Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้
เรื่องย่อ
เมื่อวิลล์ตัดสินใจ Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้ เล่าเรื่องราวที่เขาพบกับแม่ของลูกสาวให้ฟัง เขาก็ค้นพบว่าการมองอดีตอีกครั้งอาจช่วยให้เขามีโอกาสครั้งที่สองกับอนาคตได้เช่นกัน มายาลูกสาววัย 10 ปีของเขายืนยันที่จะฟังเรื่องราวของวิธีที่พ่อแม่ของเธอพบกัน จะยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจ แต่ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชื่อและข้อเท็จจริงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรักต่าง ๆ ของเยาวชนของเขาดังนั้นจึงสร้างความรักลึกลับ มายาถูกทิ้งให้เดาว่าผู้หญิงคนไหนจะกลายเป็นแม่ของเธอ เรื่องราวที่เขาบอกว่ามายาถูกบรรยายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปภาพยนตร์เรื่องนี้จะเปลี่ยนกลับไปเป็นปัจจุบันที่ซึ่งความคิดเห็นของมายา (มักเป็นช่วงวิกฤต) และถามคำถาม
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1992 เมื่อจะมีอุดมการณ์ การเมืองย้ายออกไปจากเมดิสันวิสคอนซินและหวานใจของวิทยาลัยของเขายายไปมหานครนิวยอร์กที่เขาทำงานในแคมเปญคลินตัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาวิลล์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงสามคนที่เข้ามาในชีวิตของเขารวมถึงซัมเมอร์ฮาร์ทลี่ย์นักหนังสือพิมพ์ที่ต้องการและในเดือนเมษายน Will และ April มีโอกาสได้พบกับการทำงานนอกสถานที่ซึ่ง Will จะเปิดเผยว่าเขากำลังจะเสนอต่อ Emily
เมื่อวิลปฏิบัติตามข้อเสนอของเขาต่อเอมิลี่เมื่อเดือนเมษายนเธอก็เบื่อหน่ายโดยคำพูดและคำตอบที่เต็มไปด้วยความเต็มใจของวิล Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้ “แน่นอนอาจจะ” พวกเขากลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอซึ่งในเดือนเมษายนมีJane Eyreหลายชุดในการสะสมของเธออธิบายว่าพ่อของเธอให้สำเนากับจารึกอยู่ข้างหน้าไม่นานก่อนที่เขาจะตายและหนังสือเล่มต่อมาก็หายไป เธอใช้เวลาหลายปีดูสำเนาของJane Eyreที่ร้านขายของมือสองโดยหวังว่าจะได้พบกับสำเนาที่พ่อของเธอมอบให้ แต่เธอซื้อสำเนาใด ๆ ที่เธอพบว่ามีจารึก พวกเขาจูบกัน แต่จะหยุดและออกทันที
ผู้กำกับ
Adam Brooks
บริษัท ค่ายหนัง หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้
Universal Pictures
นักแสดง
- Ryan Reynolds
- An Nguyen
- Matthew Mason
- Rick Derby
- Sakina Jaffrey
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้ ผมชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ ครับ… หนังสนุก น่ารัก มีอะไรให้คิด ครบรสกันไปข้างหนึ่งเลยจริงๆ
หนังรสชาติดีเรื่องนี้ เปิดมาก็น่าสนใจแล้วครับ แน่นอนว่ามีสปอยล์นะครับ บอกไว้ตรงนี้เลย ถ้าไม่อยากทราบก็ข้ามไปอ่านดาวครับ ว่าผมสรุปความน่าดูไว้ในระดับไหน หรือถ้าจะให้สรุปตรงนี้ก็คงบอกได้ว่า เป็นหนังรักที่นำเอาเรื่องความรัก ความสัมพันธ์มาชี้ชวนให้เราได้ใคร่ครวญ ลองคิดถึงรูปแบบของมันน่ะครับ ให้เราได้เข้าใจว่าความรัก ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็ไม่ลงตัวไปซะหมดหรอก มันอยู่ที่ว่าเรามีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับมันได้มากน้อยแค่ไหน…
