John Wick Chapter 4 (2023) จอห์น วิค แรงกว่านรก 4
เรื่องย่อ
John Wick Chapter 4 (2023) จอห์น วิค แรงกว่านรก 4 ดำเนินเรื่องราวต่อจากภาพ 3 หลังจากที่ จอห์น วิค (คีอานู รีฟส์) ถูกสภาสูงตั้งค่าหัวตามล่า เขาต้องพยายามเอาตัวรอดทุกวิถีทาง และเขาก็ค้นพบว่าหนทางรอดเดียวที่จะทำให้ชีวิตเขาเป็นอิสระ คือเขาจำเป็นต้องกลับมาเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รอเขาอยู่ และเป้าหมายเดียวคือต้องโค่นสภาสูงให้สำเร็จ
ในครั้งนี้เขาต้องรับมือกับศัตรูอำมหิตรายใหม่ที่มีอิทธิพลกว้างขวางไปทั่ววงศ์วานนักฆ่าทั้งโลกผู้พร้อมจะเปลี่ยนมิตรให้กลายเป็นศัตรู เปลี่ยนลมหายใจให้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ เปิดฉากการตามล่าครั้งใหม่ที่กินอาณาเขตแค้นไปถึง 3 ทวีป ทั้งในนิวยอร์ก ปารีส เบอร์ลิน และโอซาก้า
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง John Wick Chapter 4 (2023) จอห์น วิค แรงกว่านรก 4 หนังประเภท หนัง Action บู๊ เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนัง ออนไลน์ ดูหนังชัดชนโรงหนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
แชด สตาเฮลสกี
บริษัท ค่ายหนัง
- ซัมมิตเอนเตอร์เทนเมนต์
- ธันเดอร์โรดฟิมส์
- 87อีเลฟเวนโปรดักชันส์
นักแสดง
- คีอานู รีฟส์
- เจิน จื่อตัน
- บิล สกอชกวด
- ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น
- ฮิโรยูกิ ซานาดะ
- ชาเมียร์ แอนเดอร์สัน
- แลนซ์ เรดดิก
- รินะ ซาวายามะ
- สกอตต์ แอดกินส์
- เอียน แมกเชน
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
Sam Movieman ผู้ชายบ้าดูหนัง
รีวิว John Wick Chapter 4 (2023) จอห์น วิค แรงกว่านรก 4
📢 ผู้กำกับ Chad Stahelski
👨👩👧 ดารา Keanu Reeves, Ian McShane, Laurence Fishburne, Bill Skarsgård, Donnie Yen
⏱ ความยาว 2:49
🏆 รางวัล –
จอห์น วิค กลับมาแล้ว สำหรับเพจที่ไม่ได้ปลื้มหนังแฟรนไชส์นี้ใน 2 ภาคแรกแล้วเริ่มมาติดใจในภาค 3 ย่อมมีความหวั่นใจว่าภาค 4 จะทำให้ความรู้สึกกลับไปเหมือนเมื่อก่อนหรือยังคงรักษาระดับความชอบไว้ได้ ปรากฏว่าไม่เสียแรงที่รอเพราะมีฉากเด็ดสมการรอคอยจริง แต่ไม่ได้เกินที่คาดหวัง
จอห์นยังคงถูกตามไล่ล่า และใครก็ตามที่ยื่นมามือช่วยก็มักต้องรับกรรม ศัตรูตัวฉกาจในภาคนี้คือเคน (ดอนนี เยน) ซึ่งเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน งานนี้แกจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ อย่างไร
💥 3 ชอบ 1 เฉย 1 ไม่ชอบ💥
