ดูหนัง Copycat (1995) ลอกสูตรฆ่า
เรื่องย่อ
เจ้าหน้าที่ไฟแรงจากแผนกอาชญากรรมซานดิเอโก (ฮอลลี ฮันเตอร์) Copycat และนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการบันทึกอาชญากร (ซิเกอร์นี่ย์ เวียเวอร์) ร่วมมือแกะรอยจนพวกเขาเริ่มสาวไปหาตัวฆาตกรได้จากร่องรอย …และซากศพที่เขาทิ้งไว้ให้ต่างหน้า – หนึ่งในภาพยนตร์ระทึกขวัญยอดเยี่ยมในปีที่ฉาย คุณจะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับการตามฆ่าของฆาตกรคนสำคัญที่เลียนแบบวิธีการฆ่าของนักฆ่าต่อเนื่อง ที่เคยสร้างชื่อไว้ในอดีต หลังจากบรรยายพิเศษเรื่องจิตวิทยาอาชญากรรมที่มหาวิทยาลัยในท้องถิ่น ดร. เฮเลน ฮัดสัน ผู้เชี่ยวชาญภาคสนามด้านฆาตกรต่อเนื่อง ที่ได้รับการยอมรับ ถูกไล่ต้อนในห้องน้ำของห้องบรรยายโดยแดริล ลี คัลลัม อาจารย์ที่เคยสอนวิชานี้มาก่อน ซึ่งหลบหนีออกจากคุก เขาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำร้ายเฮเลนอย่างโหดร้าย ตำรวจอีกนายหนึ่งจับคัลลัมได้ และเขาถูกส่งตัวกลับเข้าคุก หลังจากถูกทำร้าย ฮัดสันกลายเป็นโรคกลัวที่โล่งแจ้ง อย่างรุนแรง เขาขังตัวเองอยู่ในอพาร์ตเมนต์ไฮเทคราคาแพง ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่หลังจอคอมพิวเตอร์ โดยมีแอนดี้ เพื่อนของเธอคอยช่วยเหลือ
เมื่อการฆาตกรรมจำนวนมากแพร่กระจายความกลัวและความตื่นตระหนกไปทั่วซานฟรานซิสโกนักสืบคดีฆาตกรรม เอ็มเจ โมนาฮาน และรีเบน เกิทซ์ คู่หูของเธอ ได้ขอความช่วยเหลือจากเฮเลน ในตอนแรก เฮเลนลังเล แต่ในไม่ช้าก็พบว่าตัวเองถูกดึงดูดเข้าไปในเกมแห่งไหวพริบของผู้ก่อเหตุที่บิดเบือน เมื่อการฆาตกรรมดำเนินต่อไป เฮเลนก็ตระหนักว่าผู้ก่อเหตุที่เข้าถึงตัวได้ยากได้รับแรงบันดาลใจจากฆาตกรต่อเนื่องที่ฉาวโฉ่ รวมถึงอัลเบิร์ต เดอซัลโว , เดอะฮิลล์ไซด์ ส แตงเลอร์ , เดวิด เบอร์โควิทซ์ , เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์และเท็ด บันดีเมื่อฆาตกรเริ่มติดต่อและถึงขั้นสะกดรอยตามเฮเลน เธอและเอ็มเจก็รู้ว่าเขากำลังตามล่าพวกเขา จากนั้นพวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากคัลลัม Copycat ซึ่งบอกว่าเขารู้เรื่องของฆาตกร
ผู้กำกับ
- Jon Amiel
บริษัท ค่ายหนัง
- Warner Bros.
นักแสดง ลอกสูตรฆ่า
- Sigourney Weaver
- Holly Hunter
- Dermot Mulroney
- William McNamara
- Harry Connick Jr.
