Deadpool 2 (2018) เดดพูล 2
เรื่องย่อ
หลังจากสูญเสียวาเนสซ่า (โมเรนาบัคคาริน) ความรักในชีวิตของเขาเวดวิลสันทหารรับจ้างทำลายกำแพงที่ 4 หรือที่รู้จักกันในชื่อเดดพูล (ไรอันเรย์โนลด์ส) ต้องรวมทีมและปกป้องรัสเซลคอลลินส์มนุษย์กลายพันธุ์ที่มีรูปร่างสมบูรณ์และเป็นนักดับเพลิง (จูเลียนเดนนิสัน) จากเคเบิล (Josh Brolin) ไซบอร์กไร้สาระอันตรายจากอนาคตและยังต้องเรียนรู้บทเรียนที่สำคัญที่สุดของทั้งหมดนั่นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกครั้ง ดูหนัง ออนไลน์
ผู้กำกับ
เดวิด เลตช์
บริษัท ค่ายหนัง
- ทีเอสจีเอ็นเตอร์เทนต์เมนต์
- มาร์เวล เอ็นเตอร์เทนต์เมนต์
- คิงเบิร์กฌอนรา
- ดิ ดอร์นเนอร์ส’ คอมปะนี
นักแสดง
- ไรอัน เรย์โนลด์
- จอช โบรลิน
- มอเรน่า แบ็คคาริน
- จูเลียน เดนนิสัน
- ซาซี บีทซ์
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
จอมจอมขอรีวิว
รีวิว Deadpool 2 แบบสั้นๆ หลังจากดูไป 2 รอบ วันที่ดู 19/05/2018 ที่นั้ง F7 Imax Paragon Cineplex
หนังทำออกมาได้สนุก เพลงแต่ละเพลงที่เลือกมาชอบมาก แต่ยังรู้สึกว่ามันไม่สุด สู้ภาคแรกไม่ได้ แต่ยังคงคอนเซ็ปท์การล้อเลียนหนังจากต่างค่ายซึ่งทำออกมาได้แบบ ฮามากๆ และมีฉากฮาหลายฉากที่เราชอบนะ มีการนำตัวตัวเดิมตั่งแต่ภาคแรก ละเอาตัวละครใหม่เข้ามาได้อย่างไม่ขัดหูขัดตาซึ่งทำได้ดีในจุดนี้
ให้คะแนน 7/10 ภาพรวมดูดีไม่แย่มาก แต่จังหวะของเรื่องยังไม่ถูกใจ ซักเท่าไหร่
ควรไปดูแบบ ฮาๆพอ บันเทิงมาก 😀
Spoiler alert 🚨 ชอบเพลง take on me แบบ เวอร์ชั่นในหนังมากมันคือ ver Unplugged เดียวจะแปะlink ไว้ให้เพราะชอบจริงๆ โครตชอบเลย แบบมากๆ
คนเก็บตั๋ว
รีวิวหนังล้อทุกอย่างที่ล้อได้ : Deadpool 2 (2018)
***No Spoil***
…End Credits 2 ฉาก สั้นๆ รอไม่นานแต่กวนตีนได้ใจ555555…
…หนังเกรียนภาคต่อ ซึ่งหลังจากที่รอคอยมานานจากภาคแรก (2 ปีได้ปะ…คิดว่าใช่) หนังที่ทุ่มทุนสร้างไม่เท่าไหร่ แต่รายได้ถล่มทลาย(อยากรู้ว่าเท่าไหร่ไปหาข้อมูลกันเอาเองแล้วกันขี้เกียจแปะ) หนังรายได้ดีก็ต้องมีภาคต่อใช่ไหม ก็ใช่นั่นละ แล้วมาภาคนี้พี่แกเล่นจัดหนักตั้งแต่เปิดตัว ลีลาบั้นท้ายก็ใช่ย่อย แอดมาดูแอดก็คาดหวังในตูด Deadpool เป็นอย่างมากว่ามีมีเน้นๆแน่นๆให้เห็นกี่ฉาก พอดูจบละก็จำไม่ได้หรอกกี่ฉากแต่ก็มีฉากที่น่าประทับใจเยอะมาก เอาเป็นว่าใครจะดูก็รีบไปดูซะนะ เดี๋ยวสปอยหลุดแล้วจะหาว่าไม่เตือน