🤩 ฉากแอ๊คชั่น หนังจากทีมงานนี้ ทั้งในตระกูลจอห์น วิค และ Extraction ยกระดับความสร้างสรรค์ให้แก่ฉากต่อสู้ของหนังอย่างมากมาย อย่างที่รีวิวภาค 1-2 ไว้ว่าไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับฉากบู๊เพราะเน้นยิงปืนกันเป็นหลัก แต่เริ่มจากภาค 3 และ Extraction ทั้ง 2 ภาค คิวบู๊ก็เริ่มแน่น มีมุกใหม่ๆ และใจถึงถ่ายกันยาวๆ จนได้ความสมจริงชนิดหนังค่ายอื่นไม่ค่อยกล้าทำ จะมีที่เหนือกว่าก็ตระกูล Mission Impossible ที่ได้ความบ้าดีเดือดของทอม ครู๊ซที่แหละที่ยังรักษาบัลลังค์ไว้ได้ เรื่องนี้มีฉากที่สุดยอดอยู่ 2 ตอน คือการต่อสู้ที่วงเวียน Arc de Triomphe หรือประตูชัยที่กรุงปารีส ท่ามกลางรถที่พากันวิ่งไม่หยุดยั้ง ลุ้นทั้งตัวผู้ร้ายและตัวรถที่ถาโถมกันเข้ามา แต่จอห์นก็ฉลาดมาก (เช่นเคย) ที่พลิกอุปสรรคเป็นโอกาสโดยใช้รถเหล่านั้นเป็นตัวช่วย อีกฉากคือการยิงกันในอาคารโดยที่มุมกล้องส่องจากด้านบนแบบยาวๆ เราเห็นพระเอกไล่ยิงจากห้องนึงไปอีกห้องนึงแบบแทบไม่มีการตัด ได้ทั้งความครีเอทีฟ ความปราณีต และสมจริง (อารมณ์เล่นเกม) ฉากต่อสู้ในช่วงท้ายบนขั้นบันไดก็สนุก แต่ยังเป็นรอง 2 ฉากไฮไลท์นี้ ส่วนฉากบู๊อื่นๆ ก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะพื้นๆ แบบที่เคยดูกันมาแล้วจากภาคก่อนๆ
🤩 ถ่ายภาพ ความสวยงามด้านภาพเห็นชัดมาตั้งแต่ภาคก่อน และด้วยการย้อมสีที่เข้ากับสมัยนิยมคือความมืดที่ออกไปทางสีเขียวๆ ฉากตอนท้ายพระอาทิตย์ขึ้นที่ Sacré-Cœur คือสวยมาก
🤩 ดอนนี เยน แม้จะไม่ค่อนน่าเชื่อว่าคนตาบอดจะทำได้ขนาดนี้ แต่แกก็พยายามที่จะแสดงออกในหลายตอนว่ามองไม่เห็น และแน่นอนว่าการต่อสู้ของแก แม้จะไม่มาก เพื่อจะได้ไม่ขโมยซีนพระเอก ก็ทำได้อย่างสวยงาม แบบคนเป็นมวยจริง ไม่ใช่แบบฝึกมาอย่างดีแบบคีอานู อย่างเช่นตอนที่จอห์น วิค ใช้กระบอง 3 ท่อน (แบบที่บรู๊ซ ลี ใช้) แม้แกจะทำได้อย่างแม่นยำ แต่ก็ยังพอเห็นความเกร็งๆ ไม่พริ้วแบบคนที่ชำนาญจริง
😑 ความโม้ เหมือนกันทุกภาคคือความโม้ที่พระเอก ไม่ว่าจะโดนถล่มขนาดไหน ตกจากที่สูงก็แล้ว มีดบาดก็แล้ว ก็สามารถลุกขึ้นมาบู๊ได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
😪 บท แม้จะไม่ใช่จุดขายอยู่แล้วสำหรับหนังแนวนี้ หนังมีความยืดยาว และมักง่าย เนื่องจากค่าตัวจอห์น วิค พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครจัดการเขาได้ ก็มีทั้งมือปืนที่เสนอตัวมาล่ารางวัล รวมถึงดอนนี เยน ที่ได้รับมอบหมายให้จัดการพระเอก แต่ 2 คนนี้ก็มัวแต่คอยช่วยพระเอกให้รอดด้วยการจัดการสมุนของผู้ร้าย เพื่อตัวเองจะได้เป็นผู้ลงมือเอง พระเอกก็เลยรอดแบบฟลุ๊คๆ มาตลอด ส่วนตอนจบของหนังค่อยเรียกอารมณ์ร่วมได้บ้าง แต่มันก็เป็นมุกที่หนังภาคต่อมักจะหยิบมาใช้ไม่ภาคใดก็ภาคหนึ่ง
BENJI Review
John Wick: Chapter 4 (2023) – Such is life… นี่แหละชีวิต !
กำกับโดย Chad Stahelski
จากที่ได้ดูภาคแรกมาจนถึงภาคนี้ ไม่คิดเหมือนกันว่า เฟรนไชน์ John Wick จะมาได้ไกลขนาดนี้ 😂 แถมยังได้รับคะแนนวิจารณ์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะใน Metacritic สามภาคหลังคะแนน 70%+ ตลอด ถือว่า สูงสำหรับหนังแอ็คชั่น !
