KUBHD ดูหนังออนไลน์ Halloween Ends (2022) เต็มเรื่อง ปิดฉากฮาโลวีน
เรื่องย่อ
นี่คือการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายระหว่าง “ลอรี่ สโตรด” และ”ไมเคิล ไมเยอร์ส” ผ่านไป 4 ปี หลังจากเหตุการณ์เมื่อภาคที่แล้ว ลอรี่ ได้มาอาศัยอยู่กับหลานสาว อัลลิสัน และกำลังเขียนบันทึกชีวิตเรื่องราวความทรงจำของเธอให้แล้วเสร็จ เธอก็ไม่ได้พบเจอ ไมเคิล ไมเยอร์ส อีกเลย โดยหลังจากที่เธอปล่อยให้ปีศาจร้าย อย่าง ไมเคิล ครอบงำมานานหลายทศวรรษ
เธอก็ตัดสินใจปลดปล่อยตัวเองจากความโกรธและความกลัว พร้อมกับยอมรับชะตากรรมแห่งชีวิต แต่กระทั่งชายหนุ่มที่ชื่อ คอรี่ คันนิ่งแฮม ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรรมฆ่าเด็กที่เขารับดูแลเป็นพี่เลี้ยง ก็เกิดเป็นการจุดชนวนความรุนแรงและหวั่นกลัวในพื้นที่มากยิ่งขึ้น และมันก็ทำให้ลอรี่ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้ายที่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป..!
Halloween Ends เป็นภาพยนตร์นักฆ่าชาวอเมริกันปี 2022 กำกับโดย David Gordon Green และร่วมเขียนบทโดย Green, Danny McBride, Paul Brad Logan และ Chris Bernier มันเป็นภาคต่อของ Halloween Kills (2021) ภาคที่สิบสามของแฟรนไชส์วันฮาโลวีน และภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในไตรภาคของภาคต่อที่เริ่มต้นด้วยภาพยนตร์ปี 2018
ซึ่งต่อจากภาพยนตร์ปี 1978 โดยตรง นำแสดงโดย เจมี ลี เคอร์ติส, แอนดี มาติชัค, โรฮาน แคมป์เบลล์, วิลล์ แพตตัน, ไคล์ ริชาร์ดส์ และเจมส์ จูด คอร์ทนีย์ โครงเรื่องติดตามคอรีย์ คันนิงแฮมผู้ถูกเนรเทศซึ่งตกหลุมรักหลานสาวของลอรี สโตรด ในขณะที่เหตุการณ์ต่างๆ มากมาย รวมถึงการพบปะกับไมเคิล ไมเยอร์ส ทำให้เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
ในคืนวันฮาโลวีนปี 2019 คอเรย์ คันนิงแฮม วัย 21 ปีดูแลเด็กหนุ่มชื่อเจเรมี อัลเลน ซึ่งแกล้งเขาด้วยการขังเขาไว้ในห้องใต้หลังคา ขณะที่พ่อแม่ของเจเรมีกลับมาบ้าน คอเรย์ก็เตะประตูเปิดออกและกระแทกเจเรมีข้ามราวบันไดจนเสียชีวิต คอเรย์ที่ปฏิเสธว่าไม่ได้ตั้งใจ ถูกจับในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา แต่ผู้พิพากษาก็เคลียร์ได้ด้วยผลการถูกไล่ออก
สามปีต่อมา เมืองแฮดดอนฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ ยังคงสั่นคลอนจากผลพวงของการสังหารหมู่ครั้งล่าสุดของไมเคิล ไมเยอร์สในปี 2018[a] ขณะที่ไมเคิลหายตัวไป Laurie Strode กำลังเขียนบันทึกความทรงจำและอาศัยอยู่กับ Allyson หลานสาวของเธอ ในขณะเดียวกัน Corey กำลังทำงานอยู่ที่ลานกอบกู้ของพ่อเลี้ยงของเขา วันหนึ่งระหว่างทางกลับบ้าน
