The Godfather 3 (1990) เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 3
เรื่องย่อ
The Godfather 3 (1990) เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 3 บทสุดท้ายของมหากาพย์ไตรภาคแห่งตระกูลคอร์ลีโอเน่ อัล ปาชิโน่กลับมาอีกครั้ง ในบทผู้นำแห่งตระกูลผู้ทรงอิทธิพลล้นฟ้า ไมเคิล คอร์ลีโอเน่ ในช่วงวัยหกสิบกว่า คิดสำนึกผิดกับสิ่งเลวร้ายที่เคยทำไปในอดีต เพื่อลบล้างความรู้สึกผิดนี้เขาจึงต้องการปลดปล่อยครอบครัวให้เป็นอิสระจากโลกอาชญากรรม เรื่องราวภาคต่อที่มีคนรอชมมายาวนาน ยังคงเข้มข้นด้วเรื่องของอำนาจ การสืบทอด เจตนารมณ์ การแก้แค้นและความรัก
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง The Godfather 3 (1990) เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 3 หนังประเภท Crime อาชญากรรม เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
Francis Ford Coppola
บริษัท ค่ายหนัง
- Paramount Pictures
- Zoetrope Studios
นักแสดง
- Al Pacino
- Diane Keaton
- Talia Shire
- Andy García
- Eli Wallach
- Joe Mantegna
- Bridget Fonda
- George Hamilton
- Sofia Coppola
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
Talkxic l ทอร์คซิก
The Godfather : Part III (1990) 9/10
เรื่องราวผ่านมา 16 ปีจากภาคสอง เมื่อ ดอน ไมเคิล คอร์เลโอเน ต้องการจะให้ธุรกิจครอบครัวออกมาสู่เส้นทางที่ใสสะอาดและสุจริต แต่ก็ยังมีศัตรูอีกมากมายที่ต้องการจะโค่นความยิ่งใหญ่ของตระกูลนี้อยู่ดี ทำให้ไมเคิลต้องหาผู้สืบทอดตระกูลเพื่อให้ธุรกิจยังมีผู้นำและต้องคอยจัดการศัตรูให้หมดสิ้น
เรื่องก็ยังคงมาตรฐานตามเดิม เพียงแต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่มันหายไปเยอะ อาจจะด้วยว่าคล้ายภาคสองในบางส่วนบ้าง ผู้ชมส่วนใหญ่เลยรู้สึกว่ามันไม่ดี แต่ส่วนตัวก็มองว่าไม่ได้แย่เลยนะ แต่ที่สัมผัสได้เลยคือ “ความขลัง” ที่สัมผัสได้ว่ามันหายไปเยอะมาก อาจจะเพราะด้วยว่าเนื้อเรื่องมันโยงว่าไมเคิลเข้าทางด้านศาสนามากขึ้นเยอะมาก แต่หนังเรื่องนี่กลับแสดงเรื่องเบื้องหลังของ “ศาสนา” ที่มีการเกี่ยวข้องกับมาเฟียในอิตาลี ซึ่งถ้าผู้ชมคนไหนไม่ค่อยอินกับเรื่องนี้ ก็จะยิ่งมองเรื่องนี่ว่าดร็อปลง แต่ส่วนตัวแอดมองว่ามันน่าสนใจมาก ๆ ส่วนของการโชว์ความยิ่งใหญ่ก็ยังคงมีอยู่เพียงแต่ลดลงไปนิดนึงแต่ก็ไม่ได้ทำลายความสนุกของหนังได้เลย ยิ่งในเรื่องของความรักระหว่าง ดอน ไมเคิล กับ เคย์ ที่ดูแล้วรู้สีกอบอุ่นมาก ๆ เลยอ่ะ ยิ้มได้เลย อินมาก
ในพาร์ทที่เล่าเรื่องของ “วินเซนต์” ลูกชายของซันนี่ พี่ชายที่ตายไปแล้วในภาคแรก ที่แสดงโดย “แอนดี้ กราเซีย” มีความน่าสนใจพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องความรักที่คือแบบ ฮูลี่ชิท มาก ๆ คือเอ็งกล้าทำงี้ได้ไงฟะ!!! ถ้าใครหงุดหงิดอีกก็หักคะแนนตรงนี้ไปอีกแน่ ๆ (แต่ไม่ใช่โผ๊ม)
