Inside Out 2 (2024) มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2
เรื่องย่อ
inside out 2 movie สำนักงานใหญ่จิตใจของ Teenager Riley กำลังถูกรื้อถอนกะทันหันเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับสิ่งที่คาดไม่ถึง: อารมณ์ใหม่! ความยินดี ความโศกเศร้า ความโกรธ ความกลัว และความรังเกียจที่ประสบความสำเร็จมายาวนาน ไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อความวิตกกังวลปรากฏขึ้น และดูเหมือนว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว
ผู้กำกับ
เคลซีย์ แมนน์
บริษัท ค่ายหนัง
- พิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์
นักแสดง
- เอมี โพห์เลอร์
- ฟิลลิส สมิธ
- ลูอิส แบล็ก
- โทนี เฮล
- ลิซา ลาพิรา
- มายา ฮอว์ก
- อาโย เอเดบิรี
- แอดเดล เอ็กเซอโชโพลอส
- พอล วอลเตอร์ เฮาเซอร์
- เคนซิงตัน ทอลแมน
- ไดแอน เลน
- ไคล์ แมคลัคแลน
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง inside out ภาค 2
Kanin The Movie
อีกหนึ่งประโยคที่ชอบจาก Inside Out 2 — สิ่งที่ชอบมาตั้งแต่ภาคแรกคือการที่มันไม่ใช่แค่หนังที่พาไปสำรวจอารมณ์ของ ไรลีย์ แต่ยังเราเฝ้าดูความรู้สึกนึกคิดของเหล่าอารมณ์ในหัวของเธอด้วย โดยที่ทั้งสองส่วนต่างสัมพันธ์กันในความเป็นมนุษย์มากๆ
เราชอบที่ภาคแรก จอย ได้พบว่าความสุขนั้นมีหลากหลายมิติ และมุันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ในเรื่องที่เศร้าเราก็ยังสามารถยิ้มให้ได้ ส่วนในภาคสอง เราชอบที่เธอกลายเป็นผู้แบกความสุขในวันที่ความสุขเริ่มไม่ใช่ส่วนสำคัญ การที่ไรลีย์เติบโตเป็นวัยรุ่น ถูกแทนที่ด้วยความกังวลใจ หน้าที่ของความสุขจึงถูกลดทอน และเธอไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากเป็นความสุขที่อยู่ตรงนั้นไกลๆ พอได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากจอยเราเลยรู้สึกว่ามันดีมากๆ เพราะเธอคืออารมณ์ของความสุขที่ก็ไม่ได้สุขด้วยเช่นกัน มันยากกับตัวเธอเองเช่นกันที่ยังต้องทำหน้าที่นี้ตลอดไป ในชีวิตที่ไม่ได้อนุญาตให้เธอสำคัญได้เหมือนก่อน
รู้สึกว่าการซ้อนทับระหว่าง ไรลีย์ กับ จอย ยังคงดีเหมือนเดิม คนดูเองก็เห็นใจในความรู้สึกของจอย และมันก็ตอกย้ำอารมณ์ลึกๆ ของมนุษย์ที่รู้อยู่แก่ใจว่าอยากจะมีความสุข แต่เราก็ผลักมันออกไป และให้สิ่งอื่นเข้ามาควบคุมแทน เมื่อเราเติบโตขึ้น ชีวิตเปลี่ยนแปลง อนาคต ความฝัน ความคาดหวัง ความกังวลมันก็ทำให้เราไม่จอยกับชีวิตอย่างที่เคยเป็น ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่พอนึกๆ ดูแล้วมันก็จี๊ดใจไม่น้อยที่ความสุขต้องถดถอยบทบาทไปทั้งๆ ที่เราอาจไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากมันเลย
— Inside Out 2 (2024) วันนี้ในโรงภาพยนตร์
-djP@T-
[SR] ไปดูมาแล้ว! Inside Out 2 – หนังเล่าเรื่องการเติบโตผ่านประสบการณ์ได้น่าตื่นตาและประทับใจ
จากวันเก่าที่เคยเป็นเด็กน้อย มีความสุขอยู่กับครอบครัวและเพื่อน แต่ต้องย้ายบ้านเลยเกิดปัญหาการปรับตัวตามมา คราวนี้ โตขึ้นอีกหน่อย กลายเป็นสาววัยรุ่นที่วุ่นวายอยู่กับทั้งเรื่องและตัวตนในสังคม ส่งผลให้หนังแอนิเมชันภาคต่อจากพิกซาร์อย่าง ‘Inside Out 2’ หรือชื่อไทย ‘มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2’ มีอารมณ์เพิ่มขึ้นมาอีกหลายตัวเลยล่ะ
ผ่านไป 9 ปี ในที่สุดพิกซาร์ก็คลอดภาคสองออกมาให้ได้ติดตามชีวิตไรลีย์และอารมณ์ต่างๆ ของเธอ คราวนี้ เปลี่ยนผู้กำกับเป็น Kelsey Mann ผู้มีเครดิตในหลายๆ เรื่องของพิกซาร์ อย่างการร่วมเขียนบทใน ‘The Good Dinosaur’ และร่วมในทีมงานแอนิเมชัน ‘Onward’ เขาเล่าเรื่องของไรลีย์ที่เติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่น ที่มีความคิดที่ซับซ้อนขึ้น อารมณ์ต่างๆ จึงมีมากขึ้น และเธอกำลังมาถึงช่วงเวลาในการเรียนรู้ตัวตน หนังยังทำเรื่องเรียบง่ายให้มีสีสัน ที่ทำให้ยิ้ม หัวเราะ และเศร้าซึมได้เหมือนอย่างเคย
ได้ดูหนังแล้วก็อาจนึกถึงวันเก่าๆ ต้องที่เรายังเป็นวัยรุ่น มีเรื่องทำพลาด มีเรื่องการค้นหาตัวตน ส่งผลให้รู้สึกอินไปกับหนังได้อย่างแน่นอน
Mal De Pierres
Inside Out 2: มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2
กำกับโดย Kelsey Mann
จบไปหนึ่งเรื่องในฐานะแอนิเมชั่นแห่งปี คาดว่ายังไงก็คงได้ชิงออสการ์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมแน่นอน (คู่แข่งน้อย 😄) ดังนั้นเราก็ต้องมามารีวิวสักนิดหนึ่ง
– Inside Out ภาคนี้ เหมือนเป็นภาคขยายที่ต่อเนื่องมาจากภาคแรก
“ไรลีย์” เด็กสาวเริ่มเติบโตเป็นวัยรุ่น ทำให้มีอารมณ์ใหม่ ๆ เข้ามา ขณะที่เธอได้รับการคัดเลือกให้ร่วมแคมป์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ซึ่งเป็นสถานที่ใหม่ที่จะทำให้เธอได้เรียนรู้และเติบโต
Disney & Pixar’s Inside Out 2 | มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2 – Official Trailer
– สิ่งที่ชอบในภาคนี้ อย่างแรกก็ต้อง “ไอเดีย” แม้จะไม่ต่างจากภาคแรกมาก แต่ไอเดียเรื่องอารมณ์ที่สะท้อนจิตวิทยาตัวตนเรา เป็นไอเดียที่สร้างสรรค์จริง (ชอบซีนต้นไม้แห่งตัวตนมาก)
– ส่วนถัดมา ชอบในแก่นเรื่องที่นำเอา “ปัญหาชีวิต (วัยรุ่น)” มาอธิบายกลั่นเป็นเรื่องราวที่เรียบง่าย แต่มี impact กับผู้ชมทุกคน
ในชีวิตเรา “วัยรุ่น” คือ ด่านแรกของการเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่ วัยนี้เป็นช่วงที่ฮอร์โมนมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่ง่ายที่เราจะได้รู้จักและรับมือกับอารมณ์ใหม่ ๆ ที่อาจสร้างปัญหาให้กับเราหลายครั้ง
