Errementari The Blacksmith and the Devil (2017) พันธนาการปิศาจ
เรื่องย่อ
ความสยองขวัญนิดๆของ พ่อค้าคนหนึ่ง ที่ได้ขายชีวิตของตัวเองให้กับปีศาจไปแล้ว แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาเกรงกลัวพวกมันแต่อย่างไร แต่กลับกลายเป็นว่า เขาพร้อมที่จะต่อกรกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม Errementari The Blacksmith and the Devil
ผู้กำกับ
- Paul Urkijo Alijo
บริษัท ค่ายหนัง
- Kinoskopik s.l.
นักแสดง
- Kandido Uranga
- Uma Bracaglia
- Eneko Sagardoy
- Ramón Agirre
- José Ramón Argoitia
- Josean Bengoetxea
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
Soundtrack & Score Community (Thailand)
เป็นหนังแฟนตาซีสยองขวัญปี 2017 Errementari The Blacksmith and the Devil เกี่ยวกับปัตชี ช่างตีเหล็กที่จับปีศาจตนหนึ่งมาทรมานในโรงตีเหล็กอันห่างไกลเพราะความแค้นส่วนตัว จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กสาวชื่ออูซูเอได้พลัดหลงเข้ามายังสถานที่นี้ และเผลอปลดปล่อยมันให้เป็นอิสระ หนังภาพสวย แฝงประเด็นศาสนา เกลี่ยความน่าเห็นใจให้ทั้งช่างตีเหล็กและปีศาจได้ดี การเดินเรื่องก็สามารถเล่นกับความสงสัยของผู้ชมและไต่ระดับความน่าประหลาดใจได้เรื่อยๆ
ทั้งนี้หนังยังมีการหยอดมุขตลกคาเฟ่ให้ผ่อนคลายเล็กน้อยด้วย (บางทีผมก็คิดว่ามันโคตรไทย) ส่วนฉากไคลแม็กซ์นั้นไม่ได้สู้กันมัน แต่ก็สร้างสรรค์และยังยิ่งใหญ่สมการรอคอย โดยรวมถือว่าดูเพลินและได้แง่คิดจนน่าบอกต่อ ตัวละครอูซูเอของหนูน้อย Uma Bracaglia แอบมีความน่ารำคาญ (ประสาเด็กมีปัญหา) แต่รวมๆแล้วยังคงน่ารักน่าเอ็นดู และตัวน้องเองก็เล่นได้ไม่ขัดตาเมื่อเข้าฉากกับผู้ใหญอย่าง Kandido Uranga และ Eneko Sagardoy ซึ่งรับบทช่างตีเหล็กกับปีศาจตามลำดับ
สกอร์หลอนๆของ Pascal Gaigne ประกอบขึ้นจากสิ่งพึงประสงค์อย่างออเคสตร้า เครื่องดนตรีพื้นเมืองต่างๆ และเสียงร้องเดี่ยวตราบจนคอรัส ส่วนของเสริมอย่างดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นเสียงเอฟเฟคและบรรยากาศที่ไม่ได้หลุดโทนย้อนยุค โดยลูกเล่นที่น่าชื่นชมหน่อยคือเพอคัสชั่นแบบป่าผสมเหล็ก ซึ่งเข้ากับโลเคชั่นชนบทอันรวมถึงโรงตีเหล็กกลางป่า รองลงมาก็คอรัสที่ออกน้อยแต่เฮี้ยนหนัก ซึ่งสนองบริบทเกี่ยวกับปีศาจและนรกได้อย่างน่าพอใจ
จากที่ผมเคยเล่าในช่วง Soundtrack Diary ว่าธีมงานนี้ไม่เด่นเท่าบรรยากาศและอื่นๆ Errementari The Blacksmith and the Devil ผมอยากบอกว่ามันเป็นงั้นจริง เพราะไม่มีธีมหลักใหญ่ๆให้เกาะ แต่ก็ยังมีธีมเล็กๆที่สะดุดหูอีกจำนวนหนึ่งคอยสร้างสีสัน อาทิเช่น เสียงไวโอลินบาดหูสำหรับปีศาจ โมทีฟ 2 โน้ตดาร์คๆสำหรับช่างตีเหล็ก และออสตินาโตเครื่องสายสำหรับฉากตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม ผมขอยกธีมที่น่าใส่ใจระหว่างชมมาขยายความเพียง 2 ตัวดังนี้
ตัวแรกคือธีมเสียงเครื่องกระทบสำหรับเรื่องราว ซึ่งมีความเป็นดนตรีกล่อมเด็กโทนแฟนตาซีกึ่งสยองขวัญ โดยเวอร์ชั่นหลอนวังเวงของมันคือสิ่งแรกที่ท่านจะได้ยินหลังเสียงตีระฆังในฉากบรรยายเปิดเรื่อง (เพลง “Errementari”) จากนั้นเมื่อถึงฉาก 8 ปีต่อมาหรือเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งเดินทางมายังเมืองที่เกิดเหตุ ธีมนี้ก็ถูกไฮไลท์พร้อมออเคสตร้าภายใต้โทนเทพนิยายปรัมปราชวนฉงน ส่วนแวริเอชั่นอื่นที่ตามมาก็จะวนอยู่หลักๆแค่ 2 อารมณ์นี้ แต่ไม่ต้องห่วงว่ามันจะทำให้ภาพรวมจำเจ เพราะอย่างที่ผมบอกไว้ มันยังมีอย่างอื่นมาเสริมอีกเยอะ
