เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) ยังคงเน้นไปที่การเล่าเรื่องราวชีวิตและปัญหาต่าง ๆ
เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) ของโน้ต อุดม แต้พานิช แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายประการ ได้แก่ การค้นหาความหมายของชีวิต: โน้ต อุดม แต้พานิช ออกเดินทางเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต เขาได้ไปเยือนหลายประเทศทั่วโลก และเขาได้พบกับผู้คนมากมายจากหลากหลายวัฒนธรรม
เขาได้เรียนรู้เรื่องราวและมุมมองใหม่ ๆ มากมาย เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) ซึ่งช่วยให้เขาเข้าใจชีวิตและตัวตนของตัวเองมากขึ้น ความแตกต่างทางวัฒนธรรม: โน้ต อุดม แต้พานิช ได้สัมผัสกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ที่เขาได้ไปเยือน
เขาได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่างและเปิดใจกว้างขึ้น การใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย: โน้ต อุดม แต้พานิช ได้ค้นพบความหมายของชีวิต เขาพบว่าความหมายของชีวิตนั้นไม่ได้อยู่ที่ความสำเร็จหรือชื่อเสียง แต่อยู่ที่การใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
พารากอน ฮอลล์ STAND UP COMEDY ที่ทุกคนรอคอย เจ้าของสถิติขายบัตร 39 รอบหมดเร็วที่สุดของไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จากผลงานเดี่ยวไมโครโฟน 1- 7.5 การยืนระยะรักษามาตรฐานตลอด 13 ปีที่ผ่านมา คงเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพ และความสามารถของคอมเมเดี้ยนมาตรฐานสากลคนนี้
มุขตลกที่คมคาย จังหวะการแสดงที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติผ่านมุมมองที่น่ารักที่ทุกคนมองข้าม อันเป็นลายเซ็นของเขา เดี่ยวไมโครโฟน 8 คราวนี้ อุดมกลับมาพร้อมกับประสบการณ์ที่ล้นปรี่ กับการทัวร์เดี่ยว 8 จาก
San Francisco , Los Angeles , New York เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) พร้อมเรื่องราวจากการเดินทาง เกาหลี จีน อเมริกา อินเดีย และที่พลาดไม่ได้ ภาคต่อของ ART ตัวแม่ มุมมองจาก ART ตัวแม่ที่มีต่อ ART ตัวมั่ว ขำขันและได้ขบคิดไปกับอุดม แต้พานิช เดี่ยวมือวางอันดับหนึ่ง สมัยที่ 8 ณ รอยัล
พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน วันที่ 4 — 16 กุมภาพันธ์ 2553 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ โทร. 0-2262-3456 พฤหัสบดี 4 — อังคาร 16 กุมภาพันธ์ 2553 รอยัล พารากอน ฮอลล์ 1-3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดโดย พอดีพาณิชย์ จำกัดเป็นการแสดงเดี่ยวที่สะท้อนให้
เห็นถึงความคิดและมุมมองของอุดม แต้พานิช เกี่ยวกับชีวิต สังคม และการเมือง อุดม แต้พานิช ใช้มุกตลกเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาต่างๆ ในสังคมไทย และเพื่อเรียกร้องให้คนในสังคมร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้น การแสดงเดี่ยวครั้งนี้ถือเป็นการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนที่ประสบความสำเร็จมาก
