ดูหนัง ออนไลน์ The Equalizer 2 เต็มเรื่อง (2018) มัจจุราชไร้เงา 2
เรื่องย่อ
“โรเบิร์ต แม็คคอล” อดีตทหารที่เก่งกาจคนหนึ่ง ก็ยังคงทำหน้าที่ในการดูแลบ้านเมืองในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งนั่นก็คือ “ศาลเตี้ย” ซึ่งแม็คคอล ก็คอยช่วยเหลือเหยื่อหรือผู้ที่โดนกระทำไม่ดีมาอยู่ตลอด แต่คราวนี้เคราะห์กรรมดันไปตกที่เพื่อนรักของเขา นั้นก็คือ “ซูซาน” หน่วย CIA ที่กำลังจะเกษียณจากตำแหน่งหน้าที่ แต่ก็ได้รับภารกิจสุดท้ายก่อนที่จะเกษียณ ซึ่งก็ต้องมาตาย เพราะซูซานกำลังจะไขคดีได้! และผู้ที่ฆ่าซูซานก็คือเพื่อนเก่าแม็คคอล ซึ่งทำงานทีมเดียวกันกับซูซาน…
12เมื่อแม็คคอลรู้เรื่องแล้วว่าเพื่อนสนิทที่เขารักมากที่สุด โดนฆ่าตายอย่างทารุณ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า จึงทำให้เขานั้นต้องออกตามล่าหาผู้ร้ายที่ได้ทำกับเพื่อนของเขา เพื่อแก้แค้นให้อย่างสาสม!
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง The Equalizer 2 (2018) มัจจุราชไร้เงา 2 หนังประเภท Action บู๊ เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง ดูหนังออนไลน์ หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
Antoine Fuqua
บริษัท ค่ายหนัง
- Columbia Pictures
- Escape Artists
- Zhiv Productions
- Mace Neufeld Productions
- Picture Farm
นักแสดง
- Denzel Washington
- Pedro Pascal
- Ashton Sanders
- Bill Pullman
- Melissa Leo
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
สมาชิกหมายเลข 4735654
The Equalizer 2 (2018) 10/10 ดราม่า แอ็คชั่น ทริลเลอร์ลงตัว
สวัสดีครับทุกๆคนวันนี้ผมจะมารีวิวหนังใหม่กันเรื่อง The Equalizer 2 มัจจุราชไร้เงา 2 หนังภาคต่อของค่ายหนัง Colmubia Pictures และ ค่าย Sony Pictures หลังจากภาคแรกออกฉายในปี 2014 และบทส่งให้นักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง Denzel Washington หนังประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์และรายได้ จนเปิดไฟเขียวสร้างภาคสอง
ผู้กำกับยังคงเป็น Antoie Fuqua จากภาคแรกรับหน้าที่กำกับ และเป็นผลงานที่ทั้งเดนเซลกับอวงตวนร่วมงานกันเป็นครั้งที่สี่ หลังจากผลงานดราม่าอาชญากรรมดุเดือดอย่าง Traning Day (2001) ที่ทำให้เดนเซลคว้ารางวัลออสการ์ได้, The Equalizer (2014), The Magificent Seven (2016) และนี่เป็นครั้งแรกของเดนเซลในรอบ 40 ปีในวงการภาพยนตร์ที่แกยอมรับแสดงหนังภาคต่อ เพราะ ตัวเองชอบบทของ Robert McCall ตัวเอกของเรื่องมาก
