ดูหนัง ออนไลน์ The Equalizer 3 เต็มเรื่อง (2023)
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ โรเบิร์ต แมคคอลล์ (เดนเซล วอร์ชิงตัน) ที่ละทิ้งชีวิตในฐานะมือสังหารของรัฐบาล และต้องพบกับความยากลำบากในการที่จะประนีประนอมกับสิ่งเลวร้ายที่เขาเคยทำไปในอดีต เขาค้นพบวิธีการอยู่กับมันด้วยการรับใช้ความยุติธรรมในฐานะผู้ถูกกดขี่ ก่อนที่เขามาอาศัยอยู่ที่บ้านในอิตาลีตอนใต้ ที่ซึ่งเขาค้นพบเพื่อนใหม่ที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาชญากรท้องถิ่น ในขณะที่สถานการณ์รุนแรงขึ้น เขารู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำก็คือ ต้องปกป้องเพื่อนของเขาด้วยการจัดการมาเฟีย เขาจึงต้องกลับเข้าสู่วงการอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง The Equalizer 3 (2023) หนังประเภท Crime อาชญากรรม เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน ดูหนังออนไลน์ หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
Antoine Fuqua
บริษัท ค่ายหนัง
- Columbia Pictures
- Eagle Pictures
- Escape Artists
- Zhiv Productions
นักแสดง
- Denzel Washington
- Dakota Fanning
- David Denman
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
ekka_eak
[CR] [#Review] The Equalizer 3 มัจจุราชไร้เงา 3 – Action Thriller แบบแก่ๆ หน่อย แต่ยังคงความโหดไว้อยู่
ผมไม่คิดว่าจะมีภาคสามแล้วนะสำหรับเรื่องนี้ เพราะภาคแรกสนุกมาก ภาคสองดร็อปมานิด แต่เหมือนมันจะจบไปแล้ว แต่ก็ยังมีภาคสามออกมาจนได้ซึ่งไม่ได้หวังอะไรมากแต่ก็อยากรู้ว่ามันจะจบยังไง เพราะทางคายหนังโปรโมทว่ามันคือการปิดตำนาน นักฆ่าโฮมโปร คนนี้
เรื่อราวของ “โรเบิร์ด แมคคอยด์” ที่เดินทางมายังประเทศอิตาลี แล้วได้พบกับเมืองที่เงียบสงบ แต่กลับโดน “มาเฟีย” ยึดครองแถมยังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ จาก “นักฆ่าโฮมโปร” ที่ชอบจับเวลาตาย สลัดคราบกลายมาเป็น “มัจจุราชไร้เงา” ลอบสังหารแบบเต็มขั้น
ภาคนี้เปิดเรื่องมาไม่ได้มีอะไรมาก มาถึงก็ไปไล่ฆ่ามาเฟียเลย แล้วก็โดนตามทวงคืน เอาจริงภาคนี้เหมือนลุงแกไปหาเรื่องคนอื่นก่อน งานก็เลยเข้าตัว แล้วดันไปซวยคนที่ลุงแกไปอยู่ด้วยอีก ทำให้เหมือนกับว่าพอมีคนมาแหยมกับคนรอบตัวแก แกก็เลยต้องออกมาจัดการให้จบเรื่อง
ความโหดในแบบฉบับของ แม็คคอยด์ ยังคงอยู่ ยังคงมีความดิบ โหด และฉากเลือดสาดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เพียงแต่อาจจะลดลงเพราะด้วยอายุของ Denzel Washington จะมาบู๊หนักๆ ตลอดเรื่องก็ไม่น่าไหว แต่พอฉากไหนต้องบู๊ แกก็จัดมาชุดใหญ่ๆ ให้สะใจกันไปเลย
สิ่งที่หายไปของภาคนี้ คือเอกลักษณ์ของนักฆ่าโฮมโปร ที่จะต้องไปหาของมาทำอาวุธอยู่ตลอด ภาคนี้เหมือนแกไม่ค่อยได้ใช้อุปกรณ์อะไรรอบๆ ตัวมาเป็นอาวุธเลย มีแต่มีดกับปืน ซึ่งมันก็ธรรมดาไปนิด ไม่เหมือนสองภาคแรกที่มีการเอาของที่เราไม่คิดว่าจะเป็นอาวุธได้มาใช้ ซึ่งก็น่าเสียดาย ไม่งั้นมันจะเป็นการปิดตำนานนักฆ่าโฮมโปรจริงๆ
เอาว่าเป็นรีวิวสั่นๆ ดีกว่า เพราะหนังมันก็ยังมีความเป็น The Equalizer อยู่ เพียงแต่ว่า action ดิบๆ โหดๆ อาจจะลดลงบ้าง ไปเน้น Thriller มากขึ้นหน่อย เพื่อให้เนื้อเรื่องมันมีอะไรน่าติดตาม แต่ยังไงใครที่เป็นแฟนของเรื่องนี้ ก็น่าจะโอเคกับมันแหละ
จดอ. JUST ดู IT.
#รีบรีวิว THE EQUALIZER 3
มัจจุราชไร้เงา 3: ปิดตำนานนักฆ่าจับเวลาตาย
การกลับมาของ Denzel Washington เพื่อปิดตำนานมัจจุราชจับเวลาตาย กับบทของ Robert McCall อดีตมือพระกาฬผู้หันหลังให้รัฐบาลสหรัฐแล้วออกมาใช้ชีวิตอย่างปลีกวิเวกอยู่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในอิตาลี แต่ในตอนที่ความสงบสุขกำลังจะซึมซับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เงามืดก็คืบคลานมา กัดกินชีวิตทุกคนที่เขาห่วงใย… ทำให้มัจจุราชไร้เงา ต้องกลับมาอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย!
