เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) ยังคงเน้นไปที่การเล่าเรื่องราวชีวิตและปัญหาต่างๆ ของโน้ต อุดม แต้พานิช แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายประการ
เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) ได้แก่ การแก่ชรา: โน้ต อุดม แต้พานิช ตระหนักว่าตัวเองกำลังแก่ลง เขาเริ่มคิดถึงสิ่งที่เขาเสียไปในชีวิต
การสูญเสีย: โน้ต อุดม แต้พานิช สูญเสียหลายสิ่งในชีวิต ทั้งความรัก มิตรภาพ และโอกาส เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะยอมรับการสูญเสีย การยอมรับตัวเอง: โน้ต อุดม แต้พานิช ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองในวัยที่เปลี่ยนไป เขาพบว่าตัวเองยังเป็นคนเดิมที่เต็มไปด้วยความฝันและเป้าหมาย
แอบถ่าย เดี่ยว 7 เป็นภาพยนตร์สารคดี/ตลก ออกฉายในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551 แบบจำกัดโรงที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเบื้องหน้า และเบื้องหลังการแสดงโชว์ เดี่ยวไมโครโฟน 7 ของอุดม แต้พานิช ผู้เป็นพี่ชายของสันติ แต้พานิช โดยใช้กล้องวิดีโอ และกล้องดิจิตอล โดยที่ตัวอุดม แต้พานิช เอง ก็ไม่ทราบว่าน้องชายตั้งใจจะถ่ายเพื่อนำมาตัดต่อเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008)
เป็นการแสดงเดี่ยวที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดและมุมมองของอุดม แต้พานิช เกี่ยวกับชีวิต สังคม และการเมือง อุดม แต้พานิช ใช้มุกตลกเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาต่างๆ ในสังคมไทย และเพื่อเรียกร้องให้คนในสังคมร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้น การแสดงเดี่ยวครั้งนี้ถือเป็นการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย
และถือเป็นแรงบันดาลใจให้นักแสดงตลกหลายคนหันมาแสดงเดี่ยวไมโครโฟนเป็นการแสดงเดี่ยวครั้งที่เจ็ดครึ่งของ อุดม แต้พานิช นักแสดงตลกชื่อดังของไทย การแสดงนี้จัดขึ้นที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 การแสดงเดี่ยวครั้งนี้ของอุดม แต้พานิช เป็นการแสดงเดี่ยวพิเศษที่เป็นการรวมเอาเนื้อหาบางส่วนจากการแสดงเดี่ยวครั้งที่ 7 มาแสดงอีกครั้ง อุดม แต้พานิช เล่าถึงช่วงเวลาที่เขาห่างหายจากการแสดงเดี่ยวไปนานถึง 5 ปี และพูดถึงความประทับใจที่เขาได้รับจากแฟนๆ ของเขา
เนื้อหาของการแสดงเดี่ยวครั้งนี้ของอุดม แต้พานิช แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่
ช่วงแรก: แนะนำตัวและประสบการณ์
ช่วงที่สอง: เล่าเรื่องตลก
ช่วงแรก: แนะนำตัวและประสบการณ์
ในช่วงแรก อุดม แต้พานิช เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวและเล่าถึงประสบการณ์ของเขาในวงการตลก อุดม แต้พานิช พูดถึงความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญในช่วงเริ่มต้นอาชีพนักแสดงตลก และพูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวงการตลกไทย
ช่วงที่สอง: เล่าเรื่องตลกในช่วงที่สอง อุดม แต้พานิช เล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัวของเขา เช่น ประสบการณ์สมัยเรียน ประสบการณ์การทำงาน และประสบการณ์ส่วนตัวอื่นๆอุดม แต้พานิช หรือ โน้ส เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2511 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรของนางทองสุข แต้พานิช มีพี่น้อง 3 คน เป็นคนกลาง ไม่สำเร็จการศึกษาจากแผนกวิชาพาณิชยศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง
เริ่มงานแรกเป็นคนเขียนการ์ตูนที่ชัยพฤกษ์ ทำได้สองเดือนก็ลาออกด้วยเหตุผลที่มันไม่ตรงกับใจเท่าไร เมื่อได้อ่าน ไปยาลใหญ่ ฉบับแรกบนแผงรู้สึกถูกใจในบุคลิกของหนังสือ อยากร่วมงานด้วย ครั้งแรกไปสมัคร TRY OUT เป็นนักแสดงละครของศิษย์สะดือ ด้วยลูกตื้อและบุคลิกที่ไม่เหมือนใคร จึงได้ร่วมงานกับศิษย์สะดือสมใจ ความรักของมาลัยในห้องไอซียู เป็นละครเรื่องแรกที่เล่น ได้รับบทเป็นคนแก่ในโรงพยาบาล จบจากละครก็ก้าวเข้าสู่ถนนหนังสือ ในตำแหน่งฝ่ายศิลปของไปยาลใหญ่