ที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย และถือเป็นแรงบันดาลใจให้นักแสดงตลกหลายคนหันมาแสดงเดี่ยวไมโครโฟนคนเรามักเจอความเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิต ซึ่งต้องมีต้นแบบ ผมเองก็เช่นกันซึ้งความเข้าใจของผม โน๊ต อุดม แต้พานิชเรียกได้ว่าต้นแบบและแนวทางของผมมาจากเค้าเลย เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) เพราะในความเชื่อของตัวเองมักมีบวกลบ แม้ผมก็ชอบเป็นคนอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
ผมชอบอ่านหนังสือของพี่เค้าจริงๆ อ่านวนไปวนมาไม่รู้กี่รอบ และเราก็ไม่เคยจำได้เพราะมันเข้าถึงใจผม
อยู่เชียงใหม่ตั้งแต่สมัยก่อนที่เรียนผมไม่มีทีวี วิทยุ อยู่ในหอคนเดียวต้องพึ่งตัวเอง อ่านทุกวันจนซึมซับ หลายๆมุขของพี่เค้าผมนั่งอ่านๆๆๆๆจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในช่วงนั้น
จำได้เลยว่าครั้งแรกที่ประทับใจพี่โน้ต เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) คือสมัยตอนที่ผมเรียน อาชีวะเชียงใหม่ ผมนั่งอยู่ถนนคนเดินท่าแพ (ในสมัยนั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นในคูเมือง) เจอพี่โน้ตเขียนพื้นทำ Street Art อย่างเมามันส์ ผมเลยนั่งดูพี่เค้าวาดไปเรื่อยๆ ซึ่งผมเองก็เรียนศิลปะมา เหมือนกัน ก็ยังงงว่าสวยตรงไหน
แต่พอเสร็จแล้ว สวยแปลกๆ จำได้ดี เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) และได้คุยกับพี่เค้า ถามพี่เค้าว่า ทำไมตัวจริงพี่ไม่ขำเหมือนในทีวีเลย พี่โน็ตตอบมา”ความจริงกูก็ไม่ได้เป็นคนขำนะ แต่ตัวกูทำตัวเองให้เป็นอย่างนี้”ผมงงแต่กินใจมากอุดมเริ่มงานแรกเป็นคนเขียนการ์ตูนที่ชัยพฤกษ์ ทำได้สองเดือนก็ลาออกด้วยเหตุผล
ที่มันไม่ตรงกับใจเท่าไร เมื่อได้อ่าน ไปยาลใหญ่ Moviehd3 ฉบับแรกบนแผงรู้สึกถูกใจในบุคลิกของหนังสือ อยากร่วมงานด้วย ครั้งแรกไปสมัคร TRY OUT เป็นนักแสดงละครของศิษย์สะดือ ด้วยลูกตื้อและบุคลิกที่ไม่เหมือนใคร จึงได้ร่วมงานกับศิษย์สะดือสมใจ ความรักของมาลัยในห้องไอซียู เป็นละครเรื่องแรกที่เล่น ได้รับบทเป็นคนแก่ในโรงพยาบาล จบจากละครก็ก้าวเข้าสู่ถนนหนังสือ ในตำแหน่งฝ่ายศิลปของไปยาลใหญ่
ที่ไปยาลใหญ่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต สังคมในไปยาลใหญ่ล้วนเป็นนักอ่านตัวยงด้วยกันทั้งนั้น อุดมได้รับอิทธิพลนี้มาและได้มาค้นพบโลกของตัวเองอีกโลกหนึ่งที่นี่ คือโลกของการอ่าน แล้วยังค้นพบความสามารถในการเขียนหนังสือ เมื่ออุดมอ่านหนังสือมากๆ จึงเกิดแรงใจอยากเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง ครั้งหนึ่งในชีวิตแตงโมปั่น งานเขียนเรื่องแรกแจ้งเกิดในสนามไปยาลใหญ่นั่นเอง
มี ศุ บุญเลี้ยงเป็นบรรณาธิการ หลังจากงานได้ตีพิมพ์ อุดม เริ่มรับผิดชอบคอลัมน์ต่างๆ ในไปยาลใหญ่ โดยใช้นามปากกาว่า “โน้สหน้ามึน เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) หลานเจ๊นี้ขายผลไม้” ควบคู่ตำแหน่งฝ่ายศิลปของหนังสือ ใครที่เป็นแฟนไปยาลใหญ่คงคุ้นเคยและติดอกติดใจกับเกมส์กวนๆ ในคอลัมน์ ‘สารภีมีดีให้’ อุดมเป็นสารภีในช่วงท้ายของหนังสือก่อนที่ไปยาลใหญ่จะปิดตัวเองลง
อุดมพาความสามารถเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิงโดยเริ่มจากเป็นตัวประกอบในรายการวิก 07 ของ เจเอสแอล และเล่นเกมส์รายการจุดเดือด ทางผู้ใหญ่ในเจเอสแอลประทับใจลีลาจึงชักชวนมาร่วมงานด้วยในรายการ ยุทธการขยับเหงือก ซึ่งเป็นรายการ Comedian Show ที่มีความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของช่อง 5 ในยุคนั้น จึงทำให้อุดมได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงอย่าง เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) เต็มตัวในชื่อ เสนาฯ
โน้ส และต่อมาในยุคอดีตนั้นเคยแสดงเป็นตัวปริศนาในภาพ VTR กับคุณศุภกร อุดมชัย หรือ “หมี ปลื้ม” ที่ใช้ชื่อว่า “ปริศนา อ้วน-ผอม” ในรายการชิงร้อยชิงล้าน ของบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ 17 มกราคม 2533 – 29 มกราคม 2535 ทางช่อง 7 หลังจากความสำเร็จในครั้งแรก อุดม แต้พานิช ได้ตัดสินใจแยกตัวออกมาจากรายการยุทธการขยับเหงือก
และได้สร้างปรากฏการณ์ขึ้นในเมืองไทย นั่นก็คือ การพูดตลกคนเดียวบนเวที ทำให้คนไทย ได้รู้จักคำว่า Stand Up Comedy หรือ ในชื่อไทย เดี่ยวไมโครโฟน เป็นครั้งแรกเชื่อว่าทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ โน้ส อุดม แต้พานิช หนึ่งในศิลปินและดาราตลกที่คร่ำหวอดในวงการทอล์กโชว์มากว่า 20 ปี ทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน (Stand Up Comedy) ในเมืองไทย ด้วยลีลาการพูดที่สนุกสนาน สอดแทรกสาระและความบันเทิง
พร้อมการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์ ทำให้เขามีแฟนคลับทุกเพศทุกวัย และการกลับมาบนเวทีของ โน้ส อุดม ล่าสุด ในการแสดงชุดเดี่ยว 13 หลังนำมาเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Netflix ก็ได้กลายเป็นประเด็นพูดถึงบนโลกออนไลน์อย่างมาก จากการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในแง่มุมต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้นั้น ประวัติดารา โน้ส อุดม เป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะไปทำความรู้จักเขาให้มากยิ่งขึ้นกันประวัติ
โน้ส อุดม เจ้าพ่อคอมเมดี้เมืองไทยอุดม เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) แต้พานิช มีชื่อเล่นเดิมว่า อู๊ด แต่รู้จักกันในชื่อ โน้ส มาจากคำว่า nose ที่แปลว่า จมูก เป็นฉายาที่เพื่อนตั้งให้แล้วเรียกกันจนติดปาก เนื่องจากเขามีจมูกที่โตและโดดเด่น โน้ส อุดม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2511 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรของคุณแม่ทองสุข อารีล้น กับคุณพ่อสมจิต แต้พานิช ครอบครัวมีเชื้อสายจีน มีพี่น้อง 3 คน โดยเขาเป็นลูกคนกลาง
หลังจากคุณพ่อของโน้สจากไปตั้งแต่เขาอายุได้ 6 ขวบ ทำให้ต้องย้ายตามคุณแม่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ โดยสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดศาลาลอย เทศบาล 2 (ปัจจุบันคือ โรงเรียนเทศบาล 2 “วิภัชศึกษา” จังหวัดสุรินทร์) และจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนสุรวิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งช่วงหนึ่งสมัยวัยรุ่น โน้สได้หนีออกจากบ้านมาอยู่กับญาติ ซึ่งเปิดร้านขายผลไม้อยู่ที่ชลบุรี