หรือสรุปให้ง่ายกว่านั้นคือ… คนชอบหนังรักๆ ที่ดีเนื้อหาดีๆ ควรดูเรื่องนี้แบบสุดสุดครับ
หนังแนะนำให้เรารู้จักกับวิล ฮาเยส (Ryan Reynolds) กับลูกสาวแสนน่ารัก มายา (รับบทได้อย่างสดใสโดย Abigail Breslin) ที่ตั้งคำถามใส่พ่อหลังจากเรียนวิชาเพศศึกษามาว่า พ่อกับแม่ทำอะไรแบบนั้นกันจริงๆ เหรอ พ่อก็ต้องมาอ้ำอึ้งตอบบ้างข้ามบ้างตามประสาพ่อแม่ที่ลำบากเวลาคุยเรื่องเพศกับลูกน่ะครับ
แต่แล้วก็มีคำถามหนึ่งที่สะดุดใจวิลอย่างจัง “เพื่อนหนูเขาบอกว่า การที่พ่อแม่มีเขามันเป็นอุบัติเหตุ … แล้วพ่อมีหนูเพราะอุบัติเหตุหรือเปล่าคะ” วิลรีบตอบทันทีว่า “ไม่จ้ะลูกรัก ไม่เลย” เพราะมายาเกิดจากความรักและเป็นแก้วตาดวงใจของวิลอย่างแท้จริง…
คำถามนั้นก็กระทบใจคนเป็นพ่อเป็นแม่เหมือนกันนะครับ และตัวผมเองก็เริ่มรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีดีน่าดูเพราะบทสนทนาชุดนี้นี่แหละ
จากนั้นพ่อลูกก็คุยกันถึงความหมายของ “ความรัก” ซึ่งวิลเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เลยตัดสินใจเล่าอดีตชีวิตรักให้ลูกได้รับฟัง จะได้ค่อยๆ ค้นหาความหมายของความรักไปพร้อมๆ กัน เพราะวิลเองก็ยังตอบไม่ได้เลยครับว่าไอ้ความรักนั้น หน้าตาแท้จริงมันเป็นอย่างไร มีจมูกปากหรือมีกิ่งใบกันแน่
วิลมีแฟนสามคนครับ ได้แก่ เอมิลี่ (Elizabeth Banks), เอพริล (Isla Fisher) และซัมเมอร์ (Rachel Weisz) ซึ่งแต่ละคนก็มอบบทเรียนความรักให้วิลคนละแบบ มีทั้งสุขสันต์หรรษา และโศกเศร้าเคล้ากันไป ซึ่งหลายสิ่งที่วิลต้องประสบเราก็นำเอามาเรียนรู้ชีวิตรักและความเป็นจริงในโลกได้ดีทีเดียวล่ะครับ
ฉันรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Definitely, Maybe ครั้งแรก Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้ มันเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงตามที่ฉันได้สรุปเอาไว้ และส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะการแสดงของนักแสดงที่ทุ่มเท แม้ว่าเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องจะยอดเยี่ยมก็ตาม บรรยากาศโดยรวมและวิธีที่ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องนั้นยอดเยี่ยมมาก มันน่าประทับใจมากและให้ความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ต้นจนจบ ในขณะเดียวกันก็ตลกและสนุกโดยรวมไปพร้อมกัน การแสดงนั้นยอดเยี่ยมอย่างที่ฉันพูดไปแล้ว และบทภาพยนตร์ก็ยอดเยี่ยม เพราะทุกคนช่วยกันทำให้ภาพยนตร์มีความเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ พวกเขาทำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และฉันคิดว่าพวกเขาคงทำได้ดีกว่านี้แล้วด้วยสิ่งที่พวกเขาต้องทำงานด้วย
มีเนื้อหาบางส่วนที่ฉันพบว่าไม่ค่อยดีนัก และในบางครั้ง ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังสูญเสียความสนใจไปเล็กน้อย แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างกำลังใจให้ฉันมากจนฉันละสายตาไม่ได้เลย และยังคงสวยงามและน่าหลงใหลอย่างน่าอัศจรรย์จนฉันอดไม่ได้ที่จะสนใจ หนังเรื่องนี้สมควรได้รับคำชมเชย และหวังว่าจะมีคนดูเพิ่มขึ้นอีก เพราะเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมาก และควรเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ชมกัน รับรองว่าคุณจะต้องประทับใจ ถ้ายังไม่ได้ดูก็ไปดูซะ!
