ดูหนังออนไลน์ใหม่ 2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนังใหม่ ดูหนังฟรี HD Netflix
VegusCasino
บาคาร่า ออนไลน์
สล็อตเว็บตรง

Grave Torture (2024) ทุบนรก ศพกระดิก

2 คะแนน

Trailer

Grave Torture (2024) ทุบนรก ศพกระดิก

Grave Torture (2024) ทุบนรก ศพกระดิก

เรื่องย่อ

พ่อแม่ของ สิตา เสียชีวิตต่อหน้าของเธอเนื่องจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายตั้งแต่ในตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่น หลังจากนั้นเธอถึงใช้ชีวิตเพื่อตามหาคนที่ชั่วร้ายที่สุด และเมื่อใครคนนั้นเสียชีวิตลง เธอจะฝังตัวเองไปพร้อมกัน เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าการลงทัณฑ์ในหลุมศพตามที่ถูกพูดถึงในคำสอนทางศาสนาไม่ได้มีอยู่จริง และศาสนาก็เป็นเรื่องเหลวไหลด้วยเช่นกัน แต่มันก็มีผลที่ตามมาสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องราวเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

ผู้กำกับ

  • Joko Anwar

บริษัท ค่ายหนัง

  • Rapi Films
  • Legacy Pictures
  • Come and See Pictures
  • IFI Sinema
  • Komet Productions

นักแสดง

  • Faradina Mufti
  • Reza Rahadian
  • Christine Hakim
  • Slamet Rahardjo

โปสเตอร์หนัง  Grave Torture (2024) ทุบนรก ศพกระดิก

Grave Torture - Wikipedia

Grave Torture (2024)

Grave Torture (2024)

รีวิวหนัง Grave Torture (2024) ทุบนรก ศพกระดิก

คนวิจารณ์หนังไม่เป็น Part 2

รีวิวหนัง: Grave Torture (2024) ทุบนรก ศพกระดิก

สิตา สาวมุสลิมผู้มีความแค้นต่อศาสนา หลังจากที่พ่อแม่เธอตายจากระเบิดพลีชีพ เธอจึงเริ่มแผนการท้าทายศาสนาโดยการเอาตัวเองลงไปนอนกับศพในสุสานเพื่อพิสูจน์ว่า “การลงโทษในหลุมฝังศพ” ที่มักจะลงโทษคนชั่วไม่มีอยู่จริง โดยไม่รู้ว่าโทษของคนลองดีจะต้องเจอกับผีห่าจากนรก!

หนังดราม่า-สยองขวัญจากอินโดนิเซียเรื่องใหม่ของผกก. Joko Anwar แห่งหนังผีน่ากลัวโคตรๆอย่าง Satan’s Slaves ทั้ง 2 ภาค, Impetigore ซึ่งหลังดูเรื่องนี้จบแล้วก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกว่า โจโก อันวา แกเป็นคนทำหนังที่เก่งมากๆที่สุดคนนึงของยุคนี้ ไม่ว่าจะในด้านความสยองขวัญ หรือพาร์ทดราม่าตัวละครก็แข็งแรงมากๆ

จังหวะความสยองขวัญก็อารมณ์ Satan’s Slaves ทั้งสองภาคที่แกทำนั่นแหละ ทั้งวิธีการปูเรื่องราวที่เผยให้เห็นด้านที่สดใสกับความสุขในการใช้ชีวิตของตัวละคร ก่อนจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่เข้ามาทำลายภาพความสวยงามของครอบครัว (ในฉากเปิด) แล้วหนังก็ดำดิ่งลงลึกความดาร์กเข้าไปเรื่อยๆที่มืดมิด หม่นหมอง ไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย
จังหวะผีตุ้งแช่ก็ยังคงได้ผล มีบางช่วงซ้ำๆบ้างแต่ก็ยังผวา ตกใจกับมันได้อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ joko กลายเป็นผกก. หนังผีแห่งยุคไม่ใช่แค่จังหวะผีหลอกเพียงอย่างเดียว แต่วิธีการกระทำของผีปีศาจต่อตัวมนุษย์เองต่างหากที่รุนแรงอย่างมากๆ ความกล้าหาญ คิดจะปลิดชีพใครในเรื่องก็ได้แบบไม่ปราณี หนังโหดแบบโหดมากจริงๆ เหวอะแหวะเลือดสาด การบรรจงทำร้ายร่างกายมนุษย์ (body-horror) ที่ไม่หลงเหลือเคร้าโครงเดิมเลย

ปกติผลงานก่อนหน้านี้ของ Joko มีจังหวะการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างเดินเรื่องไว ผีปุ๊บหลอกปั๊บระดับหนัง james wan แต่ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือทิศทางการเล่าเรื่องค่อนข้างแตกต่างจากผลงานก่อนหน้านี้ของ Joko ไปหมดเลย หนัง slow burn มากแบบมากสุดๆ บรรจงและตั้งใจกับการเล่าเรื่องผ่านตัวละครนางเอกกับพี่ชายที่ปมพ่อแม่ตายด้วยศาสนามันกระทบจิตใจพวกเขามากแค่ไหน

ส่วนตัว pacing หนังเรื่องนี้อาจจะยาวไปหน่อยจนมีบางช่วงที่ดูย่ำๆกับประเด็นเดิมของมันอยู่ก็ตาม แต่ระหว่างดูเรื่องนี้ เรานึกถึงหนังพวก Mike Flanagan จำพวก Oculus, The Haunting of Hill House มากสุดๆ มันคืองานหนัง horror ที่ตั้งใจเล่าตัวละครอย่างละเอียด ปมของการสูญเสีย (grief) ที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้แล้วเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้เพื่อทำร้ายจิตใจของตัวเอง รวมถึงคนรอบข้างที่ทุกข์ตามไปด้วย