…เนื้อเรื่องรวมๆก็ว่าด้วยเดดไปช่วยเด็กอ้วนที่เป็นมิวแทนท์คนหนึ่ง ที่ถูกตามล่าด้วยเคเบิ้ลไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร เดดจึงมีการรวมทีมฮีโร่ของตัวเองที่รับสมัครแบบใครสมัครกูก็เอาหมดประมาณนั้น มาช่วยเด็กอ้วนคนนี้ (ส่วนเด็กอ้วนมันจะเป็นไงก็ไปดูเอาขี้เกียจเล่า) หลักๆก็ประมาณนี้ ภาคนี้รู้สึกเดดจะรักเด็ก (หน้าตาไม่น่ารักเด็กได้) หนังจะมีดราม่าหน่อยๆแต่แอดคิดว่าดราม่าได้ไม่นานเดี๋ยวมันก็ยิงมุกอีก555555555555
…เปิดตัวมาก็ตามสไตล์พี่เดดเขาแหละ แต่ภาคนี้จะแอดวานซ์หน่อยตั้งแต่ต้นเรื่อง55555555555 (ใครดูแล้วโปรดสังเกตรายชื่อแนะนำผู้กำกับ คนเขียนบทให้ดี) ทำเอาแอดขำหน่อยๆ (กวนตีนฉิบ….) แน่นอนถ้าธรรมดาก็ไม่ใช่หนังพี่เดด บทถึงจะดูไม่มีอะไรมากมาย อะไรมาใส่ให้เอามาขายได้ก็เอาหมด อะไรที่ล้อได้ล้อหมด อย่างว่าขนาดตัวเองยังล้อแล้ว อย่างอื่นจะเหลือหรอ ไอ้ช่วงที่ล้อๆเนี่ยทำแอดขำหลายฉากอยู่เหมือนกันนะ ฉากแรกๆอาจจะเฉยๆ แต่หลังๆครึ่งเรื่องไปเนี่ย แอดฮาแตก (บวกกับแอดดูพาย์ไทย…ไม่ต้องบอกว่าคนพากย์ พากย์ได้กวนตีนแค่ไหน555555555555555
…นอกจากมุกล้ออะไรต่างๆจะขำตามสไตล์ค่าย MCU แล้ว ฉากแอ็คชั่นก็ไม่ธรรมดานะจ๊ะ ภาคก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ CG ก็ดีอาจจะไม่เนียนแบบเป๊ะอะไรเวอร์ขนาดนั้น แต่พอดูรวมๆอะไรหลายๆอย่างทำออกมาขำเหมือนกัน (โดยเฉพาะฉาก…เดินได้55555555555555) แบบอันนี้แอดขำหนัก คือแบบสู้ๆกันอยู่จะขำก็ได้หรออออ อารมณ์เหมือนดื่มโค้กใส่ลูกอมอะ555555555555555 แต่ถ้าจะให้พูดว่าชอบภาคไหนมากกว่ากัน ระหว่างภาคแรกกับภาคสอง แอดชอบภาคนี้นะ แต่ไม่รู้สิความรู้สึกมันต่างกันแรกก็ดีสองก็ดี๊ดี5555555555555555555 (ขนาดหนังใกล้จบมันก็ยังมีเรื่องมาล้อได้อีก…อืมดี)
สรุป : ภาคนี้พี่เดดจัดเต็มความเกรียนได้แบบสุดติ่งขึ้นไปอีก เนื้อเรื่องงั้นๆ แต่ก็มีอะไรเอามาขายได้ตลอด เรื่องล้อเลียนชาวบ้านนี่งานถนัด มีหลายฉากที่แบบเออเรื่องนั้นนี้หว่า แบบนี้ก็ได้หรอ555555 เล่นมุกหยอดมุกยิ่งมุกมีให้ขำอยู่เรื่อยๆ พอฉากแอ็คชั่นก็มันส์สะใจ(มีเยอะด้วยประเด็น) ถ้าใครชอบภาคแรกอยู่แล้ว ภาคนี้ไปดูคุณจะชอบมากกว่าเดิม (ถ้าไม่ชอบก็กลับไปดูภาคแรกมาใหม่แล้วมาดูภาคนี้…แต่ถ้ายังไม่ชอบอีกก็กลับไปดูแบทแมนมาใหม่แล้วกลับมาดูภาคนี้555555555)
ข้อดี : ยังคนรักษามาตรฐานความเกรียนเอาไว้อย่างดีเยี่ยม การล้อเลียนชาวบ้านแบบสไตล์เดดพลูนี่แหละ แอด ชอบ ที่สุด!!!!!!!!!!!!! (จุดขายแบบพรีเมี่ยม)