“Definitely, Maybe” ออกวางตลาดด้วยประโยคที่ว่า “เป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ที่ดีที่สุดตั้งแต่แอนนี่ ฮอลล์” ตอนแรกฉันตกใจเพราะมันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ แล้วพวกเขากล้าพูดประโยคเดียวกับวูดดี้ อัลเลนได้ยังไง แต่เมื่อฉันพยายามหาตัวอย่างหนังที่ดีที่สุดหลายๆ เรื่อง ฉันก็ยอมลดทอนมุมมองด้านลบที่มีต่อหนังเรื่องนี้ลง
เป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ทั่วๆ ไป Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้ แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยเพื่อให้หนังเรื่องนี้แตกต่างออกไป แทนที่จะเป็นแค่เรื่องเดียว เรามีเรื่องราวความสัมพันธ์หลักสามเรื่องที่ถูกเล่า และเรื่องราวทั้งหมดก็เล่าถึงการขึ้นสู่อำนาจและการล่มสลายของประธานาธิบดีบิล คลินตัน เป็นการเติมเต็มทางการเมืองที่เหมาะสมและสดชื่นมาก
ไรอัน เรย์โนลด์ส หล่อเหลาและตลกเหมือนเคย เล่าให้เราและลูกสาววัย 11 ขวบของเขาฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีตสามครั้งของเขา พวกเขาใช้เวลานานเกินไปในการสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ เพราะแนวทางที่พวกเขาเลือกนั้นชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ได้เจอผู้หญิงที่ใช่
ฉันมองว่า “Definitely, Maybe” เป็นเพียงการรวบรวมฉากตลกๆ หลายๆ ฉาก ขณะที่เรย์โนลด์สไปรับลูกสาวหลังเลิกเรียนและลูกสาวเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับชั้นเรียนเรื่องเพศศึกษาที่เพิ่งเรียนไป เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่หัวเราะเยาะอบิเกล เบรสลินที่สับสนและหยาบคาย การที่เด็กๆ พูดถึงสิ่งที่พวกเขาทำนั้นอาจดูไม่ถูกต้อง แต่ก็ตลกดี
ผู้สร้างภาพยนตร์ดูเหมือนจะมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความแปลกใหม่มากกว่าที่เป็นจริง แต่ “Definitely, Maybe” ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ดีและตลก และอาจเป็น (บางทีเท่านั้น) ภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ “Annie Hall” (1977)
ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เกือบปีหนึ่งก่อนที่มันจะออกฉาย ฉันเป็นแฟนตัวยงของไรอัน เรย์โนลด์ ฉันสงสัยว่าหนังเรื่องนี้จะออกฉายหรือเปล่า แล้วฉันก็ได้ยินมาว่าหนังจะออกฉายในวันวาเลนไทน์ “ใช่!” ฉันคิดในใจว่า “ในที่สุด” แล้วผู้หญิงที่ฉันไปดูหนังด้วยก็มาสายห้านาที ซึ่งหมายความว่าฉันพลาดการเตรียมตัวก่อนดูหนัง แต่หนังเรื่องนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน
ฉันชอบแนวโรแมนติกคอมเมดี้ลึกลับ ที่เราไม่รู้ว่าใครเป็นแม่ แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าเขาอยากอยู่กับใคร และคุณก็รู้ว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เรื่องราวได้รับการสร้างสรรค์อย่างดี นักแสดงก็ยอดเยี่ยม และประสบการณ์นั้นก็ประทับใจไม่รู้ลืม ฉันสนุกกับหนังเรื่องนี้จริงๆ เพราะว่ามันเป็นมุมมองของผู้ชาย หนังผู้หญิงทุกเรื่องเป็นมุมมองของผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะทำให้ผู้ชายเสื่อมเสีย ยกเว้น “คนที่” ที่ผู้หญิงควรจะอยู่ด้วย แต่เขาทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอหงุดหงิด ดังนั้นผู้ชายทุกคนจึงเป็นขยะ ใช่แล้ว เราพูดถึงประเด็นที่ว่าผู้ชายเป็นขยะ แต่เรากลับพูดถึงเรื่องที่ไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับผู้ชายและอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา เราไม่อยากให้ผู้หญิงรู้ว่าเรามีด้านแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่มันก็มีอยู่จริง
โอ้! อุ๊ย! ฉันชอบการโต้ตอบระหว่างไรอันกับลูกสาวในจอของเขา ตอนที่เขาทำอะไรบางอย่างที่ควรเปลี่ยนแปลง แล้วรู้ตัวว่าสายเกินไปที่จะกลับไปทำแบบนั้น เขาเลยทำในสิ่งที่พ่อแม่ทั่วไปควรทำ นั่นคือ เขาโกหก เขาโกหกจนหมดเปลือกเพื่อขุดหลุมที่เขากำลังฝังตัวเองอยู่ ตอนจบของหนังเรื่องนี้ก็ดี… แต่ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นที่นี่ ดูหนังเรื่องนี้เมื่อคุณมีเวลา ฉันคิดว่าคุณจะสนุกกับมัน
1) ตัดสินใจดูหนังเรื่องนี้ Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้ เพราะเจอรีวิวนึงจั่วหัวว่า “บางทีมันอาจจะเป็นหนังรอมคอมที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ Annie Hall” ซึ่งมันเป็นคำกล่าวยกย่องที่ดูเกินตัวไปสักนิด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเพราะหนังมันก็มีดีไม่แพ้รอมคอมชื่อดังเรื่องอื่น ๆ
2) คุณพ่อ ‘วิล เฮย์’ (Ryan Reynolds) กำลังจะเซ็นใบหย่าที่ส่งมาโดยภรรยา ในคืนนั้นเองเขาได้เล่าความหลังให้ ‘มายา’ (Abigail Breslin) ลูกสาวคนเดียวฟังถึงหญิงสาวที่เขาเคยเกี่ยวข้องด้วยสามคนก่อนแต่งงาน โดยใช้นามสมมุติเพื่อไม่ให้ลูกสาวรู้ว่า 1 ใน 3 คนนี้ คนไหนคือแม่ของเธอ
3) ความน่าสนใจของหนังไม่ได้อยู่แค่การต้องมาลุ้นว่ารักไหนคือแม่ของมายา แต่มันชวนให้ติดตามว่าบทสรุปหลังเฉลยจะเป็นอย่างไร ซึ่งผมต้องยกนิ้วให้บทสรุปช่วงท้ายเลยว่ามันเป็นรอมคอมที่สมบูรณ์แบบในตัวเอง และเกี่ยวเนื่องไปพูดถึง coming of age ของเด็กสาวที่เติบโตทางความคิดหลังจากได้ฟังเรื่องรักของคุณพ่อ
4) ช่วงความรักของคุณพ่อจนถึงตอนเฉลยตัวคุณแม่มันโดนใจผมอย่างหนึ่งคือมันทำให้ลูกสาวเข้าใจถึงสถานการณ์หย่าร้างที่กำลังเผชิญ อย่างน้อยที่หนังได้บอกเล่าออกมาก็คือความรักในช่วงเวลานั้นอาจจะไม่ใช่ความรักที่ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันไปตลอด และความรักที่ตามหาก็อาจไม่ใช่ความรักที่สมหวังเสมอไป
5) ฉากหนึ่งที่บอกถึงการก้าวพ้นวัยได้เป็นอย่างดีคือ ฉากที่คุณพ่อบอกลูกสาวคนเดียวว่าเรื่องนี้จบแบบ happy ending แต่เด็กสาวยังคงมองถึงปัจจุบันเพียงอย่างเดียวว่าพ่อแม่แยกทางกันจะจบอย่างมีความสุขได้อย่างไร ซึ่งในการสนทนาอีกครั้งเราจะได้เห็นว่า happy ending ของคุณพ่อก็คือการกำเนิดลูกสาวจากความรัก และเธอก็เข้าใจสาระสำคัญตรงนี้ชัดเจน
