ดูหนังออนไลน์ใหม่ 2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนังใหม่ ดูหนังฟรี HD Netflix

From Russia with Love (1963) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

1 คะแนน

ตัวอย่าง

From Russia with Love (1963) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

ดูหนังออนไลน์ From Russia with Love (1963) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

เรื่องย่อ

องค์กร SPECTRE ได้ฤกษ์เผยโฉมอย่างเป็นทางการ และ ดร.โน ในภาคที่แล้ว ก็เป็นเพียงหนึ่งในลูกน้องของนายใหญ่นิรนาม (คนดูจะเห็นแค่มือสวมแหวนรูปปลาหมึกยักษ์ ลูบไล้แมวเปอร์เซียสีขาว) แผนตลบหลังซ้อนแผนคราวนี้จึงเริ่มขึ้นเพื่อล้างแค้นให้ดร.โน และฟันกำไรจากรัสเซียให้อิ่มเอม โดยวางหมากให้สายลับอังกฤษกับรัสเซีย ฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงเครื่องถอดรหัสเลคเตอร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของรัฐบาลอังกฤษ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เจมส์ บอนด์ (ฌอน คอนเนอรี่) From Russia with Love  เดินทางมาปฏิบัติภารกิจร่วมกับ อาลี คาริม เบย์ (เปโดร อาร์เมนดาริซ) หลังได้รับภาพสายลับรัสเซีย ทาเทียนา โรมาโนว่า (ดาเนียลา เบียงคี) ที่ติดต่อขอแปรพักตร์เรียกตัวเขาไปพบเพื่อหาทางขโมยเครื่องถอดรหัสเลคเตอร์ โดยหารู้ไม่ว่า เธอถูก โรซ่า เคล็บบ์ (ล็อตเต้ เลนยา) เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียหนอนบ่อนไส้ หลอกปั่นหัว เพราะอีกด้านเธอก็ใช้ เรด แกรนต์ (โรเบิร์ต ชอว์) ออกปฏิบัติการเป็นมือสังหาร สร้างความบาดหมางให้กับกลุ่มสายลับอังกฤษและรัสเซียในอิสตันบูลจนออกมาฆ่ากันเอง รวมถึงติดตามบอนด์ตลอดทุกฝีก้าว

ผู้กำกับ

  • Terence Young

บริษัท ค่ายหนัง

  • Eon Productions

นักแสดง

  • Sean Connery
  • Daniela Bianchi
  • Pedro Armendáriz
  • Lotte Lenya
  • Robert Shaw
  • Bernard Lee
  • Eunice Gayson

โปสเตอร์หนัง

From Russia with Love (1963) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

ดูหนังออนไลน์ เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

รีวิว เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2

หมื่นทิพ

พอ Dr. No ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทำให้ United Artist ตกลงไฟเขียวให้กับภาคต่อของหนังบอนด์ทันที ทั้งยังเพิ่มทุนสร้างให้หลังจากภาคแรกใช้่ไปประมาณ 1 ล้าน มาภาคนี้ก็อัพขึ้นให้เป็น 2 ล้าน เรียกว่าจัดเต็มสุดตัวกันไปเลยทีเดียว เหตุผลที่นิยาย 007 ตอน From Russia with Love ได้รับการสร้างต่อเป็นตอนที่ 2 นั้นก็เนื่องมาจากท่านประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร Life ว่า From Russia with Love  คือหนึ่งในสิบนิยายที่ท่านโปรดปรานที่สุด ทีมงานเลยเห็นตรงกันที่จะสร้างบอนด์ภาค 2 โดยเอาพล็อตจาก From Russia with Love แล้วก็ยกเอาทีมงานชุดเดิมจากภาคแรกมาครบ ทั้งผู้กำกับและพระเอกบอนด์ Sean Connery เจ้าเก่า

