Robocop 1 (1987) โรโบคอป ภาค 1
เรื่องย่อ
ดูหนัง ออนไลน์ ตำรวจผู้เคร่งครัดรายหนึ่งถูกสังหารโดยกลุ่มคนร้าย เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งจากฝีมือของวิทยาศาสตร์พัฒนาการล้ำลึก กลายเป็นไซบอร์กนักปราบอธรรมนาม โรโบคอป
ผู้กำกับ
- พอล เวอร์โฮเวน
บริษัท ค่ายหนัง
นักแสดง
- ปีเตอร์ เวลเลอร์
- แนนซี อัลเลน
- แดเนียล โอเฮอร์ลีย์
- รอนนี ค็อกซ์
- เคิร์ทวูด สมิธ
- มีเกล เฟร์เรร์
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
สมาชิกหมายเลข 810362
Robocop 1 (1987) โรโบคอป ภาค 1
มาดูกันว่าทำไม Robocop ปี 1987 ถึงสนุกกว่า Robocop ปี 2014
ไปดูมาแล้วนะครับ Robocop ภาค reboot อันใหม่ล่าสุด ก็ทำออกมาใช้ได้นะครับ มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหา ฉากหลังให้มันทันกับยุคสมัยมากขึ้น มีการพูดถึงความเป็นโรโบคอป หรือการสร้างโรโบคอป ที่มีรายละเอียดซับซ้อนมากขึ้น และยังมีอารมณ์การเสียดสีระบบองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มุ่งหวังทำผลกำไรสูงสุด และแสวงหาอำนาจเหนือภาครัฐ เช่นการครอบงำกิจการตำรวจ และยังมีพาดพิงถึงระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และสื่อมวลชนเลือกข้างที่คิดว่าตัวเองถูกไปซะทุกเรื่อง ก็ถือว่าเป็นหนังที่ทำออกมาพอใช้ได้ ผ่าน
แต่ถ้านำไปเทียบกับ Robocop ปี 1987 ก็ต้องบอกว่าระดับความสนุก ยังต่างกันอยู่มาก ชั้นเชิงในการถ่ายทอดเรื่องราวนี่คนละระดับเลย
เรามาดูกันว่า มีตรงไหน ที่ Robocop ปี 1987 ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก และสิ่งเหล่านี้กลับไม่มีให้เห็นใน Robocop ปี 2014
– เมืองดีทรอย์ท ใน Robocop ปี 1987 ดูอันตราย เสื่อมโทรม จริง ดูยังไงๆก็ไม่ปลอดภัยเลย ไม่ว่าถนนหนทางที่สกปรก หรือบรรยากาศวุ่นวายในโรงพัก ที่มีแต่ผู้ต้องหา คนดูรับรู้ได้ว่าเมืองนี้ ตำรวจธรรมดาเอาไม่อยู่แล้ว จำเป็นต้องมีโรโบค็อป แต่ใน Robocop ปี 2014 เราจะเห็นตัวละครหลายๆคนพูดย้ำอยู่นั่นแหละ ว่าต้องมีโรโบค็อปเพื่อความปลอดภัย เพื่อปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ แต่เท่าที่เราเห็นในเรื่อง บ้านเมืองก็ดูสงบสุขดีนะ โรงพักก็ดูเรียบร้อย สวยงาม ไม่เห็นมันจะดูอันตรายตรงไหนเลย เราเลยไม่สามารถรับรู้ได้ว่า โรโบค็อปมีความจำเป็นตรงไหน
– Robocop ปี 1987 มีการเสียดสีระบบทุนนิยมที่ชัดเจนและถึงลูกถึงคนกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในองค์กรธุรกิจ ความเห็นแก่ตัวของคนในบริษัท รวมไปถึงประชาชนตัวประกอบที่มุ่งแต่จะหาแต่เงิน ในขณะที่ Robocop ปี 2014 ได้แค่พูดถึงเบาๆ
