KUBHD ดูหนังออนไลน์ Minions (2015) เต็มเรื่อง มินเนี่ยน
เรื่องย่อ
ดู minions มินเนี่ยน ภาค1 โดย เรื่องราวของ Minions เริ่มต้นที่รุ่งอรุณแห่งกาลเวลา มินเนียน ที่เริ่มจากการเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวสีเหลือง ได้ผ่านการวิวัฒนาการและทำหน้าที่รับใช้บรรดาเจ้านายตัวแสบระดับพระกาฬ พวกมินเนียนที่ล้มเหลวตลอดกาลในการรักษาชีวิตเจ้านายของตัวเองไว้ นับจากทีเร็กซ์ จวบจนถึงนโปเลียน พวกมันพบว่าตัวเองไร้เจ้านายและจมอยู่ในความหดหู่
แต่มินเนียนตัวหนึ่งชื่อเควินมีแผนการและได้ร่วมมือกับสตวร์ทจอมเกรียนและบ็อบน้อยผู้น่ารัก ในการออกผจญภัยในโลกกว้างเพื่อหาเจ้านายวายร้ายคนใหม่สำหรับมันและเพื่อนพ้อง
ทั้งสามได้ออกผจญภัยลุ้นระทึก ซึ่งในท้ายที่สุดทำให้พวกมันไปพบกับผู้ที่อาจจะเป็นเจ้านายใหม่ สการ์เลต โอเวอร์คิลล์ (แซนดร้า บูลล็อค) จอมวายร้ายหญิงคนแรกของโลก พวกมันเดินทางจากทวีปเยือกแข็งแอนตาร์กติกามายังนิวยอร์กในยุค 60’s และไปลงเอยอยู่ในลอนดอน ที่ซึ่งพวกมันจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจนถึงตอนนี้ นั่นคือการปกป้องเหล่ามินเนียนจากการถูกกำจัด
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง Minions (2015) ภาคนี้ หนังประเภท Adventure ผจญภัย เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย ดูหนังออนไลน์ หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
- ปิแอร์ คอฟฟิน
- ไคล์ บัลดา
บริษัท ค่ายหนัง
อิลลูมิเนชั่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์
minions 2015 cast นักแสดง
- ซานดรา บุลล็อก
- ไมเคิล คีตัน
- จอน แฮมม์
โปสเตอร์หนัง มินเนี่ยนภาค 1
รีวิวหนัง minion 2015
Kanin The Movie
Minions (2015) – ★★★1/2
กำกับโดย: Kyle Balda, Pierre Coffin
ประเภท: แอนิเมชั่น-คอเมดี้-ครอบครัว
ความยาว: 91 นาที
เรต: PG
“you know everything, คนดู”
หลังจากสร้างเสียงหัวเราะใน Despicable Me ทั้งสองภาค แถมยังสร้างชื่อให้กับตัวละครขโมยซีนอย่างเหล่า Minions จนกลายเป็นสินค้าขายกันตามท้องตลอดในทุกๆผลิตภัณฑ์ ทีมงานหนังก็ไม่รอช้าที่จะเข็นเหล่าตัวเหลืองพวกนี้ออกมาเป็นภาคแยกซะเลย ไหนๆมันก็ทำเงินในด้านสินค้าละ กูขอเอามึงมาทำรายได้ในจอเงินเลยและกัน !
