นรกเรียกพ่อ The Beekeeper (2024)
เรื่องย่อ
ดูหนัง the beekeeper เกิดเรื่องราวของ อดัม เคลย์ ชายวัยปลดเกษียณที่ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายโดยการเลี้ยงผึ้ง แต่ว่าแล้วความสงบสุขของเขาก็ถูกทำลาย เมื่อป้าข้างบ้านที่เขาไว้วางใจเพียงแค่อันเดียวได้กระทำการสิ้นชีวิตตนเองลง เนื่องจากว่ากลายเป็นเหยื่อของกลุ่มคอลเซนเตอร์ต้มตุ๋น จากชายเลี้ยงผึ้งปกติ อดัมจะต้องสวมตัวตนในอดีตกาลของเขาอีกรอบ ในชื่อ บีคีปเปอร์ เพื่อทำภารกิจล่าโกรธแค้นส่วนตัวแล้วก็แฉหน่วยงานลับ งานนี้จัดเต็มทุกลูกปืน รวมมิตรทุกแรงชน ไร้ความปรานีจวบจนกระทั่งจะลากคอคนที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังกลุ่มเลวทรามนี้ให้ได้
นี่เป็นผลงานปัจจุบันของอีกหนึ่งผู้กำกับขาบู๊ประจำแวดวง “เดวิด เอเยอร์” ภายหลังที่ยุ่งๆไปถือจับทำหน้าฮีโรมาได้อยู่ยาวนานหลายปี เขาก็บากบั่นหาทางกลับมาสู่ทางหนังแอคชันทริลเลอร์แนวที่รู้จักอีกที ผลงานเรื่องก่อนหน้า อย่าง The Tax Collector ก็จะผิดจริตนักวิพากษ์วิจารณ์เท่าใด แม้กระนั้นเมื่อมาแก้ตัวใน The Beekeeper ประเด็นนี้ จำต้องบอกเลยว่า เดวิด เอเยอร์ คัมแบ็กกลับมาแล้ว เขาหาทางกลับมาได้จริงๆ
ผู้กำกับ
เดวิด เอเยอร์
บริษัท ค่ายหนัง
Amazon MGM Studio
นักแสดง
- เจสัน สเตธัม
- จอช ฮัทเชอร์สัน
- เทย์เลอร์ เจมส์
- เจเรมี ไอเอินส์
- เจมม่า เร็ดเกรฟ
- มินนี่ ไดรเวอร์
โปสเตอร์หนัง the beekeeper พากย์ไทย
the beekeeper รีวิว สปอย
เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี 2024 เปิดเดือนมกราคม เป็นเรื่องที่แอคชั่น สนุกมากๆ ด้วยความแค้นส่วนคัวของ อดัม เคลย์ ซ่อนอยู่ภายใต้ ที่ป้าข้างบ้านเสียชีวิต ทำให้เค้าต้องมีภารกิจต้องเคลียร์กับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ชายวัยเกษียณ แต่แล้วความสุขที่อยู่กับป้าข้างบ้าน ทำให้เกิดดูดเงินแล้วเครียด จึงทำให้ยิงตัวตาย บู๊ระห่ำ แอคชั่น โคตรรรรร มันส์สะใจ ด้วยพากย์ไทยพันธมิตร
แม้จะเป็นหนังบู๊ เดินหน้าล่าลูกเดียว แต่แก่นลึกๆมันพูดถึงการปลอบประโลมเพื่อนร่วมโลกที่เจอภัยมิจฉาชีพแก๊งโคยเซ็นเตอร์ แต่เป็นการปลอบใจที่ระห่ำเอาเรื่อง ราวกับจะบอกว่า เดี๋ยวกูทำหนังขู่มันให้นะ พวกมันดูเรื่องนี้จะต้องกลับตัวกลับใจแน่นอน ตัดภาพไปที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แม่งคงนั่งเฮดูหนังเรื่องนี้กันแบบเหมาโรง เพราะหนังแม่งมันส์ชิบหาย มันส์จนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตัวจริงยังยอม
เจสัน สเตแธม นี่แกเหมือนมีส่วนผสมของนักบู๊รุ่นเก๋าๆหลายๆคนรวมอยู่ในคนเดียวกัน อาร์โนลด์ก็มีอารมณ์ขันประหลาดๆ หัวเราะตาเหลือก สตอลโลนก็ใช่ ไอ้ฉากประมาณว่าย่องเงียบไปข้างหลังแล้วฆ่า นี่มันแรมโบ้ชัดๆ ไม่เว้นแม้แต่ความนิ่งในแบบ เจ็ต ลี ก็มีให้เห็นในตัวแก ไหนจะลุยคนได้เป็นร้อยแบบ ชัค นอร์ริส อีก คือนอกจาก คีอานู รีฟส์ ก็มีเฮียเหม่งแกนี่แหละที่ยังทำหนังบู๊อะไรแบบนี้ให้เป็นงานเกรด A อยู่