– Robocop ปี 1987 มีอารมณ์ขันที่ตลก และร้ายกาจ มุกตลกหลายอย่างมาจากตัวโรโบคอปเอง ซึ่งมาจากการที่โรโบคอปถูกป้อนโปรแกรมให้รักษากฎหมายอย่างซื่อตรง จนหลายๆครั้งก็เถรตรงกับเรื่องเล็กน้อยจนเป็นเรื่องขบขัน น่าเสียดายที่อารมณ์ขันตรงนี้ ไม่มีให้เห็นใน Robocop ปี 2014 เลย
– Robocop ปี 1987 มีเรื่องที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เราเอาใจช่วย โดยหลักเลยคือเขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือตำรวจคนหนึ่ง เพราะโรโบคอปถูกต่อต้านจากตำรวจส่วนใหญ่ เพราะความกลัวว่าโรโบคอปจะมาแทนที่ตำรวจ ทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ดูไม่มีค่า ดังนั้นโรโบคอปจึงต้องพยายามทำให้ตำรวจๆคนอื่นทั้งในโรงพักและกรมตำรวจเชื่อใจ และยอมรับตัวเขาในฐานะตำรวจคนหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องจักร ประเด็นตรงนี้ก็แทบจะไม่มีให้เห็นใน Robocop ปี 2014
– แม้ Robocop ปี 1987 จะไม่ได้มีเอฟเฟค หรือ CG อะไรมาช่วยในฉากแอคชั่น แต่มันก็ดูมันส์สะใจ เพราะความรุนแรงเลือดสาด ที่ทำให้ได้ เรท R ในขณะที่ฉากแอคชั่นใน Robocop ปี 2014 ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เท่าไร แค่ฉากยิงกันเฉยๆ
– Robocop ปี 1987 มีตัวร้ายหลัก ตัวร้ายรอง ที่ชัดเจน ทำให้ส่วนของการต่อสู้ของโรโบคอปมีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ Robocop ปี 2014 ดูเหมือนจะไม่มีคนร้ายสักคน ทำให้หนังดูเหมือนไม่มีจุดหมายที่ปลายทาง เพราะเราไม่รู้ว่าโรโบคอปกำลังสู้กับใคร เพราะอะไร
– Robocop ปี 1987 มีดนตรีประกอบที่ฟังติดหู เท่ แต่ใน Robocop ปี 2014 เหมือนใช้ดนตรีประกอบไม่ค่อยเป็นเท่าไร หลายๆเพลงเหมือนมาผิดจังหวะ แต่มีการนำดนตรี theme จาก Robocop ปี 1987 มาใช้นิดหน่อย จริงๆใช้เยอะๆก็ได้
ว่าแล้ว ก็อยากไปหา DVD Robocop ปี 1987 มาดูอีกจังเลย ถ้าใครยังไม่เคยดู ขอแนะนำครับ มันส์มาก และทันสมัย เรียกได้ว่าเอามาฉายโรงเก็บเงินค่าตั๋วอีกรอบยังได้เลย
หนังโปรดของข้าพเจ้า
RoboCop (1987)
Genre: Action, Crime, Sci-fi
Director: Paul Verhoeven
Writers: Edward Neumeier, Michael Miner
ผมจำความถึงหนังเรื่องนี้ได้แค่ว่าสมัยเด็ก ๆ ก็กรี๊ดโรโบคอปเหมือนกัน ส่วนเนื้อเรื่องนี่จำอะไรไม่ได้เลย ด้วยความที่หนังฉบับ remake กำลังจะเข้าฉายต้นปีหน้า วันนี้ผมจึงขอหยิบมานั่งดูเสียหน่อยว่าสนุกแค่ไหน
