KUBHD ดูหนังออนไลน์ Little Monsters (2019) ซอมบี้มาแล้วงับ
เรื่องย่อ
ดูหนัง ออนไลน์ Little Monsters (2019) ซอมบี้มาแล้วงับ เรื่องราวของครูอนุบาล แคโรไลน์ ที่ต้องพาเด็ก ๆ นักเรียนไปทัศนศึกษา ณ ฟาร์มแห่งหนึ่ง แต่หารู้ไม่ว่าที่นั่นกำลังระบาดไปด้วยไวรัสซอมบี้ ด้วยความเป็นครู เธอจึงต้องทำทุกทางเพื่อไม่ให้เด็ก ๆ รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะต้องเผชิญ คือ ซอมบี้ สิ่งที่เธอต้องทำ คือ ต้องแก้ไขสถานการณ์ซอมบี้ออกอาละวาดให้กลายเป็นช่วงเวลาอันแสนสนุกสำหรับเด็ก ๆ
ผู้กำกับ
Abe Forsythe
บริษัท ค่ายหนัง
- Screen Australia
- Protagonist Pictures
- Made Up Stories
- Snoot Entertainment
- Neon
นักแสดง
- Lupita Nyong’o
- Alexander England
- Josh Gad
- Kat Stewart
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
จดอ. JUST ดู IT.
#รีบรีวิว Little Monster ซอมบี้มาแล้วงับ
“หนังซอมบี้ที่เปี่ยมด้วยหัวใจ”
กลายเป็นเดือนที่ดีของ คอหนังซอมบี้ อย่างไม่ทันตั้งตัว! หลังอาทิตย์ที่ผ่านมา ไทยเราเพิ่งได้ดูหนังซอมบี้ภาคต่ออย่าง ZOMBIELAND: DOUBLE TAP ที่พาความฮา (สายปั่น) กลับมาให้หายคิดถึง! ใครที่ยังอารมณ์ค้าง หรือโหยหาหนังฮาเบาสมอง ถ้าพลาด LITTLE MONSTERS ไป อาจจะต้องรู้สึกผิด!
จะเป็นอย่างไร? เมื่อคุณครูอนุบาลพาเด็ก ๆ ไปทัศนศึกษาที่ฟาร์มคุณหนู ที่บังเอิญดันอยู่ใกล้กับห้องแล็บทดลองของกองทัพสหรัฐ แถมบังเอิ๊ญกว่าคือ พวกเขาดันทำซอมบี้หลุดออกมา การหนีเอาชีวิตรอดของคุณครูใจดี และแก๊งเด็กอนุบาลได้จึงเริ่มต้นขึ้น แต่ระหว่างนั้นคุณครูก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ เห็นความบ้าคลั่งเลือดสาดอีกด้วย จากทัศนศึกษาธรรมดา ๆ จึงกลายเป็นมหกรรมความโหดท่ามกลางความใสซื่อของน้อง ๆ
แค่ไอเดียก็ซื้อแล้ว แต่พอได้ดูจริง ๆ หนังยังทำได้ดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก! เพราะหนังเล่นกับคอนเซปต์ “โลกสวย” ได้อย่างสนุกสนาน ปล่อยมุกแต่ละมุกออกมาอย่างมั่นใจ และคิดมาดีแล้ว ปั่นก็ปั่นให้สุด พาคนดูเข้าไปสู่โลกบ๊อง ๆ ในหนังได้อย่างดี ละม้ายคล้ายหนังซอมบี้ของ Edgar Wright อย่าง Shaun of the Dead ที่ในสถานการณ์สุดซีเรียส ผู้กำกับก็ยังหาลู่ทางในการหยอดมุกจิกกัดอะไรต่อมิอะไรมาได้ เชื่อว่าผู้กำกับอย่าง Abe Forsythe ก็คงเป็น Geek หนังตัวพ่ออีกคน เพราะมุกล้อเลียน Pop Culture ก็ใส่มาไม่มีหวง โดยเฉพาะ Star Wars
