Sonic the Hedgehog 3 2024 โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก 3
เรื่องย่อ
Sonic, Knuckles และ Tails กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจคนใหม่ Shadow ซึ่งเป็นวายร้ายลึกลับที่มีพลังที่ไม่เหมือนใครที่พวกเขาเคยเผชิญมาก่อน ด้วยความสามารถที่เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน ทีม Sonic จึงต้องแสวงหาพันธมิตรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เพื่อหยุดยั้ง Shadow และปกป้องโลก
ผู้กำกับ
- Jeff Fowler
ผู้จัดจำหน่าย
- Paramount Pictures
นักแสดง
- Ben Schwartz
- James Marsden
- Jim Carrey
- Keanu Reeves
- Tika Sumpter
- Natasha Rothwell
- Adam Pally
- Colleen O’Shaughnessey
- Idris Elba
- Lee Majdoub
- Krysten Ritter
กำกับภาพ
Brandon Trost
ดนตรีประกอบ
Tom Holkenborg
บริษัทผู้สร้าง
- Sega Sammy Group
- Original Film
- Marza Animation Planet
- Blur Studio
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
UncannyBoy
รีวิว Sonic the Hedgehog 3
.
ปรากฏการณ์ภาพยนตร์เกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค
ตอบโจความบันเทิงขั้นสุด ฉากแอ็คชั่นอลังการตาแตก
.
8/10
.
กลับมาอีกครั้งพร้อมความมันส์ที่ทวีคูณ! Sonic the Hedgehog 3 ไม่เพียงแต่เป็นการส่งท้ายปี 2024 ที่สมบูรณ์แบบ แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเกมไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยเนื้อเรื่องที่ต่อยอดจากภาคก่อนอย่างลงตัว ผสานกับตัวละครใหม่ที่น่าสนใจ และฉากแอ็คชั่นที่จัดเต็มอลังการตาแตก บอกเลยว่าแฟนๆ เจ้าเม่นสีน้ำเงินตัวนี้จะต้องฟินกันทั่วโลกแน่นอน
ยิ่งถ้าใครได้ดูแบบ Soundtrack นะบอกเลยว่า Keanu Reeves ในบทบาท Shadow ได้ถือว่าสอบผ่านฉลุยด้วยคาแรกเตอร์ที่เข้มข้นและลึกลับ ทำให้หนังดูเท่ขึ้นอีกเป็นกอง เสียงพากย์ที่ทรงพลังของเขาช่วยขับเน้นความขัดแย้งภายในตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ Shadow กลายเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ Sonic ได้อย่างน่าสนใจ รวมถึงป๋า Jim Carrey ในบท Dr. Robotnik ก็ยังคงเป็นไฮไลท์ของหนังที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับแฟรนไชส์ชุดนี้อีกเช่นเคย ทุกฉากที่เขาปรากฏตัวนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ความบ้าบิ่น และความน่ารักในแบบฉบับของเขา การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และการพูดจาที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เราอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เลย
หนังยังคงความเป็นหนังที่เหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย ดูง่ายไม่ซับซ้อน ตอบโจทย์ความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ ตามแบบฉบับ Sonic ไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราหัวเราะไปกับมุกตลกของตัวละครได้ตลอดทั้งเรื่อง แถมเรื่องราวของ Sonic ในภาคนี้ก็ดูจะเข้มข้นขึ้น มีปมให้เราได้ลุ้นระทึก และยังมีการพัฒนาตัวละครให้เราได้เห็นกันอีกด้วย ยิ่งในส่วนของฉากแอ็คชั่นยิ่งจัดเต็มตื่นตาตื่นใจกว่าเดิม ทุกฉากเต็มไปด้วยความเร็ว ความมันส์ และเอฟเฟกต์พิเศษที่อลังการจนเราต้องร้องว้าว บินซัดกันนัวแบบ Man of Steel เลยทีเดียว
จดอ. JUST ดู IT.