จากนั้นเขามาเรียนด้านศิลปะที่วิทยาลัยเพาะช่าง แต่เรียนได้เพียง 2 ปีก็ต้องออก เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ ก่อนจะมาเป็น โน้ส อุดม เขาทำงานอะไรมาบ้างถึงจะเรียนไม่จบ แต่ด้วยความถนัดและชื่นชอบในศิลปะ เป็นแรงผลักดันให้โน้สเริ่มทำงานแรกในชีวิต ด้วยการเป็นนักเขียนการ์ตูนที่นิตยสารชัยพฤกษ์การ์ตูน ได้ค่าวาด 150 บาท ต่อการ์ตูน 2 ช่อง โดยมีนามปากกาว่า “Note Namun” (โน้ต หน้ามึน)
ต่อมาเมื่อเขาได้อ่านนิตยสารไปยาลใหญ่ ฉบับแรกบนแผง ก็รู้สึกถูกใจในบุคลิกของหนังสือและอยากร่วมงานด้วย จึงไปสมัครเป็นพนักงานฝ่ายศิลป์ ทำหน้าที่ออกแบบจัดทำภาพปกและภาพประกอบต่าง ๆ นอกจากนั้นเขายังค้นพบความสามารถในการเขียน จนเกิดแรงบันดาลใจให้อยากเขียนหนังสือบ้าง
และแล้วงานเขียนเรื่องแรกของเขา “ครั้งหนึ่งในชีวิตกับแตงโมปั่น” ก็แจ้งเกิดที่นิตยสารไปยาลใหญ่นั่นเอง หลังจากงานได้ตีพิมพ์ เขาก็เริ่มรับผิดชอบคอลัมน์ต่าง ๆ โดยใช้นามปากกาว่า “โน้ตหน้ามึน หลานเจ๊นี้ขายผลไม้” ควบคู่กับตำแหน่งฝ่ายศิลป์ของหนังสือ ซึ่งต่อมาโน้สก็ผลิตผลงานเขียนของตัวเองมากถึง 21 เล่ม
ซึ่งบางเล่มยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศอีกด้วย เข้าสู่วงการบันเทิง จากการเป็นนักแสดงตลก
โน้ส อุดม พกพาความสามารถทางการพูดและเขียนเข้าสู่เส้นทางบันเทิง โดยเริ่มจากการเป็นตัวประกอบในรายการวิก 07 ของเจเอสแอล และอีกหลายรายการตามมา ดูหนัง ออนไลน์ จนผู้ใหญ่เห็นแววและประทับใจในลีลาจึงชักชวนมาร่วมงานในรายการ ยุทธการขยับเหงือก ซึ่งเป็นรายการ Comedian Show ที่ฮิตเป็นอันดับต้น ๆ ของช่อง 5 ในยุคนั้น ทำให้ โน้ส อุดม แจ้งเกิดในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวในชื่อ “เสนาฯ โน้ส”
นอกจากจะเป็นนักแสดงตลกและนักเขียนแล้ว เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) โน้สยังมีผลงานด้านอื่น ๆ ในวงการ เช่น การแต่งเพลง “แหล่หารสอง” ประกอบโฆษณา รวมพลังหารสอง จนฮิตติดหูไปทั่วประเทศ รวมถึงด้านการแสดง โดยเขาได้ฝากผลงานภาพยนตร์ไว้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กล่อง (2541) กำกับโดย ท่านมุ้ย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล, โคตรรักเอ็งเลย (2549), เมล์นรก หมวยยกล้อ (2550), อีติ๋มตายแน่ (2551), ฝันโคตรโคตร (2553) เป็นต้น
Paragon Hall STAND UP COMEDY that everyone has been waiting for. The record holder for selling out tickets for 39 rounds, the fastest at Thai Ticket Major. From his solo microphone work 1- 7.5, maintaining standards throughout the past 13 years is probably a guarantee of quality. and the abilities of this international standard comedian witty jokes The rhythm of the performance flows naturally through a cute perspective that everyone overlooks.
which is his signature Microphone 8 This time, Udom returns with a wealth of experience. With 8 solo tours from San Francisco, Los Angeles, New York with stories from travels in Korea, China, America, India, and not to be missed, the sequel to ART, the mother.