ด้านเนื้อเรื่องและบทพูด ยังคงตามมาตรฐานเช่นเดียวกับสองภาคแรก ยิ่งกับตอนจบที่แสนจะเศร้าของตำนานที่ยิ่งใหญ่ จุด ๆ นั้นคือจุดที่เพิ่มคะแนนให้มาก (ไม่สปอยล์อันนี้ ต้องดู) …แต่… มีแค่จุดเดียวที่รู้สึกว่าเป็นจุดที่รู้สึกแปลก ๆ คือ “แมรี” ลูกสาวของ ดอน ไมเคิล ที่แสดงโดย “โซเฟีย คอปเปล่า” ใช่ครับ ลูกผู้กำกับนั่นเอง 55555555555 ส่วนตัวมองว่านี่เป็นจุด ๆ เดียวที่รู้สึกว่านางแสดงไม่สุดเท่าไหร่อ่ะ มันแปลก ๆ แหม่ง ๆ แบบอธิบายเป็นภาษาพูดไม่ได้จริง ๆ นะ แต่ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ พอได้ ๆ
สรุปโดยรวมของหนังคือ ถ้าใครอินด้านศาสนาและยังอินกับความเดือดของหนังเรื่องนี้ก็คงจะชอบมาก ๆ เหมือนแอด แต่ถ้าใครไม่อินก็มีสิทธิที่จะไม่ชอบเช่นกัน เลยไม่แปลกใจว่าทำไมคะแนน imdb ถึงน้อยลงจากสองภาคแรก เพียงแต่ คุณอย่าเชื่อในสิ่งที่คุณยังไม่ได้เห็นแค่นั้นเอง
ปล. เหตุที่หนังเหมือนจะปูทางไปมีภาค 4 แต่กลับไม่มี เหตุผลที่รู้คือ ผกก.เสีย กับ คำวิจารณ์ของภาค 3 ไปในทางลบนั่นเอง ฉะนั้นไม่ต้องงงนะจ๊ะ
(สามารถหาดูได้ใน Netflix นะจ๊ะ)
ArchTorment
[CR] The Godfather : Trilogy Review
The Godfather (1972) สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้คือความตาย
เนื้อเรื่อง/การนำเสนอ…5/5
ดอน วีโต คอร์เลโอเน(Marlon Brando ผู้ล่วงลับ) เจ้าพ่อมาเฟียลือชื่อ ซึ่งมีหน้าที่เสมือนที่พึ่งพิงของผู้คนภายใต้สมญานาม”ก็อดฟาเธอร์” เขาได้ปกครององค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดมีปัญหากับแกงค์มาเฟียคู่อริ ซึ่งผ่านการชักใยจากแกงค์มาเฟียอีกเเกงค์อีกทอดนึงอีก ทำให้จำเป็นต้องให้ลูกชายเขารับช่วงต่ออย่างไม่เต็มใจนัก
เดอะ ก็อดฟาเธอร์ นำเสนอให้คนดูเห็นในรูปเเบบของเจ้าพ่อ ที่ผู้คนต่างยำเกรงด้วยบารมีหรือจะเป็นความเมตตา ซึ่งก็เเล้วเเต่ว่าคุณอยู่ฝั่งไหน ถ้าคุณฝั่งอยู่ตรงข้าม ความเมตตาก็อาจจะเปลี่ยนเป็นข้อเสนอบางอย่าง
“ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้”
เพราะถ้าหากเลือกปฏิเสธ นั่นก็อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณได้ทำ
สิ่งที่คนดูอย่างเราจะได้สัมผัสคือบรรยากาศ เกมอารมณ์อันน่าอึดอัด การเล่นตุกติก การหักหลัง ความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือการที่เราจำเป็นต้องทำบางอย่าง ถึงเเม้เราจะไม่ได้ชอบมันนักก็ตาม
สิ่งที่น่าประทับใจนอกจากการนำเสนอเเล้ว การเเสดงของ มาลอน บรันโด้นั้นมันสุดยอดมาก เขาคือเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างมากมาย มองเกมขาดทะลุปรุโปร่ง เขารู้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตจะเกิดอะไรต่อไป เเละจะเป็นยังไง ซึ่งต้องยอมรับการเป็นการเเสดงชั้นปรมจารย์จริงๆที่ตีความตัวละครออกมาได้อย่างนี้
บท/การกำกับ…5/5