– จุดแรกที่เป็นไม้เด็ดของหนัง ขอยกนิ้วให้ “คิวบู๊แอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยม”
เอกลักษณ์ที่สำคัญของการต่อสู้ใน John Wick คือ “ความเป็นหนัง Gun fu (Gun + Kung fu)” เรียกอีกอย่างว่า “Bullet Ballet” ซึ่งปกติจะโดดเด่นในหนังฮ่องกงยุคก่อน (พวกงานของ John Woo – ex. A Better Tomorrow – โหดเลวดี, The Killer – โหดตัดโหด) ขณะที่ในฟากตะวันตก อาจจะไม่ได้เห็นงานสวย ๆ เหมือนอย่างที่หนังฮ่องกงทำมากนัก
ทว่าสตาเฮลสกี ทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ เขาสร้างเอกลักษณ์ที่เป็นวิธีการต่อสู้ฉบับ John Wick ได้อย่าง Unique (Gun fu ผสม Martial Arts ตะวันออก – ยิวยิตซู, ยุโด, คาราเต้, กังฟู) ชนิดที่ถ้าอยากจะศึกษาวิธีการทำคิวบู๊หนังแอ็คชั่น John Wick เป็นหนึ่งในเฟรนไชน์แอ็คชั่นที่ไม่ควรพลาด
ตรงนี้น่าจะเป็นผลให้นักวิจารณ์ชอบเป็นพิเศษ (ตั้งแต่ภาคแรก) ส่วนเหล่าคนดูก็เลิฟ เพราะหนังทำฉากเหล่านี้ได้สนุก พร้อมกับสวยงามในเวลาเดียวกัน
– หนังมีฉากการต่อสู้ที่ครีเอทหลาย ๆ ช็อต โดยที่ชอบที่สุด รู้สึกชอบ 4 ฉาก
ฉากแรก: ฉากยิงกันในตึกโดยใช้มุมกล้อง Bird Eyes View อันนี้ยกนิ้วให้จริงแบบคุณคิดได้ยังไง 😂 สวยและครีเอทมาก
ฉากที่สอง: ฉากดริฟรถยิงกันกลางปารีส นี่ก็ว้าว เพิ่งจะเคยเจอคนดริฟรถยิงกันแบบนี้ ดีไซน์โดดเด่นจริงจัง
ฉากที่สาม: ฉากสู้กันบนบันได 200 ขั้น จอห์นต้องตะลุยด่านสู้กับเหล่านักฆ่าที่ดักอยู่ตามแต่ละจุด และมีเงื่อนไขกลาย ๆ ว่า สู้ไปแล้ว ห้ามตกบันได ตกปุ๊ป เหมือนเกมส์โอเวอร์ ต้องเริ่มใหม่… การดีไซน์วิธีการต่อสู้และเงื่อนไขในฉากนี้สร้างสรรค์เวอร์
ฉากที่สี่: ฉากดวลปืนในขั้นสุดท้าย เงื่อนไขการดวลครีเอทและดุเดือด
ฉากเหล่านี้เป็นทีเด็ดหนังที่สำคัญ แล้วก็เพิ่มคะแนนความดีงามให้กับหนังมากมาย
– เซ็ตติ้งโลกนักฆ่า จริง ๆ คล้ายกับจักรวาลกำลังภายในจีนที่มีเรื่องการแก้แค้น คุณธรรมน้ำมิตร พิธีการ การเมือง กฏเกณฑ์ในยุทธจักร
ที่สำคัญ ปรัชญาในหนัง พาย้อนนึกถึงที่โกวเล้งเคยกล่าวไว้ว่า “คนในยุทธจักรล้วนไม่เป็นตัวของตัวเอง” พันธะต่าง ๆ ทำให้ทุกคนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปรารถนา มิอาจมีอิสระเสรีตามใจต้องการ…
นับเป็นเรื่องน่าเศร้าของชาวยุทธจักรในจักรวาล John Wick สอดรับกับคำพูดที่วินสตันกล่าวในเรื่องว่า “Such is life (นี่แหละชีวิต)”
คำพูดสั้น ๆ เรียบง่ายนี้เอง เป็นเหมือนบทสรุปที่ชัดเจนที่สุดของเรื่อง และสะท้อนชีวิตของ John Wick ได้อย่างครบถ้วน
– บทหนังคล้ายกับในภาคก่อน ๆ เรื่องวางไว้หลวม ๆ อย่างไรก็ตาม หนังยังคงน่าติดตามจากงานแอ็คชั่นที่แพรวพราว
– ความยาวหนังถ้าตัดเหลือให้น้อยกว่า 2 ชม. จะกระชับขึ้น
