Crimson Tide (1995) คริมสัน ไทด์ ลึกทมิฬ
เรื่องย่อ
เมื่อกลุ่มกบฏรัสเซียเข้าควบคุม ICBM บางส่วนชาวอเมริกันก็ระดมพล ในบรรดาเรือที่ส่งไปคือหน่วยย่อยนิวเคลียร์ USS Alabama แต่ก่อนที่พวกเขาจะจากไปพวกเขาต้องการ X.O. และในบรรดาตัวเลือกคือ Commander Hunter ซึ่งไม่ได้เห็นการกระทำมากนัก แต่กัปตันเรืออย่างแรมซีย์ตกลงเขา ระหว่างทางเกิดเหตุการณ์ขึ้นและฮันเตอร์ไม่เห็นด้วยกับวิธีจัดการกับแรมซีย์ เห็นได้ชัดว่าแรมซีย์ไม่ได้คิดถึงฮันเตอร์มากนักเพราะฮันเตอร์ได้รับการศึกษาระดับวิทยาลัยในขณะที่แรมซีย์ทำงานหนัก Crimson Tide พวกเขาได้รับคำสั่งให้โจมตี แต่เมื่ออยู่ในระหว่างการรับคำสั่งอื่นการสื่อสารของเรือได้รับความเสียหายจึงไม่ได้รับข้อความทั้งหมด แรมซีย์ตัดสินใจที่จะดำเนินการตามคำสั่งก่อนหน้านี้ในขณะที่ฮันเตอร์ต้องการสร้างการติดต่อใหม่ก่อน นั่นคือตอนที่ชายสองคนชนหัวที่จบลงด้วยฮันเตอร์ปล่อยแรมซีย์ ต่อมาเมื่อมีชายบางคนเสียชีวิตเจ้าหน้าที่บางคนรู้สึกว่าฮันเตอร์ไม่พร้อมที่จะปฏิบัติงานดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันเพื่อควบคุมอีกครั้ง แต่ฮันเตอร์ได้ดำเนินการ
ผู้กำกับ
- Tony Scott
บริษัท ค่ายหนัง
- Hollywood Pictures
นักแสดง
- Denzel Washington
- Gene Hackman
- Matt Craven
- George Dzundza
- Viggo Mortensen
- James Gandolfini
โปสเตอร์หนัง
รีวิว
ปี 1995 ถือเป็นปีที่คู่หูผู้อำนวยการสร้าง Don Simpson และ Jerry Bruckheimer กลับมาผงาดอย่างเต็มภาคภูมิ – Crimson Tide หลังจากสะดุดไปกับ Days of Thunder – โดยปีนั้นพวกเขามีหนังฮิตถึง 3 เรื่อง ได้แก่ Bad Boys, Dangerous Minds และ Crimson Tide ที่ผมกำลังจะพูดถึง Crimson Tide ถือเป็นหนังเรือดำน้ำสายเข้มที่ทำออกมาได้อย่างน่าติดตามครับ มีครบทั้งความตื่นเต้น ระทึกขวัญ และความลุ้น โดยเปิดเรื่องมาหนังก็เกริ่นให้เราได้ทราบสถานการณ์คร่าวๆ ในหนังว่าตอนนี้ วลาดิเมียร์ เเรดเชงโก้ (Daniel von Bargen) ผู้นำฝ่ายกบฏของรัสเซียที่ขู่จะถล่มอเมริกาด้วยนิวเคลียร์ ทำให้อเมริกาต้องเตรียมพร้อมรับมือในทุกภาคส่วน
แล้วหนังก็โฟกัสมาที่เรือดำน้ำยูเอสเอสแอละแบมาที่มีผู้บัญชาการคือ นาวาเอกแฟรงค์ แรมซี่ย์ (Gene Hackman) และมีนาวาตรีรอน ฮันเตอร์ (Denzel Washington) เป็นรองผู้บัญชาการ ซึ่งความตึงเครียดมันมาเริ่มต้นขึ้นเมื่อระบบสื่อสารในเรือดำน้ำเกิดเสีย ทำให้รับคำสั่งจากเบื้องบนได้ไม่ครบ และจากข้อมูลที่ได้มา (แบบไม่ครบ) นั้นทำให้ผู้การแรมซี่ย์เชื่อว่าเขาควรจะต้องปล่อยขีปนาวุธจู่โจมพวกรัสเซีย ในขณะที่ฮันเตอร์มองว่าเนื่องจากข้อมูลที่ได้ยังไม่ครบ ดังนั้นการยิงขิปนาวุธออกไปอาจเป็นการจุดชนวนสงครามโลกก็เป็นได้