ข้อเสีย : ก็นะหนังแอ็คชั่นฮีโร่สายคลายเครียด บทมันก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายแต่ถามว่าโอเคไหม มันก็โอเค
ให้ 8.5/10 คะแนน
Movies Delight Club
Deadpool 2 (David Leitch, 2018) คะแนน B
“ภายใต้ความเกรียนแตก หนังก็ยังมีสาระประเด็นที่น่าสนใจ” เมื่อภาคแรกประสบความสำเร็จในการเป็นฮีโร่สายเกรียน สายฮา (แอนตี้ฮีโร่) ภาคสองจึงไม่จำเป็นต้องประนีประนอมในการล้อเลียนหนังดังต่างๆมากมายแบบไม่มีหยุดยั้ง ตัวหนังจึงเต็มไปด้วยมุกตลกที่เข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้างผสมปนกันไป สำหรับคอหนังคงจะได้รับโมเม้นต์การล้อเลียนหนังดังและยิงมุกใส่กันจนต้องขำท้องแข็งกันไปข้างหนึ่ง
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ตามดูหนังโดยเฉพาะคงจะไม่เข้าใจมุกมากเท่าไหร่และอาจจะทำให้การดูหนังเรื่องนี้ขาดช่วงอารมณ์หรือตามไม่ทันว่าตัวละครกำลังเล่นมุกอะไรกันอยู่ มันจึงเป็นดาบสองคบที่ทำให้ความสนุกของตัวหนังดูจะลดถอยลงไปในบางจังหวะ หรืออาจจะรู้สึกรำคาญเล็กๆในไดอะล็อกบางสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจ แต่อย่างไรก็ตาม ‘Deadpool 2’ ก็ยังคงมีฉากแอคชั่นดิบๆ เถื่อนๆ แต่ดูสร้างสรรค์ และดูตั้งใจจัดวางองค์ประกอบที่ดี จนทำให้เราสามารถร่วมสนุกสนานไปกับเหตุการณ์ต่างๆได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยพล็อตเรื่องหรือกระทั่งไทม์ไลน์ของตัวละคร (เพียงแต่ต้องเข้าใจบริบทและสไตล์ของหนังมาพอสมควร) สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับฉากแอคชั่นคือดนตรีประกอบและเพลงประกอบที่มาได้จังหวะในฉากนั้นๆ ซึ่งช่วงเวลาแบบนี้ถือเป็นความลงตัวและทำให้เราชอบเป็นพิเศษ
ตัวละครต่างๆมีการวางน้ำหนักและให้ความสำคัญที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวละครเอก ความสัมพันธ์ต่างๆของตัวละครจึงดูไม่ถูกทอดทิ้งจนเกินไป แม้ว่าจะไม่ได้ลึกซึ้งในมิติที่สะท้อนได้ทุกด้านก็ตาม ประเด็นสาระที่น่าสนใจของ ‘Deadpool 2’ คือเบื้องหลังและโลเคชั่นที่หนังเลือกหยิบมาใช้ ตัวละครเด็ก(มนุษย์กลายพันธ์)ที่อาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่โดนครูใหญ่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ มีแนวโน้มที่จะก่อเหตุความรุนแรง