– ชอบบทสรุปหนังที่พยายามหยุดเรื่องทั้งหมดไว้ที่ภาคนี้ คิดไม่ออกเหมือนกันว่า หนังจะไปต่อได้มากกว่านี้อย่างไร เรื่องราวของ John Wick ดูค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว ถ้าจะไปต่อจริง ไปสำรวจตัวละครอื่น ๆ ก็อาจจะน่าสนใจขึ้น
อีกอย่าง สเกลจักรวาลตอนนี้ รู้สึกเหมือนฟองสบู่พอง ไปต่อมากกว่านี้ อาจแฟนตาซีไปเลย (ขนาดในภาคนี้ ยังมีบางช่วงที่รู้สึกว่า มันเล่นใหญ่เกินสเกลมากไปไหม 😂)
– พาร์ทนักแสดง “คีอานู รีฟ” ยังคงเท่เหมือนเดิม มีที่รู้สึกว่าแย่งซีนได้เด่น ก็ “ดอนนี่ เยน” แย่งซีนดีมาก
ส่วนอีกคน “ฮิโรยูกิ ซานะดะ (ลุงชิเหน๋)” มาเท่เหมือนกันโหมดซามูไร 🤣
สรุป – ถือว่าเป็นหนังปิดท้ายเฟรนไชน์ที่ดี มีลูกเล่นแอ็คชั่นที่สวยงามน่าชื่นชม คุณภาพคับแก้ว
ดังนั้นรอดูกันต่อไปว่าจะมีหนัง Spin–off ตระกูลนี้ต่อเปล่า ส่วนภาคนี้ จากที่เห็นแนวโน้ม น่าจะประสบความสำเร็จงดงาม โกยรายได้เพียบ !
ป.ล. หลังดูจบอย่าเพิ่งลุกไปไหน มีฉาก End-credit
บ่นบ้าภาษาหนัง V.2
การไล่ล่า ล้างแค้น ตามชำระ กับสิ่งที่ต้องชดใช้ หนี้บุญคุณ มิตรภาพและความผูกพัน ล้วนเป็นผลที่ตามมาจากการกระทำของคนเราทั้งสิ้น
John Wick: Chapter 4 (2023) #IMDb 9.1/10 ( 3.1K Vote)
เรียกว่ายกให้เป็นหนังแอคชั่นแห่งปีได้เลยทันทีหลังดูจบ ทุกอย่างในหนังมันช่างปราณีตสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุมโทนที่เป๊ะมากตั้งแต่ซีนแรกจนซีนสุดท้าย โทนรุ่งอรุณ ส้ม น้ำตาล ดำ อันนี้คือความสวยงามแรกที่สัมผัสได้ หนังเริ่มต้นภาค 4 ด้วยเนื้อเรื่องที่ต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว โดยค่อย ๆ ก้าวไปทีละซีนทีละฉากอย่างละเมียด ให้เวลาเราได้ซึมซับกับตัวละครที่คุ้นเคย ไม่ว่าเป็นมิสเตอร์จอห์น วิค ผู้จัดการ Winston พ่อบ้าน Charon และ Bowery King ก่อนที่จะเริ่มแนะนำตัวละครใหม่ Marquis ที่มารับบทได้อย่างแอบจิตแต่หล่อเนี๊ยบโดย Bill Skarsgård ตามด้วย ดอนนี่ เยน ในบท เคน นักฆ่าที่วางมือแล้ว แต่ต้องกลับมารับงานอย่างจำใจ ก่อนที่จะโผล่ไป โอซาก้าเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่า อย่าง Shimazu รับบทโดย Hiroyuki Sanada ที่ตั้งคำถามขึ้นมาว่า คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเรื่องนี้จะจบลงตรงไหน ? นั้นคือช่วงอุ่นเครื่องของหนัง ที่เหลือคือการสาดฉากแอคชั่น
ประเคนให้คนดู ระลอกแล้วระลอกเล่า
ผ่านซีนใหญ่ ๆ ที่โปรโมทไว้ว่าจะมีซีนแอคชั่นใหญ่ 3 ฉาก
– เยือนคอนทิเนนทัล สาขาโอซาก้า
– การเผชิญหน้ากันในไนท์คลับกับนักแสดงสายแอคชั่นตัวพ่อ 2 คน
– ดริฟต์รถ 270 องศา ซัดกับแก๊งค์ล่าค่าหัวทั้งปารีส