ภาพยนตร์นักฆ่าชาวอเมริกัน ปิดฉากฮาโลวีน เขาถูกกลั่นแกล้งจากโรงเรียนมัธยมปลายและทำร้ายตัวเองในระหว่างนั้น ลอรีผู้สังเกตการณ์พาเขาไปที่ห้องทำงานของแพทย์ที่แอลลิสันทำงานอยู่ อัลลิสันและคอเรย์พัฒนาความสัมพันธ์และต่อมาได้เข้าร่วมงานปาร์ตี้ฮัลโลวีน โดยที่นางอัลเลนเผชิญหน้ากับคอเรย์ คอเรย์ออกจากงานปาร์ตี้และวิ่งเข้าไปหาคนอันธพาลที่โยนเขาลงจากสะพาน เขาถูกลากเข้าไปในท่อระบายน้ำโดยไม่รู้ตัว และต่อมาก็ถูกไมเคิลสำลัก ซึ่งในที่สุดก็ปล่อยเขาไป ขณะที่เขาคลานออกไป คอเรย์ก็ถูกคุกคามโดยชายจรจัด ในการต่อสู้ คอเรย์แทงชายคนนั้นจนตายและหนีไป
ในนัดทานอาหารเย็น แฟนเก่าของแอลลิสันก่อกวนเธอ ส่งผลให้คอเรย์ล่อเขาเข้าไปในท่อระบายน้ำเพื่อให้ไมเคิลฆ่าในเวลาต่อมา อัลลิสันถูกส่งต่อเพื่อเลื่อนตำแหน่งในที่ทำงาน เพื่อสนับสนุนพยาบาลที่กำลังมีความสัมพันธ์กับแพทย์ ต่อมาในคืนนั้น คอเรย์ฆ่าหมอที่บ้านของเขาในขณะที่ไมเคิลฆ่าพยาบาล อัลลิสันที่ไม่รู้ตัววางแผนที่จะออกจากแฮดดอนฟิลด์พร้อมกับคอเรย์ที่ยืนกรานเพราะบาดแผลในอดีต
ขณะลอรีตระหนักว่าคอเรย์ติดเชื้อจากความชั่วร้ายของไมเคิล ลอรีพบว่าคอเรย์นอนหลับอยู่ในจุดที่เจเรมีเสียชีวิต และเสนอที่จะช่วยเขาโดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะตีตัวออกห่างจากแอลลิสัน คอเรย์โต้กลับโดยกล่าวโทษเธอสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแฮดดอนฟิลด์ และบอกว่าถ้าเขาไม่สามารถมีอัลลิสันได้ ก็ไม่มีใครทำ
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังฝรั่ง เรื่อง Halloween Ends (2022) ปิดฉากฮาโลวีน หนังประเภท Horror สยองขวัญ เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง หนังใหม่ ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน ดูหนังออนไลน์ หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
ผู้กำกับ
David Gordon Green
บริษัท ค่ายหนัง
- Universal Pictures
- Miramax
- Blumhouse Productions
- Trancas International Films
- Rough House Pictures
นักแสดง
- Jamie Lee Curtis
- Andi Matichak
- Rohan Campbell
- Will Patton
- Kyle Richards
- James Jude Courtney
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
หนังครอบจักรวาล
Halloween Ends (2022) – ไมเคิลไม่ใช่หน้ากาก แต่เป็นผู้คน!!
