ดูหนัง Murder on the Orient Express (2017) ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส
เรื่องย่อ
เป็นภาพยนตร์ลึกลับ/ระทึกขวัญ เรื่องราวว่าด้วยคดีฆาตกรรมผู้โดยสารคนหนึ่งบนรถไฟสายด่วนพิเศษที่กำลังเดินทางจากเมืองอิสตันบูลไปยังกรุงลอนดอน โดยยอดนักสืบแอร์กูล ปัวโรต์ ที่ร่วมขบวนมาด้วยได้ถูกขอให้ทำหน้าที่แก้ไขปริศนาสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมก่อนที่รถไฟด่วนพิเศษจะถึงที่หมาย ซึ่งคนร้ายที่เป็นผู้โดยสาร 1 ใน 13 คนที่ร่วมเดินทางมาในขบวนนี้ ก่อนที่คนร้ายตัวจริงจะหลุดหนีลอยนวลไป เมื่อปัวโรต์สืบสาวราวเรื่องก็พบเหยื่อคือฆาตกรฆ่าเด็กที่หนีกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายมาจากสหรัฐอเมริกา และแรงจูงใจในการฆาตกรรมในครั้งนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีนั้นอีกด้วย
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง Murder on the Orient Express (2017) ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส หนังประเภท Crime อาชญากรรม เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูหนัง ออนไลน์ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
Kenneth Branagh
บริษัท ค่ายหนัง
- Kinberg Genre
- The Mark Gordon Company
- Scott Free Productions
นักแสดง
- เคนเนธ บรานาห์
- เปเนโลเป กรุซ
- วิลเลม เดโฟ
- จูดี้ เดนช์
- จอห์นนี เดปป์
- จอช แกด
- เดเรก แจโคบี
- เลสลี โอดอม จูเนียร์
- มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์
- เดซี ริดลีย์
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
หนังโปรดของข้าพเจ้า
Murder on the Orient Express (2017) สามารถดูได้ใน Disney+ Hotstar
• เฉลยแล้วมองเหม่อเลย แผนมันเล่นใหญ่เว่อร์วังมาก แต่การเล่ามันมีปัญหาตรงการเชื่อมคดีเก่าเข้าหาปัจจุบันที่เล่าทื่อเกิน
• รู้สึกว่าพล็อตที่จากสร้างนิยายของ อกาธา คริสตี้ เรื่องนี้ มันไม่ค่อยเหมาะจะสร้างเป็นหนังความยาวไม่ถึง 2 ชั่วโมงสักเท่าไร เพราะสเกลมันต้องแฟลชแบ็กเยอะถึงจะอินตาม ถ้าเป็นซีรีส์อาจจะเข้มข้นกว่านี้แต่ก็อาจหาวได้ ฮ่าๆ
• เทียบแล้วเลยกลายเป็นงานจากนิยายอกาธา คริสตี้ ที่ห่างไกลจาก And Then There Were None และ Witness for the Prosecution เหลือเกิน
• พลังดาราที่ขนมาไม่ค่อยช่วยอะไร มาทั้งจอห์นนี เดปป์, เพเนโลปี้ ครูซ, มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์, จูดี เดนซ์, โอลิเวีย โคลแมน, วิลเลม เดโฟ, เดซี ริดลีย์, และเคนเนธ บราน่าห์ ที่เล่นเองกำกับเอง
พล็อตสั้น ๆ คือเกิดเหตุฆาตกรรมบนรถไฟสายด่วน บังเอิญ ‘นักสืบปัวโรต์’ (Kenneth Branagh) อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยพอดี เขาจึงเริ่มทำการสืบด้วยตัวเอง ก่อนจะพบว่าผู้ตายเป็นคนร้ายในคดีลักพาตัวและฆาตกรรมเด็ก