หนังได้สะท้อนเรื่องราวตรงนี้ออกมาได้ดี และไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยซ้ำ สำหรับเราจึงคิดไปถึงเด็กๆในโรงเรียนที่ถูกครูทำร้ายหรือสั่งสอนสิ่งที่ผิด เมื่อเด็กๆเหล่านี้เติบโตขึ้นหรือได้ลองกระทำในสิ่งที่ผิด รับรู้ความรู้สึกของการแก้แค้นในสิ่งที่ตัวเองเคยโดนกระทำมาก่อน เหล่านี้ได้ทำให้เด็กไร้เดียงสากลายร่างเป็นอสูรร้ายในทันที และนอกจากประเด็นนี้ที่น่าสนใจ หนังเองยังแทรกภาวการณ์ความเชื่อใจระหว่างตัวละครที่พร้อมจะให้โอกาส ซึ่งก็เปรียบเสมือนคนทั่วๆไปในสังคมที่พร้อมจะช่วยเหลือเด็กๆจำพวกนี้ และแม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะดูเล่นท่าง่ายและมีบทสรุปที่ตื้นเขิน แต่โดยรวมแล้วก็ยังต้องชื่นชมที่ตัวหนังไม่ได้ทอดทิ้งแก่นเรื่องหรือสาระที่ตัวเองต้องการจะนำเสนอ แน่นอนว่าจังหวะเกรียนๆก็เป็นอุปสรรคในการทำให้เนื้อหาส่วนที่ดีดูไม่ไหลลื่น
ท้ายสุด ‘Deadpool 2’ คงจะอยู่ที่จุดประสงค์ของการดูแต่ละคน ถ้าใครอยากได้ความสนุกสนานหรือฉากแอคชั่นดิบๆ หัวขาดแขนขาด หนังเองก็ส่งมอบบันเทิงส่วนนี้ได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าใครยังอยากได้สาระประเด็นจากตัวหนัง เราเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ไร้สาระเสียทีเดียวและมีประเด็นที่น่าสนใจในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่มีอยู่ให้เห็นไม่มากและไม่น้อย ที่น่ายินดีคือ ภายใต้ความจำเจของภาพยนตร์แนวฮีไร่ต่อสู้ปราบวายร้ายพิทักษ์โลก ‘Deadpool’ ประสบความสำเร็จในสไตล์และแนวทางของตัวเองอย่างชัดเจน ไม่ซ้ำทางใครและไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร น่าสนใจต่อไปว่าแนวทางของหนังแบบนี้ จะพัฒนาตัวเองไปได้ไกลมากแค่ไหน เพราะถ้าเทียบกับภาคแรก เราคิดว่าภาคนี้มีพัฒนาการของโครงเรื่องและเส้นเรื่องที่ดีกว่า…จนน่าติดตามพัฒนาการตัวละครตัวนี้ต่อไป…จะมาไม้ได้อีกนะ…
I am Reviewer
Deadpool 2 (2018) 9.5/10 “ไอ้เหี้ย” คือคำเดียวที่ให้ได้
เนื้อเรื่อง เล่าง่ายๆ ภาคนี้ เดดพูลต้องรวมทีมมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยตัวเอง เพื่อทำภารกิจคุ้มกันหนูอ้วนรัซเซล มิวแตนท์เด็กลึกลับให้พ้นจากการตามล่าของนักรบผู้ข้ามกาลเวลาอย่าง เคเบิล ภาคนี้จะมันส์ขนาดไหน ก็ต้องไปติดตามชมกัน