และด้วยวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้เราอินและซึมซับไปกับตัวละครเอกอย่างมากๆ หนังพร้อมจะทำให้เราเกลียดการกระทำแบบเห็นแก่ตัวของนางเอก ควบคู่กับการเห็นใจ เข้าใจกับอุดมการณ์ท้าทายศาสนาของนางเอกเพราะปมเรื่องพ่อแม่ที่มันหนักหนาสาหัสมากจริงๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งที่ตัวละครพี่ชายนางเอกจะต้องเจอหลังจากเหตุการณ์พ่อแม่ในวัยเด็ก ยิ่งตอกย้ำบาดแผลความไม่สมบูรณ์แบบของครอบครัวนี้เข้าไปอีก)

จริงๆแล้วเราไม่สามารถ convince ให้ทุกคนสามารถอดทนกับความช้าของหนังได้นัก เราเข้าใจ (555) แต่ก็อยากจะบอกว่าหนังมีเหตุผลของมันที่ต้องเชื่องช้าเพื่อให้เราซึมซับกับตัวละครอย่างเต็มที่ เพื่อที่ทุกอย่างที่ปูมาจะมีผลกระทบต่อช่วงองก์ 2 และ 3 ที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อน รุนแรง บ้าระห่ำ มันโหดร้ายกับตัวละครมากจนยากที่จะไม่คิดเอาใจช่วยตัวละครไหนในเรื่องเลย (ต่อให้ไม่ใช่นางเอกที่ทำตัวน่าหงุดหงิดสำหรับบางคน เราเชื่อว่าใครในเรื่องก็ไม่น่าสมควรต้องพบเจอจุดจบที่สยดสยองแบบนี้เลย)

Grave Torture อาจจะเป็นผลงานหนังผีที่มีความ “ลึก” มากที่สุดของโจโก เพราะด้วยการตั้งใจเล่าเรื่องของตัวละครที่สำรวจมากพอจนให้เราได้เข้าใจกับบาดแผลที่ยากจะลืมเลือน กับประเด็นทางศาสนาที่เหมือนจะดูเชิดชูและดูกล้าตั้งคำถามไปกับมันด้วยพร้อมๆกัน จนนำไปสู่บทสรุปที่ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ชวนจิตตกหดหู่ไม่แพ้กัน

คะแนน: 4.5/5 ดาว

Super Review Channel

สรุปเรื่อง รีวิว Grave Torture: สุสานลงฑัณท์ (2024) และคติความเชื่อเรื่องการลงโทษในหลวงฝังศพของศาสนาอิสลาม

#บทนำ

สำหรับโจโก้ อันวา สุดยอดผู้กำกับแนวระทึกขวัญสยองขวัญจากอินโดนีเซีย ผู้ที่เคยฝากผลงานมาแล้วเช่น Satan’s Slaves: เดี๋ยวแม่ลากไปลงนรก (2017) Impetigore: บ้านเกิดปีศาจ (2019) และซีรี่ส์แนวระทึกขวัญปรัชญา ซุปเปอร์ฮีโร่แบบเอเชีย Joko Anwar’s Nightmares and Daydreams: ฝันร้ายและฝันกลางวันของโจโก้ อันวาร์ (2024 Netflix) เอาแค่ผลงาน 3 เรื่องที่ยกมานี้ก็เพียงพอที่ทำให้ผมยกย่องให้เขากลายเป็นสุดยอดผู้กำกับแนวระทึกขวัญสยองขวัญที่ชอบที่สุดไปแล้ว ณ ขณะนี้ เอาตรง ๆ นะชอบมากกว่า เจมส์ วาน ซะอีก

ดูคลิปได้ที่นี่

ในปีนี้ 2024 นี้ โจโก้ อันวา ก็ได้ฝากผลงานภาพยนตร์สยองขวัญจิตวิทยามาอีก 1 เรื่องคือ Grave Torture: #สุสานลงฑัณท์ แน่นอนว่าเขียนบทและกำกับเองเช่นเคย และเมื่อถูกนำเข้ามาฉายใน Netflix ส่วนตัวแล้วรีบกดเข้ามาดูเลยโดยที่ไม่ต้องไปอ่านประวัติหรือเรื่องย่อของหนัง เพราะเชื่อมือเขาเป็นทุนอยู่แล้ว

#เล่าหนัง

สุสานลงฑัณท์ เล่าเรื่องราวของสิตา หญิงสาวผู้อาภัพเพราะสมัยที่เธอยังเด็กได้เสียพ่อแม่ของเธอตกเป็นเหยื่อของมือระเบิดฆ่าพลีชีพ ที่ผู้ก่อเหตุเชื่อว่าตัวเองได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดหลุมศพที่ถูกลงโทษด้วยเทวทูต

ส่วนอะดิลพี่ชายของสิตา จะว่าไปแล้วอะดิลก็เสียทรงหนักมาก เพราะไอ้เจ้ามือระเบิดนี้มันเดินเข้ามา หาเขาในร้านขายขนมปัง อะดิลเป็นเด็กชายใส่ซื้อเอาน้ำให้กิน เมื่อกินเสร็จก็ได้เอาเทปคาสเซ็ทส่งให้อะดิล แล้วบอกว่าเขาอัดเสียงจากหลุมศพจริง ๆ ก่อนจะเดินออกไปก็ได้บอกอาดินว่าห้ามออกจากร้านนะ
หลังจากนั้นสิตาก็ต้องอาศัยอยู่กับพี่ชายเพียงสองคน

สิตายังต้องเผชิญกับชีวิตที่ถูกครอบงำด้วยความเชื่อทางศาสนาที่เธอรู้สึกว่าไม่มีเหตุผล ไม่มีตรรกและไม่เข้าใจในสิ่งที่คนในชุมชมที่เชื่อ ไปโรงเรียนก็ถูกครูเป่าหัวทุกวันเรื่องความเชื่อทางศาสนา โดยเฉพาะวันหนึ่ง ครูได้สอนเรื่องการลงโทษในหลุมศพโดยมลาอิกะห์ สำหรับใครก็ตามที่ทำบาปและไม่เชื่อในศาสนาและพระเจ้าจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ทันทีหลังจ่ายที่กลบหลุมศพ หลังจากนั้นก็จะถูกลงโทษทางวิญญาณด้วย แต่เธอก็ตอบโต้ครูไปว่าเธอไม่เชื่อ นั่นแหละจึงทำให้ถูกลงโทษด้วยการให้ใส่ ฮิญาบหรือผ้าคลุมผมสีแดงแทนสีขาว เพื่อเป็นการบอกให้ทุกคนรู้ว่าเธอนั้นทำผิด

