The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ
เรื่องย่อ
สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ ตีพิมพ์เมื่อปี 2012 โดย Alexandra Bracken เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในส่วนหนึ่งของประเทศอเมริกาที่มีโรคระบาด คร่าชีวิตคนอายุต่ำกว่า 20 ปี ไปมากมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นที่มีพลังพิเศษ ซึ่งถูกพาตัวมาจากครอบครัวเพื่อเข้าร่วมในค่ายที่มีชื่อว่า Christie will play ค่ายที่ฝึกฝนเด็กเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ชั่วร้าย, Amandla Stenberg รับบทเป็น Ruby Daly เด็กสาววัย 16 ปีผู้มีความสามารถพิเศษเป็นพลังจิต เธอได้หลบหนีออกจากค่ายดังกล่าวแล้วไปเข้าร่วมกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นเพื่อหลบหนีการตามล่าจากรัฐบาล
ผู้กำกับ
Jennifer Yuh Nelson
บริษัท ค่ายหนัง
21 Laps Entertainment
นักแสดง
- Amandla Stenberg
- Mandy Moore
- Bradley Whitford
- Harris Dickinson
- Patrick Gibson
- Skylan Brooks
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
– ไร้การสปอยเนื้อหาสำคัญ –
The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ เริ่นต้นอีกครั้งกับภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมนิยายวัยรุ่นอันนิยมในต่างประเทศ ค่าย 20th Century Fox เล็งเห็นจนได้เตรียมปลุกปั้นเป็นแฟรนไชน์ชุดใหม่ต่อจาก “ Maze Runner “ นั้นก็คือ “ The Darkest Minds “ เมื่อตัวหนังได้ถูกโปรโมทในตัวอย่างแรก เราสามารถมองทางออกได้เลยว่า หนังจะดำเนินไปในทิศทางไหน และถ่ายทอดออกมาในรูปแบบใด ฉะนั้นเราจึงไม่แปลกใจตอนดูหนังเต็มว่ามันจะชวนผิดหวัง เพราะส่วนตัวมองออกมาตั้งแต่แรกว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ ชนิดที่ว่า หนังเน้นที่จะปูเรื่องราวต่างๆและเหล่าตัวละครมากกว่าจะจัดใหญ่ไฟกระพริบตอกย้ำความบันเทิงเต็มขั้นเต็มกำลังนั้นเอง เมื่อได้ดูจบแล้วรู้สึกค่อนข้างชอบเลย หนังมีอะไรหลายอย่างที่โอเคสำหรับเรา
The Darkest Minds จะเล่าถึงเรื่องราวของเหล่าวัยรุ่นที่เกิดพัฒนาความสามารถใหม่อันทรงพลังขึ้นมาได้อย่างลึกลับ และพวกเขาได้ถูกทางรัฐบาลข่มขู่คุกคามและถูกคุมขัง โดยมีคนหนึ่ง “ รูบี้ (Amandla Stenberg) “ สาวน้อยวัย 16 ปี หนึ่งในวัยรุ่นที่มีพลังที่ทรงพลังที่สุด ได้หนีออกจากค่ายและเข้าร่วมกับกลุ่มวัยรุ่นผู้หลบหนีคนอื่น ๆ เพื่อตามหาที่หลบภัย จนได้พบครอบครัวใหม่ “ เลียม (Harris Dickinson) “ , “ ชับส์ (Skylan Brooks) “ The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ และ “ ซู (Miya Cech) “ พวกเขาจึงได้ทำความรู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้นในระหว่างการเดินทาง และในไม่ช้าพวกเขาก็ได้พบว่า ในโลกที่ผู้ใหญ่ซึ่งมีอำนาจต่างหักหลังพวกเขา จึงไม่สามารถไว้ใจใครได้ แม้แต่การหลบหนีนั้นก็ไม่เพียงพอ พวกเขาจึงต้องเดิมพันลุกขึ้นต่อต้าน และใช้พลังที่รวบรวมมาเพื่อทวงคืนสิทธิในการควบคุมอนาคตของตนเอง
โดยรวมของหนังเล่าเรื่องได้มีมาตรฐานที่ค่อนข้างน่าพอใจ ไม่มากไปและไม่น้อยไป รู้ทิศทางที่จะนำเสนอ ทุกอย่างดูราบรื่น ไม่เน้นความหวือหวามากจนเกินไป ซึ่งหนังจะค่อยๆปูเรื่องราวต่างๆ จากการเผชิญเหตุการณ์ต่างๆของเหล่าตัวละคร รวมไปถึงปูพื้นเหล่าตัวละครที่มาเจอะเจอกันแบบบังเอิญ และค่อยๆพาให้เราได้รู้จักพวกเขามากขึ้น รู้ว่าแต่ละคนมีลักษณะนิสัย ความคิด และพลังเป็นอย่างไร จนพวกเขาได้เริ่มสนิทสนมกัน มันจึงกลายเป็นความอบอุ่นและดราม่าเข้ามาแทนที่ในจุดนี้ แต่ละคนจะเริ่มบอกเล่าปมของแต่ละคน ทำให้คนดูอย่างเราได้รับรู้และเข้าใจพวกเขาขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าหนังจะเน้นการปูพื้นเรื่องราวและเหล่าตัวละครมากก็ตาม แต่ฉากต่อสู้และการใช้พลังมาน้อย The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ แต่ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เล่นให้น้อย แต่เอาให้อยู่หมัด โชว์พลังความสามารถต่างๆ รวมถึงอินเนอร์ในการถ่ายทอด ทุกอย่างทำให้เราดูเชื่อได้ในแต่ละซีน ซึ่งก็โอเคอยู่ในการถ่ายทอดออกมา และแน่นอน ฉากเหล่านี้ยังไงก็ต้องพึ่งพาเทคนิค CG และสามารถทำออกมาได้สมจริง มีมิติพอสมควรเลย
มันเป็นหนัง Young Adult / Drama ที่เคลือบด้วยความ Sci-Fi มากกว่า ถ้าจะนิยามจำกัดความให้กับ “ The Darkest Minds “ เพราะแก่นหลักของหนังมันเป็นประเด็นดราม่าชีวิต แต่หนังไม่ได้เลือกที่เล่าให้มันออกมาดราม่าซะทั้งหมดของหนัง ยังคงใส่ความผจญภัย การเอาตัวรอด และความโรแมนติคต่างๆของวัยรุ่นเข้าเสริมให้ดูมีความน่าค้นหามากขึ้น กลมกล่อมมากขึ้น ซึ่งถ้าหากใครหวังจะมาดูความ Sci-Fi / Action มหึมาใหญ่โต จัดใหญ่ไฟกระพริบ เรื่องนี้ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ และหนังจะมีความเป็น Divergent ผสม X-Men อย่างเห็นได้ชัดมาก ที่ในเรื่องจะแบ่งกลุ่มเด็กที่มีพลังพิเศษออกตามเฉดสี ที่มีระดับแตกต่างกัน