แต่นอกเหนือจากเสียงหัวเราะ หนังก็สามารถสร้างความประทับใจคนดูได้ ด้วยเรื่องราว Coming of Age ของตัวเอกอย่าง Dave หนุ่มร๊อคเกอร์ตกอับ ที่ทำให้รู้ว่าที่ชีวิตมันเฮงซวย ก็อาจเป็นเพราะเราไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาก็เท่านั้นเอง แต่ก็แอบเสียดายที่บางทีหนังวางฉากพวกนี้เอาไว้ผิดที่ผิดเวลาเช่นกัน เลยทำให้ไม่ได้ซึ้งน้ำตาแตกอะไรเท่าที่ควร โชคดีที่ได้ Lupita Nyong’o นักแสดงสาวมากความสามารถมารับบทเป็นครูอนุบาล Miss Caroline ทำให้ประเด็นเหล่านี้ชัดขึ้น และสร้างสีสันได้อย่างไม่คิดว่าเธอจะทำได้ มุกส่วนใหญ่มาจากตัวละครของเธอทั้งสิ้น เล่นหนังรางวัลก็ดี หนังตลกก็เลิศ
และที่ต้องชมพิเศษ คือสานส์อันงดงามของเรื่องที่ “ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด ขอจงยิ้มสู้เข้าไว้” ก็ทำให้หนังเรื่องนี้มี “ตอนจบที่น่ารักที่สุดเรื่องนึงของปี 2019”
LITTLE MONSTERS อาจไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบนัก เพราะการเล่าเรื่องมีสะดุดอยู่บ้างระหว่างทาง แต่ก็เถียงไม่ได้เลยว่าทั้งเรื่องก็นั่งยิ้มไปกับความน่ารักของหนัง และเหวอกับความโหดที่มาแบบไม่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นหนังที่ “คอหนังซอมบี้ต้องดู!”
ก็แค่คนชอบดูหนัง
รีวิว Little Monsters (2019) ซอมบี้มาแล้วงับ (8/10)
ไอเดียแปลกใหม่ดีมาก หนังดูใสๆ แต่มุกโคตรจังไร!!
[ **No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ]
หนังดูเด็กน้อยมากกกกก ตัวบทการดำเนินเรื่องต่างๆ ก็ทำออกมาได้มีกลิ่นอายแบบหนังเด็ก คือตัวละครสามารถกึ่งเดินกึ่งวิ่งหลบซอมบี้ได้แบบชิลๆ แต่มันไม่ใช่หนักเด็ก !! มุกแต่ละมุกที่ใส่มานี่โคตรจังไรต่ำตมฉิบหาย !!! ดูแล้วขัดกับเนื้อเรื่องใสๆ มาก เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดดี
.
#หนังเกี่ยวกับอะไร..
..เรื่องราวของคุณครูอนุบาลสาวแสนสวยรวยเสน่ห์อย่าง “มิสแคโรไลน์” ต้องพาเด็กๆ ในชั้นเรียนไปทัศนศึกษา แต่เกิดเหตุมีซอมบี้หลุดออกมา เธอจึงต้องใข้ไหวพริบในการหลอกล่อพอเด็กๆ ให้หนีเอาตัวรอดโดยไม่อลหม่านวุ่นวาย
#ความรู้สึกหลังสดับรับชม..