คือถ้าจะมีเท่านี้จริง ๆ ก็อิ่มจนจุกแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นการโชว์สกิลกระบอกสองท่อนของ เฮียคีนู รีฟ ซีนโชว์คิวกังฟูของดอนนี่ เยน ที่เอาลายเซ็นประจำตัวมาใช้ให้เฮกัน และเป็นตัวละครหลักที่เท่โคตร ๆ ไปตลอดทั้งเรื่อง Scott Adkins ที่มาในบทหัวหน้าแก๊งค์นักฆ่าร่างยักษ์ ที่นึกว่าจะมาโชว์การแสดงที่ยียวนกวน Teen อย่างเดียว เพราะว่าแปลงโฉมมาซะคิดไปว่ามึงจะบู๊ยังงัย ที่ไหนได้ หงจินเป่า ประทับร่างชัด ๆ ทั้งพริ้วทั้งหนักแน่น เรียกว่ามาแค่ฉากเดียวก็จริง แต่ Scott Adkins จัดเต็มจริง ๆ ไม่เสียแรงสตั้นท์ตัวพ่อ ไหนจะฉากขับรถดริฟท์ ที่อวดไว้ว่าเฮียคีนู ซ้อมอยู่ร่วมปี ไม่ใช่เรื่องขี้คุยเลย อ้าปากค้างเหวอกันทั้งโรง เนี้ยเท่านี้ ก็อิ่มจนจุกแล้วนะ
แต่หนังยังไม่หมดเท่านั้น ยังลากเราไปมันส์กับฉากขึ้นบันได ที่จะต้องกลายเป็นฉากคลาสสิคไปอีกนาน ก่อนจะจบลงด้วยการดวลปืน ที่ไม่ต้องหวือหวาอะไรแล้ว เน้น ๆ นิ่ง ๆ ให้เราลุ้นทุกเสี้ยววินาทีแทน งานนี้บอกเลย กึ๋นบวกความรู้ใจกันล้วน ๆ ครั้งที่แล้วรีวิว #SHAZAM2 ว่ายาวแล้วนะ เพราะเป็นการดูหนังที่มีความสุขจริง ๆ สนุกจนยอมมองข้ามช่องโหว่หลาย ๆ อย่างของหนังไป แต่ #JohnWick4 มันทั้งมีความสุข ทั้งสนุกล้น ๆ เสริฟกันจนจุก นาทีไหนที่ว่างเว้นจากซีนแอคชั่น นักแสดงรุ่นเก๋า ๆ ก็โชว์บทบาทการแสดงที่น่าประทับใจทุกคน และคำที่ย้ำมาเป็นระยะ ๆ กับคำว่า ผลที่ตามมา มันคือเรื่องจริง ทุกอย่างที่บานปลายขนาดนี้ มันก็คือผลที่ตามมาล้วน ๆ
มันคือคียเวิร์ดสำคัญของหนังเรื่องนี้เลย และเอาจริง ๆ หนังเรื่องนี้ก็คือ ผลที่ตามมา ของ วันที่ เฮียคีนู รีฟ เอาเงินที่ได้มาจากหนังเรื่อง The Matrix มาซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ฮาเลย์ เดวิดสัน กับนาฬิกาโรเล็กซ์ แจกทีมงานสตั้นท์แมนแล้วหนึ่งในทีมงานสตั้นท์แมน ก็คือ Chad Stahelski ผู้ที่ปั้นตัวละคร จอห์น วิคมากับมือ มันคือมิตรภาพล้วน ๆ ที่ปั้นหนังเรื่องนี้ และปั้นตัวละครตัวนี้ให้เฮียคีนู รีฟ ความหลงใหลได้ปลื้มในศิลปะการต่อสู้ตะวันออก ที่ติดตัว เฮียคีนู รีฟ มาจาก The Matrix ได้ถูกถ่ายทอดมาหลาย ๆ ครั้งแล้วผ่านหนังหลายเรื่อง แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย เรียกว่าเล่นเอาเครดิตนักบู๊ยุค 90 ที่สะสมมา มันแทบจะหายไปแล้วด้วยซ้ำเพราะทำหนังเจ๊งมาตลอด