ส่วนที่ดูจะแข็งแรงตลอดมา คือบรรยากาศที่ดูเป็นชีวิตอันเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยความสุขของผู้คนที่อยู่รอบตัว Robert McCall โดยเฉพาะในภาคนี้ที่จงใจเซ็ตอัปบรรยากาศความเป็นชานเมือง ชวนให้นึกถึงความสัมพันธ์ของผู้คนที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของประเทศไทย ที่ทุกคนจะรู้จักกัน พร้อมแบ่งปันความช่วยเหลือกันและกัน ผูกให้คนดูรู้สึกว่าคนเหล่านั้นมีความน่ารักน่าเอ็นดู น่าเอาใจช่วย ก่อนจะโยนตัวละครวายร้ายลงไป เป็นการทำลายบรรยากาศเหล่านั้นแทบไม่เหลือชิ้นดี และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้การออกล่าเหล่าทรชนของ McCall ยิ่งเต็มไปด้วยความสะใจยิ่งขึ้น
สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการแก้มือจาก 2 ภาคแรก คือการดำเนินเรื่องที่กระชับยิ่งขึ้น แม้ในช่วงต้นจะอบอวลไปด้วยชีวิตแสนสุขของ McCall แต่ก็ตัดสลับไปทางฝ่ายมาเฟียอิตาลีที่กำลังขยายอำนาจผ่านการกระทำที่เรียกได้ว่า แทบทุกอย่างที่จะทำให้คนดูเกลียด กลายเป็นตัวเร่งเร้าให้เรารู้สึกจดจ่อ รอการกลับมาของมัจจุราชไร้เงาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ อีกส่วนที่โดดเด่นในหนังภาค 3 คือตัวละครใหม่อย่าง Emma Collins ซึ่งเป็นการโคจรกลับมาพบกันในรอบ 19 ปี ระหว่าง Denzel Washington และ Dakota Fanning นับตั้งแต่ Man on Fire ในปี 2004 ที่นอกจากจะสร้างตัวละครใหม่น่าเอาใจช่วย และน่าสนใจที่จะสำรวจเรื่องราวของเธอ (หากได้สานต่อ) แน่นอนว่าเคมีระหว่างสองนักแสดงนี้ ยังชวนให้แฟน ๆ ของ Tony Scott หวนคิดถึงวันวานได้เช่นกัน
แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยเรื่องราวที่ดูจะเป็นการส่งท้ายนักฆ่าวัยบั้นปลายอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด กลับขาดซึ่งฉากแอ็กชันที่เข้มข้นอย่างที่คอหนังแอ็กชันคุ้นเคยกันในยุคหลัง ที่จะได้เห็นคิวบู๊ระหว่างตัวเอกมือพระกาฬ และวายร้ายมือดี แลกกันยิง ผลัดกันฟันแทงอย่างถึงพริกถึงขิง เหลือเพียงการไล่ล่าที่เน้นโชว์ให้เห็นความเก๋า ในขณะที่วายร้ายกลับกลายเป็นกระสอบทราย ยิ่งดูยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเอกรังแกคนอ่อนแอ
ดังนั้น หากใครที่กำลังมองหาคิวบู๊ โชว์สตันท์สุดตื่นตา อย่างที่นักฆ่าแค้นหมาตายเคยทำไว้ ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดูเรียบง่ายไปสักหน่อย แต่หากใครมองหาฉากที่เน้นโชว์ความเก๋า ตัวเอกพูดน้อยต่อยหนัก ใส่ยับไม่สนลูกใคร เน้นความสะใจ ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับฉากเดินหน้าฆ่าเรียบแบบมัจจุราชไล่เก็บวิญญาณจริง ๆ… “THE EQUALIZER 3” ก็เป็นตัวเลือกที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
หนังหมูกรอบ
มาแล้วกับรีวิว The Equalizer 3 “มัจจุราชไร้เงา 3”
สำหรับภาคนี้ ถือเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบที่สุด ของยอดมือสังหารสายโหด โรเบิร์ต แมคคอลล์ (เดนเซล วอชิงตัน) ที่ฝากไว้ทั้งฝีมือการต่อสู้ที่ยังคงความน่ากลัว และเฉียบขาดจนไม่มีใครต้านทานเขาได้ และในภาคนี้เขาก็ทวีความโหดเข้าไปอีกหลายเท่า สมกับฉายา “มัจจุราช”
ในทางกลับกัน ตัวละครของเขาก็เผยให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างชัดเจนที่สุดในภาคนี้ แม้เขาจะเป็นมือพระกาฬขนาดไหน เขาก็โหยหาความสงบในจิตใจ รวมทั้งสถานที่ที่เขาอยู่แล้วสุขใจมากที่วุดเหมือน ๆ กับทุกคน โดยเนื้อหาส่วนนี้ก็เป็นหัวใจหลักของเรื่อง จนทำให้เราติดตามเอาใจช่วยได้ตลอด และไม่ได้หมายถึงตัวเขาเท่านั้นด้วย
แม้ในหลายส่วนของเรื่องจะเป็นไปด้วยความระทึกขวัญ และฉากโหดมากมาย แต่กลายเป็นว่าเราได้ความอบอุ่นหัวใจกลับมามากกว่าที่เราคิด ถ้าใครเป็นแฟนหนังชุดนี้แล้ว ภาคนี้ต้องดูกันให้ได้ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน
คะแนนภาพยนตร์ 8.5/10
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Equalizer 2 (2018) มัจจุราชไร้เงา 2
The Equalizer (2014) มัจจุราชไร้เงา
Man On Fire (2004) คนจริงเผาแค้น
6.9