Director : David Gordon Green (Stronger, Halloween Kills)
Genre : Horror, Thriller
– บอกตรงๆเลยคือแอบกลัวมากๆ ไม่ได้กลัวไมเคิลนะ กลัวว่าหนังมันจะออกมายับหมาเป็นที่สุด ด้วยความที่ภาคที่แล้วอย่าง Halloween Kills มันสุดจะบรรลัย แล้วภาคนี้ก็ใช้ผู้กำกับคนเดิม (แต่เอาจริงๆภาค Halloween 2018 ก็ดีนะ) เลยกังวลมากๆว่าพี่ไมเคิลจะลงหลุมตามพี่สิงหาสับกับพี่โฉบกระชากหัว แต่พอได้ดูจบ โอ้โหหห ปิดได้สวย ปิดได้ดี มันจึงทำให้ผมรักตัวละครไมเคิล ไมเยอร์ไปอีกหนึ่งระดับ
– ต้องบอกเลยว่าผมเป็นแฟนพวก Slasher ที่เป็น Iconic มากอยู่แล้ว แต่ไมเคิลไม่ใช่ Top 3 (Top3 มี Jigsaw, Ghostface, Freddie Krueger ผมดุครบทุกภาคเลย) ทำให้ผมอาจจะไม่ได้ดูทุกภาค เท่าที่เคยดูแบบจำความได้ก็มี Halloween (1978), H20 (1998), Halloween Resurrection (2002), Halloween Remake (2007, 2009) และก็ไตรภาคล่าสุด ผมจึงอาจจะไม่เรียกตัวเองว่าแฟนเดนตาย แต่ก็ยอมรับว่าภาค Ends มันคือ Ends แบบกลมกล่อมจริงๆ ถึงแม้ว่าจะยังสู้ภาค 1978 ไม่ได้ก้ตาม
– ภาคนี้มันให้เห็นความอ่อนแอของไมเคิลที่ดูเหมือนเป็นมนุษย์แก่ๆคนนึง และให้คนดูได้เห็นความโหดร้ายของสังคมที่มันก่อร่างสร้างตัวเป็นตัวละครหนึ่งในเรื่อง ที่แทบจะมาสานต่องานของไมเคิล ตรงนี้ผมชอบนะ มันมีจุดที่บอกคนดูด้วยว่าไมเคิลมันคืออะไร เพราะทุกคนจะรู้ว่าไมเคิลคือมนุษย์ อาจจะเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ อย่างกับฉีดเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ ซึ่งความจริงแล้วในภาคนี้มันค่อนข้างเคลียร์มากในความเป็นอยู่ของไมเคิล
– “The Last Girl” อย่างลอรี่ก็ดูจะมูฟออนไปได้เยอะมากๆ เห็นพัฒนาการอย่างชัดเจน ซึ่งผมโอเคมากๆ มันดูหาทางลงให้ตัวละครได้ดีแล้ว ซึ่งมันไม่จำเป็นจะต้องตามขนบมากก็ได้ ถึงแม้ว่าตัวละครที่เป็นเหยื่อของไมเคิล มันจะโคตร Stereotype มากๆก็ตาม แต่ช่างมัน เรามาโฟกัสที่ตัวละครหลักละกัน อ้อ หลังจากที่ลูกสาวลอรี่ตาย เธอก็อยู่กับหลานใช่มะ ละทีนี้หลานแม่งน่าหยุมหัวอีหแล้ว ไม่แผ่วเลยไม่ว่าจะภาคไหนๆ
– ฉากสยองถือว่าทำได้ดี แค่สตาร์ทตอนต้นเรื่อง ฉากอีเด็กเปรตก็ทำเอาร้องเชี่ยแล้ว มันเลยรู้เลยว่าภาคนี้ก็โคตรดุเช่นเดิม ซีนที่ชอบสุดคงเป็นในสุสานรถ ตอนนั้นโคตรมันส์ แต่ข้อเสียที่สัมผัสได้ชัดเจนมากๆเลยคือ ความสยองขวัญในภาคนี้มันลดลงไปมากกกกก แต่มันไม่ได้กระทบการดำเนินเรื่องหรือความสมบูรณ์ของหนังมากนักหรอก แต่ความไมเคิลอ้ะ ผมหวังให้แม่งสยองขวัญกว่านี้หน่อย !