เรื่องราวในภาคนี้ เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภาคแรกได้ไม่นาน Robert McCall แกก็คงยังสวมบทวีรชนยอดมือสังหารเที่ยวไปช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน ถูกคนเลวกดขี่ข่มเหง ไม่ได้รับความยุติธรรม แกยังคงใช้ชีวิตดูเรียบง่าย เหมือนคนปกติทั่วไป ทำงานเป็นอูเบอร์ พอว่างๆแกก็ออกไปช่วนเหลือปกป้องคนดี สู้กับเหล่าอาชญากร (แหม…ยังกะ Bruce Wayne) แต่เมื่อซูซาน พัมเมอร์ (Messisa Leo) เพื่อนรักคนเดียวของแม็คคอล อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ถูกฆาตกรรม ทำให้แม็คคอลต้องออกไปมงทวงความยุติธรรมจากพวกคนเลวให้เพื่อนของเขา
หนังดูพล็อตคร่าวๆดูไม่มีอะไร เหมือนหนังบู๊ล้างแค้นทั่วไป แต่สำหรับเรื่องนี้มันไม่ใช่ รายละเอียดของหนังมันซับซ้อนลึกซึ้งและมีอะไรให้จดจำเยอะมากกว่าประเด็นการแก้แค้น ภาคนี้เราจะได้เห็นแม็คคอลในแง่มุมชีวิตที่มีมากขึ้นกว่าภาคแรก รู้จุดประสงค์การกระทำของแกมากขึ้น โชว์สกิลของแม็คคอลในการสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรม ที่ภาคแรกไม่มี เรียกว่า ฉลาด วิเคราะห์เก่ง แบบว่า
Jack Reacher ของ Tom Cruise ซิดซ้ายเลยล่ะ ไหนจะผูกความสัมพันธ์ของตัวละครใหม่กับแม็คคอล ไมลล์ เด็กหนุ่มนักศิลป์ที่ดันไปหลงทางผิดเดินเข้าสู่โลกอาชญากรรม แต่แม็คคอลฉุดช่วยไว้ เหมื่อนในเหตุการณ์ภาคแรก ที่ผูกเรื่องของ แม็คคอล กับ ราฟฟี่ เด็กอ้วนร้านโฮมโปร ซึ่งทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้น และบทหนังก็ดี สนุก มีดราม่าอยู่ตามสไตล์หนังเดนเซลดราม่านำแอ็คชั่น
ฉากแอ็คชั่นเรียกว่าเจ๋งพอๆกับภาคแรก แกยังคงจับเวลาฆ่าเช่นเคย เจ๋งโคตร เลือดเยอะเหมือนเคย Rate 18+ ตัวร้ายอัพ level จากแกงค์มาเฟียรัสเซีย มาเป็นกลุ่มนักฆ่ามืออาชีพ ภาคนี้ป๋าแกเน้นใช้ปืนมากขึ้นกว่าภาคแรก แต่ก็ไม่ใช่ทิ้งความดิบ โหดจากภาคแรกไป ป๋าเดนเซลแกต้องไปฝึกการต่อสู้มากขึ้นและหนักขึ้นกว่าภาคแรกเพื่อใหัออกมาสมจริง เรียกว่า โหดขึ้น จริงจังขึ้น สไตล์เดียวกับ Liam Neeson ในบท Bryan Mills เรื่อง Taken เลย คนแก่แต่เก๋า ฉลาด สุขุม โหด
โดยรวม ผมว่าหนังภาคนี้คุ้มค่าต่อค่าตั๋วครับ แนะนำให้ไปดูกัน มันสนุกกว่าหนังแอ็คชั่นทั่วๆไป มีอะไรในหนังแทรกมามากกว่าที่คุณคิด อารมณ์หนังยังมาแบบหม่นๆ ดาร์กๆ ปนดราม่าแบบภาคแรก ที่เพิ่มเติมคือ สเกลของหนังที่ดูใหญ่ขึ้น และฉากแอ็คชั่นที่ยังคงดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนเคย แต่มีมากขึ้นกว่าภาคแรกเรียกว่า เป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ในยุคใหม่ที่หยิบเอาความดิบดวลของหนังยุค 90 มาใช้ได้ดี ไม่แพ้ John Wick ของ Keanu Reeves เลย แต่เรื่องนี้ detail มันมีมากกว่าและเจ๋งกว่า John Wick
*อยากให้หนังชุดนี้เป็นหนังไตรภาค ปิดฉากจบสวยๆแบบ Taken จังเลย
10/10
