The 5th Wave (2016) อุบัติการณ์ล้างโลก
เรื่องย่อ
การจู่โจมที่อันตรายยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ สี่ระลอกทำลายล้างจนมนุษย์เกือบจะสิ้นโลก ท่ามกลางความกลัวและความหวาดระแวง แคสซี่ (โคลอี เกรซ มอเรทส์) กำลังพยายามจะช่วยน้องชายของเธอ ในตอนที่เธอเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีระลอกที่ห้าที่แสนอันตรายและไม่อาจเลี่ยงได้ แคสซี่ ก็ได้ร่วมมือกับชายหนุ่มผู้อาจจะกลายเป็นความหวังสุดท้ายของเธอ ถ้าเพียงแต่เธอจะสามารถเชื่อใจเขาได้
Cassie Sullivan นักเรียนมัธยมปลายชาวโอไฮโอที่ถือปืนสั้น M4 โผล่ออกมาจากป่าเพื่อโจมตีปั๊มน้ำมันร้าง เมื่อเข้าไปเธอก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เธอพบชายที่ได้รับบาดเจ็บ เขาเล็งปืนไปที่เธอ จากนั้นทั้งสองคนก็ขอให้อีกฝ่ายวางอาวุธของตัวเองลง เมื่อเขาดึงมืออีกข้างออกจากใต้เสื้อแจ็คเก็ต เธอก็เข้าใจผิดว่าแสงโลหะของไม้กางเขนแบบคริสเตียนเป็นแสงของปืน เธอจึงฆ่าเขา จากนั้นหน้าจอก็ถูกตัดเป็นสีดำ และเรื่องราวเบื้องหลังของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
ยานอวกาศเอเลี่ยนขนาดมหึมากำลังโคจรรอบโลก โดยมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่เรียกว่า “คนอื่นๆ” นำทาง สิบวันต่อมา The Others ปล่อยคลื่นลูกที่ 1 ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่จะตัดพลังงานไฟฟ้าและการสื่อสารทั้งหมดทั่วโลก และดับเครื่องยนต์ของยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่ รวมถึงเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ด้วย คลื่นลูกที่ 2 มีอีกฝ่ายคอยควบคุมธรณีวิทยาและแนวรอยเลื่อนของโลก ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและเมกัตสึนามิที่ทำลายเมืองและเกาะชายฝั่ง รวมถึงหาดฮัลลันเดล ลอนดอน กรุงเทพฯ และนิวยอร์กซิตี้ ในรัฐโอไฮโอ ทะเลสาบอีรีน้ำท่วม แต่แคสซี่และแซมน้องชายของเธอสามารถหลบหนีได้ด้วยการปีนต้นไม้ สำหรับระลอกที่ 3 The Others ปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ของโรคไข้หวัดนกและแพร่กระจายไปทั่วโลกผ่านทางนก จำนวนประชากรถูกทำลาย โดยมีแม่ของแคสซี่เป็นหนึ่งในเหยื่อ ในระลอกที่ 4 พวกคนอื่นๆ ครอบครองมนุษย์ทั่วไปและเริ่มฆ่ามนุษย์คนอื่น
ผู้กำกับ
J Blakeson
บริษัท ค่ายหนัง
- Columbia Pictures
- LStar Capital
- GK Films
- Material Pictures
- Living Films
นักแสดง
- Chloë Grace Moretz
- Nick Robinson
- Ron Livingston
- Maggie Siff
- Alex Roe
- Maria Bello
- Maika Monroe
- Liev Schreiber
โปสเตอร์หนัง the 5th wave ไทย
รีวิวหนัง
แมวสีเทาตุ่น
The 5th wave ใครดูแล้วมาคุยกันค่ะ (ระวังใครไม่อยากโดนสปอยล์ห้ามเข้า มีสปอยล์แน่นอน)
เพิ่งดูจบ
ชอบช่วงต้นๆของหนังมากก ทำออกมาได้ดี ถ่ายทำสวย เทคนิก CG ตระการตา ฉาก 1-3 wave ทำออกมาได้ดีมากๆ
แต่ แต่ แต่.!
The 5th Wave ตั้งแต่ช่วงหลังฉากที่นางเอกเจอกับอีวาน หนังเริ่มกร่อยลงชัดเจน ….
เม่าเหม่อ
คิดว่า ช่วงกลางเรื่องถึงจนจบ ของหนัง ไม่ค่อยส่งอารมณ์ให้คนดูเท่าไหร่เลยค่ะ ไม่ค่อยมีฉากลุ้นและสนุกเหมือนช่วงแรกของหนัง
แอบเสียดาย คิดว่าจะได้เห็นจิ๋วจิ๊ดบู๊กว่านี้ แต่หนังดันไปโฟกัสที่แกงค์เด็กทหาร… ซึ่ง.. มันดูเด็กๆไปหน่อย..Facepalm
มีหลายฉากที่คิดว่าไม่สมเหตุสมผล
The 5th Wave และค่อนข้างจะขาดๆเกินๆไป… หลายจุด … อย่างความเทพของอีวาน.. เทพเเกินหน้าเกินตาพวกพ้องไปมั้ยนั่น…
นางเอกหาน้องเจอในค่ายแบบง่ายๆ(ผู้คุมที่ยืนๆอยู่ด้านข้างเยอะแยะไม่ทำอะไร?) เบนที่โดนยิงแต่วิ่งปร๋อในตอนท้ายแม้ไม่จุดสำคัญแต่ไม่ฉายแววเจ็บปวดเท่าใดนัก…. ฉากรำพันดีใจที่ได้เจอน้องชายพักใหญ่ทั้งๆที่กำลังจะระเบิดอีก 10 นาที…. เด็กสาวที่ขับรถมารับตอนท้ายมาได้ไง(เอารถมาจากไหน) ! แผ่นดินแยกตอนท้าย?? &@฿/!!#%€$!?