ธีมอีกตัวเป็นธีมใสๆน่ารักๆสำหรับอูซูเอ ซึ่งมีการใช้เสียงของหญิงสาวฮัมแนะนำเมโลดี้ 6 โน้ตในฉากที่เธอเล่นกับตุ๊กตาในป่า (เพลง “Uxueren Mundua”) เมื่อพ้นช่วงนั้น ธีมก็เหมือนจะอันตรธานหายไปพักใหญ่ ถึงรู้สึกได้ก็แค่ลางๆ กว่าจะได้ยินเต็มหูอีกก็โมเมนต์ซึ้งแกมสะเทือนอารมณ์ในตอนท้ายๆ รวมถึงดนตรีเครดิตสะกดอารมณ์ แต่ผมบอกได้เลยว่ามันกินใจและคุ้มค่าแก่การรอคอยมาก
โดยรวม Errementari The Blacksmith and the Devil มิใช่สกอร์ที่ฝากธีมใหญ่ๆให้จดจำ แต่การรวมตัวกันของหลากหลายไอเดียและต่อยอดบางส่วนอย่างเหมาะสมก็สามารถมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำได้ ไม่ว่าจะทั้งในหนังหรืออัลบั้ม (กรณีหลังอาจขึ้นอยู่กับตัวท่านเองว่าสามารถเสพความหลอนและทนรอการปล่อยของตอนท้ายได้แค่ไหน) หากท่านเป็นแฟนผลงานของคอมโพเซอร์สายอินดี้คนนี้ หรือแค่อยากสัมผัสดนตรีแนวๆ THE WITCH ของ Mark Korven แบบอลังการขึ้น ก็ลองหาดูหาฟังได้
▪ สรุปคะแนนหนัง 4/5 สกอร์ในหนัง 4/5 และสกอร์ในอัลบั้ม 4/5
การบอกว่านี่เป็นภาพยนตร์บาสก์เรื่องแรกของฉันอาจขาดผลกระทบเนื่องจากมีเพียงไม่กี่เรื่อง แต่ถ้านี่คือสิ่งที่คาดหวังจากภาพยนตร์เหล่านี้ ฉันขอสมัครรับเรื่องอื่นๆ ด้วย Netflix อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นเรื่องราวของช่างตีเหล็กสันโดษที่จองจำปีศาจที่เขาคิดว่าเป็นต้นเหตุของความทุกข์ยากมากมายของเขา อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นเทพนิยายที่มืดหม่น ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ฟังดูเหมือนเป็นแบบนั้น และนักแสดงก็ยอดเยี่ยม ฉันไม่รู้เลยว่าจะคาดหวังอะไรเมื่อดู แต่ฉันก็ดีใจมากที่ในที่สุดฉันก็ให้โอกาสกับมัน
การจัดหมวดหมู่ Errementari เป็นเรื่องยากมากเพราะมันมีรากฐานมาจากจินตนาการ Errementari The Blacksmith and the Devil แต่ดำเนินเรื่องคล้ายกับหนังสยองขวัญมาก มันน่ากลัว มันมืดมน มันค่อนข้างไม่ให้อภัย แต่มีหัวใจอยู่ในจุดที่เหมาะสมและไม่ทำให้บรรยากาศเสียไปโดยเน้นผลกระทบที่ไม่จำเป็น มันมีธีมเกี่ยวกับศาสนา การเสียสละ และการสูญเสีย ซึ่งทำให้หนังน่าสนใจและน่าติดตามยิ่งขึ้น มันทำให้ฉันติดหนึบตั้งแต่ต้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าไม่มีหนังประเภทนี้มากพอ มันล้ำลึก เข้มข้น และฉันสนุกกับมันจริงๆ แน่นอนว่ามันไม่ได้ปราศจากข้อบกพร่อง แต่ไม่มีอะไรมาพรากความคิดสร้างสรรค์และเสน่ห์ล้นเหลือของมันไปได้
เรื่องราวสยองขวัญสุดมันส์และตลกร้ายเกี่ยวกับเด็กและช่างตีเหล็กที่เข้าไปพัวพันกับสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ในเรื่อง As a Blacksmith: Kandido Uranga จับปีศาจร้ายได้ แต่กลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายเมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งปล่อยเขาไปโดยไม่รู้ว่าปีศาจร้ายนั้นชั่วร้าย จากนั้นช่างตีเหล็กก็ถูกชาวเมืองไล่ล่า และเขาพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางฝูงคนรุมประชาทัณฑ์ที่มาตามหาเด็กที่หายไป นิทานทุกเรื่องไม่ได้มีจุดจบที่มีความสุขเสมอไป