บทหนังนั้น ตอนแรกทีมงานก็ใช้บริการของ Len Deighton ที่เพิ่งประสบความสำเร็จไปกับ The IPCRESS File หนังสายลับเข้มข้นที่เขาลงมือดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์จากนิยายของเขาเอง ซึ่งตัวเอกมีชื่อว่า แฮร์รี่ ปาล์มเมอร์ ครับ (รับบทโดย Michael Caine) อันนี้แอบกระซิบว่าตัวหนังชุดนี้ก็สนุกเข้มข้นชนิดที่คอหนังสายลับที่จะชื่นชอบได้ไม่ยาก ไว้มีโอกาสจะเอามาเล่าให้ฟังครับ เพราะทำออกมาหลายตอนอยู่เหมือนกัน

แต่ไปๆ มาๆ บทหนัง 007 ของ Deighton กลับไปไม่ถึงไหน ส่วนหนึ่งก็เพราะใจของ Deighton นั้นไปอยู่กับนิยายเล่มต่อของ The IPCRESS File มากกว่า ทางทีมงานเลยหันไปหา Johanna Harwood และ Richard Maibaum แทน โดย Harwood ช่วยในการดัดแปลงจากนิยายมาสู่หนัง ส่วน Maibaum ก็ทำการรีไรท์เรื่องราวให้เข้าที่ ซึ่งหนังก็จำเป็นต้องดัดแปลงเรื่องจากนิยายไปหลายอย่างครับ อย่างวายร้ายประจำตอนนั้นในนิยายก็โดนส่งมาจาก SMERSH องค์กรสายลับของรัสเซีย แต่ด้วยความที่ทีมงานอยากหลีกเลี่ยงข้อพิพาทระหว่างประเทศเลยจัดแจงเอาองค์กร SPECTRE มารับหน้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแทน เป็นต้น

ในภาคนี้บอนด์ (Connery) ได้รับภารกิจให้ไปพาตัวทาเทียน่า โรมาโนวา (Daniela Bianchi) เจ้าหน้าที่สาวจากรัสเซียที่ประสงค์จะแปรพักตร์มาเข้ากับฝ่ายอังกฤษ พร้อมจะยอมมอบเครื่องถอดรหัส “เลคเตอร์” อันเป็นวิทยาการถอดรหัสที่สุดไฮเทคให้ด้วย แต่มีข้อแม้ว่าทางอังกฤษต้องส่งบอนด์มารับเธอไปเท่านั้น งานนี้เหมือนจะง่าย แต่ที่ไหนได้มันเป็นแผนของ SPECTRE ที่หมายมั่นจะล้างแค้นให้ ดร.โน จึงล่อให้บอนด์ออกมาเป็นเป้า ก่อนจะส่งนักฆ่าอันดับหนึ่งขององค์กรที่ชื่อ โดนัลด์ “เรด” แกรนท์ (Robert Shaw) ตามไปสังหารบอนด์ ให้หมดลมหายใจอย่างทรมานและเจ็บปวด พร้อมทั้งคิดจะทำให้สงครามเย็นระหว่างอเมริกากับรัสเซียที่ระอุได้ปะทุขึ้นมาอีกด้วย

laika-lives

เป็นภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ภาคที่ 2 และภาคสุดท้ายที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘Goldfinger’ องค์ประกอบที่คาดว่าจะมีจากภาพยนตร์เรื่องหลังๆ ทั้งหมดจะมารวมกันในภาพยนตร์เรื่องเดียว โดยสร้างรูปแบบที่ซีรีส์นี้พยายามจะหลีกหนี (และส่วนใหญ่ก็ไม่สนใจที่จะลองหลีกหนี) ดังนั้น เช่นเดียวกับ ‘Dr. No’ จึงมีความสนใจทางเพศเพียงเรื่องเดียว (อย่าใช้คำว่า ‘ความรัก’ อย่างไม่ระมัดระวัง) แทนที่จะเป็นการแบ่งแยกระหว่างสาวดีที่รอดชีวิต สาวเลว/สาวโศกนาฏกรรมที่ตาย ซึ่งเป็นโครงสร้างภาพยนตร์ทั้งหมดในภายหลัง (ยกเว้น OHMSS และที่น่าสนใจคือภาพยนตร์เรื่อง Dalton) และไม่เหมือนกับ ‘Dr. No’ ตรงที่โครงเรื่องของตัวร้ายนั้นค่อนข้างเล็กและเป็นไปตามโลกแห่งความเป็นจริงอย่างแน่วแน่ นั่นคือการขโมยเครื่องเข้ารหัสและทำให้หน่วยข่าวกรองของอังกฤษต้องอับอายในกระบวนการนี้ นอกจากนี้ยังไม่มีเพลงประกอบที่ดังระเบิด แม้ว่า Matt Monro จะแต่งเพลงประกอบที่ฟังสบาย ๆ ในตอนท้าย (จริงๆ แล้วก็ไม่เลวทีเดียว แม้ว่าเพลง ‘Goldfinger’ ของ Shirley Bassey จะทำให้ดูเหมือนเพลงเก่าเมื่อเปรียบเทียบกันก็ตาม)