– ทุกครั้งที่มีดนตรีประจำของ Halloween ขึ้นมา แม่งโคตรรู้สึกดี โคตรขนลุกและ Nostalgia มากๆ ยิ่งมีฉากที่ tribute มุมกล้องบุคคลที่หนึ่ง เหมือนฉากเปิด Halloween (1978) ผมนี่ขนลุกเลย มันมีนัยยะของการเริ่มต้นอะไรบางอย่างอยู่ เอาจริงๆผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะจบละไม่มีแล้ว ตัวละครระดับ Iconic แบบนี้ เดี๋ยวก็หาทางขุดมาจากหลุม แล้วเล่าต่ออีก ซึ่งผมเห็นตะกอนอะไรบางอย่างที่มันสามารถทำต่อได้ แต่ถ้าพูดมันจะสปอยล์ ขอเก็บไว้ก่อนดีกว่า
‼️‼️สรุป‼️‼️ หนังมันเดินเรื่องฉับไวมากๆ แป๊บๆก็จบแล้ว ไม่มีเวลาให้พักหายใจหายคอหรอก หนังสนุกมาก ปิดจบได้ดี ดีกว่าภาค Kills เป็น 10 เท่า ถ้าให้ผมเรียงตามความชอบจากมากไปน้อย Halloween (1978) -> Halloween (2018) -> Halloween Ends (2022) -> Halloween Resurrection (2002) -> H20 (1998) -> Halloween Kills (2021) -> Halloween Remake (2007) -> Halloween Remake (2009)
ปล.ไปดูเลย โดยเฉพาะแฟนๆ สนุกเลือดสาดสะใจแน่นอนฮะ.
💚ความชอบส่วนตัว 4/5
🎬ความเป็นหนัง 4/5
🌟หนังดาวรุ่ง 8/10
จิบชา รับลม กับมิสเตอร์ อเมริกัน
Halloween ends (ปิดฉาก ฮาโลวีน) (2022) (David Gordon Green) (B)
3 ปีหลังเหตุการณ์สังหารหมู่ในแฮดดอลฟิลด์ ที่ที่ไมเคิ่ล ไมเออร์ได้ทำการฆ่าคนในวันฮาโลวีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งลูกสาวของลอรี่ สโต๊ด คาเรน ด้วยก่อนที่ตัวของไมเคิ่ล จะหายตัวไปทิ้งเอาไว้เพียงฝันร้ายที่หลอกหลอนคนทั้งเมือง แม้แต่ตัวของลอรี่ และ อลิสัน หลานสาวของเธอจะพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ก็ยังถูกสายตาของคนทั้งเมืองที่มองว่า เป็นคนทำให้คนตายจำนวนมากอยู่ดีและต้องทุกข์ทนกับการถูกมองในฐานะตัวซวยไปจนกระทั่งทั้งคู่ได้พบกับคอร์รีย์ เด็กหนุ่มพี่เลี้ยงที่พลาดท่าทำให้เด็กที่เขาเลี้ยงเสียชีวิตจนมองว่าเป็นฆาตกรไม่ต่างกัน คอร์รีย์ได้ถูกกดดันจากเมืองและครอบครัวจนแทบบ้าและวันหนึ่งเขาที่ถูกแกล้งทำร้ายอย่างหนักจากพวกเด็กตัวแสบก็ได้พบกับไมเคิ่ล ไมเออร์ ฆาตกรโหดในตำนานที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้ และ ฝันร้ายก็กลับคืนสู่เมืองนี้อีกครั้งครับ