สิตากับอะดิล เรียนในโรงเรียนที่มหาเศรษฐีใจบุญบริจาคเงินสนับสนุนโรงเรียนชื่อว่า วาห์ยู แต่ชายคนนี้หาใช่นักบุญอย่างที่ใครหลายคนสรรเสริญเยินยอไม่ เพราะเขาใช้สิ่งนี้เพื่อเข้าถึงตัวนักเรียนชายไปบำเรอ หนึ่งในนั้นคือนักเรียนคนหนึ่งที่ชื่อว่า “อิสมาอิล” ที่เสียชีวิตไปอย่างน่าสงสารและถูกเก็บเรื่องเอาไว้เป็นความลับของโรงเรียน และจนมาถึงคราวของอะดิลที่ถูกวายูฮ์กระทำ สิตาจึงทนไม่ได้อีกต่อไป

สิตากับอะดิล พยายามหนีออกจากเมืองแห่งนี้ แต่หนทางที่ง่ายที่สุดก็คือต้องผ่านอุโมงค์ขนาดยาวออกไป อุโมงค์นี้ยาวมากและน่ากลัวมาก ไม่มีใครกล้าผ่าน แต่สองพี่น้องก็ตัดสินใจเข้าไป และแน่นอนว่าในอุโมงค์ มีความน่ากลัวและมีวิญญาณซ่อนอยู่ โดยเฉพาะวิญญาณของอิสมาอิลที่ขอให้สิตาช่วยเหลือ

สิตาโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์คนชรา ส่วรอะดิลทำงานอยู่สถานจัดการศพ แต่วัตถุประสงค์ที่สำคัญของสองพี่น้องก็คือการตามหาคนบาปที่สุด นี่คือวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้นที่สิตาใช่เวลาทั้งชีวิตทุมเทกับมัน เพราะเธออยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าความเชื่อในศาสนา โดยเฉพาะความเชื่อเกี่ยวกับการลงโทษในหลุมศพนั้นไม่เป็นความจริง เธออยากให้ทุกคนรู้ว่ามือระเบิดพลีชีพนั้นคิดผิด จนนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดที่ทำให้พ่อและแม่เธอเสียชีวิตนั่น และสาเหตุสำคัญที่ทำให้สิต่มาทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์คนชราแห่งนี้ก็เพราะว่า วายูฮ์ มหาเศรษฐีผู้ที่เบื่อหน่ายครอบครัวมาอยู่ในที่นี้

วาห์ยู เบื่อหน่ายชีวิตในโลกนี้แล้ว และในคืนวันสุดท้ายของชีวิต สิตาก็เปิดเผยตัวตนว่าเธอคือเด็กนักเรียนสาวที่เคยเรียนในโรงเรียนของเขา แล้วพี่ชายของเธอก็ถูกเขาล่วงละเมิด และไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้วที่จะเลวเท่าวายูฮ์ เธออยากเห็นว่าสุดท้ายของชีวิต แล้วอยากพิสูจน์ว่าคนอย่างวาอยู่ที่เลวท่านนี้จะถูกลงโทษในหลุมศพจากมลาอิกาห์จริงหรือไม่
ก่อนที่วาห์ยู จะจบชีวิตด้วยปืนของตัวเองเขาก็ได้บอกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการถูกลงโทษในหลุมศพ อาจจะไม่ใช่การลงโทษของมลาอิกะห์ แต่ก็คือสิ่งที่คนคนนั้นกลัวมากที่สุดนั่นเอง
เมื่อวาห์ยู เสียชีวิต สิตาก็เข้าไปในหลุมศพของเขา เอากล้องถ่ายวีดีโอลงไปด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าการลงโทษในหลุมศพไม่มีอยู่จริงและความเชื่อทางศาสนาก็ไม่มีจริง ในคืนนั้นพี่ชายของเธอก็มาเฝ้าหลุมศพให้

เมื่อถึงตอนเช้า สิตาก็ตื่นขึ้นมา เมื่อดูเทปวีดีโอที่บันทึกไว้ทั้งคืนก็ไม่พบการลงโทษในหลุมศพตามที่ผู้ควรที่เชื่อในศาสนาเชื่อ พี่ชายของเธอก็ดึงการ์ดความจำให้กับสิตา และเธอก็ติดต่อไปที่รายการโทรทัศน์เพื่อ เผยแพร่บทพิสูจน์ว่า การลงโทษหลุมศพนั้นแท้จริงไม่มีจริง
ในรายการโทรทัศน์ สิตาก็ได้พูดในสิ่งที่เธออยากพูดคือ

วาห์ยู สุตามะ เป็นชายร่ำรวยจ่ายเงินซื้อศาสนา ซื้อคำอธิษฐานของผู้คนเพื่อให้ตัวเองได้ขึ้นสวรรค์ หรือแค่จะได้ใช้เป็นฉากบังหน้า ได้ล่วงละเมิดนักเรียนกว่า 50 คน และหนึ่งในนั้นก็คือะดิลพี่ชายของเธอ แล้วเธอเชื่อว่านี่แหละคือชายที่เลวร้ายที่สุดที่ควรจะได้รับการลงโทษในหลุมศพตามหลักความเชื่อของศาสนา

และความเชื่อเรื่องการลงโทษในหลุมศพนี่เองก็ทำให้คนคนหนึ่ง มีแนวคิดว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งชีวิตนั้นคือความผิดบาป วันหนึ่งชายคนนั้นได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากหลุมศพจึงได้บันทึกเทปเอาไว้และใส่หูฟังอยู่ตลอดเวลา แล้วก็เริ่มความคิดว่าเขานั้นคือนักรบแห่งพระเจ้า และตัดสินใจระเบิดพลีชีพจนทำให้พ่อและแม่ของสิตาเสียชีวิต