ถึงเเม้ตัวหนังจะไม่ได้เล่าเรื่องตรงๆมากนัก เเต่ถูกเเทนที่ด้วยภาพ คำพูด สีหน้าท่าทางของตัวละคร ที่จะสื่อว่าเหตุการณ์กำลังเป็นไปในทางไหน
ธีมของหนังเป็นสไตล์วินเทจ(หรือเพราะหนังมันเก่าจริงหว่า) ให้อารมณ์ถึงความคลาสสิคจริงๆ (ก็หนังมันคลาสสิคจริงอ่ะ)
ซึ่งถึงบทของตัวละครจะไม่ได้มากนัก เเต่ทุกตัวละครก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ส่งผลให้เป็นความสมบูรณ์ในด้านเนื้อหา
นักแสดง…5/5
เเค่มาลอนคนเดียวผมก็ให้ 5/5 เเล้ว ซึ่งต้องของบอกว่าทุกตัวละครมีมิติหมด เเละที่จะขาดไม่ได้เลยคือตัว ไมเคิล คอร์เลโอเน(Al Pacino) ที่เท่วัวตายควายล้มจริงๆ ทั้งฉลาดเเละหล่อ อีกทั้งยังอมหิตสุดๆในเเง่ของการเป็นเจ้าพ่อด้วย
ผมขอบอกว่านักแสดงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ผลักดันหนังเรื่องนี้ขึ้นเเท่นหนังที่ดีที่สุดตลอดกาลในบางสำนัก ถ้าหากคุณอยากเป็นนักแสดง คุณสามารถหยิบหนังเรื่องนี้มาเปิดดูเป็นการเรียนรู้ได้เลยครับ
สรุป…5/5
เป็นหนังที่สุดยอดในทุกๆทางครับ โดยเฉพาะการแสดงอันทรงพลังของมาลอน บรันโด หนังเล่าเรื่องได้ละเอียดน่าติดตาม การใช้เทคนิคภาพแทนการเล่าเรื่อง เเต่ต้องขอบอกว่าคุณต้องตามหนังให้ทัน เพราะถ้าคุณพลาดบทพูดใดไปล่ะก็ ขอบอกว่าคุณอาจจะงงไปเลยก็ได้
อ้อ เเล้วก็อย่าลืมจำชื่อตัวละครด้วยล่ะ มันสำคัญมากๆเลยนะ
The Godfather: Part II (1974) เราเป็นในสิ่งที่เราเลือก
เนื้อเรื่อง/การนำเสนอ…5/5
หนังเล่าย้อนไปสำรวจ Vito Corleone สมัยเด็กๆ ในปี ค.ศ. 1920 ที่เพิ่งย้ายมามหานครนิวยอร์ก เเละ เรื่องราวชีวิตของ Michael Corleone ในการพยายามผสานชีวิตของเขากับการเป็นผู้นำองค์กรอาชญากรรม
บางครั้ง…ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่ซักเเค่ไหน โลกก็ยังคงไม่ได้หมุนรอบตัวคุณ มีอะไรหลายๆอย่างที่คุณไม่สามารถจะควบคุมได้
Vito ได้สอนให้เรารู้ว่าความอ่อนโยนคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก การเลือกใช้คนให้ถูกกับงานก็เช่นกัน Vito ทำให้ผมคิดถึง เล่าปี่ ในสามก๊ก ทั้งคู่มีความกล้าหาญ กล้าได้กล้าเสีย รู้จักใช้คน ฉลาดหลักเเหลม เเละมีความอ่อนโยนในเเบบที่ผู้นำพึงมี ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตครอบครัวเเละการเป็นผู้นำองค์กรอาชญากรรมได้อย่างลงตัว
Vito มีสกิลติดตัวที่โดดเด่น 3 สิ่งที่ลูกทั้งสามคนต่างได้มาคนละอย่าง
Sonny Corleone ได้ความกล้าหาญ กล้าได้กล้าเสีย เเต่ใจร้อนไม่ค่อยคิดก่อนทำอะไร
Fredo Corleone ได้ความอ่อนโยน เเต่อ่อนเเอ ไม่สามารถเป็นผู้นำได้
Michael Corleone ได้ความฉลาดหลักเเหลม เเละรอบคอบ เเต่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต
ถึงแม้จะไม่เต็มใจนัก เเต่ Michael ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการสืบทอดอาณาจักรของพ่อ เเต่การปกครองที่ดี คุณจะใช้เเค่ไม้เเข็งอย่างเดียวไม่ได้ หรืออาจจะได้เเต่มันอาจจะส่งผลให้คุณไม่เหลือใครก็เป็นได้
