวะเมื่อ The Good มาถึงด้วยความตั้งใจที่จะเก็บเงินค่าหัวจากเขา ในความสับสนวุ่นวาย The Weird หลบหนี และส่วนที่เหลือของภาพยนตร์จะเล่าถึงความพยายามของ The Bad ซึ่งเป็นกลุ่มโจรและกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่พยายามยึดครองแผนที่
ฉากแอ็กชั่นนั้นน่าตื่นตาตื่นใจและทำได้ดีด้วยการยิงปืน การต่อสู้ด้วยมีด และการไล่ล่าทั้งบนเท้า ขี่ม้า ขี่มอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ แม้ว่าจะเน้นไปที่ฉากแอ็กชั่น แต่ตัวละครก็สนุกเช่นกัน โดยเฉพาะ The Weird ที่ขโมยซีนไป แม้ว่าจะเป็นแนวตลก แต่ก็มีฉากรุนแรงอยู่บ้าง ซึ่งผู้ชมบางคนที่คาดหวังแค่เสียงหัวเราะอาจไม่ชอบ ฉันรู้ว่าฉันสะดุ้งเมื่อตัวละครตัวหนึ่งพยายามตัดนิ้วของอีกตัวด้วยมีด ฉันขอแนะนำเรื่องนี้ให้กับแฟนๆ ของหนังคาวบอยที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง รวมถึงแฟนๆ ของหนังเอเชียด้วย
เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการไล่ล่าหาสมบัติ และไม่เคยลืมมันเลย ในการไล่ล่าหาสมบัติ ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน การถ่ายภาพนั้นน่าทึ่งมาก โดยใช้ฉากที่ซับซ้อนและใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ฉากเสี่ยงและเอฟเฟกต์ส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นจริง โดยใช้ CGI ให้น้อยที่สุด เป็นภาพยนตร์แอคชั่นที่ใช้ฉากจริงแทนพิกเซล ซึ่งถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากในภาพยนตร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขนมหวานที่สวยงามสำหรับทุกประสาทสัมผัส ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ! ในแง่ของการแสดงนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก นักแสดงตลกชาวเกาหลี Song Kang-Ho รับบท Tae-Goo ในบทบาท “แปลก” โดยแสดงได้ทั้งความเป็นมนุษย์และความแปลกประหลาด Lee Byung-Hun รับบทเป็นตัวละคร “เลว” โหดและบ้าคลั่งในบทนักเลง Chang-Yi ส่วนตัวละครหลักทั้งสามคนคือ Jung Woo-Son รับบทเป็น Do-Won นักล่าเงินรางวัลที่เยือกเย็น มีสติ และอวดดีไม่น้อย แม้ว่าจุงจะถูกบดบังด้วยตัวละครอีกสองคน แต่สุดท้ายตัวละครของเขากลับกลายเป็นตัวละครโปรดของฉันในช่วงไคลแม็กซ์ ตัวละครสมทบก็ไม่ใช่คนเลวเช่นกัน โดยเล่นได้ทุกอย่างตั้งแต่ทหารที่ออกจากกองทัพไปจนถึงนินจา ซึ่งก็ถือว่าดีทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้ากลุ่มอันธพาลแมนจูเรียที่เฝ้าดูความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นและพูดคุยกันอย่างใจเย็นบนหลังม้านั้นก็ถือว่าน่าสนใจเป็นพิเศษ
แม้ว่าการแสดงจะดี…แต่ก็มีไม่มากนัก ฉันไม่คิดว่าใครจะพยายามแสร้งทำเป็นว่านี่เป็นผลงานที่ขับเคลื่อนโดยตัวละคร อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ แต่ก็ไม่ได้พยายามให้เป็นแบบนั้น แต่พยายามให้สนุก ตัวละครมีพัฒนาการมากพอที่จะทำให้เมื่อถึงไคลแม็กซ์หลังจากสองชั่วโมงสุดระทึกของฉากแอ็กชั่นสุดอลังการ คุณจะรู้สึกได้ว่าชีวิตของตัวละครกำลังถูกคุกคาม นั่นคือ…ทั้งหมด
แต่ฉากแอ็กชั่นนั้นทำได้ดีมาก โดยมีดนตรีประกอบที่เร้าใจทำให้ทุกอย่างสนุกยิ่งขึ้น สำหรับความบันเทิงแล้ว คุณจะหาอะไรที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วสำหรับเรื่องนี้ สนุกสุดๆ กับฉากที่ถ่ายด้วยผู้คน ม้า รถยนต์ และดอกไม้ไฟจริงในกลางทะเลทรายโกบี (CGI และฉากที่อลังการมากเกินไปทำให้เบื่อได้ง่าย ซึ่งฉันมักจะสนุก) ดังนั้นซื้อดีวีดี ซื้อป๊อปคอร์น เปิดเสียงให้ดัง และเตรียมพร้อมสำหรับภาพยนตร์แอคชั่นที่สร้างสรรค์อย่างสวยงาม ไม่ใช่ผลงานชิ้นเอกที่เน้นตัวละครที่ซับซ้อน
7.7