- J.E. Freeman
- Will Patton
โปสเตอร์หนัง Copycat (1995)
รีวิว หนัง Copycat (1995)
ฆาตกรต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในฝั่งตะวันตกนะครับ ทำให้หนังเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องนั้นมีมาตลอดและค่อนข้างขายดี บางเรื่องแม้รายได้จะไม่สวย แต่ตลาดวีดีโอก็รองรับอยู่แล้ว นี่จึงเป็นคำตอบว่าทำไมหนังแนวนี้มันไหลมาเทมาจัง มีค่อนข้างบ่อย ก็เพราะฝรั่งเขาเจอกันเยอะน่ะแหละครับ สำหรับ Copycat ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะฮะ กับการนำเสนอความร้ายกาจ โหดโรคจิตของฆาตกรต่อเนื่อง เรื่องราวการตามล่าฆาตกรโรคจิตจอมโหดอำมหิต โดยมีเอ็มเจ โมนาฮาน (Holly Hunter) กับรูเบน ก็อท์ซ (Dermot Mulroney) คู่หูตำรวจคอยตามคดีนี้อยู่ แต่ยิ่งตามก็ยิ่งตันครับ วี่แววจะเจอมันน้อยเหลือเกิน เข้าข่ายจะมืดแปดด้านอยู่แล้ว จนกระทั่งเฮเลน ฮัดสัน (Sigourney Weaver) ผู้เชี่ยวชาญด้านฆาตกรโรคจิตได้ยื่นมือเข้าช่วยตามล่าฆาตกรรายนี้ แต่การทำเช่นนั้นก็นำพาเธอไปสู่บ่วงเกมมรณะที่มีเป้าหมายคือ ชีวิตของเธอจนได้ ครับ แนวทางของเรื่องท่านก็น่าจะเดาได้นะ ฆาตกรไล่ฆ่าคน จนต้องมีตำรวจมาหาทางยับยั้ง แต่เนื่องด้วยว่าฆาตกรมันจะเป็นใครก็ได้นี่ครับ การจะไปหาหลักฐานตามสืบก็ใช่ว่าจะเจอได้ง่ายๆ ซะเมื่อไหร่ ซึ่งหากมาดูแนวทางของหนังแนวนี้ดีๆ มันก็จะเปิดมาแบบนี้แหละครับ เปิดมาให้มืดแปดด้าน แล้วก็จะมีตัวเอกซักตัวมาคอยคลายปม แล้วก็หาตัวฆาตกร แต่ก็นั่นแหละครับ ฆาตกรมันก็ต้องรู้แล้วไปๆ มาๆ มันก็เลยมาล่าตัวเอกซะเลย
แม้แนวจะไม่ใหม่ แต่จุดที่น่าสนใจอยู่ที่บทเฮเลน ฮัดสันของ Sigourney Weaver นะครับ เพราะปมเธอนี่ทำให้หนังเด่นขึ้นมาก นั่นคือหนังกำหนดให้เธอเคยเจอกับฆาตกรร้ายมาไล่ล่าถึงบ้านมาแล้ว เจ้าฆาตกรที่ว่าก็คือดาริล ลี คอลลั่ม (Harry Connick Jr.) ที่ตามมาวางแผนฆ่าเธอถึงบ้านเมื่อหลายปีก่อน แต่เธอก็โชคดีรอดมาได้ ถึงกระนั้นตัวเธอเองก็ตกใจกับเหตุการณ์นั้นอย่างมาก มากจนเกิดเป็นอาการทางจิต agoraphobia ทำให้ไม่สามารถก้าวออกนอกห้องของตัวเองได้ ประมาณว่ากลัวนั่นแหละครับ แต่จะมากกว่ากลัวหน่อย เพราะพอเธอก้าวออกพ้นประตูล่ะเป็นอันเดินไม่ได้ทันที ผมว่าปมนี้ช่วยให้หนังสนุกขึ้นพอควรล่ะครับ และเป็นเพราะการแสดงเยี่ยมๆ ของเจ๊ Sigourney ด้วย ขานี้เล่นอะไรล่ะสบายหายห่วง ยิ่งบทผู้หญิงกดดันล่ะต้องยกให้เลยครับ เธอแสดงได้ดีจริงๆ ยิ่งเวลาตื่นกลัวไม่กล้าออกไปไหนล่ะสีหน้าแววตามันไปนะครับ ซีดเข้าท่าเลยล่ะ แล้วช่วงท้ายก็มีอะไรให้ลุ้นหน่อย ซึ่งคนดูมาลุ้นเพิ่มเพราะการแสดงของเจ๊แกนี่แหละ
