KUBHD ดูหนังออนไลน์ The Fault in Our Stars (2014) เต็มเรื่อง ดาวบันดาล
เฮเซล เกรซ แลนแคสเตอร์ (ไชลีน วูดลีย์) เด็กสาววัย 16 ปี เธอต้องใช้ทั้งความรักและความอดทนกับพ่อแม่ที่จุกจิกกับเธอในบางครั้ง เฮเซล เกิดตกหลุมรักกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า กัส วอเตอร์ส (แอนเซล เอลกอร์ธ) ที่ดูเหมือนจะทำให้เธอเจ็บปวดด้วยพอ ๆ กัน เมื่อพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น เฮเซล และ กัส ได้แลกเปลี่ยนความกลัวของพวกเขาที่มาพร้อมกับปัญหาเรื่องสุขภาพ พวกเขารักหนังสือเหมือนกันซึ่งรวมถึงหนังสือเล่มโปรดของ เฮเซล อย่าง An Imperial Affliction เธอพยายามติดต่อกับ ปีเตอร์ แวน ฮิวเทน (วิลเลม เดโฟ) ผู้แต่งหนังสือที่รักสันโดษอยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เมื่อ กัส วางแผนติดต่อ แวน ฮิวเทน ผ่านผู้ช่วยของผู้แต่งฯ ผลที่ได้รับกลับสร้างความประหลาดใจเมื่อ กัส ได้รับคำเชิญให้ไปพบกับผู้เขียนที่อัมสเตอร์ดัม กัส ตั้งใจพา เฮเซล ออกเดินทางที่จะไปพบกับคำตอบในทุกเรื่องที่เธอสงสัยเกี่ยวกับหนังสือที่มีความหมายต่อเธอมาก
แต่คำตอบที่เธอค้นหากลับไม่พบจาก ปีเตอร์ แวน ฮิวเทน พวกเขาร่วมผจญภัยครั้งใหญ่ไปด้วยกัน เมื่อ เฮเซล ร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับคนที่เธอไม่กลัวว่าเธอจะตกหลุมรัก เขามอบสิ่งที่เธอเรียกว่า สิ่งไม่รู้จบ ความทรงจำนิรันดร์ตามจำนวนวันที่กำหนดไว้
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง The Fault in Our Stars (2014) ดาวบันดาล หนังประเภท Biography ชีวิตจริง เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
- Josh Boone
บริษัทผู้สร้าง
- Fox 2000 Pictures
- TSG Entertainment
- Temple Hill Entertainment
นักแสดง
- Shailene Woodley
- Ansel Elgort
- Laura Dern
- Sam Trammell
- Nat Wolff
- Willem Dafoe
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
sashiko
[SR] รีวิว “The Fault in Our Stars ดาวบันดาล” หนังรักธรรมดาที่มีเสน่ห์ไม่ธรรมดา
ไม่เคยตั้งกระทู้หรือรีวิวอะไรมาก่อนเลยนะคะ ยืมล็อกอินเพื่อนมาตั้งกระทู้ อาจจะพล่ามอะไรฟังไม่รู้เรื่องก็ต้องขออภัย 5555
มีโอกาสได้ไปดู The Fault in Our Stars รอบพิเศษที่เมเจอร์รัชโยธินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาค่ะ ต้องบอกเลยว่า The Fault in Our Stars เป็นหนังที่เราตั้งตารอดูมากๆ เพราะอ่านเคยนิยายมาก่อนและค่อนข้างประทับใจ และส่วนตัวแล้วเป็นแฟนคลับของเชลีน วู้ดลี่ย์ นางเอกของเรื่องนี้ คลั่งเธอสุดๆค่ะ 555555 ตอนที่ข่าวของหนังเรื่องนี้ในไทยยังเงียบฉี่ ไม่มีวี่แววว่าค่ายหนังบ้านเราจะเอามาฉาย ก็ใจแป้วไป ได้แต่ดูแฟนต่างประเทศกรี๊ดกร๊าดกันในทวิตเตอร์และทัมเบลอด้วยความทรมานใจอย่างยิ่ง ด้วยกระแสของหนังที่มาแรงมากๆในอเมริกา คำวิจารณ์มากมายในแง่ดี และใครๆก็บอกว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้เสียน้ำตา (เราเคยอ่านนิยายมาก่อน ก็แน่ใจว่าน่าจะจริง เพราะตอนอ่านก็เสียน้ำตาไปไม่น้อยเหมือนกัน) ยิ่งทำให้ตั้งความหวังกับหนังสูงขึ้นไปอีก แล้วในที่สุดก็ได้ดู ตื่นเต้นมากทีเดียว นี่คือความรู้สึกก่อนดูค่ะ