โดยแท้จริงแล้ว นี่หมายความว่านี่เป็นภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่องสุดท้ายที่ผู้สร้างพยายามสร้างเป็นภาพยนตร์ ไม่ใช่ภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ไม่สำคัญว่าจะมีรูปแบบทั้งหมดหรือไม่ มันสำคัญแค่ว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่ดีหรือไม่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้อ้างได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในซีรีส์ และแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่รู้สึกเขินอายที่สุด (เปรียบเทียบกับ ‘Thunderball’ ซึ่งเป็นความพยายามแบบเทียม ๆ เพื่อเลียนแบบ ‘Goldfinger’ แต่ทำให้ทุกอย่างดูใหญ่ขึ้น)

ดังนั้น Daniela Bianchi จึงไม่ใช่แค่ ‘สาวเจมส์ บอนด์’ คนล่าสุดเท่านั้น แต่เป็นตัวละครที่เป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องนี้ เธอคือแก่นของเรื่องราวเลยทีเดียว Ursula Andress อาจปรากฏตัวใน ‘Dr. ไม่’ แต่เธอทำตัวเป็นแค่คนแต่งเรื่องมากเกินไป ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง มาสาย และแทบไม่มีอิสระในการตัดสินใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ ในทางตรงกันข้าม จุดเปลี่ยนสำคัญของ  From Russia with Love คือ Tanya ของ Bianchi จะเข้าข้างบอนด์หรือ SMERSH – ปัญหา ‘ความรักหรือหน้าที่’ ที่มีมาช้านาน ภาพยนตร์ยังใช้เวลาไปกับการอ้อมค้อมที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักมากนัก – เช่นในฉากที่ค่ายยิปซี มีความรู้สึกจริงๆ ว่าโลกที่ดำเนินไปรอบๆ การผจญภัยของบอนด์ มากกว่าฉากหลัง ‘แปลกใหม่’ ที่มีสีสัน

นอกจากนี้ยังไม่มีการเน้นฉากแอ็กชั่นใหญ่ๆ มากเกินไป เช่น ฉากที่บอนด์เผชิญหน้ากับเฮลิคอปเตอร์ (แบบ ‘North by Northwest’ มาก – อันที่จริงแล้วอิทธิพลของฮิทช์ค็อกสามารถตรวจจับได้ตลอดทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ ตั้งแต่ฉากใน Cathedral ไปจนถึงฉาก Blondeness ของ Bianchi ไปจนถึงฉากรถไฟในช่วงครึ่งหลัง) และการไล่ล่าด้วยเรือเร็วที่ถึงจุดไคลแม็กซ์นั้นทำออกมาได้ดี แต่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับฉากในภาพยนตร์หลังๆ ที่น่าบอกเล่าก็คือ ฉากแอ็กชั่นที่น่าจดจำที่สุดคือฉากต่อสู้ระหว่าง Connery และ Robert Shaw บนรถไฟ และซีรีส์นี้ไม่มีทางทำได้ดีกว่านี้ในการต่อสู้ที่ใกล้ชิดและโหดร้ายนี้