นั่นคือจุดเด่นของหนังครับ และอาจจะเป็นจุดเด่นจั๋งหนับอันเดียวก็ได้ เพราะอันอื่นๆ กลับออกมาธรรมดา อย่างสถานการณ์การไล่ล่าฆาตกรมันก็เรื่อยๆ เรียบๆ น่ะครับ จะมาสนุกหน่อยก็ปาไปช่วงท้ายเลยนั่นแหละ ดาราก็เหมือนกันครับ เจ๊ Sigourney ผมเด่นเอาเรื่องอยู่คนเดียว ในขณะที่สองดาราที่มาเล่นเป็นตำรวจกลับถูกกลืนไปซะเยอะ จริงๆ ผมก็แปลกใจล่ะครับ เพราะคนที่รับบทเอ็มเจ ตำรวจหญิงเหล็กก็คือ Holly Hunter รายนี้ก็ใช่ย่อยนะครับ ดาราหญิงเก่งอีกคนของวงการ ตอนโผล่เดี่ยวๆ ในเรื่องก็โอเคล่ะครับ Copycat แต่พอมาเข้าคู่กับเจ๊ Sigourney ของผมทีไรล่ะเธอจะโดนกลืนทุกที จะบอกว่าบารมีแพ้ก็ไม่น่าใช่ เพราะดูจากเรื่องอื่นสองคนนี้นี่เล่นดีเลยล่ะครับ ผมยังเคยคิดเลยว่าถ้ามาเจอกันคงกินกันไม่ลง แต่ที่ไหนได้เจ๊ Holly โดนเจ๊ Sigourney สวาปามเข้าไปจังๆ เลยล่ะ
ถ้าลองมาคิด ส่วนหนึ่งคงเพราะบทล่ะครับ จริงๆ ตามหลักแล้วตำรวจที่มาขอให้เฮเลนช่วยน่าจะเป็นผู้ชายมากกว่า อย่างน้อยผมว่าความเด่นมันจะแบ่งกันพอดีกว่าเยอะน่ะครับ ซึ่งแรกเริ่มก็ได้ข่าวว่าบทเอ็มเจนี่จะเป็นผู้ชาย แล้วก็จะให้มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับเฮเลนด้วย แต่ไม่รู้อีท่าไหน สคริปต์ก็ถูกเปลี่ยนให้ตัวเอกเป็นผู้หญิงแทน ซึ่งก็อย่างที่บอกละครับ ความเด่นความอะไรดูเหมือนจะไปตกอยู่ที่เฮเลนซะหมด เพราะเธอช่วยคลายปม ช่วยอะไรตลอด ที่ผมบอกว่าถ้าตัวเอกเป็นผู้ชายไปเลยแล้วมันจะเข้าท่ากว่านี้เพราะมันได้แบ่งหน้าที่แบ่งความสนใจของคนดูได้พอเหมาะไงครับ อย่างเจ๊เฮเลนเป็นผู้หญิงก็หาข้อมูลช่วยไป ส่วนพระเอกกฌไปจัดการลุยภาคสนาม มันก็ไปกันได้ แล้วจะได้มีเรื่องโรแมนติกเกิดด้วย แต่นี่พอตัวเอ็มเจเป็นผู้หญิง อารมณ์มันเลยแหม่งๆ ครับ หน้าที่ไม่สมดุล อีกอย่างคือบทของเอ็มเจนั้น ผมว่าสีสันน้อยไปด้วยล่ะครับ ความน่าสนใจเลยน้อยลงไป ดังนั้นการที่บทเอ็มเจออกจะอ่อนนั้นจะไปโทษเจ๊ Holly ก็ไม่ถูกนักครับ คงต้องบอกคนเขียนบทน่ะแหละ เพราะเจ๊แกมีฝีมือ แต่บทมันคงจำกัดไม่ค่อยให้ไปไหนซักเท่าไหร่