ภาพยนต์นำเสนอการเข้าสู่อำนาจของ Vito สลับกับการบริหารของ Michael เเม้จะอยู่คนละยุคคนละบริบท เเต่ตัวบทก็มีความเชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด ซึ่งผมชอบการนำเสนอเเบบนี้นะ Francis Ford Coppola ทำออกมาได้ดีมากๆ หนังมันมีความลงตัวในหลายๆเรื่องๆ สิ่งที่ดีในภาคแรกยังอยู่ครบถ้วน ภาคนี้ก็พัฒนาขึ้นโดยการพาเราไปสำรวจจิตใจของตัวละครทั้งคู่ผ่านเรื่องราวเเต่ละช่วงวัย
บท/การกำกับ…5/5
ตัวหนังมีความชาญฉลาดในการตัดต่อเเต่ละช่วงเวลาของชีวิตทั้งคู่ให้เชื่อมโยงกันอย่างมีชั้นเชิง บทหนังนำพาดำดิ่งไปสู่โลกอาชญากรรมลึกขึ้นกว่าภาคเเรกมากนัก ทำให้เราเห็นถึงความขัดเเย้ง ถ้าสมัยนี้ก็คงเรียกว่า ดาร์คขึ้น ดาร์คมากก…เเน่ใจนะว่าไม่ได้มาจากจักรวาล DC
ตัวหนังมีภาพสัญลักษณ์เป็นหุ่นเชิด หมายถึงการชักใยอยู่เบื้องหลังในเเต่ละกิจการ ซึ่งดูเหมือน ยิ่ง Michael Corleone จะเล่นบทผู้ชักใยมากเท่าไหร่ สายหุ่นเชิดก็จะยิ่งพันกันยุ่งเหยิง ยิ่งเขาดิ้นรนจะแก้มากแค่ไหน ยิ่งทำให้มันพันกว่าเดิม เขาพยายามจะรักษาอำนวจตนเอง โดยยอมกระทั่งทำร้ายคนที่ตนเองรัก
หรือจริงๆเเล้ว Michael รักใครจริงๆหรือไม่ หรือ รักแท้ของเขาได้ตายไปตั้งเเต่ตอนที่เขาอยู่ซิซิลีเเล้วกันล่ะ? สิ่งต่างๆหลอมรวมกันเป็นตัวตนที่โหดร้าย นำไปสู่บทสรุปในตอนท้ายที่หดหู่มาก ถือเป็นอีกหนึ่งงานระดับ masterpiece ที่มีค่าทำควรจะดำรงใว้ให้ลูกหลานได้ดูครับ
นักแสดง…5/5
Al Pacino เป็น Michael Corleone ได้อย่างสุดยอด มาดของเขา ดวงตา คำพูด ที่ดูยังไงยิ้มก็โคคร Cool จากภาคที่เเล้วคิดว่าเป็นตัวละครที่ดีเเล้ว ภาคนี้ก็คงนับว่าสุดยอด เเต่ก็คงไม่เท่า มาลอน บรันโด้ ในภาคเเรกครับ
Robert De Niro เป็น Vito Corleone วัยหนุ่มที่ทำหน้าที่ได้ดีในบทของเขาเอง เสียดายบทพูดมีไม่มากนัก
ตัวละครอื่นๆต่างส่งเสริมให้หนังเรื่องนี้ออกมาอยู่ในระดับขึ้นหิ้งครับ ดีทุกคน
สรุป…5/5
อีกหนึ่งคุณค่าของโลกภาพยนต์ที่ภาคเเรกทำได้ดีอยู่เเล้ว ภาคนี้ก็ต่อยอดออกมาได้ดีขึ้นยิ่งครับ ใครยังไม่ได้ดูลองหามาดูครับ จะเห็นว่าหนังสมัยก่อนให้ความสำคัญกับบทมาก เพราะไม่ได้มีเทคนิคมากเหมือนสมัยนี้
The Godfather: Part III (1990) ผมก็เเค่ชายผู้โชคร้ายคนนึงบนโลกอันโหดร้าย
เนื้อเรื่อง/การนำเสนอ…3/5
The Godfather 3 เข้าฉายห่างจากภาค 2 ราวๆ 16 ปี เป็นเรื่องราวของDon Michael Corleone(Al Pacino)ในช่วงโรยรา ซึ่งจากภาคที่แล้วที่ Michael พยายามนำครอบครัวเข้าสู่ครรลองของกฎหมาย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ครอบครัวเลิกยุ่งกับโลกใต้ดิน… แต่ถ้าเราได้ขี่หลังเสือแล้ว การจะลงนั้นมันไม่ง่าย และจะยิ่งยากไปอีก ถ้าลึกๆแล้วคุณชอบที่จะขี่มัน