ที่ไปยาลใหญ่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต สังคมในไปยาลใหญ่ล้วนเป็นนักอ่านตัวยงด้วยกันทั้งนั้น
อุดมได้รับอิทธิพลนี้มาและได้มาค้นพบโลกของตัวเองอีกโลกหนึ่งที่นี่ คือโลกของการอ่าน แล้วยังค้นพบความสามารถในการเขียนหนังสือ เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) เมื่ออุดมอ่านหนังสือมากๆ จึงเกิดแรงใจอยากเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง ครั้งหนึ่งในชีวิตแตงโมปั่น งานเขียนเรื่องแรกแจ้งเกิดในสนามไปยาลใหญ่นั่นเอง
มี ศุ บุญเลี้ยงเป็นบรรณาธิการ หลังจากงานได้ตีพิมพ์ อุดม เริ่มรับผิดชอบคอลัมน์ต่างๆ ในไปยาลใหญ่ โดยใช้นามปากกาว่า “โน้สหน้ามึน ดูหนัง ออนไลน์ หลานเจ๊นี้ขายผลไม้” ควบคู่ตำแหน่งฝ่ายศิลปของหนังสือ ใครที่เป็นแฟนไปยาลใหญ่คงคุ้นเคยและติดอกติดใจกับเกมส์กวนๆ ในคอลัมน์ ‘สารภีมีดีให้’ อุดมเป็นสารภีในช่วงท้ายของหนังสือก่อนที่ไปยาลใหญ่จะปิดตัวเองลง
อุดมพาความสามารถเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิงโดยเริ่มจากเป็นตัวประกอบในรายการวิก 07 ของ เจเอสแอล และเล่นเกมส์รายการจุดเดือด เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) ทางผู้ใหญ่ในเจเอสแอลประทับใจลีลาจึงชักชวนมาร่วมงานด้วยในรายการ ยุทธการขยับเหงือก ซึ่งเป็นรายการ Comedian Show ที่มีความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของช่อง 5 ในยุคนั้น จึงทำให้อุดมได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงอย่าง เต็มตัวในชื่อ เสนาฯ โน้ส
และต่อมาในยุคอดีตนั้นเคยแสดงเป็นตัวปริศนาในภาพ VTR กับคุณหมี ปลื้มที่ใช้ชื่อว่า “ปริศนา อ้วน-ผอม” ในรายการชิงร้อยชิงล้าน ของบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ถึงต้นปี พ.ศ. 2535 ทางช่อง 7 หลัง
จากความสำเร็จในครั้งแรก อุดม แต้พานิช ได้ตัดสินใจแยกตัวออกมาจากรายการยุทธการขยับเหงือก และได้สร้างปรากฏการณ์ขึ้นในเมืองไทย นั่นก็คือ การพูดตลกคนเดียวบนเวที ทำให้คนไทย ได้รู้จักคำว่า Stand Up Comedy หรือ ในชื่อไทย เดี่ยวไมโครโฟน เป็นครั้งแรก
การแสดงเดี่ยวไมโครโฟนครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 และนี่ถือเป็นการเริ่มต้น ส่งผลให้ อุดม แต้พานิช ได้กลายเป็นตลกเดี่ยวชั้นแนวหน้าของประเทศ จนเกิด เดี่ยว 2, 3, 4, 5, 6,7 เป็นโชว์คนเดียวกับไมค์ ซึ่งมีคนรอบัตรและเข้าดูเป็นจำนวนมาก จนถึงกับต้องเปิดการแสดงติดต่อกันมากทุกครั้ง เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) ในประเทศนี้นอกจาก เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ แล้ว ก็เห็นจะมีเขานี่แหละที่ทำอย่างนั้นได้
Secretly Filmed Solo 7 is a documentary/comedy film. It was released on August 7, 2008 in limited release at the Lido Cinema. It’s a movie that was shot in front of you. and behind the scenes of the show Microphone 7 by Udom Taephanich,
Santi Taephanich’s older brother, using a video camera. and digital cameras Udom Taephanich himself did not know that his younger brother intended to take pictures and edit them into this movie. Stand-Up Microphone 7 (2008) is a stand-up comedy show that reflects Udom Taephanich’s thoughts and views on life, society,
and politics. Udom Taephanich uses comedy to criticize various problems in Thai society and to demand Let people in society work together to solve those problems. This stand-up performance is considered one of the most successful stand-up shows in Thailand. and is considered an inspiration for
many comedians to turn to performing stand-up comedy. It is the seventh and a half solo performance of Udom Taephanich, a famous Thai comedian. เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) This performance was held at the Chulalongkorn University Auditorium on February 24, 2008.