..ต้องปรบมือดังๆ ให้กับไอเดียของหนังเรื่องนี้เลย แค่อ่านพล็อตก็ปวดหัวแทนมิสแคโรไลน์แล้ว กับการที่ต้องพาเด็กอนุบาลทั้งห้องเรียนเอาตัวรอดในสถานการณ์สุดเลวร้ายอย่าง “ซอมบี้” บุก คือลำพังแค่ตัวเราเองก็กลัวเยี่ยวเล็ดฉิบหายแล้ว ยังต้องดูแลเด็กๆ อีก
ขอชื่นชม “ลูพิต้า ยองโก” ในบทมิสแคร์โรไลน์ ที่ดูเหมือนบทง่ายๆ ไม่ต้องใช้ฝีมือการแสดงอะไรมากมายแบบนี้ แต่เธอก็ยังปล่อยของสมศักดิ์ศรีนักแสดงดีกรีออสการ์จริงๆ ช่วยยกระดับหนังได้ดีมาก ดูแล้วเชื่อว่าคุณครูคือคนที่มีไหวพริบ และเป็น “ฮีโร่” ที่มีตัวตนของเด็กๆ จริงๆ
ส่วนอีกคนที่ต้องชม คือน้องหนูที่รับบทเด็กน้อยตัวหลักอย่าง “เฟลิกซ์” น้องเล่นได้ดีมากกกก แถมจังหวะปล่อยมุกก็ทำได้ดีอีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกมุก “ดาร์ธ เวเดอร์” นี่เราชอบมากกกก
จุดที่ทำให้เรารู้สึก “รำคาญ” หนังพอประมาณ แน่นอนล่ะ ว่าหนังแนวนี้ดูหน้าหนังก็รู้ว่าอย่าถามหาความสมเหตุสมผลอะไรมาก แต่.. หนังใช้สิทธิพิเศษตรงนี้มากเกินไป บางครั้งเข้าใจว่าจะเล่นมุกตลกร้ายจิกกัดสังคมนะ แต่พอมันเยอะมากๆ แล้วมันทำให้เราดูแล้วรู้สึกสะดุด อารมณ์ไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควรจะเป็นเลย
แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับมุกต่ำตมทั้งหลายที่ใส่มาในเรื่อง คือฮาอะฮาจริง มีช่วงให้ขำจนไหล่สั่นเลย แต่บางมุกเรารู้สึกว่าเกินไปหน่อย ขนาดตัวเราเองว่าเป็นคนจังไรระดับนึงแล้วยังรู้สึกไม่โอเคเลย 🙁
#สรุป.. หนังมีจุดที่เราไม่ชอบพอประมาณ แต่สิ่งที่หนังทำได้ดียังมีมากพอที่จะทำให้เรา “ชอบ” หนังเรื่องนี้ได้อยู่ ให้คะแนนยากมาก มันก้ำกึ่งระหว่าง 7 กับ 8 แต่สุดท้ายก็กลั้นใจปัดขึ้นให้เพราะไอเดียที่สดใหม่ของหนังจริงๆ ครับ
ใครอยากหาหนังเบาสมอง ผ่อนคลายอารมณ์เรื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์ดีมากๆ เลย และขอแนะนำว่าวางต่อมรับรู้ความสมเหตุสมผลเอาไว้หน้าโรงเลยจ้าาาาา
Movies Can Talk : หนังพูดได้
Little Monsters (2019, Abe Forsythe)
“หนังซอมบี้สายหวาน มาพร้อมประเด็นอันหนักแน่น จนน่าฉุดคิด และที่สำคัญคือ ‘ลูพิตา ยองโก’ เธอเริ่ดที่สุดจริงๆ”
ผลงานกำกับหนังยาวเรื่องที่ 3 ของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย ‘เอบ ฟอร์ไซท์’ ถัดจาก Ned (2003) และ Down Under (2016) ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นหนังแนวทางตลกร้ายสำหรับผู้ใหญ่ ที่มีการยั่วล้อประเด็นสังคม-บริบทของออสเตรเลียแทรกลงไป ผ่านการกระทำอันบ้าคลั่งของตัวละครนำทั้งหลายในเรื่อง หากใครที่ผ่านการดูหนังของประเทศนี้มาบ้าง อาทิ The Dressmaker (2015), Red Dog (2011) หรือแฟรนไชส์ Crocodile Dundee ก็จะเห็นถึวความ ‘เฉพาะตัว’ ที่ไม่เหมือนใครของหนังสัญชาติออสเตรเลีย โดยเฉพาะความตลกร้ายของหนัง
‘เดฟ’ (อเล็กซานเดอร์ อิงค์แลนด์) ชายหนุ่มวัย 30 ที่ชีวิตทุกอย่างของเขาล้วนล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งเรื่องานและเรื่องความรัก ทำให้เจ้าตัวต้องหอบไปขออยู่อาศัยพี่สาวและหลานชาย ‘เฟลิกซ์’ (ดีเซล ลา ทอร์ร่าคา) วันหนึ่งเดฟไปส่งเฟลิกซ์ที่โรงเรียน จนได้พบกับ ‘มิสแคโรไลน์’ (ลูพิตา ยองโก) เดฟต้องหลุมรักเธอและพยายามหาทางให้ได้อยู่กันใกล้ๆ ถึงขั้นยอมเป็นพี่เลี้ยงสร้างความสนุกแก่เด็กๆ ตอนไปทัศนศึกษาที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับหน่วยทหารที่กำลังทำวิจัยบางอย่างอยู่ แต่เผอิญว่าตัวทดลอง ‘ซอมบี้’ มันดันหลุดรอดออกมาได้ และไล่ฆ่าไล่งับทหารจนทุกคนเป็นซอมบี้ฝูงใหญ่ และพวกมันมีเป้าหมายจะไปยังหาแหล่งอาหารยังฟาร์มใกล้ๆ กัน อ้าวซวยละสิ นายเดฟและมิสแคโรไลน์!