ภาคจบปิดตำนานไตรภาค Halloween ชุดใหม่ของ เดวิด กอร์ดอน กรีน ที่คราวนี้ Back to basic ไม่ได้มีเรื่องราวใหญ่โตแบบหนังภาคที่แล้วอีก แต่เน้นไปที่ความเงียบเชียบและอารมณ์หนักอึ้งแบบหนังภาคแรกอีกรอบ และแน่นอนตัวของเดวิด กอร์ดอน กรีน กับทีมเขียนบทคงไปได้ไอเดียหนังภาคนี้มาจาก Halloween 4 ของ จอห์น คาร์เพนเตอร์ ที่ไม่ได้สร้างแน่ ๆ โดยเฉพาะประเด็นว่า ไมเคิ่ล ไมเออร์ยังคงหลอกหลอนเมืองแห่งนี้จนเหมือนเป็นผีที่สิงผู้คนทำให้คนหวาดระแวงและเกลียดชังกันเอง ซึ่งตอนนั้นโปรดิวเซอร์ของหนังอย่าง Mustafa Akkad เบรกไว้เพราะมันซับซ้อนเกินไป และ ไม่มีไมเคิ่ล ไมเออร์ ตัวจริงในหนังด้วย (เพราะทั้งเรื่องเหมือนจะประมาณว่า คนหวาดระแวงกันเองแล้วฆ่ากันเอง เหมือนเห็นผีนั้นแหละครับ) และหันไปทำหนังที่มีไมเคิ่ล ไมเออร์ รอดตายจากหนังภาค 2 มาไล่ฆ่าลูกสาวของลอรี่อย่าง จูดิธ แทนซะงั้น พอดูหนังภาคนี้แล้วก็เริ่มรู้สึกว่า ไอเดียอันนั้นมันก็ไม่น่าทำเท่าไหร่จริง ๆ แหละ เพราะ ภาคนี้พอไม่มีไมเคิ่ลหรือเรื่องราวของไมเคิ่ลก็รู้สึกว่า หนังมันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ นั้นแหละนะ ยิ่งเนื้อหาของเด็กอย่าง คอร์รีย์นี่แบบ…อืม…น่าเบื่ออ่ะ เหมือนเอาหนังไล่เชือดเรื่องอื่นมาใส่แล้วผูกให้ใส่ไมเคิ่ลก็เท่านั้นเอง แทบไม่มีอะไรให้น่าสนใจเลย ซึ่งจะว่าไปอีคอร์รีย์ มันคือ ตัวละครเด็กขี้แพ้ในเรื่อง Christine รถบ้าของคาร์เพนเตอร์เอามาใส่หนังเรื่องนี้แทนนั่นเอง หากเปรียบรถที่ทำให้เด็กในเรื่องเลวขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นปีศาจไป ไมเคิ่ลในหนังก็ไม่ต่างกันที่มันช่วยให้คอร์รีย์ฆ่าคนได้ก็เพื่อจะปลดปล่อยสัญชาติญาณที่หายไปจากวัยที่มากขึ้นก็เท่านั้น
เอาจริง ๆ ถ้ามองกันดี ๆ หนังมันบอกเรากลายว่า คนเราแม่งเป็นฆาตกรได้ทั้งนั้นน่ะแหละ อย่างภาคที่แล้ว Kills คนทั้งเมืองกลายเป็นศาลเตี้ยที่พร้อมจะฆ่าใครก็ได้ด้วยความเห็นชอบของกฏหมู่ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมสุดสยองที่ที่นำมาสู่หนังภาคนี้ที่ไม่จำเป็นหรอกว่า คุณคือ ไมเคิ่ล ไมเออร์อ่ะ คนไม่ต้องใส่หน้ากากก็พร้อมจะเป็นฆาตกรที่บีบให้คนอื่นชิบหายหรือตายห่าได้อย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น (อย่างไอ้เด็กตัวแสบหรือดีเจปากหมาเป็นต้น) คอร์รีย์เองเหมือนกับถูกปีศาจอย่างไมเคิ่ล ไมเออร์เข้าสิงนั้นแหละ เพราะสิ่งที่เขาคือ การปลดปล่อยตัวเองออกมาจากมุมมืดและระเบิดมันใส่ทุกคนอย่างบ้าคลั่ง คือ เราเดาได้แหละว่า หนังมันเหมือนเอาพวกเหตุการณ์กราดยิงทั้งหลายที่มีวัยรุ่นเป็นคนทำแล้วตั้งคำถามนั้นแหละว่า สุดท้ายพวกเราเองหรือเปล่าที่มีส่วนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นน่ะ ?