จริงๆอาจเป็นธรรมเนียมของหนัง เดวิด อาเยอร์ ไหมนะที่พอเข้าตอนท้ายทีไรมักไปไม่สุดทุกที ทั้งที่ปูมาดีตลอด มาตกม้าตายเอาช่วงท้ายทุกที แล้วหนังมันแทบไม่ทำให้เรารู้สึกจนตรอกหรือหมดหวังอะไรเลย หนังมันทำให้คนดูเชื่อว่าเดี๋ยวมึงก็ล่อพวกมันเละ แล้วเหมือนมีบางตัวละครท้ายๆที่ไม่ได้ปูมาก่อน แต่อยู่ๆก็โผล่มาเฉย แล้วเป็นตัวที่ควรปูมาก่อนมากกว่าตัวไหนทุกตัว พอมาเป็นฉากปะทะตัวๆกับเฮียเหม่งแล้วอารมณ์มันไม่ถึงนะ คือกูยังไม่รู้เลยว่ามึงชั่วยังไง แต่เหมือนหนังจะไปเทน้ำหนักเน้นตัวละคร เจเรมี่ ไอรอนส์ ให้ดูเหมือนจะมีอะไร แต่แม่งก็เสือกไม่มีอะไร เหมือนจ่ายค่าตัวไปล้านเหรียญแล้วต้องให้แกออกเยอะๆหน่อย ทั้งที่แทบไม่จำเป็น นี่ยังไม่รวม มินนี่ ไดรฟ์เวอร์ อีกนะที่มาทำไม?
จะอย่างไรก็ตาม หนังมันดูเอามันส์ก็ได้ตามนั้น รูโหว่อะไรมันก็ไม่ได้โหว่เกินรับ หนังมันปูจักรวาลได้น่าสนใจเกี่ยวกับตัวตนพระเอกที่ลิ้งก์กับผึ้ง ซึ่งก็จะถูกขยายจักรวาลต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน
#รีวิวสั้นๆ The Beekeeper | นรกเรียกพ่อ
.
สะใจสัสๆ หนังดูเอามันส์แบบถอดสมองดู เหมือนดู จอห์น วิค เวอร์ชั่น low cost ที่เก่งเว่อร์กว่า กวนตีนกว่า (รีวิวได้แค่สั้นๆ ตัวเต็มเจอกันบนเพจพรุ่งนี้เช้าจ้า 😅)
.
หนังเข้าฉายพรุ่งนี้ พฤหัสที่ 11 มกราคม ในโรงภาพยนตร์ ทั้งระบบปกติ IMAX , 4DX และ ScreenX
รีวิวหนัง-ซีรีส์ Netflix และทุกสตรีมมิ่งไทยคลับ
🐝 💥 มาแล้ว 8/10 โคตะระมันส์รังผึ้งแตก โรงหนังแตกกก บู๊ระห่ำหนักหน่วงเบอร์แรงเต็มสตรีมเรท R
สมาชิกหมายเลข 2470599
[รีวิว] The Beekeeper – คนเลี้ยงผึ้งที่ลุยเดี่ยวแบบโหดจึ้ง ลุยม้วนเดียวจบแบบหยุดไม่อยู่
“คนเลี้ยงผึ้ง” อาชีพที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัย แถมยังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศอย่างลึกซึ้ง จากการที่เหล่าผึ้งมีส่วนช่วยในการผสมเกสรขณะที่ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ เรียกว่า ผึ้งและคนเลี้ยงผึ้งต่างก็เป็นผู้สร้างสรรค์อย่างแท้จริง แต่เมื่อ “คนเลี้ยงผึ้ง” คือ สิ่งที่อันตรายที่สุด แล้วอะไรจะหยุดเขาจากการทำลายล้างสุดระห่ำที่เกิดขึ้นจากเรื่องเพียงหยิบมือ
จะว่าก็ว่าตัวพล็อตของ The Beekeeper หรือในชื่อไทยว่า “นรกเรียกพ่อ” (ซึ่งเป็นชื่อไทยที่ไม่ค่อยจะสื่อแก่นเรื่องเท่าไหร่) นี้ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน ที่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเข้ากับสำนวนว่า “น้ำผึ้งหยดเดียว” อย่างพอดิบพอดี ทั้ง John Wick (2014) หรือ Nobody (2021) พ่วงด้วยความสามารถของตัวเอกที่แทบจะไร้คู่ต่อกร กับตัวตนในอดีตที่พอพูดชื่อให้ศัตรูได้ยินก็ขนลุกซู่แล้ว