เมื่อองค์กรตำรวจในอนาคตบริหารงานโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ พวกเขาได้พัฒนาหุ่นยนต์ต่อต้านอาชญากรรมเพื่อทำหน้าที่เสมือนเป็นตำรวจ รุ่นแรกถูกพัฒนาโดยดิ๊ก (Ronny Cox) ซึ่งมันยังมีข้อผิดพลาด ทำให้บ๊อบ (Miguel Ferrer) ถือโอกาสสวมรอยทำงานแทนและพัฒนาโรโบคอปขึ้นมาโดยใช้ศพของเมอฟีย์ (Peter Weller) มาประกอบเข้ากับโลหะเป็นโรโบคอป
บทหนังในสายตาผมให้สอบตกครับ ถ้าพูดถึงพล๊อตเรื่องอาจจะพอให้ผ่านหวุดหวิดได้แต่พอนำเสนอออกมาผมให้สอบตกครับ อย่างเรื่องตำรวจบุกจับกุมตัวร้ายพลาดโดนยิงตายกลายเป็นโรโบคอปนี่ก็ขาดความน่าเชื่อถือ ตำรวจสองคนบุกจับคนร้ายที่มีมากกว่า ยังไม่นับตอนโดนยิงที่บ้าคลั่งความรุนแรงอย่างฟุ่มเฟือยตลอดทั้งเรื่อง ฉากโรโบคอปหาตัวร้ายนี่ก็หาเจอง่ายเหลือเกิน แล้วพอมีฉากดวลระหว่างตัวร้ายกับโรโบคอปนี่ก๊องแก๊งเหลือเกิน พวกฉากแอ๊คชั่นนี่ก็บ้าใช้งานกระสุนปืนเหลือเกิน
อีกอย่างที่ไม่ค่อยชอบคือมุกฉากแอ๊คชั่นทั้งหลายและฉากความรุนแรงที่หนังหยิบมาใช้มันไม่ค่อยมีคลาสเลย เอะอะยิงกระสุนใส่โรโบคอปซ้ำ ๆ แทบจะทุกฉาก ฉากบู๊แต่ละอันทำไม่ได้มีความมันอะไรเลย
ไม่ค่อยอยากพูดถึงเยอะครับ โดยรวมแล้วไม่ประทับใจครับ
5.5/10
Jackobot
[CR] รีวิว Robocop ชอบประเด็นที่หนังเอามาเล่า แต่ไม่ชอบวิธีการเล่าเรื่องที่น่าเบื่อ และพระเอกที่แข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์
Robocop คืออะไร ผมไม่รู้จักครับ ตำรวจเหล็กอะไร หูยยย โบราณณณณ
…….
(จริงๆก็เกิดพร้อมๆกับโรโบคอปนั่นแหละ อิอิ)
Robocop เป็นหนัง Remake (หรือ Reboot กันแน่ เพราะจำภาคเก่าไม่ได้ละ นานเกิน) ของหนังตำรวจ Cyborg หรือครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์ ที่โด่งดังมากในปี 1987 ครับ
สำหรับในเวอร์ชั่นใหม่ ก็มีการอัพเกรดตัว Robocop ตามเทคโนโลยีที่ล้ำยุค ทำให้โรโบคอปเวอร์ชั่นใหม่ก็ทันสมัย ปราดเปรียว ไม่แข็งเป็นหุ่นกระป๋องเหมือนเวอร์ชั่นแรกๆ
เนื้อเรื่องและการนำเสนอเรื่องราวของโรโบคอปเป็นอะไรที่แหวกกระแสยุคหนังซุปเปอร์ฮีโร่ครองแผ่นดินในเวลานี้ เพราะโรโบคอปไม่ได้เล่าเรื่องของความสามารถอันล้ำเลิศของมนุษย์หุ่นยนต์ในแบบโทนี่สตาร์คที่ออกเหาะเหินเดินอากาศลุยกับเหล่าร้ายในระดับเหนือมนุษย์ แต่หนังเน้นประเด็นในเรื่องของศีลธรรม มนุษยธรรม ในการใช้หุ่นยนต์ที่ไร้จิตใจมาดูแลมนุษย์ รวมถึงการนำมนุษย์มาใช้เป็นหุ่นยนต์อย่างผิดศีลธรรม และเล่าเรื่องประชด-ดันประเทศที่อ้างตัวเองเป็นมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้อย่างแสบๆคันๆ (ช่วงหลังอเมริกานี่โดนนักสร้างหนังสัญชาติอเมริกาเอง-ดันประเทศตัวเองอยู่บ่อยครั้ง) เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้จึงอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแอ๊คชั่นระเบิดภูเขาเผากระท่อมสักเท่าไหร่นักครับ แต่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบหนังแนว Sci-fi ดราม่า ที่มีแอ๊คชั่นประปรายซะมากกว่า ซึ่งผมชอบมากๆเลยนะครับที่หนังเล่าเรื่องในแนวนี้มากกว่าเน้นแอ๊คชั่น เพราะกำลังอยู่ในช่วงเบื่อคุณพี่มนุษย์เตารีดพอดี
แต่น่าเสียดายมากๆที่ต่อให้เรื่องนี้มีประเด็นที่น่าสนใจมากๆจะนำมาเล่า แต่การเล่าเรื่องของผู้กำกับมันแบนราบ และไร้ซึ่งอารมณ์มากๆ หนังเล่าเรื่องได้ไม่ราบรื่นและไม่น่าสนใจ ดูวกวน วนเวียนอยู่ในประเด็นเดิมๆไม่ไปถึงไหน แถมเนื้อเรื่องที่ควรจะดราม่าก็ทำไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูได้ อีกทั้งๆหลายๆฉากที่ดูมึนๆอารมณ์แบบตัวละครคุยจบ แต่คนดูอารมณ์ไม่จบ ไม่ใช่อารมณ์สงสัย หรืออยากรู้ แต่เป็นอารมณ์ “แล้วยังไง” ซึ่งมีอยู่มากมายหลายฉาก และที่น่าบ่นมากๆคือการเลือกตัวพระเอก Joel Kinnaman มารับบทโรโบคอป ที่เล่นบทบาทได้แข็งทื่อราวกับเป็นหุ่นยนต์จริงๆ ไม่ว่าจะตอนเป็นบทมนุษย์หรือตอนเป็นบทโรโบคอป มันทำให้ช่วงที่สำคัญที่สุดของหนังในตอนที่ตัวพระเอกถูกดัดแปลงจนแทบจะกลายเป็นหุ่นยนตร์เสียของเอามากๆ เพราะในช่วงนี้มันเป็นช่วงที่ประเด็นเรื่องศีลธรรม และมนุษยธรรมควรจะสร้างความช็อคและความตระหนกให้กับคนดูแรงๆได้ แต่คนดูก็กลายเป็นว่าเห็นจากคนๆหนึ่งที่ปกติก็ไร้อารมณ์เหมือนเป็นหุ่นยนต์อยู่แล้ว กลายเป็นหุ่นยนต์ปกติไปเท่านั้นเอง สุดท้ายด้วยความที่หนังไม่เน้นการนำเสนอฉากแอ๊คชั่น ก็ทำให้ฉากแอ๊คชั่นที่น้อยมากอยู่แล้ว แถมไม่มีชั้นเชิงอะไรมาเป็นจุดอ่อนของหนังเพิ่มขึ้นอีกชั้น
ยังดีครับที่หนังช่วงท้ายๆประมาณ 25 นาทีสุดท้ายของหนังยังพออุ้มหนังให้ไปรอดได้พอสมควร ด้วยการขมวดปมของเรื่องราวให้พอดูตื่นเต้น ลุ้น และยังพอเปิดทางให้เล่าเรื่องต่อไปในหนังภาคต่อได้ และที่ผมชอบที่สุดเป็นบทบาทของคุณพี่ samuel l jackson ที่เล่นเป็นนักข่าวไร้จรรยาบรรณได้ฮา และประชดประชันโลกสื่อมวลชนได้โคตรแสบ ดูแล้วนึกถึงนักข่าวผู้หลงรักหมีแพนด้าบางคน
เอาเป็นว่าใครอยากดูแอ๊คชั่นโครมครามอาจจะผิดหวัง (หนักๆเลยล่ะครับ) แต่ถ้าดูเอาเนื้อเรื่องก็พอไปวัดไปวาได้ แต่จะดูก็ได้ ไม่ดูก็น่าเสียดายอะไรครับ
>> C+ <<<
7.1