เนื้อเรื่องใน Minions จะเล่าเหตุการณ์การกำเนิดของเหล่า มินเนี่ยน และชีวิตของมันตั้งแต่หลายล้านปีก่อนจะมาเจอกับ Gru วายร้ายจมูกยาวใน Despicable Me นั่นเอง
สิ่งที่น่าสนใจและหลายๆคนคงจะตั้งคำถามกับหนังภาคแยกนี่ว่า ‘แล้วหนังมันจะดำเนินไปทิศทางไหน ยังคงเป็น มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด อยู่หรือไม่’ ถ้าจะให้ตอบตรงๆคงต้องตอบว่า ‘ไม่เลย’ ครับ
ตลอด 91 นาทีของหนัง 70 % ของหนังสูญเสียไปกับ ฉาก montage ที่เหมือนตลกคาเฟ่ขึ้นเวทีมาเล่นมุขๆหนึ่งและลงจากเวทีไปเรียกอีกคณะหนึ่งมาเล่นอีกมุขหนึ่งต่อ , ทำไมต้องอีกคณะหนึ่งหรอ ? เพราะ Minions มีท่าทีการดำเนินเรื่องที่มั่วซั่วไปหมด แม้ใน Despicable Me เราจะเห็นเหล่ามินเนี่ยนทำอะไรๆไร้สาระ แต่มันยังถูกแทนทีด้วยตัวละครเอก และ ประเด็นที่ถูกตีความต่อได้ แต่ใน Minions เราจะไม่ได้รับความบันเทิงในแง่สาระเลย กล่าวคือ มันคือการหยิบเอาหลายๆฉากมาต่อๆกันจนเป็นหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมงงว่าในแต่ละซีนนี่ทีมงานกลุ่มเดียวกันทำหรือป่าว มันค่อนข้าง jump ไปมาแบบ เออจะเล่นก็เล่น จะข้ามก็ข้ามเลย
ในหนัง (ตัวอย่างก็ได้กล่าวไว้) ได้เปิดเผยว่า พวกมินเนียน เกิดมาเพื่อต้องการตามหาวายร้ายและคอยรับใช้พวกเขาพร้อมกับให้ความสะดวกสบาย ซึ่งสามารถที่เป็นอย่างนั้นเราก็ไม่ทราบ น่าเสียดายที่หนังให้กำเนิดมินเนียนได้ค่อนข้างแย่ เหมือนจะแถๆนิดๆ มันเลยกลายเป็นจุดที่ไม่น่าจะพูดให้เป็นข้อเสีย เพราะมันไม่เอาไหนซะเลย ซึ่งในช่วงต่อมาเราก็จะเห็นชีวิตของเหล่ามินเนียนไปอยู่กับวายร้ายตั้งแต่สัตว์ จนมาอยู่กับคน ซึ่งในช่วงเวลานี้หนังไม่ยอมให้ timeline ที่ชัดเจน และไม่รู้สึกว่ามันอยู่มานานอย่างที่บอกกล่าว เพราะแว้บๆอีกที หนังก็มาอยู่ในช่วง 1960s ซะแล้ว (ทั้งที่แว้บๆแม่งหลายล้านปีก่อนเลย)
สิ่งที่หนังได้พยายามนำเสนอคือโลกในยุค 60s อันเป็นช่วงที่หนักหน่วงในแง่ปัญหาการเมือง สังคม การเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และเหตุการณ์สำคัญๆของโลกก็เกิดในทศวรรษนี้เยอะมาก ซึ่งทีมเขียนบทไม่ได้เอา 60s มาใส่ขำๆแน่ๆ เพราะเขาหยิบยุคนี้มาให้ Minions โชว์ฮาแบบเจ็บๆโดยเฉพาะ แม้หนังจะไม่มีทีท่าจะนำเสนอแบบจริงๆจังๆ เลยเป็น insert ใส่มาขำๆ แต่ก็ทำให้คนที่รู้ประวัติศาสตร์โลก พอจะขำๆกันได้บ้างแหละ (เป็นฉากไรให้ไปชมกันเองนะ)
ซึ่งหนังนำเสนอโลกที่มีความเป็นจริง ผสมกับความเป็นแฟนตาซี (ทั้งการมีตัวตนของ แคร๊กคิวล่า หรือ วายร้ายที่มิใช่คน รวมถึงมินเนียน) โดยประชาชนในเมืองรู้จักมินเนียนและมองเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิต ซึ่งตรงนี้หนังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าทำไมคนถึงไม่ตกใจไอ้ตัวเหลืองๆแบบนี้ หรืออาจจะเป็นการตัดช่องโหว่เรื่องของสังคมที่มองมินเนียนไป เพื่อให้มันน่ารักได้เต็มที่ (ฮ่าๆ)