Shaw เป็นตัวโกงคอแข็งที่ดีที่สุดในซีรีส์นี้ เขาฉลาดและมีเสน่ห์ รวมถึงมีพลัง เกือบจะเทียบเท่ากับเจมส์ บอนด์ได้เลยทีเดียว ลอตเต้ เลนยาและเปโดร อาร์เมนดาริซต่างก็เล่นบทสมทบได้ยอดเยี่ยม ทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่ซีรีส์นี้มีตัวละครสมทบที่พัฒนามาอย่างเต็มที่ และ Bianchi ก็เล่นได้ดี เธออาจขาดเสน่ห์ทางเพศที่ชัดเจนของ Andress แต่เธอเป็นนักแสดงที่ดีกว่า เล่นบทบริสุทธิ์โดยไม่โง่หรือน่าเบื่อ คอนเนอรี่เติบโตขึ้นมากในบทบาทนี้ ห่างไกลจากบทบาทที่สวมหมวกหมูในภาพยนตร์เรื่องแรกมาก แต่ยังคงไม่เชื่องและค่อนข้างจะกวนประสาทพอที่จะเป็นตัวละครที่น่าตื่นเต้นบนจอได้ บทบาทนี้ค่อยๆ เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ จากจุดนี้ไปจนถึงบทบาทอ้วนกลมในภาพยนตร์เรื่อง ‘Diamonds Are Forever’

ภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ในช่วงแรกๆ มักจะรอดพ้นจากสายตาของนักวิจารณ์ และเมื่อต้องเผชิญกับสายตาเหล่านี้ ก็มักจะเป็นผ่านแว่นตาที่ดูสวยหรู ‘Dr. No’ เป็นภาพยนตร์ที่น่าเบื่อและแสดงได้แย่ ‘Goldfinger’ เป็นภาพยนตร์ที่สนุกแต่ไม่มีรูปแบบ และ ‘Thunderball’ ก็พยายามมากเกินไป เป็นอัญมณีเล็กๆ ที่ได้รับการขัดเกลา เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญสงครามเย็นที่สร้างสรรค์อย่างมีสไตล์ และเป็นผลงานชิ้นเอกเล็กๆ โดยไม่คำนึงถึงซีรีส์อื่นๆ

pyrocitor

เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เจมส์ บอนด์จะกลับมาในภาคที่สองของสายลับและการผจญภัย แน่นอนว่า จนกระทั่งความสำเร็จอย่างถล่มทลายของ Goldfinger ซีรีส์บอนด์จึงได้รับความนิยมอย่างแท้จริง และสร้างสูตรสำเร็จที่ตามมาในไม่ช้าด้วยภาพยนตร์ 007 เรื่องต่อๆ มาและภาพยนตร์แอคชั่นแทบทุกเรื่อง แต่ ‘From Russia with Love’ พิสูจน์แล้วว่าเป็นภาพยนตร์เล็กๆ ที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน แม้จะเงียบกว่าเล็กน้อย โดยเน้นไปที่การจารกรรมลับในอาชีพของเจมส์ บอนด์มากกว่า และเน้นไปที่การกอบกู้โลกอันหรูหราซึ่งต่อมากลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาน้อยลง

อันที่จริง สิ่งหนึ่งที่ทำให้ ‘From Russia with Love’ น่าสนใจก็คือ เป็นภาพยนตร์ 007 ที่สร้างก่อนที่จะมีการกำหนดสูตรของ “ภาพยนตร์บอนด์” และเห็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในเนื้อเรื่อง ‘รัสเซีย’ เป็นภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องช้ากว่า โดยมีฉากแอ็กชั่นน้อยกว่า และเน้นไปที่บอนด์ในฐานะสายลับมากกว่าเป็นฮีโร่แอคชั่น การเล่าเรื่องที่ผ่อนคลายและสร้างความตึงเครียดนี้น่าจะได้รับกระแสตอบรับที่แย่มากในยุค 90 แต่  From Russia with Love  ยังคงเป็นภาคเสริมที่แข็งแกร่งมาก แม้จะไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับซีรีส์เจมส์ บอนด์ก็ตาม