เธอได้เล่าเรื่องที่ลงไปในหลุมศพและนอนอัดวีดีโอเอาไว้ทั้งคืนแล้วก็ไม่มีอะไร นั่นคือสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่คนชื่อกันนั้นไม่เป็นความจริง ไม่มีการลงโทษจากเทวทูตในหลุมศพ จากนั้นเธอก็ให้ทางรายการเปิดเสียง จากการ์ดกล้องวีดีโอของเธอ แต่ทางรายการกลับหักหลังเธอด้วยการเปิด เสียงร้องโหยหวนขึ้นมา เธอโกรธมาก

นั่นทำให้สิตาต้องต่อสู้กับศรัทธาอันแรงกล้าของผู้คนที่มองเธอว่ากล้าดียังไงมาท้าทายอำนาจของพระเจ้า และยังต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่างทุกคามที่เธอไม่เชื่อมาตลอดชีวิต
สิตา รู้ทันทีว่าการ์ดบันทึกวิดีโอนี้ถูกสับเปลี่ยนไปเลยพี่ชายของเธอเอง เธอจึงไปต่อว่าพี่ บอกว่าทั้งชีวิตของเธอต้องการพิสูจน์สิ่งนี้ให้โลกรับรู้ให้ผู้คนเลิกเชื่ออะไรผิด ๆ สิ่งที่เธอทำนี้ก็เพื่อทุกคน แต่อดีตพี่ชายก็ได้ตอบกลับอย่างเจ็บแสบว่า สิ่งที่สิตาทำนั้นไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวของเธอเองเท่านั้น

หลังจากนี้สิตาก็เริ่มได้ยินเสียงของวิญญาณเรียกชื่อเธอ และเห็นวิญญาณของวาห์ยู ปรากฏตัวอยู่ในห้องนอนของเขาที่บ้านพักคนชรา นั่นทำให้เธอเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เธอไม่เคยเชื่อเลยนั้นอาจจะมีอยู่จริง

ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าตกใจและสำคัญเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะการพิสูจน์ความเชื่อของสิตาในหนังก็คือ ชายชราคนหนึ่งที่รักภรรยามากทั้งสองคนอยู่ในบ้านพักคนชราด้วยกัน ชายชราดูแลภรรยาแบบไม่ห่างเพราะเขารู้ว่าภรรยาเป็นคนขี้ลืมมักจะทำอะไรซูมซ่ามจนทำให้ตัวเองบาดเจ็บ แต่วันหนึ่งชายชราวันนี้กลับไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่สาวของบ้านพักคนชราทำให้ภรรยาของเขาเสียใจเป็นอย่างมากถอดแหวนแต่งงานทิ้ง สิตาทำได้เพียงแค่แย่สองคนออกห่างจากกันก่อน ให้ชายชราไปนอนพักในอีกห้อง และปล่อยให้หญิงชรานอนพักอยู่อีกห้องหนึ่งเพียงคนเดียว

ตกค่ำหญิงชราก็ยืนร้องไห้ปัสสาวะรดเสื้อผ้าของเธอ จึงจำเป็นจะต้องเอาไปซักกับเครื่อง ไม่ว่าจะด้วยความผิดพลาดของตัวเองหรืออำนาจของภูตผีคนใดก็ตาม เธอก็เสียชีวิตอยู่ในเครื่องซักผ้านั้น

สิ่งนี้ทำให้สิตาเสียใจมาก เธอจึงไปปรึกษาหนึ่งในเจ้าของบ้านพักคนชราเพราะ เธอคนนั้น อ้างว่าได้ยินเสียงของคนตายบ่อยครั้ง หญิงชราก็บอกไปว่าเธอจะได้เห็นได้ยินหากเธอมีความเชื่อ นั่นก็เลยทำให้มีการประกอบพิธีเรียกวิญญาณขึ้นในห้องหนึ่ง ในการประกอบพิธีนั้นคนที่เข้าร่วมก็คือคนชราในบ้านพัก ทุกคนพูดว่าให้เธอเชื่อ และในขณะหนึ่งเธอก็เห็น วิญญาณของหญิงชราที่เสียชีวิตในเครื่องซักผ้าปรากฏต่อหน้าเธอเต็ม

ณ สถานทำศพ อะดิลกำลังทำศพชายชราคนหนึ่งเพียงลำพัง ในวันนั้นเองเขาถูกผีของชายชราคนนั้นหรอก ด้วยการเดินไปเดินมาอยู่ในทั่วบริเวณห้องทำศพ อะดินกลัวมากจึงหนีเข้าไปซ่อนในตู้ล็อคเกอร์ และเขาก็ถูกผีในตู้ล็อคเกอร์นั่นแหละหลอก

ณ เวลานี้คนทั่วอินโดนีเซีย เกิดความตื่นตระหนก ในเรื่องของการลงโทษในหลุมศพเพราะมีมือดีเอาคลิปเสียงร้องโหนหวน จากการถูกลงโทษในหลุมศพไปเปิดให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็กลัวและมองว่านี่อาจจะเป็นวันสิ้นโลก ทำให้อินโดนีเซียเกิดความจราจรล และแน่นอนว่าสิ่งนี้มันเกิดจากการที่สิตาไปออกรายการโทรทัศน์ ได้รายการโทรทัศน์ก็ดันไปเปิดคลิปเสียงนี้ ยิ่งเป็นการกระตุ้นทำให้คนที่เชื่ออยู่แล้วเชื่อมากเข้าไปใหญ่แต่สิ่งนี้ทำให้สิตาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะว่าเธอเชื่อว่าไม่มีการลงโทษในหลุมศพ

สิตาจึงรีบวิ่งไปที่หลุมฝังศพของวาห์ยู เพราะเธออยากให้ทุกคนเห็นว่าร่างของวาอยู่ยังอยู่ดียังไม่รับการทรมานจากมลาอิกะฮ์ เธอขุดหลุมศพลงไปแต่ก็ไม่พบร่างของวาห์ยู ในขณะนั้นดินก็หล่นลงมาในหลุมอย่างรวดเร็วเธอพยายามขุดหนีออกไป แต่ก็ไม่ได้ แล้วเธอก็ตกลงไปในหลุมอีกชั้นหนึ่ง เธอพบว่ากลุ่มนี้มีลักษณะเป็นเหมือนกับอุโมงค์ทางยาว