พอย้อนไปดูครอบครัวของคอร์รีย์ แม่ของเขาเองก็ไม่ต่างกับคุณนายเบทส์ ใน Psycho สักเท่าไหร่นักที่บอกว่ารักลูกแต่ก็ทำร้ายลูกเหมือนกัน (สุดท้ายก็เจอลงทัณฑ์ด้วยปีศาจที่ตัวเองทำขึ้นมา) หรือสังคมที่ต่างถูกเล่นงานด้วยฝีมือของไมเคิ่ลในภาคนี้ที่ที่บอกเราว่า ทุกอย่างทำให้เกิดปีศาจได้แทบทั้งสิ้นนั้นเอง
เราทุกคนมีปีศาจในตัว และ เป็นไมเคิ่ลทั้งนั้น
ตัวของลอร์รีย์บอกแบบนั้นและเหมือนภาคนี้คือ การอธิบายถึงเรื่องราวของวัน Halloween วันที่ไมเคิ่ล ไมเออร์ไล่ฆ่าคน วันที่คนสวมหน้ากากแล้วกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายที่สุดอย่าง ภูตผีปีศาจเพื่อปล่อยด้านมืดอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้อย่างน่าขนลุกเสมอ
ตอนจบของหนังจึงเป็นการปลดปล่อยเมืองนี้จากความกลัวที่ฝั่งลึกมานานและหลายคนก็คงอยากจะเริ่มต้นใหม่สักที ซึ่งลอร์รีย์ก็ควรจะได้รับสิ่งนี้แล้วเหมือนกัน เพราะ ชีวิตของเธอเจอกับความชิบหายแบบนี้มามากพอแล้ว
ควรจะได้เจอความสุขสักที
แอบเสียดายนิด ๆ ที่ส่วนตัวในไตรภาคใหม่ของ Halloween ชอบภาคนี้น้อยสุด (ให้เรียงชอบ 2018 กับ Kills มากกว่าผ) ด้วยความรู้สึกว่า อุตส่าห์ไปสุดเหวี่ยงมันชิบหายใน Kills ที่ไมเคิ่ลแม่งอย่างโหดมาแล้วดันต้องมาเห็นลอรีย์ กับ ไมเคิ่ลวัยชราตีกันแบบแทบลมจับแทนซะงั้น (แล้วมีซีนนิดเดียวเอง) แถมฉากสู้ยังไม่จุใจเท่าไหร่ด้วย อีกอย่าง คอร์รีย์เป็นตัวละครที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าจำเลย (แต่ซีนฆ่าตอนเป็นไมเคิ่ลก็ใช้ได้นะ) แต่พอเป็นตัวมันเองแล้วน่าเบื่อไม่ใช่เล่น แอบคิดว่า เอาไปทำหนังเรื่องอื่นแบบ My bloody Valentine 3D ที่มีบทตัวละครแบบนี้เหมือนกัน อันนั้นยังดูน่าสนใจกว่า) รวม ๆ เป็นการปิดไตรภาคแบบอื้อ ดีแล้วละนะ แต่เสียดายที่มันจบไม่สาใจเท่าไหร่นักอยู่ดี (ถ้าเทียบกับภาค 2 อันเก่า หรือ H20 สองอันนั้นจบได้ดีกว่าเยอะเลย)
รวม Halloween ends จบได้ดีเท่าที่มันควรจะเป็นครับ แต่อยากให้มันได้มันกว่านี้หน่อย แอบเสียดายนิด 555
ป.ล. ถ้าไม่นับออริจิน่อลแล้วชอบ ภาค 2 กับ H20 มากกว่าครับ แต่ 2018 กับ Kills ชอบนะ ส่วนของร๊อบ ซอมบี้ช่างแม่งเถอะ 55555555555555
Talk About ‘Every’ Movies
Halloween Ends (2022)