มาพูดถึงเนื้อเรื่องแบบจริงๆจังๆ เราจะได้เห็นกันในตัวอย่างแล้วว่าหนังมีไม่กี่อย่างให้พูดในส่วนพล็อตอันได้แก่ 1) มินเนียนต้องการเจ้านาย 2) มินเนียนเดินทางมาถึงนิวยอร์ค 3) มินเนียนได้อยู่กับวายร้ายหญิงนามสกาเล็ต โอเวอร์คิล 4) สกาเล็ตต้องการให้ไปขโมยมงกฏเจ้าหญิงอลิซาเบ็ต / ซึ่งตลอด 91 นาทีก็มีเพียงแค่นั้นแหละ ที่เหลือคือ footage , insert , gag มั่วๆที่ยัดเข้ามาให้หนังมีเวลาเกินหนังจากหนังสั้นเท่านั้นเองแหละ ตลอดกาลชม ผมจึงรู้ซึ้งถึงฉากจบและเนื้อเรื่องหมดแล้ว อาจจะมีเซอร์ไพรซ์บ้าง ตามสไตล์ ผกก. ที่ยัดไอเดียฉากตลกเข้าไป แต่ระดับความน่าจดจำ เรียกได้ว่าเทียบกับการเป็นตัวขโมยซีนใน Despicable Me ทั้งสองภาคไม่ได้เลยซักนิด
ตัวละครในหนังทั้ง มินเนียน และ คนก็กลวงโบ๋กันทั้งสิ้น เราจะไม่ได้เห็นแรงจูงใจของการเป็นวายร้าย หรือ มิติตัวละครอะไรเลยทั้งในคน และ มินเนียน ถ้าจะพูดมิติตัวละครมินเนี่ยนเราก็คงพูดว่ามันไม่มีมิติตัวละครอย่างแน่อนน เพราะมันมิใช่คน แถมยังไม่พูดภาษาคนอีก สิ่งที่เราดูในหนังเลยเหมือนโชว์ละครใบ้ ที่ผู้ชมต้องสื่อสารกับหนังผ่านสีหน้า และ มุขตลกที่เล่นด้วยรูปธรรมทั้งสิ้น ทำให้ gag ต่างๆในหนังเลยเป็นมุขหน้าตาย เล่นแบบซึ่งๆหน้า ต่างจากตอน Despicable Me ที่อาจจะมีตัวละครคนมาต่อบทให้ มันเลยฮา อีกทั้งหลายๆช่วง หนังมันล่องลอยเพราะตัวละครไม่มีจุดหมาย หรือมีจุดหมายแต่การกระทำไม่ตรงกัน , การชม Minions เลยเหมือนการดูเด็กวัยเตาะแตะวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นอันไม่สิ้นสุด (และเด็กก็ไม่เลิกเล่นด้วย)
ใน Minions เราอาจจะได้จำชื่อตัวละครซักที หลังจากงงๆว่าใครเป็นใครใน หนังหลักสองภาค ซึ่งในภาคนี้จะมีเพียง Bob , Stuart และ Kevin ที่เป็นตัวละครหลัก ต้องยอมรับว่าหนังมีการสร้างตัวละครที่ดี ผ่านการเล่นปัญญาอ่อนๆนี่แหละ เพราะเรารู้ซึ้งถึงนิสัยแต่ละตัว (ในระดับหนึ่ง) จากการนำเสนอซีนๆต่างๆได้ โดยไม่ต้องให้มีบทพูดอะไรมาก ซึ่งในหนังมีการใส่ voice over (เสียงพากย์) ในช่วงต้นเท่านั้น เพราะถ้าเกิดไม่มี voice over ตรงนี้ หนังจะเข้าขั้นหายนะกว่านี้แน่นอน
เราพูดถึงส่วนเนื้อเรื่องไปเยอะละ มาพูดถึงส่วนโปรดักชั่นบ้าง , ในภาคนี้งานภาพถูก upgrade ในชนิดที่ว่า ‘ไอ้ห่า เสียดายภาพมาก’ เพราะถ้าเกิดเอาภาพแบบนี้ไปใส่ในงานแอนิเมชั่นที่เนื้อเรื่องดีงามกว่านี้ จะได้เข้าชิง oscar อย่างแน่นอน เพราะในส่วนงานภาพนั่นละเมียดละไม สมจริง และ เหนือมาตรฐานมาก ผมชอบในทุกๆซีนที่หนังครีเอตมา (คิดว่าคงคิดโลเคชั่นก่อนใส่บทแน่นอน) มันช่างสวยงาม และ ตราตรึงกว่าเนื้อเรื่องซะอีก เสียดายที่ฉากพวกนี้ถูกทำลายลงและจางหายไปจากการที่มีเนื้อเรื่องอ่อนปวกเปียก เราเลยจำไม่ค่อยได้ นอกจากรู้ว่า สวยแค่นั้น เอง