ในอุโมงค์ทางยาวนั่นเองเธอได้เห็นผีและวิญญาณ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเชื่อว่ามีจริง และสมัยที่เธอเป็นเด็กเธอได้เห็นวิญญาณของเด็กชายที่ชื่อว่า อิสมาอิล แต่ก็ได้รับคำอธิบายว่านั่นคือภาพลวงตาเพราะในอุโมงค์นั้นอากาศน้อยจึงทำให้สมองสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา แต่ครั้งนี้เธอก็ได้เห็นภาพลวงตาหลายอย่าง เธอได้เห็นในสมัยที่เธอยังเป็นเด็กอยู่กับพ่อและแม่ในร้านทำขนมปัง เคยเห็นชายที่เป็นต้นเรื่องทำให้พ่อแม่เสียชีวิต เคยเห็นพ่อและแม่เธอยืนอยู่ที่หน้าร้านขนมปังโบกมือให้กับเธอ เธอเห็นพี่ชายของเธอกำลังอาบน้ำให้ศพอยู่ แต่เมื่อเดินเข้าใกล้ๆกลับเป็นผีที่หลอกเธอ และเห็นอิสมาอิล เมื่อเธอตั้งสติแล้วใช้ประสาทสัมผัสในการฟังเสียง ในการรับรู้ เธอก็เห็นว่าและเห็นอิสมาอิล เป็นคนหน้าตาปกติแล้วเขาขอบคุณเธอที่ช่วยเขาโดยการทำให้ชายที่ทำร้ายเขาไม่สามารถไปทำสิ่งนี้กับใครได้อีก เมื่อเดินในอุโมงไปถึงจุดหนึ่งก็เห็นหลุมขนาดใหญ่ขวางหน้าอุโมงค์นั้น และในขณะนั้นเองวิญญาณร้ายของวาห์ยูก็ไล่มาติด ๆ อิสมาอิลจึอกให้สิตากระโดดเข้าไป เขาบอกว่าเธอจะไปถึงทางออกได้ สิตาจึงกระโดดลงไป

สิตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธอนอนอยู่ในหลุมศพ หลุมเดียวกับวาห์ยู จากนั้นก็มีงูตัวหนึ่งเลื้อยลงมาจากรูเหนือหลุมศพ เลื้อยเข้าปากของวาห์ยู จากนั้นก็มีเสียงไอออกมาจากร่างไร้ลมหายใจแล้วร่างนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง สิตาตกใจเป็นอย่างมากรีบคว้ากล้องบันทึกวีดีโอถ่ายเอาไว้ทันที
จากนั้น สิตาก็ได้ยินว่า มีเสียง ของบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวถามวายูว่า ใครคือพระเจ้าของเขา ศาสดาของท่านคือใคร

ศาสนาของท่านคืออะไร

การถามคำถามแต่ละครั้งนี้ สิตาก็ได้เห็นการลงทัณฑ์จากเทวทูต เริ่มจากงูฉกใบหน้ารุนแรงหลายครั้ง เธอได้เห็นการร้องคนครางอย่างเจ็บปวดของวาห์ยู และหลังจากที่หยุดใบหน้าก็กลับมาเป็นดังเดิม แล้วก็เปลี่ยนวิธีการลงโทษในการใช้ค้อนเหล็กทุบ แล้วก็ปรากฏร่างของอสุรกายตัวใหญ่ลงโทษร่างวาห์ยูรุนแรง การลงโทษนี้ยาวนานมาก
สิตาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เธอได้บอกกับเทวทูตนั้นไปว่าเธอต้องการกลับตัว อยากกลับไปนับถือศาสนา จากนั้นก็มีเสียงวายห์ยูตะโกนออกมาว่าต้องขออภัยโทษต่ออัลเลาะห์ ผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ขออภัยโทษต่ออัลเลาะห์ ที่ทำบาปลงไป ขออภัยโทษต่ออัลเลาะห์ ผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ขออภัยต่ออัลเลาะห์ที่ข้าทำบาปลงไป
สิตาก็พูดตามประโยคนั้น

ในตอนเช้าอะดิน มาในสภาพใบหน้าที่บวมปูดซึ่งก็เชื่อว่าเขาก็ได้ถูกลงโทษในตู้ล็อกเกอร์ที่มีลักษณะเหมือนโลงศพเช่นกัน เขาขุดหลุมศพดึงแผ่นไม้ ช่วยดึงร่างของสิตาออกมาจากหลุมศพจนได้ ทิ้งศพของวายูที่อยู่ในสภาพเละเทะไว้ในนั้น ช่วยกันพยุงหนีออกมาผ่านสุสานอย่างทุลักทุเล สิตาพูดกับพี่ชายว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
และในขณะที่กำลังพากันไปอยู่นั่นเองก็มีเสียงหนึ่งตะโกนถามสิตาว่า “ใครคือพระเจ้าของเจ้า
จากนั้นหนังก็ตัดมาตรงที่วาห์ยู พูดกับสิตาในคืนวันที่เขาเสียชีวิต เขาได้พูดว่า

” ต่อให้มีการลงโทษคนบาปในโลกหลังความตายจริง คิดว่าอะไรคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดล่ะ มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เธอกลัวที่สุด เธอกลัวอะไรที่สุดล่ะ ฉันแน่ใจว่าสิ่งที่เธอกลัวที่สุด คือการที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินมาเกี่ยวกับการลงโทษในหลุมฝังศพ กลายเป็นเรื่องจริง”

วาห์ยูปิดโทรศัพท์แล้วพูดออกไปว่า “ตอนนี้ดึกแล้วนะ เข้านอนเถอะไว้พรุ่งนี้เราไปปิกนิกกัน”
จากนั้นเรื่องราวของ สุสานลงทัณฑ์ ก็จบลง ณ ตรงนี้