รีวิวโดย เจสัน
ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่
รีวิว – The Equalizer 2
ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน The Equalizer ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่นอีกเรื่องหนึ่งที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และนั่นก็ทำให้มันต้องมีภาคต่อเกิดขึ้นตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย
หนังภาคนี้เปิดเรื่องด้วยภารกิจของ โรเบิร์ต แม็คคอล ที่ตุรกี ซึ่งก็เป็นแอ็คชั่นซีเควนซ์เปิดเรื่องบนรถไฟที่ทำออกมาได้เท่มาก หลังจากนั้น หนังก็จะเริ่มเล่าถึงชีวิตประจำวันของพระเอก ซึ่งก็ยังคงทำตัวเป็นศาลเตี้ยคอยพิพากษาคนเลวทั้งหลายที่กฏหมายไม่อาจจัดการได้ ก่อนที่จะโยงไปถึงพล็อตหลักของเรื่องที่ว่าด้วย เพื่อนรักของโรเบิร์ตที่ถูกสังหารระหว่างที่เธอกำลังเข้าไปเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งที่เบลเยี่ยม
เมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากลในคดี โรเบิร์ตจึงตัดสินใจเข้ามาสืบหาความจริงด้วยตัวเองจนได้พบกับความลับที่น่าตกใจ และในขณะเดียวกัน โรเบิร์ตเองก็ได้พยายามช่วยเหลือ ไมลส์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งให้หลุดพ้นจากการเข้าไปพัวพันกับแก๊งอันธพาล
ความน่าสนใจของ The Equalizer 2 ก็น่าจะยังอยู่ที่ฉากแอ็คชั่นเท่ๆ คูลๆ ที่มีออกมาให้เราได้ดูกันเป็นระยะๆ ก่อนที่จะมาพีคในช่วงไคลแม็กซ์ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ที่ทำให้เราได้ลุ้นกันแบบหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง
อาจจะเป็นด้วยความที่พล็อตหลักของเรื่องไม่มีอะไรมาก นอกจากการแก้แค้นให้เพื่อน หนังจึงใส่พล็อตรองเข้าไปเยอะมากๆ ซึ่งมันก็คือพวกภารกิจยิบย่อยทั้งหลายของพระเอก ซึ่งทำให้หนังใช้เวลาในการปูเรื่องนานมาก กว่าที่จะพาเราเข้าไปสู่พล็อตหลัก
ซึ่งถ้าเป็นภาคแรก ก็คงไม่เป็นไร เพราะมันก็คือการปูพื้นตัวละครให้เราได้รู้จัก โรเบิร์ต แม็คคอล แต่พอเป็นภาคสองที่เราก็รู้จักตัวละครตัวนี้มาพอสมควรแล้ว มันก็เลยเหมือนการแนะนำตัวละครตัวเดิมซ้ำแบบที่เราก็ไม่ได้รู้มุมอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับตัวละครเท่าไหร่ เหมือนฉากบางฉาก มันเป็นแค่ซีเควนซ์ที่เอาไว้โชว์ฉากแอ็คชั่นเท่ๆ เฉยๆ มากกว่า
ถ้าจะให้พูดแบบรวมๆ The Equalizer ก็เป็นหนังแอ็คชั่นที่เปิดเรื่องและปิดเรื่องได้น่าประทับใจมาก แต่มันก็จะมีปัญหาตรงช่วงกลางๆ เรื่องที่ค่อนข้างเวิ่นเว้อไปหน่อย ซึ่งถ้าเกิดหนังตัดพล็อตรองบางอันที่ไม่ค่อยเกี่ยวออกไป มันก็น่าจะช่วยให้หนังกระชับและสนุกกว่านี้มาก
เรื่องเล่น รีวิว – 7 เต็ม 10
หนังเรื่องนี้ ku ดูแล้ว