จริงๆ ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นการปะทะกันทางความคิดระหว่างแรมซี่ย์และฮันเตอร์อยู่เรื่อยๆ ครับ ช่วงต้นๆ ก็ถือว่าปะทะแบบเบาๆ แต่ก็สื่อให้เราเห็นเลยว่ามุมมองของพวกเขามีความแตกต่างกันอยู่พอตัว ครั้นพอเกิดเรื่องขึ้นทีนี้หนังก็ตึงเครียดล่ะครับ เรียกว่าระอุมาคุไปทั้งลำเรือเลย ซึ่งอันนี้ต้องยอมรับเลยว่าการแสดงของ Hackman และ Washington นั้นถือว่าเด็ดทั้งคู่ ตอนทุ่มเถียงทุ่มอารมณ์ใส่กันนี่ดูสมจริงมากๆ ซึ่งผมถือว่าการเจอกันของ 2 นักแสดงยอดฝีมือนี่คือไฮไลท์สำคัญของหนังเลยล่ะครับ
นอกจากการแสดงเยี่ยมๆ แล้ว ตัวบทก็เขียนได้ดี ตั้งแต่การแจกแจงตัวละครหลักๆ ให้เราได้เห็นคร่าวๆ ว่าใครเป็นใคร และใครอยู่ฝั่งไหนยามเกิดเรื่องขึ้น รวมถึงสถานการณ์ในเรื่องก็มีความกดดันพุ่งใส่คนดูอย่างต่อเนื่อง เพราะมันไม่ได้มีแค่การขัดแย้งกันระหว่างแรมซี่ย์และฮันเตอร์เท่านั้น มันยังมีเหตุแทรกซ้อนเกิดขึ้นในเรือ ไหนจะเรือดำน้ำฝ่ายข้าศึกอีก อะไรเหล่านี้ทำให้หนังน่าติดตามและอุดมความระทึกไปตลอดตั้งแต่ต้นจนจบครับ นอกจากดารานำแสดงได้แข็งแรงแล้ว ดาราสมทบแต่ละคนก็เสริมอารมณ์ให้หนังได้อย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะ Matt Craven, George Dzundza, Viggo Mortensen, James Gandolfini, Rocky Carroll, Danny Nucci และเรายังจะได้เจอกับ Steve Zahn และ Ryan Phillippe ในวัยละอ่อนด้วย
ด้านงานฉากก็ถือว่าอย่างเจ๋งครับ มันให้อารมณ์เหมือนพาเราไปอยู่ในเรือดำน้ำได้จริงๆ บวกด้วยงานภาพของ Dariusz Wolski ที่จับภาพบรรยากาศในเรือดำน้ำมาถ่ายทอดแบบได้อารมณ์ ฉากไหนผ่อนคลายหน่อยมุมกล้องก็จะทำให้เรารู้สึกว่ามันโปร่งๆ Crimson Tide ไม่อึดอัดอะไรมาก แม้พื้นที่มันจะคับแคบก็เถอะ แต่พอฉากไหนตั้งใจจะทำให้เรากดดันล่ะก็ ต่อให้เป็นห้องโถงใหญ่ที่กว้างกว่าส่วนอื่นๆ เราก็จะรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวขึ้นมาในบัดดล
อีกหนึ่งแรงที่ขับดันอารมณ์หนังได้อย่างทรงพลังก็ต้องยกให้งานดนตรีของ Hans Zimmer ครับ อันนี้จำได้เลยว่าสมัยนั้นเนี่ยบ้านเราก็เอาดนตรีจากหนังเรื่องนี้มาใช้กันแบบอุตลุด ไม่ว่าจะในละครหรือรายการข่าวและสารคดีต่างๆ ไหนจะตัวอย่างหนังอีกสารพัดเรื่องก็เอาดนตรีชุดนี้ไปใช้ เรียกว่าได้ยินกันจนแทบจะจำตัวโน้ตได้เลยล่ะ และแน่นอนว่าคนที่ไม่ชมไม่ได้เลยคือผู้กำกับ Tony Scott ครับ ลุงเขาคุมหนังเรื่องนี้ได้แบบอยู่หมัดจริงๆ อีกทั้งยังสามารถเอาสารพัดของดีที่หนังมีมาช่วยกันขับเน้นเพื่อสร้างพลังให้กับการเล่าเรื่องอย่างได้ผล – ต้องบอกเลยครับว่าหนังเรื่องไหนต่อให้มีของดีและองค์ประกอบที่ดีอยู่เต็มเรื่องก็ตาม แต่หากคนคุมคนปรุงมือไม่ถึงล่ะก็ หนังเรื่องนั้นย่อมไม่สามารถฉายแสงเปล่งประกายได้แบบเต็มฟอร์ม – แต่กับเรื่องนี้ ถือว่าถึงฟอร์มอย่างสวยเลยล่ะครับ