ความแตกต่างที่สังเกตเห็นได้อีกอย่างคือ เจมส์ บอนด์เองก็ไม่ได้เป็นดารานำของเรื่องมากเท่ากับที่เป็นอยู่โดยทั่วไป ตัวละครรองในเรื่องถูกเน้นมากขึ้น รวมถึงตัวละครรอง เช่น ปรมาจารย์หมากรุก ครอนสตีน (วลาดิมีร์ เชย์บัล) ซึ่งน่าจะถูกคัดออกจากเรื่องไปหาก ‘รัสเซีย’ ทำตามสูตรมาตรฐานอย่างใกล้ชิดกว่านี้ และในที่สุด เจมส์ บอนด์ก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างและสามารถแก้ปัญหาใดๆ ได้ด้วยตัวเอง เขาร่วมมือกับเคริม เบย์ ผู้รอบรู้ (เปโดร อาร์เมนดาริซผู้มีเสน่ห์ ซึ่งเป็นบทบาทสุดท้ายของเขาในภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย)

ซึ่งแสดงให้เจมส์ บอนด์เห็นเชือกในอิสตันบูล แต่ยังคงมีองค์ประกอบเรื่องราวมาตรฐานอื่นๆ จากสูตรของเจมส์ บอนด์อยู่ เช่น โรซ่า เคล็บบ์ (ลอตเต้ เลนยาผู้น่ากลัว) ผู้ร้ายตัวฉกาจ และเรด แกรนท์ มือปืน (โรเบิร์ต ชอว์ ผู้เป็นตัวละครเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งสามารถข่มขู่และคุกคามได้อย่างสมบูรณ์แบบ) และแน่นอนว่ายังมีสาวสวยมากมายให้บอนด์ได้ลองล่อลวง โดยเฉพาะทาเทียนา โรมาโนวา เจ้าหน้าที่ถอดรหัสชาวรัสเซีย ซึ่งรับบทโดยดาเนียลา เบียนคี สาวสวยสุดเซ็กซี่ นอกจากนี้ ยังมีฉากไล่ล่าบนเรือที่ตึงเครียดในช่วงใกล้จุดไคลแม็กซ์ของภาพยนตร์ ซึ่งเป็นฉากผาดโผนแบบเดียวกับที่ภาพยนตร์บอนด์เรื่องอื่นๆ มักจะทำ

From Russia with Love เป็นภาพยนตร์ที่เงียบกว่าและเต็มไปด้วยความระทึกขวัญมากกว่าในซีรีส์บอนด์ โดยเน้นที่บอนด์ที่ทำหน้าที่สอดแนมมากกว่าการระเบิดทุกๆ ห้านาที และบอนด์ช่วยโลกจากแผนการที่ซับซ้อน แม้ว่าบางครั้งอาจจะดูน่าเบื่อ และอาจไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ผู้ชมในปัจจุบันคาดหวัง แต่คอนเนอรี่แสดงได้ดีที่สุดในการรับบท 007 และคู่ต่อสู้ของเขานั้นคุกคามและข่มขู่ได้อย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่ต้องการให้แฟรนไชส์เจมส์ บอนด์เน้นหนักไปที่ส่วนที่เป็นสายลับเกี่ยวกับภารกิจของเจมส์ บอนด์มากขึ้น From Russia with Love น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเขา

ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

James Bond 007 Goldfinger (1964) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 3: จอมมฤตยู 007

James Bond 007 Thunderball (1965) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 4: ธันเดอร์บอลล์ 007

For Your Eyes Only 007 (1981) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 12: เจาะดวงตาเพชฌฆาต

James Bond 007 Moonraker (1979) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 11: พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ

JAMES BOND 007 THE SPY WHO LOVED ME (1977) เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 10: พยัคฆ์ร้ายสุดที่รัก

แสดงความคิดเห็น

แชร์

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Better Man (2024)
หนังฝรั่ง ซับไทย
หนัง

7.6

ดูหนังออนไลน์ 2024

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่