แต่การเล่าเรื่องมาในทิศทางแบบนี้เอง มันก็ส่งเสียไม่น้อยให้กับตัวหนัง ก็คือมันไม่อาจสามารถเข้าถึงกลุ่มตลาดได้เท่าที่ควร เพราะหนังมีวัตถุดิบที่ดีอยู่ในมือ แต่ด้วยเนื้อหาของมันไม่สามารถจับยัดใส่มาได้เต็มที่มากนัก จึงทำให้สำหรับบางคนที่ชอบอะไรบันเทิง ท้าทาย สนุกสนาน ก็อาจจะมองเป็นว่าหนังขาดชีวิตชีวา ไม่มีชั้นเชิงใดๆให้น่าจดจำนั้นเอง แต่สำหรับเราถือว่ายังคงชอบอยู่ เพราะไม่ได้คาดการณ์ว่าหนังจะตอบโจทย์ความบันเทิงในแง่แบบนั้น จึงทำให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจอยู่ ถึงแม้จะยังไม่ได้ทำออกมาดีที่สุดก็ตาม แต่ก็ดูสนุก ดูเพลินกำลังดี
The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ ด้านนักแสดงทุกคนเต็มที่มาก ดึงเสน่ห์ของบทบาทออกมาใช้ได้ดี สร้างมิติให้น่าจดจำได้ทุกคน และการส่งอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ก็ทำให้เราเข้าถึงพวกเขาได้ดี และอินตามไปจนถึงช่วงท้ายได้ดีมากๆเลย ฉากสุดท้ายนี่ทำเอาหน่วงอยู่เหมือนกัน เพราะอินไง 55555 ชื่นชมว่าแคสทีมนักแสดงมาดีและเหมาะสมกันมากๆ
สรุปแล้ว The Darkest Minds โดยรวมถือว่าดีสำหรับเรา อาจจะยังไม่ได้ดีที่สุด แต่ส่วนตัวพอใจกับมันอยู่ เป็นการเปิดไตรภาคแรกที่ไม่ได้แย่มาก หนังมันก็มีทั้งตื่นเต้น และดราม่า คละๆกันไป และอาจไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับทุกๆคน เพราะหนังมีทิศทางที่เฉพาะ ในการเล่าเรื่องออกมาแบบนี้ ใครที่ชอบแนว Drama หน่อย ที่เล่าเรื่องแบบเรียบง่าย ไม่เน้นหวือหวามากมาย ก็อาจจะชอบ ความหวังในการสร้างภาคต่อก็อาจจะต้องคิดหนักอยู่พอสมควรเลยละมั้งทีนี้ แต่ใจเราก็ยังอยากดูต่ออยู่ดี ไปพิสูจน์กันได้ วันนี้ในโรงภาพยนตร์
The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ หลังจากอ่านรีวิว 1 ดาวบางส่วนแล้ว ฉันเริ่มสงสัยว่าเราดูหนังเรื่องเดียวกันหรือเปล่า หรือพวกเขาดูหนังเรื่องนี้กันหรือเปล่า หนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องดี การถ่ายภาพก็เยี่ยม และการแสดงก็เยี่ยม ฉันไม่ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ แต่ฉันสนุกกับหนังเรื่องนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายก็ตาม ตัดสินด้วยตัวคุณเองและอย่าปล่อยให้คนอื่นมาชี้นำความคิดเห็นของคุณ
ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมผู้คนถึงให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 1 ดาว เพราะมีหนังอีกหลายเรื่องที่สมควรได้รับ 1 ดาวมากกว่าเรื่องนี้ ตัวอย่างหนังค่อนข้างสอดคล้องกับหนัง ตัวละครน่าเชื่อถือ และนักแสดงก็แสดงได้ค่อนข้างดี โดยรวมแล้วฉันสนุกกับหนังเรื่องนี้มาก ถ้าคุณชอบ The Hunger Games เรื่องนี้ก็คล้ายๆ กัน ฉันขอแนะนำหนังเรื่องนี้ให้กับคนอื่นๆ อย่างแน่นอน! หวังว่าจะมีภาคต่อออกมาอีก!