สรุปคือ… หน้งไม่ค่อยสนุกอย่างที่คาดหวังไว้เท่าไหร่ค่ะ …. ช่วงแรกดราม่าโลกแตกเอาชีวิตรอด(ชอบช่วงแรกนะ) ช่วงหลังดูมุ้งมิ้งเน้นความรักเหมือนหนังเด็กยังไงอยู่…เรียกได้ว่าฉีกไปคนละทางเลย
Wasant Tong Suthanyaphruet
[Movie Review] – The 5th Wave (2016)
คะแนน C –
บางคนอาจตั้งคำถามว่าจะเอาอะไรกับหนังแบบนี้ ทว่าหากลองนึกถึงเวลาที่เสียไป ทั้งการเดินทางไปโรงหนังกับเวลาอีก 112 min ที่ต้องจมจ่ออยู่กับการเล่าเรื่องที่ขาดความรับผิดชอบต่อคนดู มันก็สมควรแล้วที่จะทำใจลำบาก ไหนจะความเป็นผลงานของค่ายใหญ่ระดับ Sony (หรือ Columbia Pictures) แต่คุณภาพโดยรวมไม่ต่างกับสตูดิโอเล็กๆที่หัดทำโปรเจ็คใหญ่เกินตัว ไม่ว่างานนี้จะมีงบให้ผลาญเท่าไหร่ (ไม่เปิดเผยข้อมูลหรือหาไม่เจอ) แต่คะเนดูแล้วด้วยฝีมือของ J Blakeson ก็คงพาหนังไปได้ไม่ไกลกว่านี้ เพราะต่อให้ทุ่มเทกำกับจนตายคากองถ่าย บทหนังก็ไม่สามารถโอบอุ้มความพึงพอใจได้เลย แม้เคยเปิดตัวด้วยผลงาน The Disappearance of Alice Creed (2009) ได้น่าสนใจ ทั้งที่เป็นการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกก็ตาม
ความล้มเหลวเริ่มต้นจากการไม่แยแสความแข็งแรงและหนักแน่นในเนื้อหา อยากจะโยนอะไรเข้ามาหรืออยากจะทอดทิ้งอะไร ก็ทำตามอำเภอใจง่ายดาย ความสัมพันธ์ของตัวละครก็หลวมโพรก คนดูได้เห็นครอบครัวแสนอบอุ่นและหนุ่มที่แอบปลื้มของ Cassie เพียงไม่กี่นาที ก่อนจะโดดข้ามอย่างรวดเร็วถึงการบุกโลกของต่างดาว จากนั้นก็ใส่อุบัติการณ์ต่างๆเข้ามาตามชื่อเรื่อง สลับกับการสูญเสียและพลัดพรากกับคนรอบตัว ก่อนจะมาถึงจุดนี้หากหนังให้เวลาตัวละครเพื่อสร้างความผูกพันแก่คนดู มันคงช่วยให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจไปกับ Cassie ได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ผลที่ออกมาคือเราไม่ยินดียินร้ายกับชะตากรรมของเธอหรือใครเลย วิธีการนำเสนอไม่ต่างกับอาหารแนวๆจับฉ่ายหรือยำรวมมิตร โดยใช้วัตถุดิบขาดความสร้างสรรค์และคุณภาพ มีแค่ความทะเยอทะยานที่ว่างเปล่า จากการพยามลอกเลียนฉากต่างๆของบรรดาหนังทรงเดียวกันเท่านั้น
ทั้งนี้ต่อให้แสร้งลืมงานโปรดั๊กชั่นส่วนต่างๆ ที่ไม่สมราคาความเป็นสตูดิโอยักษ์ใหญ่ (อันเป็นข้อบกพร่องอย่างไม่น่าให้อภัย) ไปก่อน.. ด้านการกำกับของ J Blakeson ก็พอประคองตัวไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้เลวร้ายจนน่าหลับใส่หรือชวนตัวเองออกจากโรง ส่วนนักแสดงนำ Chloë Grace Moretz ก็อาศัยทักษะนำพาคนดูจนรอดตัวไปได้ ทั้งที่ตรรกะในเรื่องแสนปวกเปียกจนไม่รุ้จะโฟกัสอะไรได้ ระหว่างรับชมแอบคิดถึงตอนจบของเรื่องยังนึกไม่ออก แล้วมันก็ลงเอยในแบบนั้นเข้าจนได้จนแทบหลุดขำออกมา.. ทั้งนี้โชคดีเท่าไหร่ที่ผุ้สร้างไม่เล่นมุก(ควาย)ด้วยการให้ตัวละคร Cassie ตื่นขึ้นมาช่วงใดช่วงหนึ่งของเรื่อง แล้วพบว่าเกือบทั้งหมดที่เราได้เห็นกันนั้น เป็นเพียงแค่ความฝัน(ร้าย)ของเด็กสาววัยช่างมโน ซึ่งจริงๆมองแง่หนึ่งมันก็เป็นตลกร้ายที่ครีเอทดี ในเมื่อสิ่งที่ตัวละครหลับฝันถึงเหล่านั้น มันช่างไม่แสนโสภาให้น่าจดจำสำหรับคนดูเอาซะเลย !!
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Alien vs Predator (2004) เอเลียน ปะทะ พรีเดเตอร์
Alien vs Predator 2 Requiem (2007) เอเลียน ปะทะ พรีเดเตอร์ 2
Independence Daysaster (2013) สงครามจักรกลถล่มโลก
The Darkest Hour (2011) เดอะ ดาร์คเกสท์ อาวร์ มหันตภัยมืดถล่มโลก
7.1