6) หนังทำหน้าที่โรแมนติก-ดราม่า ที่มีอารมณ์ขันเล็กน้อยตามแบบหนังคอเมดี้ได้ดีมาก ๆ ส่วนสำคัญที่ทำให้ผมหลงรักหนังเรื่องนี้ก็คือรูปแบบความสัมพันธ์ของ ‘วิล เฮย์’ กับทั้งสามสาวที่พบรักและแยกทางแตกต่างกันไป
7) ‘เอมิลี่’ (Elizabeth Banks) คนรักที่คบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย จุดแยกทางครั้งแรกเกิดขึ้นเพราะความกลัวของหญิงสาวที่เคว้งเพราะความห่างไกล และกลัวสภาพสังคมจะเปลี่ยนแฟนหนุ่มโดยที่เธอก้าวตามไม่ทัน ปัญหานี้คล้ายกับคู่รักของ ‘แอนน์ แฮททาเวย์’ Definitely Maybe (2008) หนุ่มว้าวุ่น ลุ้นรักแท้ ในหนังเรื่อง The Devil Wears Prada เนื่องจากแฟนหนุ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวที่ไม่สนใจแฟชั่น ไม่สนใจเข้าสังคมหรูหราค่อย ๆ ถูกที่ทำงานกลืนตัวตนทีละนิด ความคล้ายคลึงกับ ‘วิล’ ใน Definitely, Maybe ก็คือชายหนุ่มมีโอกาสก้าวหน้าด้านอาชีพการงาน ได้ไปเป็นทีมงานช่วยประธานาธิบดีหาเสียงในเมืองใหญ่ ทั้งระยะทางและสภาพสังคมมันทำให้หญิงสาวคนหนึ่งกลัวจนทำผิดพลาด ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะทั้งคู่เลิกรักกัน แต่เพราะมีฝ่ายหนึ่งคิดว่ามันคงไปกันไม่ได้ถ้าตัวเองยังไล่ตามมาไม่ทัน
😎 ‘เอพริล’ (Isla Fisher) หญิงสาวที่เราคงจะดูถูกความคิดความอ่านของเธอด้วยตำแหน่งงานพนักงานซีร็อกซ์ แต่เมื่อเราได้เห็นเธอโต้คารมกับ ‘วิล’ แต่ละครั้งก็พบว่าเธอฉลาด ความคิดทันสมัย และเข้ากันได้ดี แต่ด้วยความสนิทสนมมากเกินไปก็อาจทำให้คนบางคนตกหลุมอยู่ใน friend zone ไม่อาจก้าวขึ้นมา หรืออาจจะขึ้นมาเมื่อสายเกินไป ดูไปก็คล้ายกับ When Harry Met Sally ที่ความสัมพันธ์ของตัวเอกติดอยู่ในบ่วงของคำว่าเพื่อนสนิทแม้เราจะมองเห็นว่าทั้งคู่อยากจะก้าวพ้นจากคำว่าเพื่อน
9) ‘ซัมเมอร์’ (Rachel Weisz) นักเขียนหญิงเก่งกาจฉลาดและมีความทะเยอทะยาน เราเห็นความรักของคู่นี้ในลักษณะของความลุ่มหลงแต่เริ่มแรก แต่ขณะเดียวก็ได้เห็นว่าคู่นี้คบกันแล้วต่างเกื้อหนุนหน้าที่การงานซึ่งกันและกัน เหมือนต่างเป็นแรงผลักดันความทะเยอทะยานของทั้งคู่ แต่มันก็ต้องมีจุดหนึ่งที่ต้องเลือกระหว่างหน้าที่การงานกับการรักษาความสัมพันธ์
10) สุดท้ายนี้คงต้องบอกว่าความประทับใจที่มีต่อ Definitely, Maybe คงหนีไม่พ้นบทสรุปของความรักที่สื่อออกมาได้อย่างมองโลกตามความเป็นจริง มันเป็นหนังที่ไม่ได้ดราม่าหนักฟูมฟาย ไม่ได้โรแมนติกจ๋าเพ้อฝัน ไม่ได้คอเมดี้จนละเลยความเป็นจริง แต่สามารถรักษาสมดุลของทั้งสามด้านให้ออกจับหัวใจคนดูหนังอย่างผมได้
ใครยังไม่ได้ชม ผมก็ขอแนะนำให้ชมกันสักครั้ง จะชมหวานซึ้งเหมือนครั้งที่เข้าฉายวันวาเลนไทน์ หรือจะดูความรักของพ่อที่มีต่อลูกต้อนรับวันพ่อที่จะถึงนี้ก็ได้ครับ
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Blame the Game (2024) รักลุ้น วุ่นเพราะเกม