ผู้เขียนรู้สึกเกิดคาดที่ว่ามันไม่ใช่หนังซอมบี้จ้าาา 100% แต่พล็อตตั้งต้นคือหนังโรแมนติก-คอเมดี้ ที่โฟกัสไปยังตัวละครตัวห่วยที่หมายอยากได้ดอกฟ้ามาครอบครอง และใช้ซอมบี้เป็นอุปสรรคสำคัญเพื่อให้เขาพิสูจน์ตัวเองว่า “ถึงกูจะห่วย แต่กูก็มีดีอยู่นะครับผม” แม้ว่าจะไม่ได้เป็นพล็อตใหม่โดดเด่นอะไรนัก แต่ผู้กำกับฟอร์ไซท์ ก็มีลูกเล่นมากพอจะทำให้หนังน่าสนใจ การก่ำกึ่งระหว่างหนังตลกร้ายกาจแบบผู้ใหญ่ ผสมหนังโทนครอบครัวอบอุ่น (ทั้งที่ 2 อย่างมันคือคนละขั้วกันอย่างชัดเจน) ด้วยประเด็นเรื่องการย้อนวัยและผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากตอนเป็นเด็กมา เพื่อทำหน้าที่ผู้ใหญ่ที่ดี ซึ่งสำหรับ Little Monsters หนังจ่อหัวด้วยสิ่งนี้ตั้งแต่เริ่มเรื่องไม่นาน และกระแทกกระทันคนวัย 25-40 ได้ชะงัดนัก ท่ามกลางภาพคนวิ่งหนีซอมบี้จนกลายเป็นเพียงกิมมิคเล็กๆ ที่ใส่เข้ามาเท่านั้นเอง
ประโยคนึงที่พี่สาวของเดฟพูดขึ้นก็คือ “อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ สิ” หรือทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่หน่อย คือตอนนี้โตแล้วนะ ไม่ควรทำตัวเป็นเด็กๆ ภาษาอังกฤษมีคำว่า childish ที่มีนัยทำนองเดียวกัน คือ เป็นเด็กๆ ในแง่ที่ว่าไม่ซับซ้อน ไม่คิดอะไรมากมาย ทำตามความต้องการของตัวเองแบบไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ซึ่งคือสิ่งที่ เดฟ เป็นอยู่และไม่ยอมมูฟออนสักที เพราะเดฟกลัวการมีลูกเนื่องจากมีปมเรื่องโดนพ่อทิ้ง และการเป็นแฟนบอยตามประสาเด็กๆ ก็ทำให้เขาย่ำอยู่กับที่มากกว่าจะทำมันจริงจัง จนมาเจอหลานชายและมิสแคโนไลน์ รวมถึง ‘เท็ดดี้’ (จอช แกด) นักแสดงรายการเด็กที่ด้านชีวิตจริงมันคนละเรื่องกันเลย ทั้ง 3 ส่วนคือส่วนกระตุ้น และเป็นกระจกสะท้อนว่า “การยังเป็นเด็ก” มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
เพราะดูเหมือนว่าความเป็นเด็กเป็นสิ่งที่เราทุกคนมีร่วมกัน แต่ในที่สุดด้วยกาลเวลา ความจำเป็น และความรับผิดชอบต่างๆ มันก็ค่อยๆ ทำให้เรากลายเป็นผู้ใหญ่-ที่ต้องละทิ้งความเป็นเด็กไป เราต้องคิดมากขึ้น ระมัดระวังมากขึ้น ผ่านโลกมาในระดับหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรใหม่ให้เรียนรู้แล้ว จากความสดใหม่ช่วงต้นของชีวิต ก็ค่อยๆ นำไปสู่ความแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็อย่าให้สภาวะนี้เข้ามามีส่วนกับตัวเองจนฉุดรั้งเราไม่ให้โต และการมี ‘บุคคลต้นแบบ’ ถ้ามุมมองนี้คือเด็กที่มีผู้ใหญ่เป็นไอดอล ก็เป็นสิ่งคอยกระตุ้นเราไม่ต่างจาก Inspiration หรือเป้าหมายของชีวิต(ในด้านดี)