แผนฆาตกรรมจากงานเขียนของอกาธา คริสตี้ แม้จะผ่านไป 80 ปี ก็ยังไม่ตกยุค ขนาดเราย้อนไปดูงานยุค 40’s แบบ And Then There Were None ยังรู้สึกว่าพล็อตไม่เชยแม้แต่นิดเดียว (พล็อตคน 10 คนบนเกาะปิดตายไม่มีทางออก แต่แล้วคนบนเกาะค่อย ๆ ทยอยตายทีละคน) เช่นเดียวกับ Murder on the Orient Express ที่สร้างจากงานเขียนปีค.ศ. 1934 มาดูในวันนี้ก็ยังน่าทึ่งอยู่ มีความซับซ้อน มีลูกล่อลูกหลอก แม้แผนฆาตกรรมจะเล่นใหญ่ไปหน่อยก็ตาม
ปัญหาของหนังจึงไม่ใช่ตัวพล็อตที่เป็นแผนฆาตกรรม แต่เป็นการเล่าเรื่องภายในเวลาจำกัด จนต้องหั่นจุดที่ทำให้คนดูสามารถคล้อยตามง่ายออกไปเยอะ คดีฆาตกรรมในปัจจุบันมันดันไปเชื่อมโยงกับคดีลักพาตัวเด็กในอดีต แล้วผู้โดยสารแต่ละคนก็เหมือนจะเกี่ยวข้องกับคดีในอดีตทางใดทางหนึ่งกันหมด หนังมันแทบไม่ได้ให้เวลาและพื้นที่กับคดีในอดีต อยู่ดี ๆ จะให้คนดูร้องอ๋อตามตัวละครก็ไม่ใช่ คนดูแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคดีลักพาตัว นอกจากที่ฟังจากปากปัวโรต์เล่าแตะ ๆ นิดเดียว พอมันเฉลยค่อย ๆ เปิดเผยคนที่เกี่ยวข้องกับคดีในอดีตผ่านปากผู้ต้องสงสัยก็แอบเกาหัวละ ถ้าจะโยงกันเบอร์นี้ก็ช่วยแฟลชแบ็กเล่าอะไรมากกว่านี้หน่อยเถอะพ่อคุณ
ดูเอาแค่พอเป็นงานของอกาธา คริสตี้ แบบอย่าไปหวังการดำเนินเรื่องเยอะ หรือใครจะนั่งดูดาราก็ได้
Director: Kenneth Branagh (ผู้กำกับ Thor, Cinderella)
novel: Agatha Christie
screenplay: Michael Green
Genre: crime, mystery
6.5/10
The Spinoff – เดอะ สปินออฟ
🍿 รีวิวหนังลำดับที่ 60 • 𝗠𝘂𝗿𝗱𝗲𝗿 𝗼𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗢𝗿𝗶𝗲𝗻𝘁 𝗘𝘅𝗽𝗿𝗲𝘀𝘀 (2017)
🍿• 8.5/10
❝ เมื่อรถไฟขบวนหรูได้การฆาตรกรรมอย่างปริศนา “แอร์คิว โพโล” สุดยอดนักสืบหัวใสที่บังเอิญเดินทางมาด้วย จึงได้เปิดสำนวนคดีนอกสถานที่ ท่ามกลางผู้ต้องสงสัยทั้ง 13 คน การสืบสวนสุดซับซ้อนนี้จึงเริ่มต้นขึ้น ❞
🎬 • จากนิยายนักสืบสุดคลาสสิคสู่ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนสุดอลเวง เนื้อเรื่องหลังจะเป็นการไขคดีที่มีผู้ต้องหาถึง 13 คน แต่ละคนจะมีประวัติและอาชีพที่แตกต่างกันไป ทำให้การเล่าเรื่องสนุกและหลากหลายมาก หนังจะมีการไขคดีที่พลิกแพลง ผ่านคาแรคเตอร์นักสืบที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ จะหยิบจับอะไรก็ล้วนแต่ตีความได้ทั้งนั้น หนังจะมีปริศนาที่น่าสนใจมาก ทำให้เราต้องคิดตามตัวละคร และแน่นอนว่าเมื่อเราดูเนื้อเรื่องแนวนี้ เราต้องเกิดความสงสัยหมายหัวฆาตกรเอาไว้ ซึ่งมักจะผิดเสมอ การหยิบยกทฤษฎีนักสืบมาใช้ การพิสูจน์หลักฐานและการสอบปากคำแต่ละคร ทำได้น่าทึ่งมาก ทุกอย่างจะเชื่อมโยงกันอย่างเหลือเชื่อ การเล่าเรื่องทำได้ดีมากๆ ข้อเสียอย่างเดียวคือบางอย่างไม่เจาะรายละเอียดเท่าที่ควร ทำให้รู้สึกว่าบางประเด็นขาดหายไป แต่ไม่ได้ส่งผลกับความสนุกเลย
🎥 • หนังจะเซ็ทขึ้นในปี 1934 รูปแบบของบรรยากาศต่างๆจะเป็นหนังย้อนยุคที่ทำออกมาสวยมาก ฉากภูเขาหิมะ รถไฟทุกอย่างอลังการมาก งานภาพสวยมาก
🎟️ • หนังแนวสืบสวนสอบสวนไขคดีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดเลย หนังไม่น่าเบื่อ ดูแล้วเต็มอิ่มสนุกใช้ได้ ภาพสวย ตอนจบหักมุมพอสมควร ดูพากย์ไทยเต็มไปได้แล้วที่
Wasant Tong Suthanyaphruet
Murder on the Orient Express (2017)
.