The Fault in Our Stars คือเรื่องราวของหนุ่มสาววัยรุ่นคู่หนึ่ง เจอกัน ตกหลุมรักกัน ตามหาความฝันด้วยกัน ก็ถือว่าไม่ใช่พล็อตที่แปลกใหม่อะไร แต่หนุ่มสาวคู่นี้ต่างก็เป็นคนป่วยโรคมะเร็ง เฮเซลนางเอกของเรื่องใช้ชีวิตอยูได้ด้วยยาและถังออกซิเจน สิ้นหวัง หมดอาลัย ใกล้ตาย พ่อแม่พยายามให้เธอไปร่วมกับกลุ่มสนับสนุนเพื่อให้เธอได้พบเพื่อน พบผู้คนที่ป่วยเหมือนเธอและหวังให้เธอได้รับกำลังใจจากคนอื่นๆ แล้วเธอก็ได้พบกับออกัสตัส หนุ่มน้อยที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต้องตัดขาทิ้ง แต่เขาช่างน่ารักและสดใส น่าค้นหา ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน ทำให้ชีวิตของเฮเซลซึ่งเหี่ยวเฉาหมดหวังดูจะสว่างไสวขึ้นมาได้ แต่.. แต่ไปดูกันเอาเองในโรงหนังนะคะ 55555555555
ต้องออกตัวก่อนว่านอกจากเราจะเป็นแฟนคลับของเชลีน วู้ดลี่ย์แล้ว เรายังเป็นแฟนคลับของหนังเรื่อง ‘ไดเวอร์เจนท์’ ด้วย (ชื่อแฟนดอมนี้คือ initiates) เราบ้าคลั่งมาถึงขั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นติ่งไดเวอร์เจนท์เลยทีเดียว นั่นทำให้ความรู้สึกในเรื่องนักแสดงนำทั้งสองคนคือเชลีนและแอนเซลออกจะแหม่งๆอยู่สักหน่อย เพราะทั้งสองคนนี้รับบทเป็นพี่น้องกันมาก่อนในเรื่องไดเวอร์เจนท์ ทำยังไงก็สลัดไม่หลุดค่ะ เลยรู้ตัวเองเลยว่าเมื่อได้ดู ต่อให้สองคนนี้แสดงเข้าขากันแค่ไหน เราก็คงจะไม่อินเท่าไหร่ ที่ต้องออกตัวก่อนเพราะอาจรีวิวไปอย่างมีอคติในเรื่องนี้นิดหน่อยนะคะ 5555555
ความรู้สึกหลังดูจบ สำหรับเราแล้วไม่ได้รู้สึกพิเศษมากมายกับหนังอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้า แต่นั่นก็ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าผิดหวังค่ะ ทุกอย่างโอเคตามมาตรฐาน ตัวหนังถ่ายทอดเรื่องราวในหนังสือออกมาได้เป๊ะเกือบทุกอย่างเลยทีเดียวยกเว้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่เทียบเท่ากับที่นิยายให้เราได้ เชลีนกับแอนเซลต่างมีเสน่ห์ล้นเหลือ โดยเฉพาะเชลีนที่ถ่ายทอดบทเฮเซลออกมาได้วิเศษมาก การแสดงของเธอก้าวหน้าไปอีกขั้นนึงแบบที่ทำให้ติ่งคนนี้ภาคภูมิใจในตัวเธอค่ะ 5555555555 ส่วนแอนเซลก็เล่นได้ดีไม่แพ้กัน ทั้งคู่ต่างเป็นเฮเซลและกัสที่สมบูรณ์แบบในบทของตัวเอง ทว่า.. ทว่าเสน่ห์ในการแสดงเป็นคู่รักที่รักกันอย่างลึกซึ้งจนทำให้เรารู้สึกอินนั้นยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ เรารู้ว่าพระนางรักกัน ทั้งคู่กล่าวพร่ำรักด้วยคำพูดสวยงาม แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกว่าทั้งคู่รักกันมากมายอย่างที่หนังพยายามเหลือเกินที่จะให้เรารู้สึกตาม บางครั้งที่ดูยังรู้สึกว่าเคมีของพระนางยังไม่เข้ากันยังก็ไม่ทราบ (นี่อาจจะเป็นอคติหนึ่งของติ่งไดเวอร์เจนท์ เพราะติดภาพพี่น้องนะคะ 55555555) โดยรวมแล้วรู้สึกว่าหนังดูจะให้อารมณ์รักหวานและเพ้อฝันมากกว่านิยายมากทีเดียว แต่ดูแล้วกลับไม่อินเท่าอ่านนิยาย คำพูดสวยหรูมากมายในหนังบางครั้งก็ฟังไม่ง่ายค่ะ มีศัพท์เชิงปรัญชาอะไรที่ผ่านสายตาเข้ามาแล้วอาจจะทำให้คนดูรู้สึกเอ๊ะๆ มันแปลว่าไรวะ
แต่ถึงอย่างนั้น หนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราเสียน้ำตาไปไม่น้อยค่ะ แต่เป็นเพราะเรื่องความรักของพ่อกับแม่ที่มีลูกเป็นมะเร็ง เราชอบฉากที่ได้เห็นพ่อกับแม่ของนางเอก รับรู้ความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ที่รักลูกเสมอไม่ว่าลูกของคุณจะเป็นมะเร็งใกล้ตาย (ตอนท้ายออกจากโรงหนังมาก็คุยกับคุณแม่ของเราที่ไปดูด้วยกัน แม่ก็บอกว่าประทับใจและเสียน้ำตาเพราะประเด็นนี้มากกว่าเรื่องรักของพระนางเหมือนกันค่ะ)
สรุปก็คือ สำหรับเรา The Fault in Our Stars ก็เป็นหนังรักธรรมดาเรื่องนึงที่ไม่ได้พิเศษหรือแย่กว่าเรื่องอื่นๆ แต่เพราะได้นักแสดงที่ถ่ายทอดบทบาทออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ก็ทำให้มันพิเศษขึ้นมาอย่างน่าประทับใจค่ะ ดูแล้วรู้สึกไม่เชิงว่าอิ่มเอม แต่โหวงๆแบบที่ไม่เจ็บปวดมากนัก ดูแล้วได้กำลังใจและรู้สึกดีใจที่ตัวเองสุขภาพแข็งแรง มีเวลาอยู่กับคนที่รักนานๆ เพราะการไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐจริงๆ อยากชวนให้ไปดูกันเยอะๆนะคะ ส่วนเราตั้งใจว่าจะไปดูอีกสักรอบสองรอบแน่นอนค่ะ ^^
*สปอยล์โคตรๆนะคะ ใครยังไม่ได้ดู หรือยังไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน อย่าเปิดอ่านถ้าไม่อยากเสียอารมณ์ค่ะ*
mninho
รีวิวหนัง : The Fault in Our Stars รักที่สมบูรณ์ ของคนไม่สมบูรณ์
หลังจากที่ เชล์ลีน วู้ดเล่ย์ เคยแสดงคู่กับ อันเซล แอลกอร์ ในหนังเรื่อง Divergent ในบทพี่น้อง ไม่นานทั้งคู่ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งกับ The Fault in Our Stars ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายขายดีของ จอห์น กรีน
The Fault in Our Stars สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวขึ้นอันดับหนังทำเงินสหรัฐฯในช่วงซัมเมอร์ โกยเงินแซงหน้าภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์หลายเรื่องไปอย่างเหนือความคาดหมาย แถมยังปลุกกระแสหนังรักในอเมริกาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