ระหว่างดูผู้เขียนก็ฉุดคิดถึงตลอดเวลา แม้ว่าวัยจะย่างเข้า 30 ปีก็ตาม แต่การต้องโต ต้องทำงาน ต้องมีครอบครัว ต้องมีความรัก มันล้วนต้องมีสีสันของเราที่ฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก เข้ามามีบทบาทไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เลยรู้สึกชื่นชอบตัวละคร “มิสแคโรไลน์” ของลูพิตา ยองโก มากกว่าเดฟตรงที่เธอสามารถเอามันมาปรับใช้กับชีวิตได้ (อีกทั้งภูมิหลังของนาง ก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนล้วนควรเจอมาทั้งสิ้น และเชื่อว่าไม่มีใครเถียงสิ่งนี้ได้ลง!) การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีก็มีเหตุผลจากประสบการณ์ช่วงวัยรุ่น-วัยเด็ก และบางทีมันยังทำให้เราพบเจอทางออกและ goal ของตนได้เกินคาดเหมือนกัน ลูพิตาถ่ายทอด-ปล่อยของกับบทนี้จนเราเชื่อไปหมด รู้สึกตามโดยไม่ต้องบีบเค้นอะไรมากมาย เป็นธรรมชาติ และผู้ชมจะรักตัวละครของเธอแบบไม่มีเงื่อนไข
ถัดมาคือความเป็นหนังซอมบี้ของ Little Monsters ถึงมันจะมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนก็จริง เลือดสาด แอ็คชั่นโหดๆ ทว่าผู้กำกับฟอร์ไซท์ก็ขยายธีมเรื่องนี้ไปยังเหล่าซอมบี้ด้วย (และน่ารักสมชื่อเรื่องอีกต่างหาก) ภาพแทนของซอมบี้จึงไม่ใช่แค่สะท้อนความเลวร้ายของทุนนิยม หรือจิกกัดรัฐบาลอย่างที่คุ้นชิน แต่คือประเภทคนชายขอบ คนที่เป็นปรสิต คนนอกสังคม หรือคนเชื่อชาติอื่น ไม่สนว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ทั้งหมดคือสิ่งที่คนส่วนมากไม่ยอมรับ และพยายามขจัดออกไปให้สิ้นซาก ฉะนั้นพอเป็นเวย์นี้มันก็เลยทำให้เรารู้สึกเห็นใจซอมบี้ขึ้นมาเสียแทน
Little Monsters จึงไม่ใช่แค่เพียงหนังซอมบี้สนุกๆ ในอีกมุมหนึ่งมันพยายามจะบอกให้เรารู้ว่าจริงๆ ชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้เป็นเส้นตรงขนาดนั้นหรอก ถึงจะอายุมากขึ้น โลกต้องการให้เรามีความรับผิดชอบและต้องการอะไรต่างๆ จากเรา ความเป็นเด็กมันไม่ได้หายไปตามกาล แต่มันคือคุณสมบัติที่เราอาจยังคงบำรุงรักษาไว้ เพื่อให้การเป็นผู้ใหญ่ของเราไม่แห้งแล้งจนเกินไป
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Rampant (2018) นครนรกซอมบี้คลั่ง
Army of the Dead (2021) แผนปล้นซอมบี้เดือด
Zombieland Double Tap (2019) ซอมบี้แลนด์ แก๊งซ่าส์ล่าล้างซอมบี้
7.1