รีวิว ในภาคนี้ เราจะเห็นเดดพูล ในมุมมองที่ดาร์คอีกเท่าตัวครับ เพราะมีทั้งดราม่า ซึ้ง แต่มันคั่นด้วยมุขต่ำตมไง ภาคแรกว่าสนุกแล้ว ภาคสองเล่นเอาซะลืมภาคแรกไปเล้ยยย มุขต่ำตมแบบนี้ ที่ภาคแรกก็ทำไม่ได้ เพราะมันคือที่สุดของความเกรียน ส่วนเรื่องเนื้อหานั้น ตึงเครียดมากกว่าเดิมด้วยตัวร้าย “เคเบิ้ล” ที่มาเป็นสีสันของภาคนี้ และมีฉากแอ็คชั่นห่าม โหด และเร้าใจเว่อร์ๆ หนังภาคนี้ยังเล่นกับ Pop Culture ต่างๆเช่นเคย การจิกกัดหนัง นักแสดงเรื่องต่างๆ ไม่ต้องผิดหวัง ภาคนี้มันมามากกว่าเดิม x2 รวมทั้งเพลงในยุค80s’ ,90s’ เพราะฉะนั้น ไปดูเถอะ มันมันส์โคตรๆ
ข้อติ
- มุขบางมุข เล่นเร็ว ขยี้เร็ว จบเร็วเกินไป
- ส่วนบางมุข กูยังไม่เข้าใจเล้ย ขนาดรู้ Pop Culture ในยุคที่ผ่านมาเยอะมากๆ
- บางพาร์ทยาวไป ยาวจนหาว
- บางพาร์ทสั้นไป อารมย์แบบขี้ยังไม่สุด แล้วเพื่อนโทรตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ครึ่งเรื่องหลังทำให้เราลืมข้อเสียข้างบนไปหมดเลย จริงๆอยากให้ เรท9 คะแนน แต่ด้วยความที่มี X-men จึงให้เพิ่มอีก 0.5 ด้วยความฟิน และคิดถึงส่วนตัว
สรุป มันสนุก มันมันส์ และไปได้สุดทาง ซีจีในฉากแอ็คชั่น เนียนกริบ ไม่ขัดตาแน่นอน และ มีรอบ2 รอบ3 แน่นอน
End Credit มี 2 ตัวนะครับ รอไม่นานเท่า Infinity War แต่อิเอ็นเครดิตเนี่ยแหละ เอาหัวรับประกัน ว่าไม่มีค่ายหนังไหนกล้าทำ และเชื่อว่าคงไม่มีใครทำ
ปล. เนื้อหาเดินเรื่องต่อจากภาคแรกชัดเจน เพราะฉะนั้น ถ้าอยากดูให้สนุก เจียดเวลาไปดูภาคแรกซะ
ปล.2 หนังเป็นเรท R นะครับ เลือดกระจุย ไส้กระจาย ไม่แนะนำให้เด็กไปดูเด้อ
เสพติดดูหนัง
Movie Review Deadpool 2 เดดพูล 2 (2018)
– ไร้การสปอยเนื้อหาสำคัญ –
สำหรับ Deadpool นับเป็นฮีโร่ที่มีสไตล์และบุคลิกที่ฉีกต่างจากคนอื่นๆค่อนข้างมาก จะเห็นได้จากภาคแรกที่ได้ฉายไปเมื่อปี 2016 มันมีความเกรียน และความแสบแบบชนิดที่ว่า “ กวนบาทา “ แบบสุดๆ จนกลายเป็นที่จับตาใครต่อหลายคน จนขนทัพภาคสองออกมาในปีนี้ และได้ “ David Leitch “ ผู้กำกับจาก John Wick และ Atomic Blonde มารับหน้าที่ในการดูแลเรื่องนี้ ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างไว้ใจมาก เพราะทำหนังแอคชั่นได้สุดมากๆ เท่มากๆด้วย
เรื่องราวจะดำเนินหลังจากภาคแรก จะพาไปสำรวจชีงิตหลังจากนี้ที่ “ เวด วิลสัน (Ryan Reynolds) “ ได้ทำหน้าที่และภารกิจต่างๆ จนกระทั่งได้พบกับ “ รัสเซิล (Julian Dennison) “ มนุษย์กลายพันธุ์คนใหม่ ที่มาพร้อมความซวยและการต่อสู้ที่มหึมาจัดหนัก จัดเต็มกว่าที่เคยมี