Errementari หรือ El Herrero หรือ Blacksmith เป็นการเล่าเรื่องนิทานเก่าเกี่ยวกับช่างตีเหล็กที่พบว่าตัวเองต้องต่อสู้กับปีศาจและช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากนรก นิทานเรื่องนี้มีเอฟเฟกต์พิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจ การออกแบบงานสร้างที่น่าดึงดูด การแต่งหน้าที่น่าประทับใจ และสัญลักษณ์ที่สวยงามจากนรก จริงๆ แล้ว ปีศาจและตัวละครน่ากลัวอื่นๆ นั้นได้มาจากภาพวาด จิตรกรรมฝาผนัง ตำนาน และภาพยนตร์เก่าในยุคกลาง เช่น Haxan โดย Benjamin Christensen ภาพยนตร์เรื่องนี้พูดเป็นภาษาบาสก์ แต่เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จึงมีการพากย์เสียงเป็นภาษาต่างๆ มากมายเพื่อส่งออกไปทั่วโลก นักแสดงทุกคนแสดงได้ดีเยี่ยม แต่เนื่องจากไม่เป็นที่รู้จัก ยกเว้น Kandido Uranga ซึ่งเคยแสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นบทรองและบทสั้นๆ ของ Itziar Ituño ซึ่งเคยร่วมแสดงในเรื่อง Money Heist หรือ La Casa De Papel
ภาพยนตร์นี้ถ่ายทำด้วยสีสันและความน่ากลัวโดย Gorka Gómez Andreu ถ่ายทำในสถานที่จริงในป่าอันงดงามต่างๆ ในแคว้นบาสก์ เช่น El Pobal, Ubide, Bizkaia, Agorregi, Vitoria-Gasteiz ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Paul Urkijo Alijo ได้อย่างยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องแรก Errementari The Blacksmith and the Devil ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลและการเสนอชื่อเข้าชิงหลายรางวัล เช่น รางวัลชนะเลิศ Fantaspoa International Fantastic Film Festival สาขา Artistuc Contribution ได้แก่ Paul Urkijo รางวัลชนะเลิศ Grossman Fantastic Film and Wine Festival สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลชนะเลิศ San Sebastián Horror y Fantasy Film Festival สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Goya Awards 20109 เข้าชิงรางวัลสาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม: Jon Serrano, David Heras .Motelx Festival International Lisboa de Cinema Terror เข้าชิงรางวัลสาขาภาพยนตร์ยุโรปยอดเยี่ยม และอื่นๆ อีกมากมาย
การแสดงภาพที่น่าสนใจของนิทานพื้นบ้านคลาสสิกของชาวบาสก์ที่แสดงถึงความเย่อหยิ่งของมนุษยชาติและคำถามว่าอะไรคือความดีและความชั่ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าผิดหวังในเวลาเดียวกัน เป็นเรื่องน่ายินดีในแง่ของผลงานในช่วงเวลานั้นที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและการแสดงภาพของนิทานพื้นบ้านเฉพาะภูมิภาค แต่ก็น่าผิดหวังในการเลือกนักแสดงและวิธีการแสดงของบางบทบาท
ฉันประทับใจกับความกล้าหาญของความหน้าไหว้หลังหลอกทางศาสนาที่แสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงการนำเสนอเกี่ยวกับนรกจากคริสตจักรในศตวรรษที่ 19 ฉันพบว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างกันพบความคล้ายคลึงกันในนรกในขณะที่เปลี่ยนแปลงแง่มุมอื่นๆ ของการนำเสนอไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าฉันจะไม่แนะนำให้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ซ้ำหลายครั้ง และในท้ายที่สุดก็ทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยประทับใจนัก แต่ฉันขอแนะนำให้ดูเพียงครั้งเดียวเพื่อดูภาพยนตร์นิทานพื้นบ้านเรื่องนี้และดูว่าผู้กำกับและนักเขียนมองนรกในเวอร์ชันของพวกเขาอย่างไร
5.6