#คติความเชื่อเรื่องการลงโทษในหลุมฝังศพ
ก่อนที่จะมีการรีวิวภาพยนตร์เรื่องสุสานลงทันฑ์ก็ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคติความเชื่อเรื่องการลงโทษในหลุมฝังศพ ในศาสนาอิสลามสักเล็กน้อยก็เพื่อปูพื้นความรู้และความเข้าใจในคติความเชื่อนี้ เพื่อเป็นฐานให้เรานั้นดูหนังเรื่องสุสานลงทันฑ์ได้สนุกมากยิ่งขึ้น เพราะนี่ถือว่าเป็นธีมหรือหัวใจหลักที่สำคัญของหนังเลยทีเดียว และเพื่อความเข้าใจว่าเพราะเหตุใดคนที่นับถือศาสนาอิสลามถึงมีความเชื่อเรื่องนี้อยู่

ในคติความเชื่อของศาสนาอิสลาม หนึ่งในหัวข้อสำคัญเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายคือการลงโทษในหลุมฝังศพ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ล่วงลับจะถูกทดสอบและลงโทษหรือได้รับความสงบสุขก่อนที่จะถึงวันพิพากษาสุดท้าย

ความเชื่อเกี่ยวกับการลงโทษนี้เป็นสิ่งที่ผูกพันกับเรื่องราวของมลาอิกะห์ เทวทูตที่เป็นผู้ทำหน้าที่สอบถามและตัดสินชะตากรรมของวิญญาณในหลุมฝังศพ
การลงโทษในหลุมฝังศพถือเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของชีวิตหลังความตาย ซึ่งผู้เสียชีวิตจะถูกทดสอบความเชื่อศรัทธาและการกระทำของตนในโลกนี้ โดยทันทีที่ร่างถูกฝังซึ่งก็คือ ทิ้งไว้เบื้องหลัง ผู้ล่วงลับจะเข้าสู่การเผชิญหน้ากับการลงโทษหรือให้รางวัลของพระเจ้า ก่อนจะมีการลงโทษหรือให้รางวัลจะถูกซักถามโดยมลาอิกะห์สององค์ที่มีชื่อว่า มุนการ (Munkar) และ นากีร (Nakir)

ตามคติความเชื่ออิสลาม มุนการและนากีจะปรากฏตัวในหลุมฝังศพหลังจากการฝังผู้ตาย เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตมูฮัมหมัด (Muhammad) คำถามหลักประกอบไปด้วย

1. ใครคือพระเจ้าของท่าน

2. ศาสดาของท่านคือใคร

3. ศาสนาของท่านคืออะไร

ซึ้งผู้ที่มีศรัทธาอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องและจะได้รับรางวัลแห่งความสงบสุขในหลุมฝังศพ ผู้ที่ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง (หรือผู้ที่ไม่มีศรัทธาในอิสลาม) หรือผู้มีบาปหนาจะถูกลงโทษโดยการเฆี่ยนตีและการเผชิญหน้ากับความทรมานอันหลากหลายในหลุมฝังศพนั้น

สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า หรือศาสดา การลงโทษในหลุมฝังศพจะเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว ผู้เสียชีวิตจะถูกเฆี่ยนตีด้วยค้อนเหล็กจากมุนการและนากีร ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง นอกจากนี้ มีความเชื่อว่าสุสานจะหดรัดตัวลงจนร่างกายของผู้ล่วงลับถูกบีบคั้นอย่างเจ็บปวด

ความทรมานในหลุมฝังศพนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเจ็บปวดทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นความทรมานทางจิตวิญญาณ วิญญาณของผู้ที่ไม่ศรัทธาหรือกระทำบาปมากมายในชีวิตนี้ จะต้องทนทุกข์ทรมานในความมืดและความโดดเดี่ยว จนกว่าจะถึงวันพิพากษาสุดท้าย เมื่อพวกเขาจะถูกตัดสินในที่สุดถูกส่งไปยังนรก

ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่มีศรัทธาในพระเจ้าและศาสดาอย่างแท้จริงจะได้รับความสงบสุขในหลุมฝังศพ สุสานของพวกเขาจะถูกขยายให้กว้างขวางและสว่างไสวด้วยแสงสวรรค์ วิญญาณของพวกเขาจะรู้สึกถึงความสงบสุขและความสุขใจ เนื่องจากพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะได้รับการยอมรับในวันพิพากษาและจะได้เข้าสู่สรวงสวรรค

คติความเชื่อเกี่ยวกับการลงโทษในหลุมฝังศพ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของแนวคิด เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายในอิสลาม เตือนใจให้ผู้เชื่อระลึกถึงความสำคัญ ของการดำเนินชีวิตด้วยศรัทธาและการทำความดี เนื่องจากไม่มีใครหลีกพ้นความตายไปได้ จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกสอบถามและการตัดสินในหลุมฝังศพได้ ทุกคนจะต้องเผชิญกับความจริงนี้ไม่ช้าก็เร็ว
การตระหนักถึงการลงโทษในหลุมฝังศพยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างแรงกระตุ้นให้ชาวมุสลิมดำเนินชีวิตด้วยคุณธรรมและความศรัทธา เพื่อที่จะได้รับความสงบสุขหลังความตายมากกว่าการเผชิญหน้ากับการลงโทษและความทรมานนั้นเอง

ดังนั้นด้วยความดีงามของหนังสุสานลงทัณฑ์นี้จึงไม่ใช่เรื่องของผีสาง แต่เป็นเรื่องของการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อ การมีอยู่ของศาสนา และ ทุกครั้งเมื่อมีการสำนึกผิด ความผิดบาปนั้นควรจะสำนึกต่อใครมากกว่ากันระหว่างสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้กับบุคคลที่เราทำผิดบาปกับเขาไปตรง ๆ นั่นเอง
#บทวิจารณ์ภาพยนตร์