เช่นใน Inside Out โฟกัสหลักไปที่ “ความสุขเริ่มเลือนหาย ขณะที่ความว้าวุ่นใจเพิ่มขึ้นมา” สะท้อนถึง มีมิติทางอารมณ์ของ “คน” ที่ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม ความสำคัญของครอบครัวอาจลดลง ความสำคัญและมิตรภาพของเพื่อนเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ “วัยรุ่น” ยังเป็นวัยที่เราต้องการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อแสดง “ตัวตน” ของเราให้สังคมได้เห็น
อย่างไรก็ตาม “ตัวตน” ที่แท้จริง ไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น กว่า “เรา” จะเป็นเราในวันนี้ ล้วนผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่ขัดเกลาให้เราเยือกเย็นขึ้น นิ่งขึ้น
ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ การที่เหล่า “วัยรุ่น” ได้เผชิญกับปัญหา (และอารมณ์) ภายใต้การซัพพอร์ตที่ดีของผู้ใหญ่ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างกลมกลืน ในไม่ช้าเด็ก ๆ เหล่านั้นก็จะเป็นผู้ใหญ่เข้มแข็งเอง
– มาถึงส่วนที่ไม่ถูกใจบ้าง
อย่างแรก สไตล์การทำแอนิเมชั่นของ Pixar คือ การทำแอนิเมชั่นที่มีคอนเซปต์แบบ “ผู้ใหญ่” แต่เผื่อให้เด็กดูได้ด้วย
หนังของ Pixar หลาย ๆ เรื่อง จึงลดทอนความเข้มลง และใส่ความฉูดฉาดเข้ามา ต้องมีมุกตลก ต้องมีบทสนทนาอธิบายทุกอย่างให้คนเข้าใจ
ตรงนี้เป็นส่วนที่อาจจะไม่ได้ชอบ ในหลายจุด ถ้าปล่อยให้ผู้ชมดูและคิดเอง น่าจะช่วยให้หนังคมขึ้นกว่านี้
– อีกส่วนหนึ่ง รู้สึกว่าพักหลัง เริ่มอินกับแพทเทินแบบนี้น้อยลง
นั่นคือ แพทเทินการทำตัวละครแบบ “บุคลาธิษฐาน” (Personification) เพื่อสำรวจปัญหาอันนำไปสู่บทสรุปที่ดี ไล่ตั้งแต่ Inside Out (2015), Soul (2020), Elemental (2023) มาจนถึง Inside Out 2 (2024)
โดยรวมแล้ว หนังเรื่องต่าง ๆ ทำได้ค่อนข้างดี แต่ก็เริ่มมีแพทเทินหรือสูตรสำเร็จที่ “จำเจ” เข้ามาบ้าง (อาจจะยกเว้น Soul ที่เกือบจะหลุดหนังปรัชญาไปแล้ว)
นอกจากนี้ การทำหนังสำรวจจิตใจผ่านตัวละครที่เป็นตัวแทน อาจไม่มีอิสระในการเล่ามาก เช่น ใน Inside Out อารมณ์ต้องผูกเข้ากับร่างกายตลอด ครั้นพอใส่อะไรเข้าไปเยอะ ความสมจริงก็ลดลง เพราะอารมณ์เราเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาขนาดนั้นไม่ได้
สรุป – เป็นแอนิเมชั่นของ Pixar ที่ทำได้ดีในปีนี้ และคงทำรายได้ถล่มทลาย
เชื่อว่า ระหว่างดูทุกคนคงจะย้อนนึกไปถึงช่วงวัยว้าวุ่น พาให้นึกไปถึงว่า “เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร”
ใครสนใจแนะนำเลย ของดีจาก Pixar !