ว้าว! ฉันตกใจมากจริงๆ กับรีวิวหนังเรื่องนี้ที่ไม่ค่อยดี ฉันคิดจริงๆ ว่าจะได้เห็นเรตติ้งที่สูงกว่านี้ The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ ฉันไม่ได้เป็นคนในกลุ่มนักแสดง เพราะนักวิจารณ์คนอื่นดูเหมือนจะเชื่อว่าเรตติ้งสูงทั้งหมดมาจากนักแสดงของหนังเรื่องนี้ ฮ่าๆๆ ฉันชอบหนังเรื่องนี้มาก ฉันตื่นเต้นมากที่จะดูภาคต่อไป! มันทำให้ฉันสนใจตลอดทั้งเรื่อง และฉันคิดว่าเรื่องราวก็ยอดเยี่ยมมาก มันทำให้ฉันนึกถึงซีรีส์ Divergent แต่ก็ไม่เหมือนกันเป๊ะๆ ฉันว่าถ้าคุณไม่รังเกียจหนังเรื่องนั้น คุณก็จะไม่สนใจเรื่องนี้เลย
The Darkest Minds เป็นแฟรนไชส์นิยายวิทยาศาสตร์สำหรับวัยรุ่นเรื่องล่าสุด เช่นเดียวกับ The Hunger Games, Divergent, Twilight, The Host เป็นต้น และส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถเล่าได้หมด เรื่องราวในโลกที่เด็ก 90% เสียชีวิต The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ เหลือเพียงเด็กที่เหลือที่มีพลังพิเศษ (ด้วยเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้) รัฐบาลจึงจับพวกเขาไปขังคุกเพราะกลัวว่าจะฆ่าผู้ที่มีพลังมากกว่า เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ลักลอบพาออกไปและหลบหนี แต่เธอจะไว้ใจใครได้ล่ะ ส่วนตัวแล้ว ฉันชอบแนวคิดนี้มาก ศักยภาพขนาดนี้! ในสถานการณ์แบบนี้ ซีรีส์ทางโทรทัศน์จะสมเหตุสมผลกว่านี้มาก เพราะฉันคิดว่านี่คือทั้งหมดที่เราจะได้เห็นจากจักรวาล Darkest Minds
นางเอกของเราแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก แสดงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ และจนกระทั่งตอนท้ายเรื่อง ฉันถึงได้รู้ว่าเธอคือ Rue จาก The Hunger Games (2012) ที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว นอกจากเธอแล้ว เรายังมี Bradley Whitford, Wade Williams, Mandy Moore และ Gwendoline Christie ดาราจาก Game of Thrones (แม้ว่าพวกเขาจะสั้นมากก็ตาม) สิ่งหนึ่งที่สะกิดใจฉันคือพระเอก Harris Dickinson เขาไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีในทุกด้านและรู้สึกเหมือนเป็นจุดอ่อนตลอดทั้งเรื่อง ฉันนึกไม่ออกว่าเขาได้งานนี้มาได้ยังไงและตั้งคำถามกับเหตุผลในการคัดเลือกนักแสดงด้วยเรื่องนี้
ปัญหาหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้คือมันเหมือนกับเรื่องอื่นๆ ที่ฉันหมายถึงก็คือพวกนิยายวิทยาศาสตร์วัยรุ่นพวกนี้เอาแนวคิดมาห้อมล้อมด้วยรูปแบบทั่วไปที่ชัดเจนและมากเกินไปจนสร้างความเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องซ้ำซากและคาดเดาได้ยาก เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว อาจแย่กว่านี้ได้ แต่รูปแบบนิยายวิทยาศาสตร์วัยรุ่นทั้งหมด ความจริงที่ว่านี่คือทั้งหมดที่เราจะได้รับ ทำให้เราเหลือเพียงเรื่องราวที่ไม่สมบูรณ์และพระเอกที่อ่อนแอทำให้ศักยภาพทั้งหมดที่มันมีต้องหยุดชะงัก