Views from ART, the mother, about ART, เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) the goofy, funny, and fun. Think about it with Udom Taephanich, number one ranked player for the 8th time at Royal Paragon Hall, 5th floor, Siam Paragon, February 4 – 16, 2010. For more information, please contact:
Thai Ticket Major Tel. 0-2262-3456 Thursday 4 – Tuesday 16 February 2010
Royal Paragon Hall 1-3, 5th Floor, Siam Paragon Shopping Center, organized by Pordeephanit Co., Ltd., is a solo performance that reflects Udom Taephanich’s thoughts and views on life, society,
and politics. Udom Taephanich uses comedy to criticize various problems in Thai society and to call on people in society to work together to solve those problems. This stand-up performance is considered one of the most successful stand-up shows in Thailand. and is considered an inspiration for many comedians to turn to stand-up comedy.
People often come across as a role model for how to live their lives. which must have a prototype I, too, appreciate my understanding. Note Udom Taephanich can be said to be my role model and direction from him. Because in your own beliefs there are always positives and negatives. Even I like to be curious about myself.I really like reading his books.
I read it over and over, I don’t know how many times. And we never remember because it touched my heart. I’ve lived in Chiang Mai since before I studied. I had no TV or radio. I lived in the dorm alone and had to rely on myself. เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) Read every day until absorbed. Many of his jokes I read until they became a part of my life during that time.
I remember the first time I was impressed by P’Note. That was when I was studying. Chiang Mai Vocational I was sitting on Thapae Walking Street (in those days, before it was changed to the moat) and saw Phi Note drunkenly writing on the floor doing Street Art. So I sat and watched him keep drawing. I also studied art, but I’m still confused about how beautiful it is.
But when it was finished, it was strangely beautiful, I remembered it well and talked with him. Ask him: Why don’t you laugh in real life like on TV? P’Not replied, “Actually, I’m not a funny person. But I made myself like this.” I was confused but it was very satisfying. Udom started his first job as a cartoonist in Chaiyaphruek. After doing it for two months, I resigned for the reason that it did not suit my liking. When I read the first edition of Paiyal Yai on the shelves,
I was pleased with the personality of the book. I want to work together too. The first time I went to apply for TRY OUT to be an actor in Sit Sadue’s drama. เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) With a child and a unique personality. So I got to work with Somjai’s disciple. Malai’s love in the ICU It was the first drama that I played. Played the role of an old man in a hospital After graduating from drama, I entered the book road. in the position of the art department of Paiyal Yai
Going to Yal Yai is considered a turning point in life. The society in Paiyalaya is all avid readers. Udom received this influence and came to discover another world of his own here. เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) is the world of reading And also discovered the ability to write books When rich, read a lot of books Therefore, I was inspired to write a book for others to read.
Once in a lifetime watermelon smoothie The first written work was born in Sanam Paiyal Yai, with Su Bunliang as the editor. After the work was published, Udom began taking responsibility for various columns in Paiyal Yai, using the pen name “Nose with a Dizzy Face,
Grandchild Nee Sells Fruit,” along with the position of the book’s art department. Anyone who is a fan of Paiyal Yai เดี่ยวไมโครโฟน 8 (2010) will probably be familiar with and be fascinated with the annoying games in the column ‘Sarapee has good things to do’. Udom becomes Sarapee at the end of the book before Payal Yai shuts down.
7.8