งานนี้กลับมาเป็นตำนานไปอีกนานสำหรับเฮียคีอานู รีฟ บ่นบ้าไปเรื่อยตามประสา #บ่นบ้าภาษาหนัง ที่คงจะคุยจนจบไม่ลงแน่ ๆ กับหนังเรื่องนี้ ถ้าไม่ตัดจบ เอาเป็นว่าในฐานะที่โตมากับหนังแอคชั่นโชว์สตั้นท์ ยุคเฟื่องฟูของเฉินหลง ที่เล่นจริงเจ็บจริงเฉียดตายจริง ๆ แต่ด้วยโปรดักชั่นแบบฮ่องกง ๆ มันเลยสุดในรุ่นได้เท่านั้น มายุคหลังแม้จะมีทุนที่มากขึ้นจากทุนจีนแผ่นดินใหญ่ โปรดักชั่นจะอลังการขึ้นดูแพงขึ้น แต่ซีนสตั้นท์ไม่มีวันเหมือนเดิมได้แล้ว JohnWick4 คือหนังแอคชั่นโชว์สตั้นท์ที่สมบูรณ์แบบ ที่เติมเต็มฝันให้กับทุก ๆ คนที่มาร่วมงานกัน เอาประสบการณ์ของแต่ละคนมาหล่อหลวมรวมกัน จนทำให้เกิดหนังสนุก ๆ มันส์โคตร ๆ เรื่องนี้ ขอกราบคารวะให้กับทุกคนที่มีส่วนร่วมเลยครับ ขอบคุณคร้าบบบบบ
ตั๋วร้อนWorldwide
John Wick: Chapter 4 (2023)
________________________
คือมันจะมีที่ชอบมากๆ กับ เอ๊ะ!? ไปตลอดทั้งเรื่องควบคู่กันไป เอาที่ชอบก่อนนะแน่นอนว่า ดอนนี่ เยน เอาคาแร็คเตอร์นี้ไปสร้างเป็นหนังอีกเรื่องได้สบายๆ รวมถึง แทร็คเกอร์ กับน้องหมาของเขาด้วย ตัวนี้เหมือนจะทั้งถูกใจและเจ็บจี๊ดสำหรับนักเทรดคริปโตทั้งหลายที่เคยเก็งกำไรและเคยประสบภาวะติดดอย
คิวบู๊ยังคงมันส์ระเบิดเถิดเทิงเช่นเคย พวกลิ่วล้อภาคนี้ไม่หมูเด้อ เอาลงยากกว่าทุกภาค พวกลูกกระจ๊อกไรพวกนี้ เพราะแม่งพากันใส่เกราะใส่สูทกันกระสุนกันมั่วไปหมด พี่จอห์นกูเหนื่อยเลย เห็นได้ชัดว่าพี่คีอานูแกช้าลงพอสมควร บางซีนนี่จับสังเกตได้เลยว่าพวกสตั๊นท์ที่ดาหน้าเข้ามาให้เฮียตบๆตื๊บๆบางคนยืนรอหมัดเฮีย แต่ก็ถือซะว่าเข้ากับเนื้อเรื่องดี คือเจอมาขนาดนี้ไม่เหนื่อยไม่เนือยสิแปลก
แต่ที่เป็นความพลาดมหันต์เลยคือมันจะมีซีนหนึ่งในไนท์คลับ ไม่รู้อะไรดลใจให้กำกับตัวประกอบกันแบบนั้น คือเขาตีกันยิงกันแทบตายมึงพากันเต้นราวกับไม่มีอะไร มึงไม่กลัวลูกปืนก็ช่วยกลัวส้นตีนลูกหลงกันหน่อยเหอะ แล้วสักพักเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้มั้ง อยู่ๆแม่งให้พวกที่เต้นๆวิ่งแตกตื่น อีสัส!! เขาตีกันจะเสร็จแล้วมั้ย เหมือนมึงใส่ใจแต่คิวบู๊จนลืมบรีฟเอ็กซ์ตร้า น่าตื๊บผู้ช่วย 2 ชิบหายกองห่านี่
เห็นถึงการโกงคนดูซึ่งๆหน้าโดยการออกทะเลไปเรื่อยเรื่องกติกาของสภาสูง แล้วการเอานักแสดงที่ไม่ได้ดูเก๋าเอาซะเลยมาเล่นเป็นผู้กุมอำนาจสั่งการ อารมณ์เหมือนให้ไอ้หน้าอ่อนเด็กสปอยล์มาคุมองค์กรที่น่ากลัวที่สุดในโลก มึงขึ้นมาไงก่อน เล่นบอร์ดเกมชนะคณะบริหารเหรอ แม่งไม่ได้มีราศีให้กูกลัวได้เลย กลับไปทาหน้าขาวแจกลูกโป่งเด็กใน IT เถอะว่ะ เพราะกติกาที่แถไปเรื่อย กับตัวร้ายห่วยๆภาคนี้ สภาสูงมึงเลยขาดความน่าเชื่อถือไปเลย กฎกติกาแม่งก็วางช่องโหว่ให้พระเอกรอดไปเรื่อยแบบน้ำขุ่นๆ เหมือนทางมันตันก็เลยเอาแม่งแบบนี้แหละ เพราะทีมงานก็ออกมายอมรับเองว่าไม่ได้กะจะทำหลายภาคขนาดนี้ แต่หนังเสือกได้ตังค์เลยต้องลุยต่อ ไปใหญ่ไปโต