หนังภาคสุดท้ายของไตรภาค’Halloween’ฉบับรีบู้ท หลังจากที่เปิดตัวและกลับมาอย่างสวยงามใน’Halloween (2018)’ และกลับมาระยำตำบอนชาติชั่วให้คนด่าอีกครั้งใน’Halloween Kills (2021)’
เล่าเรื่องเกี่ยวกับ4ปี หลังจากเหตุการณ์คืนฮาโลวีนสังหารโหดเมื่อสี่ปีก่อน ผู้คนต่างก้ใช้ชีวิตกันอย่างหวาดกลัวกันต่อไปทุกวัน เพราะเชื่อว่าอีตา’ไมเคิล ไมเยอร์’มันยังไม่ตายและจะกลับมาแน่นอน
ตอนแรกนึกว่าเนื้อเรื่องภาคนี้ มันจะทรงแบบอยู่ในคืนเดียวกันกับสองภาคก่อน โดยที่ภาค’Halloween (2018)’จะอยู่ในช่วงหัวค่ำๆหน่อย ส่วน’Halloween Kills (2021)’จะอยู่ในช่วงเริ่มดึกๆละ และภาคนี้จะมาแบบดึกไปจนถึงเช้าแบบนี้55 ผิดจากที่เดาไปมากพอสมควร
ก็เห็นหลายสำนักทั้งไทยทั้งต่างประเทศ ก็บอกกันนะว่า ภาคนี้มันห่วยมันแย่มากๆนู่นนี่นั่น แต่สำหรับผมแล้ว ผมค่อนข้างโอเคกับภาคนี้ในระดับนึงเลยนะ โอเคกว่าภาค’Kills’เยอะเลยล่ะ
เนื้อหาของภาคนี้ผมค่อนข้างชอบนะ ซึ่งเราจะเห็นอาฟเตอร์เอฟเฟคจากหนังสองภาคก่อนว่า ผู้คนในเมืองจะใช้ชีวิตหลังจากคืนนั้นยังไง
และก็ได้เห็นผู้คนในเรื่องใช้ชีวิตแบบจริงๆ ไปทำงาน ไปเที่ยว ไปสังสรรค์ ไปกินข้าว อะไรแบบเนี้ย เพียงแต่คนพวกนี้ก็ยังมีความกลัวฝังใจเรื่องในคืนนั้นอยู่ ซึ่งก็เห็นได้จากหนัง
หนังสร้างและนำเสนอตัวละครนึงได้น่าสนใจมาก ซึ่งเป็นตัวละครที่ชีวิตซวยบัดซบมาก อันเป็นผลมาจากความกลัว’ไมเคิล ไมเยอร์’ที่ฝังรากลงลึกกับผู้คนในเมืองทุกคน และหล่อหลอมทำให้ตัวละครนี้กลายเป้นสิ่งเลวร้ายแบสุดๆ แต่เสียดายสุดๆที่มันหาทางลงให้ตัวละครนี้แย่มาก
ซึ่งหนังทั้งเรื่อง เน้นไปที่การเล่าเรื่องราวแบบนี้ทั้งเรื่องเลยล่ะ มันเลยทำให้ภาคนี้ไม่มีความน่ากลัวเหลืออยู่เลย รวมถึงกลิ่นอายความเป็นหนังสยองขวัญสแลชเชอร์แบบภาคก่อนๆ หายไปค่อนข้างเยอะมาก
แต่ยังดีที่ช่วงไคลแม็กซ์มันยัง พาความเป็นสแลชเชอร์มันส์ๆกลับมาได้ และตัวบทสรุปที่สำหรับผมแล้วค่อนข้างโอเค แต่มันก็ไม่ได้ถือว่ายอดเยี่ยมอะไรหรอก ค่อนข้างมักง่ายพอสมควร
ซึ่งยอมรับว่าเค้าใจกล้าพอสมควรเลยล่ะที่เลือกนำเสนอแนวทางการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างแตกต่างจากภาคก่อนๆหรือน่าจะต่างแตกที่สุดในแฟรนไชน์เลยล่ะ ผมเลยชื่นชอบในความใจกล้าของหนังที่แปลกแหวกแนว และขอให้ไม่ต้องทำแล้วนะมันEnds สมชื่อละ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
They Turned Us Into Killers (2024)
7.6