เป็นเรื่องน่าเศร้าเสมอกับการดัดแปลงนิยายชั้นดี ให้ออกมาท่าดีทีเหลวในรุปแบบภาพยนตร์ ทั้งที่ผลงานชิ้นนี้ของ Agatha Christie คือหนึ่งในวรรณกรรมที่ดีที่สุดของเธอ ซึ่งเมื่อคราวถ่ายทอดเป็นเวอร์ชั่นหนังในปี 1974 มันยังเคยได้รับการยอมรับจากคอหนังและนักวิจารณ์.. สื่อชัดเจนว่าวัตถุดิบที่ดีไม่ได้การันตีว่าผลลัพธ์จะออกมาสวยหรูเสมอไป มันต้องอยู่ที่คนปรุงแต่งจะมีวิสัยทัศน์รึเปล่าด้วย Kenneth Branagh เดิมก็ไม่ใช่ผุ้กำกับไร้ฝีมือแต่อย่างใด ทว่าการตีความในครั้งนี้เป็นอะไรที่ทำร้ายตัวเองจริงๆ เนื่องมั่นใจว่าองค์ประกอบรายล้อมทั้งหมดจะผสมผสานเข้ากันได้ ภาพรวมของตัวหนังค่อนข้างมีความล้นๆจากความพยามจะเยอะอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะงานภาพและเสียงที่สวยในแบบโฉ่งฉ่าง บุคลิกและลักษณะของตัวละครที่ปั้นแต่งเกินควร ทิศทางและการนำเสนอในแบบโน้มน้าวและชี้นำคนดู บลาบลา..
ส่งผลให้เวอร์ชั่นล่าสุดขาดเสน่ห์และชั้นเชิงในการเล่าเรื่องที่ดี แม้ว่าผุ้กำกับจะให้สำคัญกับตัวละครหลัก Hercule Poirot ที่เจ้าตัวสวมบทบาทด้วยตนเอง ตลอดจนการคัดเลือกทีมนักแสดงชั้นดีมารวมกัน แต่แทบทุกตัวละครก็อยู่ในสถานะรอการคลี่คลายปมเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนช่วยนำพาเนื้อหาให้ไต่ระดับความน่าสนใจเท่าไหร่นัก ลองนึกย้อนกลับไปจึงจดจำรายละเอียดของเขาและเธอได้อย่างละนิดละหน่อย โชคดีที่ไคล์แม็กซ์สุดท้ายช่วยให้เราไม่พาลนึกถึงคำว่า”เสียของ”จากซีนโชว์การแสดงของหลายๆคนได้บ้าง.. โดยตรงข้ามกับตัวเอกของเรื่องที่จัดเยอะพอๆกับกลวิธีบิ้ลๆอารมณ์ทั้งหลายที่ไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น เพราะพาลให้สูญเสียคลาสและรสนิยมที่ควรจะมีไปจน(เกือบ)หมดสิ้น หากจับต้องในความโดดเด่นได้ที่สุดก็คงเป็นธีมและประเด็นชั้นเลิศ ที่ได้รับอนุเคราะห์จากนิยายต้นฉบับมาแต่ทีแรก ก็เท่านั้นเอง !!…..