ชอบที่หนังคาราวะศิลปะการต่อสู้ทั้ง ญี่ปุ่น จีน ตะวันตกแนวคาวบอย แต่ชีวิตนี้กูอยากวาร์ปไปประเทศนั้นประเทศนี้ได้แบบพี่จอห์นจริงๆ กระเป๋าไม่ต้อง ของไม่จำเป็น พาสปอร์ตมีหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่พี่ไปโผล่ทุกๆประเทศได้ไวมาก นี่คือแอบนึกตามขำๆ ไม่มีใครไปดักรอฆ่าแกที่สนามบินบ้างเลยเหรอวะ ก็รู้ว่ามันหนัง จะคิดเยอะทำไม แต่ก็กูคิดเยอะอ่ะ ทอม ครูซ ก็ทำหนังบู๊เหมือนกันแกยังต้องมีฉากขี่นั่นขี่นี่ไปไหนมาไหนเลย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิวบู๊มันเด็ดดวงจริงๆ แถมตัวละครแต่ละตัวก็แย่งซีนกันได้ดีทีเดียว มีของมาโชว์ของใครของมัน ชนิดที่ว่ามึงสามารถทำภาคแยกให้มันได้หมดเลยไม่เว้นกระทั่งหมา นี่คือในซีนท้ายๆชอบมาก แอบนึกภาพกูเดินขาลากขึ้นบันไดดอยสุเทพเฉยๆกูยังท้อ อันนี้คือยกให้เป็นซีนอุปสรรคที่ดีที่สุดของทุกๆภาคเลย ดูยาก ดูเหนื่อย ดูน่าเอาใจช่วยแม้มึงจะเก่งแค่ไหนก็ตาม
นี่ไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุด ไม่ใช่หนังบู๊ที่ดีที่สุด แต่ท่ามกลางห่ากระสุน กับการฆ่าแกงกันทั้งเรื่อง หนังก็ไม่ลืมใส่หัวจิตหัวใจให้ตัวละคร มันมีให้เห็นไม่บ่อยนะหนังบู๊ดูเอามันส์ มีความบาดหมางกันเต็มเรื่องไปหมด แต่ดูแล้วมันมีคำว่ามิตรภาพที่หว่านใส่คนดูตั้งแต่ต้นยันจบ แม้จะรู้สึกเหมือนหนังมันโกงๆเราซึ่งๆหน้า แต่การโกงของมึงก็อารมณ์เหมือนนักมายากลนั่นแหละ คือกูสนุกก็ได้อ่ะ ยอมให้มึงโกงกู กูอยากรู้ว่ามึงจะไปต่อยังไง และมีอะไรให้กูว้าวอีก ซึ่งแม่งก็เสิร์ฟให้กูจนจบโชว์ได้จริงๆ มีทั้งหวาดเสียว ขบขัน ลุ้นระทึก ฯลฯ นี่แหละคือโชว์ที่ดี
*** หนังมีฉากท้ายเครดิต รอนานหน่อย รายชื่อสตั๊นท์แมนเยอะจัด
Heroes Talk
John Wick Chapter 4 (2023) จอห์น วิค แรงกว่านรก 4
ไม่อยากเชื่อเหมือนกันจากหนังที่เกือบจะลงแผ่นถูกคําสบประมาท จากนักวิจารณ์หลายคนที่มองว่าเป็นขาลงของป๋า Keanu Reeves สู่หนังแอคชั่นพลิกวงการหนังแอคชั่นไปทั่วโลกสู่ภาคที่ 4 พร้อมกับความยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สร้างมาเลยก็ว่าได้
ไม่เกินจริงเลยที่ภาคนี้จะอัพสเกลใหญ่ที่ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่สมการรอคอยจริง แต่เสน่ห์ของภาคนี้คือการมีอะไรใส่ให้หมด แล้วมีทางตัวเองชัดเจน และรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรในภาคนี้ที่สุดแล้วละ หนัง John Wick 4 มันคือหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ ผสมหนังจอมยุทธฮ่องกง แบบจอห์น วู ที่ผสมได้อย่างลงตัวและโคตรมันส์ในแบบหนัง John Wick เลย เรียกได้ว่าภาคนี้แทบจะเป็นหนัง Pure Action เลยก็ว่าได้มันอัดแน่นไปด้วยฉากบู๊กับงานสตั๊นท์สุดครีเอทีฟ ที่เข้าใจเลยว่าต้องเป็นสตั๊นเท่านั้นที่จะคิดอะไรแบบนี้ได้ ทั้งๆที่มีมา 3ภาค แต่ก็ยังหาไอเดียการดีไซน์ฉากได้อย่างสร้างสรรค์และใหม่อยู่ตลอด