ในด้านการถ่ายภาพ มีหลายๆช็อตที่หนังถูกครึเอตให้มุมภาพเหมือนภาพยนตร์เลย ผมคิดว่ามันโอเคนะ เฉกเช่นกับ soundtrack ที่ยังคงเอาเพลงเก่าๆมาใส่ดนตรีและเสียงร้อง มินเนียน เข้าไป แม้จะต้องยอมรับว่า สู้เพลง Y.M.C.A และ I Swear ในภาคก่อนไม่ได้เลยซักที (มันทำให้พีคมาก)
สุดท้ายคือการพากย์เสียง เสียงมินเนียน ในหนังหลายคนอาจจะบอกรำคาญหรือน่ารักมาก แต่สำหรับคือเฉยๆนะ อย่างน้อยหนังก็ไม่มีเสียงเงียบกริบให้โหวงเหวงหรือง่วง แต่เสียง Sandra Bullock นั่นดีงามมาก เฉกเช่น เสียง Geoffrey Rush ในบท นักพากย์ ที่ทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้น แต่ดั้นน หายไปเฉยแบบงงๆ
สรุป Minions คือหนังภาคแยกที่ประสบความสำเร็จในการที่ ‘ไม่ห่วยแตก’ กล่าวคือมันยังเป็นหนังที่ดูได้ และ เด็กคงรักอย่างแน่นอน เพราะมันก็สนุกในระดับหนึ่ง แม้ความ twist จะไม่ได้ยิ่งใหญ่และน่ายกย่องเท่า Despicable Me เลย แต่ก็เป็นหนังที่พอจะถูๆไถๆได้ในการเป็นหนังที่ service ความน่ารักล้วนๆ
รีวิวกระทู้ pantip สมาชิกหมายเลข 1067918
ไปดูมาแล้วววว Minions 2015 ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่โลกต้องจารึก [รีวิว+สปอยล์ นิดนึง] อยากชวนให้ไปดู
เพิ่งได้ดูมาครับ ทีแรกว่าจะไปดูตั้งแต่วันแรก บังเอิญติดงานด่วนมาก วันนี้เลยจัดซะหน่อย
Minions 2015 จะเป็นการเล่าเรื่องความเป็นมาของมินเนียนตั้งแต่สมัยยุคไดโนเสาร์มาจนถึงปัจจุบัน ย้อนรอยประวัติศาสตร์ของเหล่าบรรดาตัวป่วนสีเหลืองและรายละเอียดต่างๆว่ามินเนียนมีความเป็นมายังไง ก่อนที่จะได้มาร่วมทีมกับ มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด ใน Despicable Me ภาค1 และ2
หนังดีมากครับ ฟินเวอร์ ภาพสวย ตลก ฮา ขำแบบสุดๆ อินดี้ บ้าๆ บอๆ ป่วนๆ ตามสไตล์มินเนียน การเล่าเรื่องดี ดูไม่น่าเบื่อ ตั้งแต่ต้นจนจบ เหล่าบรรดามินเนียนน่ารักมาก หนังน่ารักสุดๆ ดูแล้วสนุก อมยิ้ม ฮา ตลอดทั้งเรื่อง
เหล่าบรรดาสาวกมินเนี่ยน รับรองว่าได้ดูแล้ว ไม่ผิดหวังแน่นอน สำหรับคอหนังการ์ตูนอะนิเมชั่น เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องนึงที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดครับ อย่าไปเชื่อที่อ่านรีวิวมากครับ คนที่ไปดูแล้วว่าไม่เท่าไหร่ ก็เพราะว่าหวังมากเกินไป ไม่ค่อยเก็ท ทั้งที่แท้จริงแล้ว มินเนียนก้มีแค่นี้แหละครับ ตลกๆฮาๆ อย่าเชื่อคนอื่นครับ จนกว่าจะได้ดูด้วยตัวเอง ถ้าหลงรักและเข้าใจในบรรดาตัวมินเนี่ยน รับรองว่าคุณต้องให้คะแนนเต็มกับพวกเขาแน่ๆครับ
***บอกเลย Bob น้องเล็ก น่ารักมากครับ หลงรักสุดๆ นี่พูดเลย!!! ****
สำหรับคะแนน ผมให้ 9.98/10 ครับ
รีวิวกระทู้ pantip mninho
รีวิวหนัง : Minions ครอบครัวตัวเหลือง
Minionsภาพยนตร์ครอบครัวภาพยนตร์ตลกภาพยนตร์ต่างประเทศภาพยนตร์