สาระสำคัญของหนังที่ดูทีไรก็จะเอามาเตือนตัวเองเสมอก็คือ เวลาเราจะทำอะไรนั้นควรต้องมีสติเสมอ และสิ่งที่ต้องพึงระวังอย่างที่สุดคือการโดนอารมณ์ครอบงำ ยิ่งเวลาเราจะตัดสินใจอะไรสักอย่างเนี่ย เราควรต้องใจเย็น และควรต้องรวบรวมข้อมูลให้รอบด้านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ – เราไม่ควรด่วนตัดสินใจอะไรลงไปทั้งๆ ที่ข้อมูลก็ยังไม่ครบ ยิ่งตัดสินใจด้วยอารมณ์นี่ยิ่งต้องระวังเลยล่ะครับ เพราะการทำแบบนั้นมันพาคนมากมายเข้ารกเข้าพงกันมานักต่อนักแล้ว
และบางครั้งการฟังความคิดเห็นหรือมุมมองของคนอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายครับ จริงๆ มันเป็นเรื่องดีซะอีกนะ เพราะการฟังมุมมองมุมคิดที่ต่างออกไปก็เท่ากับเราได้เปิดโลกทัศน์ ได้เปิดมุมมองของเราให้กว้างไกลยิ่งขึ้น Crimson Tide อันจะทำให้เรามองสิ่งต่างๆ ได้รอบด้านมากขึ้น มองได้หลากหลายมากขึ้น และบางทีมันอาจทำให้เรามองสิ่งที่เราคิดว่าเราเข้าใจมันอยู่แล้ว ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวผมชอบมองว่าการที่เราได้รับรู้มุมคิดที่แตกต่างนั้น มันก็เหมือนการได้ทะลวงจุดสำคัญต่างๆ ในร่างกายแบบหนังกำลังภายในน่ะครับ บางครั้งในบางปัญหาที่เรายังหาทางออกไม่เจอ หรือกับบางเรื่องบางประเด็นที่เรายังขบไม่แตกคิดไม่ตก นั่นอาจเพราะเรายังไม่ได้รับการทะลวงจุดที่เหมาะสม ดังนั้นการตะลุยยุทธจักรไปพบพานกับสารพัดมุมคิด สารพันมุมมองนั้นมันอาจช่วยทะลวงจุดให้เรามองบางสิ่งได้ทะลุ อันอาจจะช่วยให้เราวิ่งผ่านปัญหาได้ และเข้าใจสิ่งที่เคยไม่เข้าใจได้
และคำพูดที่ผมชอบที่สุดในเรื่องก็คือ “พวกคุณทำถูกทั้งคู่… แล้วก็ทำผิดทั้งคู่” เป็นการสรุปเรื่องราวได้ชวนคิดอย่างยิ่งครับ ตัวหนังนั้นประสบความสำเร็จอย่างดีครับ ทำเงินทั่วโลกไป $157 ล้าน จากทุนสร้างราว $53 ล้าน ก็กำไรสวยๆ เลยล่ะครับ สรุปว่านี่เป็นหนังเรือดำน้ำที่เข้มข้นเข้าขั้น ระทึกกันได้เรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ และที่สำคัญคือหนังมาพร้อมสาระที่ชี้ชวนให้เรามีสติอยู่เสมอ รวมถึงเห็นโทษของการที่คนใช้อารมณ์เป็นเครื่องนำทาง
Tony Soprano ทำให้เจ้าอ้วนคนนั้นล้มลงและวิดพื้นบนรถบัส พูดได้เลยว่าไม่เป็นมืออาชีพเลย ผู้คนมีมุมมองที่ไม่สมจริงเกี่ยวกับระเบียบวินัยทางทหาร ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในค่ายฝึกทหาร แต่จะไม่เกิดขึ้นในกองเรือจริง นอกจากนี้ COB คนนั้นอ้วนอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ เขาไม่สามารถขึ้นเรือดำน้ำได้ และกองทัพก็ไม่ยอมให้คนตัวใหญ่ขนาดนั้นในกองทัพด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เรือดำน้ำเหล่านี้ยังอยู่ในวัฏจักรการลาดตระเวนที่มีระเบียบวินัยอย่างเข้มงวด