โดยเฉพาะตอนที่ตัว จอห์น มาอยู่ที่ปารีส ทุกฉากประทับใจสุดๆ ตั้งแต่ฉากบู๊ตรง ประตูชัย ฉากบู๊ลองเทคมุมมอง Bird eye view ที่เปิดโหมดระห่ำเพลงมันส์แบบเกมส์ Hotline Miami หรือฉากบันได ที่ดีไซน์ได้ทั้งมันส์และเท่ห์ในเวลาเดียวกันจริงๆ ที่สำคัญหนังยังรู้ตัวว่าอะไรในแฟนไชน์โดดเด่น ภาคนี้ก็ใส่มาให้มีบทบาทมากขึ้น ตั้งแต่ตัวละครหน้าใหม่และเก่าที่ได้มีแอร์ไทม์มากขึ้น ไม่ได้เหมือนภาคก่อนๆที่เกือบจะ 80% จะอยู่กับ John Wick อย่างเดียว ภาคนี้ได้โชว์แง่มุมต่างๆที่เราไม่เคยได้เห็น ได้เห็นภาคนี้มากยิ่งขึ้น พร้อมการสร้างตัวละครที่มีเสน่ห์เอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ โดยเฉพาะ เคน ของ ดอนนี่ เยน ที่เจ๋งมากๆทุกครั้งที่ออกมีวิธีการต่อสู้ที่แปลกใหม่ หรือ โลกนักฆ่า ที่ตัวหนังเสริมมาให้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกฏใหม่ที่พร้อมท้าทายตัว จอห์น วิค มากยิ่งขึ้นผมว่านี่แหละคือเสน่ห์ ของหนังชุดนี้ถ้าไม่มีไอเรื่องโลกนักฆ่าพวกนี้ผมว่าหนังมันจะหมดเสน่ห์ดูเป็นหนังแอคชั่นทั่วไปเลยละ ซึ่งมันก็โดดเด่นมาทุกภาคจริงๆ
แต่ภาคนี้มันก็ยังมีข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่นที่ยังติดความยื้อๆกว่าจะฆ่าท่าเยอะ เราไม่ค่อยชอบทุกครั้งที่สู้กับคนมีชุดเกราะ มันกว่าจะตายกว่าจะจบมันยื้อไว้นาน ทั้งๆที่หนัง John Wick ในภาคแรกๆคือหนังที่เน้นปลิดชีพศัตรูด้วยความรวดเร็วที่สุดในภาคหลังๆมันเหมือนเป็นการโชว์ฉากสตั๊นศิลปะท่าเยอะดูเซ็ตเยอะขึ้น ซึ่งเข้าใจได้ว่าหนังเหมือนเป็นการชูงานด้านนี้ให้ได้มากที่สุดแต่ก็แอบไม่ชอบอยู่ดี โชคดีที่ว่าภาคนี้มันไม่เยอะเหมือนภาค 3 และเป็นแค่ช่วงแรกๆของตัวหนัง เช่นเดียวกับที่ผมบอกผ่านมา John Wick มันเริ่มต้นเป็นหนังแอคชั่นที่ดูเรียบๆไม่หวืดหวาแต่เฉียบคมด้วยการดีไซน์ฉากแอคชั่น นับตั้งแต่ภาค3 มันกลายเป็นหนังต่อสู้กำลังภายในซึ่งแอบเสียดายนิดหน่อย แต่โชคดีที่ว่าภาคนี้มันผสมทุกส่วนเข้ากันแล้วยังสนุกกับมันได้มากๆเช่นกัน
เหมือนเป็นการเอาเสน่ห์ของแต่ละภาค มามิกซ์ใหม่ในแบบที่ทุนสูงขึ้นพัฒนาให้ดูดียิ่งใหญ่มากขึ้น มันยังคงเป็นหนังในแบบ John Wick นั้นแหละเน้นบู๊โชว์ความสุดยอดในการฆ่าของ John Wick แต่เพิ่มสเกลทุกๆด้านให้ถึงขีดจำกัดทั้งหมดใส่เต็มให้ได้มากที่สุด อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าภาคแรกมันได้ทุกเท่าภาคนี้ตัวหนังจะเป็นยังไง
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Hunt The Wicked (2024) ไล่ล่าวายร้าย
Military Prosecutor Doberma (2022) คู่หูอัยการทหาร โดเบอร์แมน
Argylle (2024) อาร์ไกล์ ยอดสายลับ
7.1