Michael เริ่มเข้าทางศาสนา โดยการบริจาคเงินถึง 100 ล้านเหรียญเพื่อการกุศล ช่วยเหลือคนยากคนจนที่อิตาลี จนทำให้เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุดจากพระสันตะปาปา ทำให้เนื่องเรื่องภาคนี้โฟกัสไปที่ “ศาสนจักร” สำนักวาติกัน ธนาคารวาติกัน และธุรกิจที่ศูนย์กลางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่ดูจะกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดย่อมก็ไม่ปาน
นอกจากนี้ภาคนี้ยังนำเราไปเห็นช่วงปลายชีวิตของดอนผู้โหดเหี่ยม ที่พยายามจะถ่ายโอนอำนาจของเขาให้ Vincent Mancini (Andy Garcia) ลูกชายนอกสมรสของ ซันนี พี่ชายคนโตของ
ไมเกิลที่ถูกฆ่าในภาคแรก อีกทั้งยังมีเรื่องของการพยายามคืนดีกับเมียเก่า , ลูกๆที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของพ่อ และการพยายามทำให้ครอบครัวถูกกฏหมาย
ภาคสามนี้ดูจะเทียบกับสองภาคแรกไม่ได้เลยในเรื่องการนำเสนอ บางอย่างก็เล่าเรื่องเยอะเกินไป มีเส้นเรื่องมากมาย ซึ่งมันเกินความพอดีของเรา ในฐานะคนดู
สิ่งที่ผมอยากบอกคือหนังเรื่องนี้มันไม่ได้แย่ แต่ก่อนหน้านี้มันเป็นหนังที่ยอดเยี่ยม มาตรฐานสูง และเมื่อมันทำออกมาเทียบกันแล้วต่างกันขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่หลายๆคนจะไม่ชอบ ซึ่งถ้านับแค่บทสรุปเรื่องราวของครอบครัว Corleone ก็ถือว่าปิดฉากได้สมบูรณ์แล้ว
บท/การกำกับ…3/5
ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา รับหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับ , เขาแสดงให้คนดูเห็นถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่าง Vito และ Michael ทั้งสองเป็นพ่อลูก และยังเป็นผู้ปกครองด้วยกันทั้งคู่…แต่แนวทางช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ายุคของ Michael องค์กรอาชญากรรม Corleone ยิ่งใหญ่เหนือใครและเข้าใกล้คำว่าถูกกฏหมายที่สุดแล้ว เขายิ่งใหญ่ อำนาจล้นเหลือ … แต่สุดท้ายแล้วคนเราต้องการอะไรล่ะ? เราต้องการเงินทอง อำนาจล้นฟ้า หรืออ้อมกอดอุ่นๆจากคนที่เรารัก
ผมไม่ได้บอกว่า Vito ทำดี ทำถูก แต่ Vito อาจจะ “โชคดี” กว่า Michael เยอะ โชคดีที่ไม่มีพี่น้องคอยแย่งชิงอำนาจ โชคดีที่ไม่ได้ฆ่าตำรวจเป็นศพแรก โชคดีที่เมียสุดที่รักของเขาไม่ได้โดนฆ่าตาย โชคดีที่เกิดในยุคที่ทำอะไรอย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน ซึ่งยุคของ Michael ขนาด Vito พยายามใช้วิถีสันติกับคนอื่นๆยังโดนยิงเกือบตาย ผมจึงว่า Michael ทำสิ่งที่ควรจะทำหมดแล้ว ไม่งั้นอาจจะตายไปนานแล้วด้วยซ้ำ
ครอบครัวอาจจะสอนให้เราเป็นคนดี แต่สังคมต่างหากล่ะที่จะกำหนดให้เราเป็นยังไง สังคมรอบๆตัวของไมเคิล ส่งผลให้เขากลายเป็นคนโหดเหี้ยม หากมันไม่ตาย เขาก็ตาย เป็นคุณ คุณอาจจะทำยิ่งกว่าไมเคิลก็ได้ ใครจะรู้…
ภาคนี้ใช้ศาสนาเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินเนื้อเรื่อง…แต่แก่นของศาสนากลับไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาด้วย
ทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี ถึงแม้เราจะพยายามเข้าถึงศาสนาแค่ไหน…บริจาคเงินมากมายแค่ไหน มันก็ไม่อาจทำให้เรากลายเป็นคนดีได้จากเนื้อแท้ของเราเอง ทุกอย่างมันอยู่ในใจครับ คนจะดีมันดีจากใจ สิ่งที่หล่อหลอมตัวตนเราต่างหาก ที่บอกว่าเราเป็นอะไร แล้วเราเลือกที่จะทำอะไรต่อ หากใครเคยดูเรื่อง Inside out คงจะพอนึกภาพออกครับ
ไม่ว่ายังไงเราทุกคนรู้ผิดชอบชั่วดีหมดแหละ…แต่เลือกที่จะทำมันหรือไม่ก็แค่นั้น ไม่อย่างนั้นโลกก็คงไม่มีคนเลวหรอกครับ
นักแสดง…2/5
Al Pacino ยังคงทำได้ดีในบทของ Don Michael Corleone ซึ่งภาคนี้ออกจะรันทดชีวิตหน่อยๆด้วย แต่พลังของเขาคนเดียวก็คงไม่พอจริงๆในการแบกหนังทั้งเรื่อง เพราะนักแสดงท่านๆอื่นค่อนข้างแย่มาก ถ้าเทียบกับสองภาคแรก
Talia Shire หรือชื่อเดิม Talia Rose Coppola น้องสาวผู้กำกับ แสดงเป็น Connie Corleone Rizzi ได้ไม่เอาไหนเลย แข็งซะ
Andy Garcia เป็น Vincent Mancini มาดเจ้าพ่อยิ้มเทียบกับสองดอนรุ่นก่อนไม่ได้เลย ไม่มีสง่าราศีเอาซะเลยให้ตายสิ
นักแสดงคนอื่นๆไม่มีอะไรให้จดจำครับ
สรุป…2/5
ที่สุดแล้ว Don Michael Corleone อาจจะเป็นคนที่ทรงอำนาจมาก เขายิ่งใหญ่เหนือใคร แต่เขาก็ช่างโชคร้ายเหลือเกินที่เกิดมาในยุคที่มันไม่ง่ายนัก สิ่งที่เขาทำหลายๆคนอาจจะมองว่ามันเลวร้าย แต่มันก็ไม่ได้ต่างกับ Vito Corleone หรอกครับ เพียงแต่มันคนละยุคเท่านั้นเอง สิ่งที่จะส่งผลต่อตัวตนของเราทุกคนคือสิ่งแวดล้อมนั่นเอง ถ้า Michael Corleone ไม่กลายเป็นคนที่โหดเหี้ยมปกครองครอบครัว บางที เขาอาจจะตายอนาถก่อนพ่อไปแล้วก็ได้
ถึงแม้จะมีจุดบกพร่องในหลายๆอย่าง แต่ถ้าหากคุณอยากรู้บทสรุปของครอบครัว Corleone คุณก็ควรหามาชมครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
0U
The Godfather 3 (1990) เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 3
ไม่ดีเท่า 2 อันแรก
แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบใน 3 อัน แต่มันยากเมื่อ 2 ตัวแรกดีขนาดนั้น จากความรู้ทางประวัติศาสตร์ของฉัน ยังคงแสดงให้เห็นได้ดีถึงการต่อสู้ส่วนใหญ่ของครอบครัวมาเฟียเพื่อทำให้การติดต่อทางธุรกิจของพวกเขาถูกต้องตามกฎหมาย และพยายามใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในยุคต่อมาของมาเฟียในอเมริกา อัล ปาชิโนแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม และฉันก็สนุกกับโจ แมนเทญ่าในการแสดงของเขา คุ้มค่ากับการชมอย่างแน่นอน หากคุณเป็นแฟนหนัง 2 เรื่องที่แล้ว
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Godfather 1 (1972) เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 1
A Better Tomorrow (2018) โหด เลว ดี
Public Enemies (2009) วีรบุรุษปล้นสะท้านเมือง
6.8