Movies Delight Club
Murder on the Orient Express (Kenneth Branagh, 2017)
คะแนน C+
“เรื่องราวคดีฆาตกรรมบนขบวนรถไฟสุดหรูกับการไขปริศนาที่คาดไม่ถึง” จากหนังสือนิยายสืบสวนสุดอมตะสู่โลกภาพยนตร์อีกครั้ง ‘Murder on the Orient Express’ พาเราไปตามติดชีวิตนักสืบ ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ ในการตามหาคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในขบวนรถไฟด่วนสายยุโรปท่ามกลางความเหน็บหนาว ภาพยนตร์กำกับโดย ‘เคนเน็ธ บรานาห์’ รับบทเป็น ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ ตัวละครเอกของเรื่อง เรียกว่าเป็นทุกอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย พร้อมด้วยดาราดาวดังมากมายมาร่วมสบทบกันอย่างเนืองแน่น อาทิ จอห์นนี่ เดปป์, มิเชล ไฟเฟอร์, เดซี่ ริดลี่ย์, วิลเลม เดโฟ, จูดี้ เดนช์ ภายใต้การสืบคดีหาคนร้าย ‘ปัวโรต์’ ต้องพบเจอกับปริศนาที่ชวนสงสัยมากมายพร้อมทั้งพูดคุยสอบปากคำเหล่าผู้โดยสายแต่ละคนที่มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังซับซ้อน ใครกันแน่คือคนร้าย? คงต้องไปตามดูกันเอาเอง ด้วยการที่ตัวหนังมีต้นฉบับเป็นหนังสือนิยายชั้นยอดของ ‘อกาธา คริสตี้’
จึงทำให้ไม่ว่างานนี้จะถูกนำมาปรับแต่งหรือตีความออกมาใหม่ยังไง ภาพรวมทั้งหมดก็ยังคงมีข้อความที่ดีในตัวของมันเอง สำหรับการตีความครั้งนี้ของ ‘เคนเน็ธ บรานาห์’ จึงไม่ใช่การทำให้เรารู้สึกนั่งดูภาพยนตร์แนวสืบสวนที่ตื่นเต้น+เร้าใจ แต่เป็นการพาเราไปสำรวจภาวะตัวตนของ ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ นักสืบที่ยกตนว่าเก่งที่สุดในโลก กับการเรียนรู้และเข้าใจ+ยอมรับเงื่อนไขบางอย่างของความยุติธรรม ที่ถูก ‘เคนเน็ธ บรานาห์’ รังสรรค์ตีความออกมาใหม่จนเล่นใหญ่เกินความจำเป็น ทั้งการแสดงที่ล้นจนมากเกินทำให้จังหวะของหนังขาดสมดุล หรือวิธีเฉลยปมปริศนาก็จัดใหญ่จนกลายเป็นละครดราม่าที่ไม่เข้ากับหนังนักสืบเท่าไหร่ แถมยังไม่รู้สึกตื่นตะลึงในช่วงนาทีบีบคั้นอีกด้วย จุดนี้จึงทำให้ตัวงานค่อนข้างที่จะเรียบเฉยไปนิดทั้งที่มีนักแสดงมากฝีมือหลายคนแต่ก็ไม่ได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดูหวาดระแวงต้องสงสัยมากเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ภายนอกของ ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ ในฉบับนี้ค่อนข้างที่จะมีเสน่ห์อยู่พอสมควร (ชอบหนวดที่ยาวเป็นไม้กวาดทางมะพร้าวจริงๆ)
.
ปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับเราคือการกำกับของ ‘เคนเน็ธ บรานาห์’ ที่พยายามจะใส่วิธีการสำรวจตัวละครและเชิดชูตัวละครในตอนท้ายเรื่อง จนทำให้ ‘ปัวโรต์’ ในฉบับนี้มีความตื้นเขินในการไขคดี เพราะหนังมุ่งเน้นไปที่การสำรวจภาวะทางความคิดของตัวละครต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากกว่า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีเพียงแต่ว่า การตัดสลับภาพนั้นรวดเร็วเกินไปจนทำให้ข้อความต่างๆของหนังผิดที่ผิดทางไปหมด รวมทั้งไม่มีความไหลลื่นต่อเนื่องกัน วิธีการเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆและการสร้างบริบทต่างๆไม่สามารถทำให้เราสะเทือนต่อพล็อตเรื่องที่วางไว้ได้ สิ่งที่ทำให้เรามีส่วนร่วมไปกับภาพยนตร์ก็คือมุมกล้องที่หนังใช้นั้นดีพอที่จะทำให้เรากลายร่างเป็นผู้สังเกตการณ์ทั้งมุมสูง+มุมแคบหรือมุมลึก ในขณะเดียวกันนั้นเองบางมุมเราที่เป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นคนถูกสอบสวนไปขณะเดียวกัน จุดนี้จึงทำให้เราพอที่จะรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน เพราะถ้าหวังเพียงการตามสืบคดีอย่างเดียว ที่ค่อนข้างทำแบบเนิบช้าจนผิดวิสัยหนังแนวสืบสวนทั่วๆไป งานนี้คงมีหลับกันไม่มากก็น้อยเป็นแน่ นอกจากมุมกล้องที่ดีแล้ว งานภาพพื้นหลังยังสวยตามสมัยและเจนจัด+แจ่มชัด ให้บรรยากาศที่ดี องค์ประกอบตัวรถไฟทั้งภายนอกและภายในสวยงามจนอยากไปนั่งรถไฟแบบนี้สักครั้ง เครื่องแต่งกายของเหล่านักแสดงก็ทำได้พิถีพิถันสวยงามจนช่วยเสริมให้งานนี้ดูมีชั้นเชิงในองค์ประกอบศิลป์ที่ดีไม่น้อยเลย
ท้ายสุด ‘Murder on the Orient Express’ เป็นงานที่พาเราไปสำรวจสภาพจิตใจของ ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ มากกว่าการพาเราไปสืบคดี เราจึงเห็นการเรียนรู้ของนักสืบคนหนึ่งไปพร้อมกับการไขคดีที่ให้แง่คิดบางอย่างต่อความยุติธรรม แม้จะดูตื้นเขินและเป็นละครที่แอคติ้งเล่นใหญ่ไฟกระพริบมากก็ตาม และนอกจากการพาเราไปสำรวจตัวละครเอกของเรื่องแล้ว ตัวละครย่อยแต่ละตัวก็มีภูมิหลังเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป และทั้งหมดก็ค่อยๆถูกปลอกเปลือกออกมาทีละชิ้นในที่สุด อย่างไรเสีย ด้วยการที่หนังมีทรัพยากรที่ดีทั้งเรื่องราวและเหล่านักแสดงก็น่าจะทำให้งานนี้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป และจัดไปในทางที่ดูได้เพลินๆแต่ไม่ถึงกับชอบใจอะไรมาก ยังไงเราก็เอาใจช่วยร่วมลุ้นให้มีภาคต่อไปอยู่เหมือนกัน เพราะมันก็ไม่ได้แย่มากถ้า ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ จะถูกรับบทโดย ‘เคนเน็ธ บรานาห์’ อีกครั้ง ในลำดับต่อไป…
เก็ทนะ แสดงความคิดหนัง
Murder on the Orient Express (2017) ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส
ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดี่ยวกันของอกาธา คริสตี โดยหนังจะเล่าเรื่องถึง แอร์กูล ปัวโร นักสืบชาวเบลเยียมที่กำลังเดินทางไปพักผ่อนในอิสตันบูล แต่กลับเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมขึ้นระหว่างเดินทาง มันจึงเกิดเป็นการตามหาตัวคนร้ายที่สุดแสนจะเกินจินตนาการ..
ผลงานการกำกับของเคนเนธ บรานาห์ ผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังจากภาพยนตร์อย่าง Henry V (1989) , Much Ado About Nothing (1993) ,Othello (1995), Hamlet (1996) และยังเป็นผู้ที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ทั้งในฐานะนักแสดงและผู้กำกับมาแล้วถึง 5 ครั้ง !!
ด้านนักแสดงนำก็ไม่ใช่ใครทีไหน ก็ตัวเคนเนธ บรานาห์เองที่ทั้งรับหน้าที่กำกับและแสดงนำ ส่วนคนอื่นก็จะประกอบด้วย จอห์นนี เดปป์ , วิลเลม เดโฟ , จูดี้ เดนช์ , มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ , เปเนโลเป กรุซ , จอช แกด , เดเรก แจโคบี , โอลิเวีย โคลแมน และคนอื่นๆอีกมากมายจนไม่อยากจะไล่
โดย Murder on the Orient Express เคยมีการสร้างมาแล้วในปี 1974 ที่มีอิงกริด เบิร์กแมนแสดงนำจนได้ออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิง และในปี 2001 ซึ่งในเวอร์ชั่น 2017 นี้เอง ถือเป็นเวอร์ชั่นที่ประสบความสำเร็จทางรายได้มากที่สุด เพราะหนังสืบสวนสอบสวนของอกาธา คริสตีเรื่องนี้มันกลับทำเงินได้มากกว่า 350 ล้านดอลลาร์ จากเงินลงทุน 55 ล้านดอลลาร์ จนสามารถดันจนสร้างภาคต่อได้สำเร็จในชื่อ Death on the Nile ที่จะเข้าฉายในเร็วๆนี้
มาเข้าเรื่องกันเลยกับภาพยนตร์ที่ผมคาดหวังว่าจะสนุกกว่านี้….