ไปๆ มาๆ บทรูเบน ตำรวจคู่หูของเอ็มเจยังจะน่าสนซะกว่า เพราะแกมาสไตล์เพื่อนพระเอกตำรวจขนานแท้ครับ มาพร้อมอารมณ์ขัน คอยช่วยตัวเอก ซึ่ง Dermot Mulroney ก็รับบทนี้ไปได้อย่างสบายๆ ครับ ผมว่าตอนดูจบคนดูอาจจะจดจำพี่แกได้มากกว่าบทเอ็มเจซะอีก ส่วนฆาตกรโรคจิตรายที่เล่นงานเฮเลนจนไม่กล้าก้าวออกจากบ้านอย่าง ดาริล แม้จะออกมาน้อยแต่ใช้ได้เลยครับ Harry Connick Jr. สวมวิญญาณไอ้โรคจิตได้ดี ในขณะที่วายร้ายอีกคนก็แสดงได้ดีครับ หน้าตาซื่อๆ อ่อนๆ แต่ร้ายสุดขั้ว ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยล่ะ สรุปว่าโดยรวมๆ หนังมันก็โอเคน่ะแหละครับ สำหรับคนที่ชอบแนวฆาตกรโรคจิตน่ะนะ แต่ในส่วนการสืบสวนอาจจะไม่ค่อยออกรสเท่าไหร่ ความสนุกมันมาอยู่ที่การปรากฎตัวของเฮเลนมากกว่า แล้วก็อาการกลัวออกข้างนอกของเธอ ก็ไม่ค่อยแปลกใตนักล่ะครับ เพราะผู้กำกับ Jon Amiel แกก็ทำหนังออกมาประมาณนี้แหละ พอกรุบกรับ แต่ไม่ถึงกับกรอบอร่อย ยังขาดลูกเล่นน่ะครับว่าตามจริง
เพราะผมว่าหนังรอดมาได้เพราะดาราดี โดยเฉพาะเจ๊ Sigourney นี่คงต้องปรบมือชม แต่เรื่องบทเรื่องความน่าติดตามยังแค่ระดับหนึ่งเท่านั้นล่ะครับ ส่วนความโรคจิตนี่คงต้องบอกว่าไม่มากนะ ถ้าท่านหวังจะดูแบบ Se7en ล่ะใจเย็นไว้เลยครับ Copycat มันไม่โหดไม่แรงขนาดนั้น ผมว่าฉากบางฉากยังสะอาดไปเลยด้วยซ้ำนะ อีกส่วนหนึ่งที่ดีก็คือดนตรีของ Christopher Young นะครับ ขานี้เมื่อก่อนฝีมือดีใช้ได้ ยิ่งทำหนังแนวสยองๆ ล่ะไว้ใจได้อย่างยิ่งครับ เช่น Hellraiser ไง ก็ไม่เลวครับ สนุกใช้ได้ แต่ไม่แปลกใหม่อะไรนัก คอหนังแนวฆาตกรต่อเนื่องน่าลองเลยล่ะครับ พอแก้ขัดได้ แต่ถ้าอยากดูของเด็ดกว่านี้ขอแนะนำ Se7en หรือไม่ก็ The Silence of The Lambs นะครับผม ถึงใจกว่ากันมาก
หนังน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจาก The Silence of the Lambs พอสมควร เป็นแนวสืบสวนจิตวิทยาประเภทที่ว่าตัวเอกเป็นผู้หญิงค้นหาแรงจูงใจของฆาตกรโรคจิตด้วยความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยาที่ออกไปไหนไม่ได้ (ฮันนิบาลติดคุก ส่วนเรื่องนี้เป็นโรคกลัวที่โล่งต้องอยู่แต่ในห้องพัก) ซึ่งชื่อหนังบอกใบ้ชัดเจนว่าโรคจิตคนนี้เป็น Copycat ลอกเลียนรูปแบบการฆ่าของฆาตกรโรคจิตชื่อดังในอดีต ซึ่งการตามหาตัวมันยากยิ่งกว่าการฆ่าด้วยรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ เสียอีกเพราะแบบนั้นยังสามารถเจาะจงรูปพรรณเหยื่อได้ แต่แบบนี้คือไม่สามารถเดาทางได้เลยว่าครั้งต่อไปมันจะเลียนแบบโรคจิตคนไหน
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากที่ ‘เฮเลน’ (Sigourney Weaver) นักจิตวิทยากำลังถูกฆาตกรโรคจิตฆ่าแต่เธอรอดมาได้และหลังจากนั้นก็กลายเป็นโรคกลัวที่โล่งไปเลย จนเวลาผ่านไปเกิดเหตุฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตที่รูปแบบการฆ่าแตกต่างกันออกไป ‘โมนาแฮน’ (Holly Hunter) และ ‘รูเบน’ (Dermot Mulroney) สองนักสืบจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากเฮเลนในการตามจับตัวคนร้ายก่อนที่ความสูญเสียจะเกิดขึ้นอีก ความสนุกของหนังคือการดูนักจิตวิทยาวิเคราะห์พฤติกรรมของฆาตกรต่อเนื่องผ่านรูปแบบการลงมือฆาตกรรม คล้าย ๆ กับเวลาเราดูฮันนิบาลวิเคราะห์แรงจูงใจ แต่ของฮันนิบาลอาจจะดูเป็นรูปเป็นร่างของการวิเคราะห์มากกว่า ส่วน Copycat นั้นอาศัยการอ้างอิงจากคดีฆาตกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แล้วต้องหาแรงจูงใจว่าเลียนแบบไปทำไม ฆาตกรมีปมด้อยอะไร แล้วครั้งต่อไปเขาจะเลียนแบบใคร ซึ่งทั้งหมดมันก็มีคำตอบอยู่โดยคนดูมีหน้าที่เพียงเฝ้ารอว่าเมื่อไรตัวเอกจะสำรวจเจอคำตอบทั้งหมด แล้วปิดบัญชีจัดการตัวร้ายซะ
Copycat อีกจุดที่ชอบคือหนังจำลองภาพอาการกลัวที่โล่งแทนสายตาของเฮเลนได้เห็นภาพชัดเจนดี นึกถึงตัวเอกใน Vertigo ที่เป็นโรคกลัวความสูงแล้วหนังต้องสื่อสารกับคนดูให้เข้าใจว่าเวลาคนกลัวความสูงมองลงไปแล้วจะเห็นเป็นยังไง นั่นแหละมันทำให้คนดูเข้าใจว่าทำไมเขาถึงตัวสั่นได้ขนาดนั้น เช่นเดียวกับอาการกลัวที่โล่งใน Copycat กับแค่ทางเดินโล่ง ๆ ที่เฮเลนแค่เดินออกมามันอาจจะดูไม่ยากสำหรับเรา แต่พอหนังสร้างภาพแทนสายตาเฮเลนออกมาจึงพอจะเข้าใจได้ว่าแต่ละก้าวนอกห้องของเธอนั้นมันยากลำบากขนาดไหน โดยรวมแล้ว Copycat เป็นหนังแนว psychological thriller ที่น่าสนใจอีกเรื่อง ถ้าใครเป็นแฟนหนังแนวนี้อยู่แล้วก็ควรตามเก็บ แต่ถ้าไม่ใช่แฟนแนวนี้แล้วจะเริ่มต้นดูสืบสวนจิตวิทยาก็ขอแนะนำให้เริ่มจากหนังพีค ๆ ไปเลยเช่น Se7en หรือว่า The Silence of the Lambs ซึ่งดูเหมือน Copycat จะได้อิทธิพลมาในระดับหนึ่ง
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Havoc (2025) ฝ่าหายนะครองเมือง
The Truth is Murky (2025) หลังเงาฆาตกร
5