ช่วงแรกหนังค่อนข้างเล่าเรื่องได้จามมาตรฐาน มีความเพลิน และเรียกเสียงฮาได้หน่อยๆ ตามสไตล์ตัวละคร ที่มักจะเกรียนตลอดเวลา ซึ่งในจุดนี่เราค่อนข้างเฉยๆ ไม่ถึงกับเบื่อมันซะทีเดียวหรอก แต่มันก็ทำให้หายคิดถึงขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะเป็นการเปิดเรื่องที่ไม่ได้ตื่นตาซะเท่าไหร่นัก แต่พอเริ่มเข้าประเด็นแก่นหลักของเรื่อง หนังก็ดูสนุกขึ้น บันเทิงขึ้นมามากขึ้น
แต่ก็ไม่วายที่จะหยุดความเกรียนได้เลย เพราะใส่มาตั้งแต่ต้นยันจบจริงๆ และกลับมาคราวนี้มีกิมมิคมากขึ้น มีความปากจัดขึ้นเยอะ จิกกัด แซะไปทั่วจริงๆ ซึ่งส่วนตัวก็ค่อนข้างเก็ทกับทุกอย่างที่มันแซะ จึงขำได้อย่างเต็มที่ทุกครั้ง ซึ่งสำหรับบางคน บางมุกก็อาจจะไม่เก็ทเท่าไหร่ ส่วนนี้ก็อาจจะไม่ได้บันเทิงมากนัก คือภาคนี้แซะทั่วราชอาณาจักรมาก แซะหนังทุกเรื่อง แซะแม่งทุกคน ยันตัวเองมันก็แซะเด้อ ยอมแล้ว 555555
ฉากแอคชั่นต่างๆ คิวบู๊จัดว่าดีมาก เท่มาก มันส์มากกๆ และจัดหนักยิงยาวพอสมควร ดูแล้วเร้าใจและโหดเลือดสาดดี สมเรท R พอสมควรเลย ซึ่งทางสายแอคชั่นเป็นความถนัดของผู้กำกับ David Leitch อยู่แล้ว เขาไม่ทำให้เราผิดหวังเลย และสามารถคุมเรื่องนี้อยู่แบบไม่ทิ้งลายภาคแรก ดูแล้วสนุกจริงๆ มันสุดทุกอย่าง
ด้านนักแสดง สามารถแบ่งบทบาทและการมีพื้นที่ได้อย่างน่าพอใจมากๆ มีมิติและไม่มีตัวละครไหนถูกบดบังจนหายไปจากสายตาคนดูเลย ถึงแม้จะมีบางส่วนที่มีตัวละครมาแบบเพียงชั่ววูบและแปปๆ แต่ก็สร้างปรากฏการณ์ที่น่าจดจำได้ แต่จะเป็นในทางที่ดีหรือไม่ต้องไปดูเอาเอง โดยรวมใช้ได้เลยนะ
โดยรวม Deadpool 2 ยังคงความเป็น Deadpool ฮีโร่สายเกรียนแตกได้อยู่เช่นเดิม เพิ่มเติมคือยกกำลังเกรียนแบบฮากระจาย บ้าบอคอแตก ระห่ำแตกกว่าภาคแรก แซะแบบไม่มีหยุดหย่อน! แบบชีวิตนี้กูต้องแซะ! ไม่แซะกูอยู่ไม่ได้!! และเมื่อคืนได้ดูระบบ 4DX แล้วสนุกและระห่ำโคตรเลย แถมมีเซอร์ไพร์สแบบเยอะกว่าที่ตัวอย่างปล่อยมา ส่วนตัวประทับใจและสนุกมาก ชอบมากเลยด้วย กลับมาคุ้มค่าการรอคอยมันสุดๆ 555555 เข้าโรงแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั้งระบบปกติ , IMAX และ 4DX
Score : 8.5/10 Admin Minho
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Wolverine (2013) เดอะ วูล์ฟเวอรีน
X-Men First Class (2011) X-เม็น รุ่น 1
X-Men Day of Future Past (2014) X-เม็น สงครามวันพิฆาตกู้อนาคต
Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (2021) ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์
7.1