เปิดเรื่องมากับการโชว์แก้ไขคดีของแอร์กูล ปัวโร (นักสืบผู้โด่งดัง) จากฉากข้างต้นมันทำให้เราเห็นว่าไอ้ตาลุงหนวดคนนี้เก่งแค่ไหน… เก่งขนาดที่โคนันต้องยอม… ถือเป็นการเปิดเรื่องที่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็ยังใจดีสู้เสือเพราะมันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้นและจุดไคลแม็กซ์มันอยู่บนรถไฟ… ทำให้ผมคาดหวังว่าเหตุการณ์บนรถไฟมันคงดีกว่านี้นะ..
โดยหนังจะค่อยๆเล่าผ่านบทสนทนาต่างๆที่สุดจะยืดเยื้อจนทำให้คุณอาจจะเบื่อหรือรู้สึกง่วงได้เลยทีเดียว และยิ่งถ้าเป็นเสียงไทยคงไม่ต้องอธิบายถึงความน่ารำคาญและหงุดหงิดกับอารมณ์ของตัวละครที่มันช่างต่างกับเวอร์ชั่นต้นฉบับอย่างกับหนังคนละเรื่อง !!
แต่มันก็มีจุดดีและถือเป็นจุดเด่นชัดที่ผมว่าใครๆก็สัมผัสได้กับโลเคชั่นสุดอลังการ และงานภาพที่ดูลื่นไหลเข้ากับเรื่องราวที่มีการดำเนินเรื่องแบบตรงไปตรงมา จนบางทีมันเหมือนขาดเสน่ห์ของหนังสืบสวนไปโดยปริยาย เพราะการเล่าแบบนี้มันกลับไม่ทำให้ผมชวนลุ้นและสงสัยเท่าที่ควร แถมถ้าดูจากชื่อนักแสดงที่มากมาย จะทำให้เราเห็นถึงการกระจายบทที่ไม่ดีนัก จนทำให้บางตัวละครไม่น่าสนใจและแทบจะไม่มีใครเด่นขึ้นมาเลย นอกจากอีตาหนวดที่เป็นเสาร์หลักของคดี
ถึงหนังจะเป็นการแก้ไขคดีบนรถไฟ แต่มันกลับไปให้ความสำคัญกับอีกคดีที่เกิดขี้นในอดีตมากจนเกินไป เกินไปจนทำให้ไม่อยากแม้แต่จะคาดเดาคนร้าย เพราะมันไม่มีตัวละครไหนที่รู้สึกว่าน่าสนใจเลย…
ถึงจะบ่นอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย แต่ผมก็ว้าวกับการเฉลยคนร้ายที่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนนี้เลยแม้แต่น้อย แถมมันยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับความถูกต้องที่ไม่ถูกใจและความถูกใจที่ไม่ถูกต้องกับคนที่คิดว่าตรงที่สุดก็ไม่ใช่ว่าจะตรงได้ตลอดไป เพราะบางครั้งการตัดสินใจอะไรบางอย่างมันก็ออกมาจากความรู้สึก ไม่ใช่ความถูกต้องเสมอไป
แถม…. ดนตรีประกอบในช่วงท้ายมันช่างรู้สึกหดหู่และเหงาอย่างประหลาดใจ
ใครที่ชอบหนังแนวสืบสวนหรือประมาณโคนันผมว่าต้องห้ามพลาดกับเรื่องนี้เด็ดขาด
คะแนน 7/10
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Librarian Quest for the Spear (2004) ล่าขุมทรัพย์สมบัติพระกาฬ
You vs. Wild Out Cold (2021) ผจญภัยสุดขั้วกับแบร์ กริลส์ ฝ่าหิมะ
School Tales the Series (2022) โรงเรียนผีมีอยู่ว่า
7.6