หนังเล่าถึง เฮเซล แลงแคสเตอร์ สาวน้อยวัย 16 ปี ที่ป่วยเป็นมะเร็งขั้นรุนแรง เธอต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาและเธอสามารถอาจจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ ชีวิตอันแสนหดหู่ของเธอหยุดลงเมื่อได้มาพบกับ ออกัสตัส วอเทอร์ เด็กหนุ่มร่าเริงที่เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งเช่นกัน
เฮเซล กลับมายิ้ม หัวเราะ ได้อีกครั้ง แต่อาการป่วยของเธอก็ยังไม่ดีขึ้น ออกัสตัส อยากทำทุกอย่างเพื่อให้ เฮเซล มีความสุข เขาจึงใช้พรที่ขออะไรก็ได้จากมูลนิธิการกุศลพาเธอไปพบกับนักเขียนเจ้าของผลงานหนังสือที่ เฮเซ ชื่นชอบถึงเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทริปที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาและเธอ
บทของหนังเต็มไปด้วยความเศร้า ดราม่าออกจะนำโรแมนติกนิดๆ พูดถึงความตายในมุมมองของเด็กวัยรุ่น มีกลิ่นอายของหนังสู้กับโรคร้ายอย่าง 50/50 และ Now is good ส่วนประเด็นความรักบริสุทธิ์ของหนุ่มสาวทำให้คิดถึงหนังญี่ปุ่นที่ใช้ตัวละครหญิงเป็นตัวดำเนินเรื่องคือ Midnight Sun กับ Crying Out for Love, In the Center of the World
แต่สิ่งที่ The Fault in Our Stars โดดเด่นคือการดัดแปลงจากตัวหนังสือมาเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ดี ต้องชมผู้กำกับที่เลือกถ่ายทอดหนังออกมาได้ครบทุกรสทั้ง ตลกร้าย หวานละมุน ไปจนถึงซึ้งกินใจ นอกจากนี้ยังพัฒนาตัวละครหลักอย่าง เฮเซล ให้มีความน่ารักดูสดใสกว่าฉบับนิยาย รวมถึงเก็บความลับแล้วเฉลยได้ถูกจังหวะ ช่วงส่งให้ตอนท้ายของหนังสร้างตรึงคนดูอยู่หมัด สร้างความแปลกใจและทำให้ผู้ชมอินไปกับหนังได้
การแสดงอันยอดเยี่ยมของ เชล์ลีน ช่วยทำให้หนังน่าสนใจขึ้นมาก เข้ากันกับความเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์ของ อันเซล พล็อตที่ดูคล้ายจะธรรมดากลับพิเศษขึ้นมา เคมีของทั้งสองลงตัวทีเดียว การกันตัวละครอื่นๆออกไปอยู่วงนอกของ เฮเซล กับ ออกัสตัส ถือว่าได้ผล อารมณ์มุ้งมิ้งจีบกันของทั้งสองชวนอมยิ้มจนเราลืมไปเลยว่าเขาและเธอกำลังป่วยหนัก โลกใบที่มีพวกเขาอยู่ด้วยกันจึงดูสวยงามจับใจ
ภายนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เหมาะกับคนทุกกลุ่ม เพราะมันเต็มไปด้วยความเศร้าจริงๆที่เจ็บลึกทั้งทางกายและทางใจ ของคนที่ไม่สมบูรณ์ทางสุขภาพสองคน ซึ่งเติมเต็มจนความรักสมบูรณ์เสียจนคนที่สมบูรณ์อย่างเราๆพร้อมเสียนํ้าตาให้โดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันหนังเรื่องนี้ยังทำให้เรารู้ด้วยว่า นอกจากคนป่วยแล้ว คนรอบตัวคนป่วยก็ได้ความเจ็บปวดในรูปแบบต่างๆที่น่าเห็นใจไม่แพ้กัน
คะแนน 8/10
โดย นกไซเบอร์
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Midnight Sun (2018) หลบตะวัน ฉันรักเธอ
Words on Bathroom Walls (2020)
8.2