เนื่องจากเราชอบผู้กำกับโจโก อันวา เป็นทุนอยู่แล้ว ดังนั้นก็ต้องบอกตามตรงว่า การวิจารณ์ครั้งนี้มีความเอนเอียงเพราะรักอย่างแน่นอน
ชอบหนังเรื่องสุสานลงทัณฑ์มาก ๆ แม้หน้าหลังนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นหนังสยองขวัญและหนังผีแบบเต็มขั้น แต่ความดีงามของหนังไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น อยู่ตรงที่การใช้สัญลักษณ์กับคติความเชื่อในศาสนาอิสลามมาเล่า และตั้งคำถามต่อผู้คนที่มีความเชื่อนี้อยู่ ที่ไม่เชื่อ และรวมถึงผู้คนที่นับถือต่างศาสนาให้ได้ฉุกคิด ว่าแท้จริงแล้วการมีคติความเชื่อเรื่องการลงโทษในระบบฝังศพนั้นไปทำไม จำเป็นต้องเชื่อหรือไม่ หากเราทำผิดกับใครแล้วเราควรจะขอโทษใคร ระหว่างคนที่เราทำผิดหรือขอโทษต่อพระเจ้า และสำคัญที่สุดก็คือหากเราทำผิดต่อพระเจ้าเราจะขอโทษใคร

ในจุดนี้ส่วนตัวแล้วที่ไม่นับถือศาสนาอิสลาม ก็รู้สึกว่าเป็นคำถามที่แหลมคม และเป็นคำถามที่เกิดมาจากประเทศที่มีคนนับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลกด้วย คำตอบที่ได้รับมานั้นมันเฉียบคมยิ่งกว่าคำถามซะอีก ซึ่งตัวละครสิตานั้นก็ได้เรียนรู้ได้เห็นกับตาแล้วก็ตอบคำถามนั้นด้วยตัวเองไปแล้ว

ส่วนคนดูจะตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อนี้ว่ามีจริงหรือไม่มีจริงอย่างไรก็เป็นทัศนคติส่วนบุคคลแต่ขอแนะนำว่าความเชื่อใครความเชื่อมัน ใครไม่เชื่อก็ผ่านไป ใครเชื่อก็เชื่อต่อไป ไม่ก้าวก่ายความเชื่อกัน อย่างน้อยที่สุดความเชื่อเรื่องการลงโทษในหลุมฝังศพนี้ก็เป็นกุศโลบายในการเตือนผู้คนให้ใช้ชีวิต แบบปลอดภัยมีสติและไม่ทำบาปก็พอ

และที่สำคัญมาก ๆ ผู้กำกับเขาก็ไม่ได้บอกด้วยนะว่าความเชื่อเรื่องคติการลงโทษในหลุมศพโดยเทวทูตที่เล่ามาทั้งหมดในหนังนั้นมันมีจริง ๆ หรือไม่ เพราะตอนจบของเรื่องเลยได้ย้อนกลับเข้าไปในห้องในบ้านพักคนชรา และมีการพูดคุยให้ไปนอนเพื่อรุ่งเช้าจะได้ไปเที่ยวต่อ

ดังนั้นเรื่องราวทั้งหมดนั้น ที่หลังจากลงสิตาไปในหลุมฝังศพวาห์ยู มันอาจเป็นเพียงแค่ความฝันของเธอ หรือยิ่งกว่านั้นก็คือวาห์ยูไม่ได้เสียชีวิตเลย สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันอาจจะเกิดจากจินตนาการที่อยู่ในหัวของสิตา ในขณะที่กำลังสนทนากับวาห์ยูก็เป็นได้ทั้งนั้น ซึ่งมันจะเป็นยังไงนั้นก็อยู่ที่คนดูมีความกันเอาเอง
ดังนั้นประเด็นการใช้สัญลักษณ์ในการเล่าเรื่องนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่าชอบมากกว่าฉากผีออกหรือฉากสยองขวัญในเรื่องซะอีก

แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับเลยว่าฉากในหลุมศพช่วงท้ายที่สิตาได้เห็นการลงทัณฑ์จากเทวทูตนั้น มันระทึกขวัญและสยองขวัญมาก ๆ เรียกได้ว่าเทวทูตใส่ไม่ยั้งเลยทีเดียว
และดูไปดูมามันก็เหมือนกับคติความเชื่อของคนที่นับถือศาสนาพุทธในประเทศไทย อยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องนรกและการลงโทษในนรกที่ถูกเขียนในคัมภีร์ศาสนาพุทธไตรภูมิพระร่วงโดยพญาลิไทที่แต่งขึ้นในปี 1888 นั้น มีความใกล้เคียงกันเลย เมื่อยมทูตลงโทษดวงวิญญาณไปแล้วไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนร่างกายเล็กแค่ไหนสุดท้ายก็จะกลับมาดีเหมือนเดิมเพื่อเตรียมไปสู่การลงโทษครั้งใหม่นั่นเอง ก็อย่างว่าแหละความเชื่อเกี่ยวกับนรกสวรรค์ในศาสนาอิสลามและพุทธแบบไทย ๆ นั้นก็มีความใกล้เคียงกัน รวมถึงศาสนาคริสต์ด้วย
ที่ ชอบมาก ๆ ก็คือการแสดงของนักแสดงทุกคนถือว่าเล่นดีมาก ๆ มากจนรู้สึกว่านักแสดงชาวอิโดนีเซียหลายคนเล่นหนังเก่งกว่านักแสดงฮอลลีวูดหลายเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ ฟาราดินา มุฟตี ที่รับบทเป็นสิตา ตัวละครเอกของเรื่องถือว่าเล่นดีมาก เป็นผู้หญิงที่สวยมากหุ่นดีมากและดูมีเสน่ห์มาก ๆ ฉากที่เธอหวาดกลัว ถ่ายทอดออกมาได้ราวกับว่าเธอกลัวจริงๆ โดยเฉพาะฉากที่เธอเห็นการลงโทษให้รู้ฝังศพในช่วงท้ายเรื่องนั้นผมว่าเธอเหมาะที่จะได้รับรางวัลออสการ์เลยด้วยซ้ำ หากเราสังเกตหนังสยองขวัญดังๆของผู้กำกับ ก็จะเห็นว่าเขาเชี่ยวชาญในการใช้ตัวละครเอกของเรื่องเป็นผู้หญิง อย่างหนัง 2 เรื่องที่กล่าวไปในข้างต้นตัวละครหลักก็เป็นผู้หญิง แล้วเมื่อเอามารวมกับเรื่องนี้ก็กลายเป็นผู้หญิง 2 คนที่เล่นเก่งทั้ง 2 คน และที่สำคัญทั้ง 2 คนนี้สวยและมีเสน่ห์มาก ๆ ไม่แพ้กันเลย เอาเป็นว่าหลงรักนางเอกอินโดนีเซียเข้าแล้วจริง ๆ