____________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
รีวิวเหลือๆ
#รีวิวหนัง Inside Out 2 มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2
(ไม่มีข้อมูลสปอยล์)
ประโยคจดจำ
“เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินว่าตัวตนของไรลีย์เป็นอย่างไร”
คะแนน 9 / 10
ดูได้ที่ โรงภาพยนตร์
ข้อสรุป
__________________________________
ภาคต่อหนังที่โตขึ้นตามวัยของคนดู ช่วงแรกปูเรื่องมาอย่างสนุกสนาน แต่ในช่วงท้ายเล่นเอากลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
ตัวละครใหม่ๆที่โผล่มาก็ช่วยสร้างสรรค์ ทำให้หนังไม่น่าเบื่อเลย อาจจะรู้สึกว่าภาคนี้โทนมันจะติดเล่นๆหน่อย
แต่สำหรับคนที่ตามมาตั้งแต่ภาคแรก และอยากเห็นพัฒนาการของไรลีย์ช่วงท้ายน่าจะน้ำตาไหลตามได้ไม่ยากเลย และมีบทสรุปที่โอเคมากๆ
หนังเข้าแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ และระบบ IMAX, 4DX และ Dolby Atmos
สิ่งที่ชอบ
__________________________________
หนังเล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรกในวัย 13 ปีของไรลีย์ แอนเดอร์เซน ซึ่งเป็นวัยที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยมัธยม (High School) เธอชื่นชอบการเล่นกีฬาฮอกกี้มากๆ โดยในภาคนี้เธอจะต้องผ่านบททดสอบสำคัญ และอารมณ์ที่แปรปรวนมากขึ้นตามวัยที่โตขึ้น
เราชอบการดีไซน์โลกในความคิดของไรลีย์ที่ผู้สร้างได้ต่อยอดจากภาคแรกได้อย่างน่าสนใจ ทั้งตัวละคร และสถานที่ เราจะได้เห็นเมืองในจินตนาการของไรลีย์ก็จะเปลี่ยนไปตามความคิดที่โตขึ้นของไรลีย์ รวมถึงส่วนที่เราชอบมากๆก็คือการได้เห็นชุดความคิด (Belief System) และความเชื่อของไรลีย์ ซึ่งถูกดีไซน์ออกมาเป็น Sense Of Self (การรู้ตัวตน) ที่กลายเป็นซีนจำของเรื่องเลย ตลอดเรื่องเราจะได้เห็นวิธีที่ไรลีย์สร้างตัวตนขึ้นมา ซึ่งเป็นไอเดียที่เรารู้สึกชอบมากๆ
และส่วนนึงที่ทำให้หนังเรื่องนี้มันเหมาะกับเรามากๆ คือแมสเสจของหนังที่ส่งต่อมาหาคนดู Inside Out ภาคนี้ยังคงทำหน้าที่เป็นหนังที่ฮีลลิ่งให้กับดูได้อย่างดี มันปลอบประโลมให้ในวันที่เราท้อและไม่มีความสุข
“บางทีการโตขึ้นก็แบบนี้ มีความสุขน้อยลง” แต่การหยิบหนังเรื่องนี้มาดูมันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นกับตัวเองและคิดอะไรได้ จากที่เราได้เรียนรู้ในภาคแรกว่าเราควรโอบรับความเศร้าและความผิดหวัง ในภาคนี้มันทำให้เราได้รู้ว่า เรามีความเชื่อที่หลากหลายทั้งแบบที่ดีและแบบที่ไม่ดี แต่สุดท้ายแล้วเราเลือกที่จะเป็นคนดีและมีความสุขได้
และตัวตนนั้นมันอยู่ในตัวของเราทุกคนครับ สิ่งที่หักคะแนน
__________________________________
สำหรับส่วนที่หักคะแนนจริงๆมันหายากมาก เพราะเราแทบจะรู้สึกมันทำงานกับเราไปมากๆตอนดู แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ต้องยอมรับว่าวิธีการดำเนินเรื่อง และคอนฟลิกต์มันมีความคล้ายคลึงกับภาคแรกเยอะพอสมควรครับ แต่หนังก็สามารถที่จะสร้างโลกของมันให้ตื่นตาได้มากขึ้นและมีสีสันขึ้น แม้แมสเสจของหนังอาจจะไม่ตรึงใจมากเท่าภาคแรก แต่นี่คือภาคต่อที่ต่อยอดความดีงามของภาคแรก และภาคที่โตขึ้นตามคนดูอย่างแท้จริง
ดูหนัง ออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Inside out (2015) มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง
Moana (2016) ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้
7.1