โดยมีลูกเรือ 2 คน มักจะมีลูกเรือลาดตระเวนในสถานะแจ้งเตือนอยู่เสมอ XO และ weps จะไม่ถูกส่งตัวเพื่อออกเดินทาง หากพวกเขาอยู่นอกช่วงลูกเรือ ลูกเรืออีกคนซึ่งเป็นสีน้ำเงินหรือสีทองจะมีเรือและเรือจะอยู่ที่ทะเลแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้น คุณต้องมีเรือดำน้ำที่พร้อมจะออกเดินทางแล้ว คุณอาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะใช้เวลาที่เรือ Alabama ใช้ในการออกเดินทาง
ลูกเรือทั้งหมดสวมชุดลูกสุนัขขณะกำลังเดินทาง รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย นอกจากนี้ Crimson Tide คุณไม่เคารพขณะกำลังเดินทาง หากกัปตันเดินผ่านไป คุณก็ควรยอมรับเขาแต่ไม่ต้องทำความเคารพ หนังเรื่องนี้ทำให้ทหารดูโง่จริงๆ ในความคิดของฉัน พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบของเรือ และเจ้าหน้าที่มักจะเป็นผู้ถามคำถามโง่ๆ การต่อสู้ในความยุ่งเหยิงของลูกเรือเกี่ยวกับซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์นั้นเกินเลยไปมาก พวกเขาให้การทดสอบจิตวิทยาและอื่นๆ แก่ลูกเรือดำน้ำ ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการกำจัดคนที่ไม่สามารถรับมือกับความเครียดและเป็นคนหัวร้อน ไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะไม่เถียง แต่ถ้าพวกเขาต่อยกัน พวกเขาคงถูกเขียนรายงานและอยู่ในนรกไปแล้ว
และสิ่งสุดท้ายคือตอนจบ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในชีวิตจริง คุณสามารถเดิมพันได้เลยว่าผู้บังคับบัญชาที่จ่อปืนที่บรรจุกระสุนที่ศีรษะของผู้บริสุทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีในศาลและส่งเข้าคุก ไม่ใช่แค่ได้รับอนุญาตให้เกษียณอย่างเงียบๆ เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้บังคับบัญชาไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ XO ของพวกเขาออกคำสั่ง XO น้อยกว่าครึ่งที่ทำสำเร็จและได้คำสั่ง คุณต้องเป็นครีมเดอลาครีมถึงจะควบคุมเรือดำน้ำนิวเคลียร์และทำตามโครงร่างอาชีพอย่างเคร่งครัดได้
เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนุก แต่ฉันได้อ่านกระทู้บางส่วนเกี่ยวกับว่าคุณจะอยู่ข้างใคร ระหว่างแฮ็กแมนหรือวอชิงตัน และจริงๆ แล้วฉากทั้งหมดนั้นเกินกว่าจะสมเหตุสมผลได้! ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น “Deep Impact” ของภาพยนตร์ซับไตเติ้ล อาจจะพูดได้ว่าอลาบามากำลังจะเจาะทะลุก้นมหาสมุทรและรบกวนแกนกลางของโลกเพื่อก่อให้เกิดฟลักซ์แม่เหล็กที่จะหยุดขีปนาวุธของรัสเซียไม่ให้ยิงออกไป ฮ่าๆ สรุปแล้ว Crimson Tide เป็นภาพยนตร์ที่ดี แต่ไม่คิดว่าจะแม่นยำหรือสมจริงเลย
6.9