ฉันไม่ได้อ่านเนื้อหาต้นฉบับ (แต่ได้ยินเรื่องดีๆ เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาเยอะ) แต่ชอบไอเดียของหนังเรื่องนี้ ไม่มีอะไรขัดแย้งกับหนังสือ/หนังดิสโทเปีย และมีนักแสดงที่น่าดูร่วมแสดงด้วย เช่น ฉันชอบกวินโดลิน คริสตี้ใน ‘Game of Thrones’ ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าจะดูเรื่องนี้ดีไหม The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ เพราะเพื่อนบอกต่อกันปากต่อปากไม่ดี
ไม่ได้เห็นคำวิจารณ์ใดๆ ก่อนดู เป็นการตัดสินใจที่จงใจ และไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ ในขณะที่เห็นการต่อต้านอย่างแรงกล้ามากมาย เมื่อดูด้วยใจที่เปิดกว้าง ‘The Darkest Minds’ มีบางอย่างที่ผิด และไม่ยากที่จะหาปัญหาในหนังเรื่องนี้ มีสิ่งดีๆ อยู่พอสมควร แน่นอนว่าไม่คิดว่าหนังเรื่องนี้จะแย่ขนาดนั้น และไม่ได้ใกล้เคียงกับหนึ่งในหนังที่แย่ที่สุดในปีนี้เลย สำหรับฉันแล้ว ‘The Darkest Minds’ เป็นหนังที่ผสมผสานกันและไม่ใช่หนังที่ทำได้ง่าย
เริ่มต้นด้วยสิ่งดีๆ ‘The Darkest Minds’ ดูดีมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการออกแบบฉากที่สวยงามและสร้างสรรค์มาก ถ่ายทำได้สวยงาม ตัดต่อได้อย่างสอดคล้องกัน และเอฟเฟกต์พิเศษก็ค่อนข้างดีทีเดียว ฉันยังประทับใจกับดนตรีประกอบภาพยนตร์ด้วย ซึ่งมีความยิ่งใหญ่อลังการ มีพลัง และอารมณ์ความรู้สึกที่ไหลลื่น
การแสดงก็ไม่เลวเลย ดีกว่าค่าเฉลี่ยจริงๆ และดีมาก แม้แต่ในกรณีของแฮร์ริส ดิกกินสันและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อแมนดลา สเตนเบิร์ก เคมีและการแสดงของพวกเขามีหัวใจที่แท้จริง เช่นเดียวกับพรสวรรค์ทั้งหมดของพวกเขา บางส่วนสนุก บางส่วนใช้จินตนาการ และบางส่วนก็อารมณ์ความรู้สึก
อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังของ ‘The Darkest Minds’ ให้ความรู้สึกเร่งรีบ ซึ่งคำอธิบายดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์แบบและเปิดเผยออกมาช้าเกินไปเมื่อมีเวลาให้พูดไม่มากนัก บางส่วนให้ความรู้สึกว่าไม่ได้รับการสำรวจและละเลย และตัวร้ายก็เป็นเพียงสิ่งที่คิดขึ้นภายหลัง บทสนทนาก็น่าเขินมากเช่นกัน และในตัวละคร มีเพียงตัวเอกสองคนเท่านั้นที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการใช้คำพูดซ้ำซาก นักแสดงบางคนถูกใช้งานไม่ดี โดยกวินโดลิน คริสตี้เป็นหนึ่งในคนกลุ่มหลัก
ฉันเองก็เป็นอีกคนที่คิดว่าตอนจบนั้น The Darkest Minds (2018) จิตทมิฬ กระทันหันเกินไปและไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ตอนจบอีกเรื่องในปีนี้ดูเหมือนจะปูทางไปสู่ภาคต่อ (เช่น ‘Jurassic World: Fallen Kingdom’, ‘Avengers: Infinity War’ และ ‘Solo: A Star Wars Story’) ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ในกรณีที่แผนการสร้างภาคต่อล้มเหลว ฉันก็เป็นอีกคนที่คิดว่าการพลิกผันของเนื้อเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลย แถมยังทำออกมาได้ไม่ราบรื่นและเห็นได้ชัดอีกด้วย
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Federer Twelve Final Days (2024)
Black Barbie (2023) แบล็ค บาร์บี้
I Am Celine Dion (2024) ฉันนี่แหละเซลีน ดิออน
Frank Capra Mr. America (2023) แฟรงก์ คาปรา สุภาพบุรุษอเมริกา
5.6