#รีบรีวิว SONIC THE HEDGEHOG 3
“จากภาคแรกที่ใครก็ว่าไม่น่ารอด สู่ศาสดาแห่ง Paramount Pictures”
การเดินทางมาถึง “ภาคที่ 3” ของ Sonic The Hedgehog ยังคงตอกย้ำความน่าเหลือเชื่อของหนัง อดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปในวันแรกที่ภาคแรกปล่อยตัวอย่างจนโกยกลับไปแก้โมเดลตัวละครแทบไม่ทัน ในตอนนี้กลับมาถึงจุดที่สร้าง “แมตช์หยุดโลก” ที่ทุกคนรอคอย ในการพาเอา Shadow The Hedgehog คู่ปรับจากฉบับเกม ขึ้นมาโลดแล่นในหนังคนแสดง แพ็คคู่มากับมหาวายร้ายคนใหม่ “Eggman รุ่นปู่” ที่มี Jim Carrey คนเดียวกับ Eggman คนปัจจุบันรับบท โดยไม่วายเล่นมุกอำถึงหนังใช้คนเดียวกันเล่นเป็นตัวละครคนละ Gen ได้อย่างฮารั่ว อีกทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นว่า Jim Carrey ยังคงเป็นนักแสดงที่ “ฝีมือเหนืออายุขัยและการเวลา” เพราะทุกลูกเล่น ทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายตามการแสดง มันดูเกินจริง แต่ก็ลงตัวกับหนังที่ต้องพึ่งความฉูดฉาดแบบนี้มาก ๆ
และที่สำคัญ.. นอกจาก Sonic แล้วนี่อาจเป็นภาคที่เปรียบเสมือนการเดินทางครั้งสำคัญ ที่ในท้ายสุด เชื่อว่าเขาจะได้กลายเป็นอีกหนึ่งมหาวายร้ายที่ครองใจคอหนังทั่วโลกได้มากที่สุด นับตั้งแต่ Doctor Octopus ใน Spider-Man 2 ของ Sam Raimi
ในขณะเดียวกัน สองวายร้าย #TeamShadow ก็กลับกลายเป็นเหมือนแขนขาให้กับประเด็นสำคัญของเรื่องอย่าง “การก้าวข้ามอดีตของตนเอง” เพราะไม่เพียงแต่ Shadow จะเป็นภาพสะท้อนของ Sonic ในฉบับที่หลงทาง ไร้เพื่อนฝูง แต่ Eggman รุ่นปู่เองก็เป็นภาพสะท้อนให้รุ่นปัจจุบัน… เราจะยอมให้อดีตอันแสนเจ็บปวดมากำหนดตัวเราในปัจจุบันหรือเปล่า?” โดยเป็นหน้าที่ของ Sonic ที่ต้องเอาชนะตัวแทนแห่งความเจ็บปวดทั้งสองนี้ให้ได้
การต่อสู้ระหว่าง #TeamSonic และ #TeamShadow จึงไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเหมือน ธรรมะ ปะทะ อธรรม ที่ปิดกั้นให้เราเชียร์ได้แค่ฝั่งเดียว แต่เป็นการต่อสู้ระหว่าง คนที่ยังมีหวัง และคนที่สิ้นหวัง จึงกลายเป็นว่าฝ่ายหนึ่งก็น่าเอาใจช่วย อีกฝ่ายก็น่าเห็นใจ ก่อนจะนำไปสู่ฉากแอ็กชันระดับ “มันส์ทะลุโลก” ที่ต่อยกันทะลุออกนอกโลกจริง ๆ เต็มไปด้วยอิมแพค และความวินาศสันตะโรราวกับ Man Of Steel (และใช่ มันมีฉากที่เหมือนจะหยิบมาจากนั้นด้วย)
ซึ่งระหว่างทางของความเข้มข้นของประเด็น แน่นอนว่าเมื่อมาจาก Pop Culture หนังก็ไม่ลืมใส่ Easter Eggs เซอร์วิสทั้งแฟนหนังที่ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรก หรือยิ่งกว่านั้นคือแฟนดั้งเดิมที่อยู่กับ Sonic มาตั้งแต่เกม หรืออนิเมะ ที่ไม่เพียงแต่เซอร์วิสไปเรื่อย แต่ยังผสานกิมมิกเหล่านั้นเข้ากับบทหนังได้อย่างเป็นเนื้อเดียว เป็นการเก็บตกทุกประเด็นที่เคยกล่าวถึงในภาคแรก แล้วเพิ่มความเข้มข้นชนิด x3 เพื่อเป็นบทสรุปในฐานะ “ปิดไตรภาคแรก” ที่ทุกตัวละครจะได้รับโอกาสในการสะสางสิ่งที่ตนยังค้างคา เผชิญหน้ากับอดีตของตนเอง เพื่อเปิดทางให้ภาคต่อ ๆ ไปที่จะเป็นเนื้อหาใหม่ล้วน ๆ