การเล่าเรื่องก็ดีงามมาก ๆ เริ่มจากการตั้งคำถามในแนวต่อต้านความเชื่อของศาสนาอิสลาม แล้วก็ไปจบลงตรงที่ คนที่ไม่เชื่อนั้นจะต้องพบเจอกับอะไร หากเราติดตามผลงานของผู้กำกับโจโก อันวา มาตลอด ก็คงจะรู้ว่าเขานั้นเชี่ยวชาญในการเล่าเรื่องเกี่ยวกับศาสนาลัทธิ และพิธีกรรมมากขนาดไหน ซึ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้มาอยู่ในหนังเรื่องสุสานลงทัณฑ์ก็ถือว่าเป็นการตกผลึกได้อย่างดีมาก ๆ

นอกจากนี้การสร้างความระทึกของหนังก็ถือว่าทำได้ดีมาก การออกแบบฉากผีหลอกก็ทำได้ดี แม้ว่าการออกแบบผีบางตัวก็รู้สึกแปลก ๆ ไปซะหน่อยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ฉากที่ตัวละครเอกต้องเข้าไปในอุโมงค์นั้นมันก็คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่หนังหลายเรื่องใช้ อุโมงค์จะแทนค่าของความดำมืด ความผิดบาปในจิต มีบางสิ่งบางอย่างติดอยู่ในใจ ยิ่งลงลึกเข้าไปในอุโมงค์มากแค่ไหนความผิดบาปนั้นมันจะผุดออกมาเรื่อย ๆ จนคนนั้นเกิดความหวาดกลัวในบาปของตัวเอง และเมื่อเขาสำนึกบาปได้หรือสามารถปล่อยวางบางสิ่งบางอย่างได้เขาก็จะสามารถออกจากอุโมงค์และพบแสงสว่างได้

แต่ฉากการหลอกหลอนให้อุโมงค์ที่สิตาต้องเจอนั้น ส่วนตัวก็รู้สึกว่าถ้ายังไม่ได้ดูหนังเรื่อง As Above, So Below: แดนหลอนสยองใต้โลก (2014) ก็จะรู้สึกว่าการสร้างบรรยากาศและกาหลอกหลอนให้อุโมงค์นั้นถือว่าทำได้ดีมาก การเข้าไปพบเจอเรื่องราวในอดีตสิ่งที่ติดค้าอยู่ในใจหรือความกลัวตั้งแต่เด็กนั้นก็ถือว่าเล่าออกมาได้ดีมาก แต่เผอิญสิ่งเหล่านี้มันไปอยู่ในหนังเรื่อง As Above, So Below ชะหมดแล้ว โดยเฉพาะการอยู่ในอุโมงค์ในช่วงท้ายเรื่องนั้น มันแทบจะเป็นสิ่งเดียวกันเลย เจอบางสิ่งบางอย่างที่ติดอยู่ในอดีตเหมือนกัน บางสิ่งบางอย่างที่ติดอยู่ในความทรงจำ เจอความหวาดกลัวที่อยู่ในวัยเด็กเหมือนกัน รายการที่หลุดออกมาได้นั้นก็ใช้วิธีการที่จะใกล้เคียงกันมากๆ ดังนั้นจุดนี้จึงทำให้ส่วนตัว จำเป็นจะต้องหักคะแนนออกไป เพราะมันซ้ำมาแล้วนั้นเอง
#บทส่งท้าย

ก็เอาเป็นว่าใครที่ชอบการเล่าเรื่องเกี่ยวกับสยองขวัญระทึกขวัญโดยผู้กำับ โจโก อันวาเป็นทุนอยู่แล้ว เชื่อเถอะว่าคุณจะดูสุสานลงฑันณ์ได้อย่างสนุก ผีก็มีให้เห็น จิตวิทยาก็มีให้คิด ดูไปก็คิดไป ตั้งคำถามไปกับเรื่องด้วยไม่ได้ดูแล้วปล่อยผ่านเลยไปไม่มีอะไรอยู่ในหัวหลังจากดูจบ แต่ขอเตือนก่อนว่าฉากท้ายเรื่องนี้คือโหดจริง ๆ และเราก็อยู่กับฉากนี้นานซะด้วย นานจนทำให้เรารู้สึกเอนเอียงตามความเชื่อของอิสลามไปเลยด้วยซ้ำ และสิ่งที่ดีงาม หรือของขวัญที่ดีงามของหนังเรื่องนี้มอบให้กับเราก็คือ เครื่องเตือนสติเราว่า จงใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และทุกครั้งที่เราคิดจะทำบาป หรือทำบาปไปแล้วอย่าคิดว่าไม่มีใครเห็น อย่าคิดว่าไม่มีผลตามมา เพราะทุกการกระทำนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ แม้ว่าเราจะสิ้นลมหายใจไปแล้วก็ตาม

9/10

ดูหนัง ออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Menjelang Ajal (2024)

Impetigore (2019) บ้านเกิดปีศาจ

Trap (2024) แทร็ป

The Strangers Chapter 1 (2024) เดอะ สเตรนเจอร์ส อำมหิตฆ่าไม่สน

Strange Darling (2024) รัก ลวง ฆ่า

แสดงความคิดเห็น

Share

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

GTMax (2024)
หนังฝรั่ง Thaisound
movie

5.5

Magpie (2024)
หนังฝรั่ง Subthai
movie

6.5

ดูหนังออนไลน์ 2024

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่