#kuรีวิว The Equalizer 2
– เข้าฉาย 30 ส.ค.นี้
กลับมาสร้างความระห่ำต่อจากภาคแรก กับมัจจุราชไร้เงา 2 ผ่านไป 4 ปี มีผมยาวขึ้นมานิดนึงนะฮะ เรื่องราวของ โรเบิร์ต แมคคอลล์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการระดับสูงของ CIA ที่เกษียณตัวเองใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมือง โดยภาคนี้มีอาชีพคนขับอูเบอร์บังหน้า ในยามว่างของแมคคอลล์ก็จะออกไปสั่งสอนพวกเลวๆ เพื่อคืนความเท่าเทียมให้กับสังคมนะฮะ แหม่.. ช่างเป็นการฆ่าเวลาว่างที่มีสไตล์จริงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเติมเต็มช่องว่างในจิตใจจากการสูญเสียภรรยาสุดที่รักไป, แมคคอลล์มีเพื่อนอยู่คนเดียวในชีวิตคือ ซูซาน ผู้บริหารของ CIA ซึ่งเห็นกันมาตั้งแต่ภาคแรก จะเห็นว่าทั้งคู่สนิทและให้ความเคารพกันมากแค่ไหน มาภาคนี้…. ซูซานตาย!!! แมคคอลล์เลยองค์ประทับ เปิดอัลติตามล่าคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของเพื่อนคนเดียวของเขา
ภาคนี้เหมือนเนื้อเรื่องหลักจะเป็นการแก้แค้นให้กับซูซาน แต่เอาเข้าจริงๆกลับมีพาร์ทที่แมคคอลล์ออกช่วยเหลือคนรอบตัวในสัดส่วนที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ข้อดีคือมันทำให้เราเห็นซีนแอคชั่นที่มากขึ้น แต่ก็แลกมากับเนื้อเรื่องส่วนที่เป็นพาร์ทหลักจะดรอปลงไป แอบเสียดายตัวร้ายของภาคนี้ ถึงจะเดาได้ไม่ยากแล้วก็ดูไม่น่ากลัวเท่าของภาคแรก แต่ตัวละครมันดูมิติมากกว่า ด้วยที่หนังเล่าสองอย่างเท่าๆกันเหมือนที่เขียนไปข้างบน ตัวละครเหล่าร้ายพวกนี้เลยไม่ค่อยได้ถูกเล่นกับมันสักเท่าไหร่
ชอบที่จะมีเสียงประกาศจากข่าวในวิทยุอยู่เรื่อยๆว่าจะมีพายุลูกนึงกำลังมา และพายุลูกนี้ก็จะพูดถึงอยู่ตลอดทั้งเรื่อง และมันเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่มาของฉากไคลแมกซ์ของเรื่องที่ชอบมากกว่าภาคแรก มันดูใหญ่กว่าแล้วก็จริงจังมากกว่า แต่ก็ออกแนวลวงมาฆ่าคล้ายๆกัน
EQ2 ได้ผู้กำกับคนเดิมกลับมาทำ นั่นทำให้ได้ความรู้สึกที่เหมือนกับภาคแรกกลับมา โดยมีฉากแอคชั่นที่มากขึ้น แล้วก็ใหญ่ขึ้น ชอบซีนแอคชั่นของหนังชุดนี้ ไม่ต้องถึงกับยิงระเบิดกันตูมตามก็มันส์ได้ เราจะเพลิดเพลินไปกับเทคนิคการฆ่าที่เนียนตา คือแค่กดจับเวลาก็เท่ห์แล้ว
#สรุป เก็บความรู้สึกได้เหมือนกับภาคแรก ซีนแอคชั่นยังเท่ห์เหมือนเดิม แถมยังมากขึ้นและใหญ่ขึ้น ต้องไปดู
สำหรับคำถามไม่เคยดูภาคแรกจะดูรู้เรื่องมั้ย หนังมันปูให้อยู่นิดนึงน่ะ รู้เรื่องอยู่ ไปดูเหอะ มันส์จริงๆ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Equalizer (2014) มัจจุราชไร้เงา
Man On Fire (2004) คนจริงเผาแค้น
Jack Reacher (2012) แจ็ค รีชเชอร์ ยอดคนสืบระห่ำ
6.9