This solo performance by Udom Taephanich is a special solo performance that combines some of the content from his 7th solo performance. Once again, Udom Taephanich talks about his five-year hiatus from performing solo and talks about the Moviehd3 impression he received from his fans.
The content of this solo performance by Udom Taephanich is divided into 2 parts:
First phase: Introduce yourself and experience.
Part Two: Tell a Joke
First phase: Introduce yourself and experience.
In the first episode, Udom Taephanich begins by introducing himself and recounting his experiences in the comedy industry. เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) Udom Taephanich talks about the difficulties he faced at the beginning of his comedy career. and talks about the changes that have occurred in the Thai comedy industryPart Two: Tell a Joke
In the second segment, Udom Taephanich told funny stories about his personal experiences, such as his school experiences. Work experience and other personal experiences Udom Taephanich or Nose was born on September 1, 1968 in Chonburi Province. เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) He is the son of Mrs. Thongsuk Taephanich. He has 3 siblings. He is the middle one. He did not graduate from the Commercial Arts Department. Pohchang College
Started my first job as a cartoonist in Chaiyaphruek. After doing it for two months, I resigned for the reason that it did not suit my liking. When I read the first edition of Paiyal Yai on the shelves, I was pleased with the personality of the book. I want to work together too. The first time I went to apply for TRY OUT to be an actor in Sit Sadue’s drama.
With a child and a unique personality. So I got to work with Somjai’s disciple.
Malai’s love in the ICU It was the first drama that I played. Played the role of an old man in a hospital After graduating from drama, I entered the book road. เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) in the position of the art department of Paiyal Yai
Going to Yal Yai is considered a turning point in life. The society in Paiyalaya is all avid readers. Udom received this influence and came to discover another world of his own here. is the world of reading And also discovered the ability to write books When rich,
read a lot of books Therefore, I was inspired to write a book for others to read. Once in a lifetime watermelon smoothie The first written work was born in Sanam Paiyal Yai, with Su Bunliang as the editor. After the work was published, Udom began taking responsibility for various columns in Paiyal Yai,
using the pen name “Nose with a Dizzy Face, Grandchild Nee Sells Fruit” along with the position of the book’s art department. Anyone who is a fan of Paiyal Yai will probably be familiar with and be fascinated with the annoying games in the column
‘Sarapee has good things to do’. Udom becomes Sarapee at the end of the book before Payal Yai shuts down.Udom took his talents to the entertainment path, starting with a supporting role in JSL’s Vic 07 and playing in the game program Boiling Point. The adults
in JSL were impressed with Leela and invited her to join them in the program. Gum shifting strategy It was a Comedian Show that was เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) one of the most popular on Channel 5 at that time, making Udom a star in the entertainment industry. Her full name was Sena Nose, and later in the past, she used to act as a mystery character in a VTR picture with Khun Mee. She was delighted to use the name
“Prisana Fat-Slim” in the Ching Roi Ching Lan program of the Workpoint Entertainment Company. Company Limited from 1990 to early 1992 on Channel 7. After the first success, Udom Taephanich decided to separate himself from the program
“Battle of the Moving Gums”. And has created a phenomenon in Thailand, that is, comedy alone on stage, causing Thai people to know the term Stand Up Comedy, or in the Thai name stand-up comedy, for the first time.
The first stand-up comedy show was held in 1995, เดี่ยวไมโครโฟน 7 (2008) and this was the beginning, resulting in Udom Taephanich becoming the country’s leading stand-up comedian until the birth of Solo 2, 3, 4, 5, 6. ,7 is a show by the same person as Mike.
There were a lot of people waiting for tickets and viewing. To the point of having to perform many shows in succession every time. In this country, aside from Bird Thongchai McIntyre, it seems that he is the only one who can do that.
7.1