Minions เป็นตัวละครสีเหลืองตัวเล็กๆจากหนังอนิเมชั่นเรื่อง Despicable Me ทั้งสองภาค ซึ่งหลังหนังออกฉายปรากฏว่าพวกมันกลายเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก มีสินค้าลายและรูปมินเนียนออกมามากมาย จนค่าย อิลลูมิเนชั่น เอนเตอร์เทนเมนต์ ต้องรีบทำภาพยนตร์ภาคแยกที่เป็นเรื่องราวเฉพาะของเหล่าสิ่งมีชีวิตจอมกวนออกมา
หนังเล่าถึงที่มาของฝูงมินเนียนตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ ความสุขของพวกเขาคือการได้มีเจ้านายตัวร้ายสุดโหด ทว่ามินเนียนก็โชคร้ายออกแนวเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด ตลอดเวลาหลายพันปีเจ้าตัวเหลืองจึงต้องเปลี่ยนเจ้านายครั้งแล้วครั้งเล่า ท้ายสุดฝูงมินเนียนเลยโซซัดโซเซไปใช้ชีวิตอยู่ในถํ้าหิมะ
ต่อมา ชีวิตที่ไร้เจ้านายของ มินเนียน ก็เริ่มเหี่ยวเฉา เควิน สตวร์ท และ บ็อบ จึงเสนอตัวออกมาผจญภัยในโลกกว้างอีกครั้งเพื่อตามหาเจ้านายคนใหม่ แก๊ง3ตัวเหลืองรอนแรมข้ามทวีปจนได้ไปพบกับ สกาเล็ท โอเวอร์คิล วายร้ายสาวเบอร์1ของโลก เธอรับมินเนียนมาเป็นลูกน้องโดยมอบหมายภารกิจให้พวกเขาขโมยมงกุฏจากราชินีแห่งประเทศอังกฤษ
Minions เป็นภาพยนตร์ตลกที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว แต่เนื้อหาค่อนข้างออกไปทางเด็ก เช่นเดียวกับมุขตลกต่างๆที่ค่อนข้างใสๆ เมื่อเทียบกันแล้ว Despicable Me จึงมีความเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก จุดเด่นของหนังคือการขายคาแร็กเตอร์ของเหล่าตัวละครมินเนี่ยน ซึ่งผู้กำกับก็ใช้ความน่ารักของพวกเขาได้อย่างคุ้มค่า
นอกจากเราจะได้รู้ที่มาที่ไปของมินเนี่ยนแล้ว ยังได้ทำความรู้จักกับภาษาของพวกเขา และเมื่อเจ้าตัวเหลืองออกมาร้องเพลงก็ยิ่งน่ารักน่าชังเข้าไปใหญ่ การถ่ายทอดภาพสวยงามดี พล็อตไม่ซับซ้อน เดินเรื่องง่ายๆเอาใจน้องๆหนูๆ มีการล้อเลียนวัฒนธรรมอังกฤษนิดหน่อย โดยรวมทำได้ดีกว่า Penguins of Madagascar หนังแนวขายคาแร็กเตอร์เหมือนกันที่แยกออกมาจากอนิเเมชั่นชุด Madagascar
ตัวละคร บ็อบ น่ารักมาก บุคลิกบ้องแบ๊วครองใจผู้ชม ส่วน สตวร์ท น่าจะได้รับความนิยมรองมาด้วยความกวนแบบเต็มขั้น ขณะที่ เควิน เป็นตัวเดินเรื่องหลัก บทบาทเยอะ มีความเป็นผู้ใหญ่ จึงดูแตกต่างและโดดเด่นกว่ามิน เนียนอื่นๆ คล้ายกับเป็นหัวหน้าก็ไม่ใช่ จ่าฝูงก็ไม่เชิง เรียกว่าพี่ใหญ่ละกัน เนื่องจากพวกเขาอยู่กันแบบเป็นครอบครัวตัวเหลืองที่อบอุ่น ฉากที่ เควิน เอานํ้าลายป้ายรอยเปื้อนบนแก้มของ บ็อบ สร้างความประทับใจเล็กๆให้คนดู
Minions เป็นอนิเมชั่นที่สนุกสนาน ดูได้เพลินๆ ใครเป็นแฟนคลับของเจ้าตัวเหลืองคงชอบ เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเซอร์วิสสาวกมินเนียนโดยตรง ส่วนตัวขอยกให้ มินเนียน เป็นคาแร็กเตอร์ออฟเดอะเยียร์
คะแนน 7/10
โดย นกไซเบอร์
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Minions The Rise of Gru (2022) มินเนี่ยน 2
Despicable Me (2010) มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด
7.1