ตอกย้ำให้เห็นว่า Sonic The Hedgehog ไม่ใช่แค่แฟรนไชส์ที่อยู่ได้ด้วยการเซอร์วิสแฟนดั้งเดิมเท่านั้น เพราะอย่างไรก็ตาม หนังไม่ได้โฉ่งฉ่างในการแจก Easter Eggs กันโต้ง ๆ อย่างหนังคู่หูซูเปอร์ฮีโร่เรื่องหนึ่งเมื่อต้นปี แต่มีการโฟกัสกับเนื้อหาของตนเองให้เข้มข้นแข็งแรง สำหรับหนังที่ต้องเล่าอย่างตรงไปตรงมา ดูง่าย โดยมีกลุ่มคนดูหลักเป็นเด็ก แฟนดั้งเดิม และคนที่อยากใช้เวลาในวันหยุดกับหนังสนุก ๆ (แบบโคตร ๆ) สักเรื่อง ยกให้เป็นหนังขึ้นแท่น “ความหวังของค่าย” ที่แฟน ๆ สามารถตั้งความหวังได้ตลอดไปนับจากนี้ ในทุกครั้งที่ภาคต่อ ๆ ไปได้ออกมาโลดแล่นบนหน้าจอ
ekka_eak
[CR] [#Review] #Sonic The Hedgehog 3 – หนังที่ยิ่งทำภาคใหม่ออกมายิ่งขยายจักรวาลได้อย่างสนุกมาก
🦔🦔🦔
หลังจาที่ยอมปรับแก้ไขหน้าตาตัวละคร Sonic แล้วเริ่มตั้งต้นภาคแรกใหม่ซึ่งทำออกมาได้สนุกและทำเงินมากจนมีภาค 2 ตามออกมาพร้อมเปิดตัวตัวละครใหม่อย่าง Knuckles และ Tails มาปีนี้ก็มีภาคที่ 3 ออกมาให้ชมกันแล้ว พรอมด้วยตัวละครใหม่ที่สุดจะเท่ นั่นคือ Shadow ศัตรูตัวฉกาจของ Sonic นั่นเอง
🦔🦔🦔
Sonic, Knuckles และ Tails กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจคนใหม่ Shadow ซึ่งเป็นวายร้ายลึกลับที่มีพลังที่ไม่เหมือนใครที่พวกเขาเคยเผชิญมาก่อน ด้วยความสามารถที่เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน ทีม Sonic จึงต้องแสวงหาพันธมิตรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เพื่อหยุดยั้ง Shadow และปกป้องโลก
🦔🦔🦔
ต้องบอกก่อนเลยว่า จักรวาลหนัง Sonic เป็นอะไรที่ยิ่งทำภาคต่อออกมาก็ยิ่งมีเซอร์ไพร์สมาเรื่อยๆ ด้วยการผูกเรื่องราวและการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างสนุก ดูเพลิน แถมยังมีตัวละครใหม่ออกมาให้ว๊าวกันได้ทุกภาคอีกต่างหาก ยิ่งทำให้คนดูที่เป็นแฟนเจ้าเม่นสีน้ำเงินตัวนี้ ยิ่งตั้งตารอภาคต่ออย่างใจจดใจจ่อ
🦔🦔🦔
ความแตกต่างของเวอร์ชั่นหนังกับเวอร์ชั่นซีรี่ส์อนิเมชั่นมันคือการที่หนังเอาคนจริงมาเป็นองค์ประกอบของเรื่องราว มันเลยทำให้หนังมีความสมจริงมากกว่าและเข้าถึงคนจริงๆ และวัยผู้ใหญ๋ได้มากกว่า ซึ่งสามารถดูได้ทั้งครอบครัว ไม่ใช่ดูได้แค่เด็กเท่านั้น เพราะหนังจะมีทั้งความสนุก ความตลก และความขึงขังอยู่ในเรื่องเดียว
🦔🦔🦔
และในพาร์ทคนนี่แหละที่ทำให้หนังมันออกมาสมบูรณ์มากกว่าเวอร์ชั่นอนิเมชั่น เพราะลำพังแค่ Jim Carry ในบทด็อกเตอร์โรบ็อทนิค ก็ถือว่าเป็นตัวชูโรงที่สุดของหนังทางฝั่งคนแสดงแล้ว ยิ่งภาคนี้บทของเขาเป็นบทที่โดดเด่นและมีการเล่นซีนอารมณ์แบบสุดๆ อีกต่างหาก
🦔🦔🦔
ในพาร์ทของฝั่งตัวละครที่เป็น CG หนังยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แถมผมยังมองว่าทีมงานทำออกมาได้ดีกว่าเดิมมากๆ อีกด้วย หลายๆ ฉากที่ดูแล้วเนียนตามากขึ้น อลังการมากขึ้น และดูสมจริงมากขึ้น หลายๆ ฉากผมสังเกตอาการของคนที่เข้าไปดู ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นั่งดูกันแบบตั้งใจดจ่อ และเด็กบางคนก็อินไปกับหนังด้วยซ้ำ
🦔🦔🦔
ต้องบอกว่าเป็นหนังที่สร้างมาจากเกมที่ดี่สุดเรื่องหนึ่งที่ผมเคยดูมา เพราะปกติหนังจากเกมจะเละเทะไม่มีชิ้นดี แต่สำหรับ Sonic The Hedgehog ยิ่งทำออกมายิ่งดีขึ้น และยังขยายจักรวาลของตัวเองออกไปได้เรื่อย สำหรับภาคนี้มี End Credits 2 ฉากครับ อย่าเพิ่งรีบลุก แล้วจะว๊าวกว่าเดิมอีก
ดูหนัง ออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Sonic Prime โซนิค ไพรม์ Season 1-3
7.1