The Beekeeper จึงพยายามเสริมมิติให้กับตัวเรื่องเพื่อไม่ให้ไปทับรอยกับภาพยนตร์รุ่นพี่ในแนวเดียวกันที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว โดยการอุปมาประเทศเป็นดั่งรวงหรือรังผึ้งที่มี “ผึ้ง” คอยทำงาน และเมื่อใดที่ผู้คุมรังหรือ “นางพญา” อ่อนแอหรือทำให้รังเสียสมดุล เมื่อนั้นผึ้งที่ได้รับมอบหมายก็จะต้องกำจัดนางพญาตัวนั้นออกไป ซึ่งก็ดูจะเป็นโวหารที่ดีในการสร้างภาพจำให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของคนเลี้ยงผึ้งอย่าง อดัม เคลย์” (รับบทโดย เจสัน สเตธัม) ก็ยังไม่ได้ถูกเผยออกมามากนัก รู้แต่เพียงว่านี่คือชายหัวโล้นผู้ที่สามารถถล่มหน่วยรบพิเศษได้ด้วยตัวคนเดียวแบบสูทแทบไม่มีรอยยับ (หนักกว่า John Wick กับ Nobody อีก) ความสนุกอย่างเดียวของเรื่อง กลับกลายเป็นการลุ้นว่า จะมีใครที่พอจะหยุดมัจจุราชน้ำผึ้งคนนี้ได้บ้าง(หรืออาจจะต้องเป็นอเวนเจอร์เลยถึงจะเอาอยู่) เมื่อไม่มีใครจะหยุดเขาได้ เราจึงได้เห็นเหล่าผู้ร้ายที่อ่อนแอและน่าสงสาร ถูกจัดการไปทีละคนสองคน เหมือนนั่งดูไฟที่ค่อยๆ ลามไปตามทุ่งหญ้าทีละน้อย จนกว่าจะสาวไปถึงตัวการใหญ่ที่สุดได้และปิดงานแบบหล่อๆ (หวังว่านี่คงไม่ใช่การสปอย)
ประเด็นที่ทำให้ The Beekeeper ที่ดูจะหลุดโลกนี้ยึดโยงกับผู้ชมได้ดีพอสมควร นั่นคือ การใช้เรื่องราวของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มาเป็นจุดเริ่มเรื่อง ก็น่าเศร้าไม่น้อยที่ภัยคุกคามเหล่านี้เป็นภัยร้ายแรงแต่แทบไม่มีการจัดการได้เลย เหยื่อต้องทนทุกข์และตรอมใจ ทางออกจึงต้องใช้วิธีศาลเตี้ยแบบที่ อดัม เคลย์ ทำ เพื่อถอนรากถอนโคนแก๊งค์ชั่วให้หมดไป ตรงนี้คงมีใครหลายคนเห็นว่าหากเป็นเรื่องจริงก็คงจะดีมากแน่ๆ
เพื่อสะท้อนถึงเรื่องนี้ผู้กำกับ “เดวิด เอเยอร์” (David Ayer) จึงตั้งคำถามผ่านตัวละครอย่าง “เจ้าหน้าที่ปาร์คเกอร์” FBI สาว (รับบทโดย Emmy Raver-Lampman) ที่แม้จะเป็นเหยื่อของแก๊งค์ชั่วนี้จากการเสียแม่ไป และอดัม เคลย์ ก็กำลังจะล้างบางพวกมันอยู่ แต่ตัวเธอก็ต้องตามล่าเขาเพื่อทำตาม “กฏหมาย” ในขณะที่อดัม เคลย์นั้นยึดมั่นใน “ความยุติธรรม” มากกว่า จึงเป็นการชั่งใจว่า ระหว่างจะปล่อยให้กฏหมายทำหน้าที่ของมันไปหรือจะปล่อยให้ศาลเตี้ยอย่างคนเลี้ยงผึ้งจัดการดี เธอควรจะเลือกอย่างไหน
สรุป The Beekeeper หากไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนก็เป็นภาพยนตร์ที่มอบความบันเทิงได้สมกับชื่อของนักแสดงนำอย่าง “เจสัน สเตธัม” ที่เห็นแล้วก็ต้องรู้ว่าเก่งแน่ๆ กับฉากแอคชั่นมันส์ๆ โหดบ้างบางที ไล่กระทืบตัวร้ายไปเรื่อยๆ จนจบเรื่อง จนบางทีก็แอบเห็นใจฝั่งตรงข้ามว่า นี่..กำลังสู้กับคนหรือยอดมนุษย์กันแน่วะเนี่ย
6.8