ดูหนัง Come Here (2021) ใจจำลอง กลุ่มเพื่อนสี่คนที่ออกทริปไปด้วยกัน
ดูหนัง Come Here (2021) ใจจำลอง และหญิงสาวคนหนึ่งที่หลงทางในป่าลึกลับ สองเรื่องราวที่ดูไม่เกี่ยวพันจะโคจรมาบรรจบกันในผลงานแนวทดลองชวนขบคิดเรื่องนี้
จะว่าไป ปี 2021 ก็นับเป็นปีที่คึกคักในแวดวงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติสำหรับผลงานหนังของผู้กำกับไทยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่หนังเรื่อง One for the Road (2021) ของผู้กำกับ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ได้ฉายประกวดในสายหนังนานาชาติที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ถัดมาเทศกาลหนังร็อตเตอร์ดัมก็เชิญให้ ‘พญาโศก พิโยคค่ำ’ (2021) โดยผู้กำกับ ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์ ร่วมประกวด
ส่วนเทศกาลภาพยนตร์เมืองเบอร์ลินก็มีทั้ง ‘ใจ จำลอง’ (2021) ของ อโนชา สุวิชากรพงศ์ และ ‘พลอย’ (2021) ของ ประพัทธ์ จิวะรังสรรค์ ฉายโชว์ในสาย Forum สำหรับหนังที่มีน้ำเสียงทดลองแปลกใหม่ ไปที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ หนังเรื่อง memoria (2021) ของผู้กำกับ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ก็ได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำ และได้รับรางวัล Jury Prize ไล่มาถึงเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิส ‘เวลา’ (2021) โดย จักรวาล นิลธำรงค์ ก็ได้ประกวดในสาย Orizzonti
ปิดท้ายด้วยสารคดีเรื่อง ‘มรณสติ’ ของสองผู้กำกับ ธัญสก พันสิทธิวรกุล และ พัศรวินทน์ กุลสมบูรณ์ ก็ได้เข้าประกวดที่เทศกาล Doclisboa ประเทศโปรตุเกสด้วย สิ่งเหล่านี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของทั้งรูปแบบและเนื้อหาของบรรดาผู้กำกับหนังสัญชาติไทย ซึ่งแต่ละเรื่องจะถูกจริตตรงใจผู้ชมแต่ละรายหรือไม่ก็คงต้องติดตามชมแล้วมาวิพากษ์วิจารณ์กัน
ในขณะที่หนังเรื่องอื่นๆ มีโอกาสได้ลงโรงฉายในบ้านเราจนเกือบหมดแล้ว ‘ใจจำลอง’ หรือ Come Here ของ อโนชา สุวิชากรพงศ์ กลับเพิ่งจะมีโอกาสได้ออกฉายในวงจำกัดให้คอหนังชาวไทยได้พิสูจน์กันก็ล่วงเข้ากลางปี 2022 ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะ ‘ใจ จำลอง’ เป็นเพียงหนังเล็กๆ ความยาวกระชับเพียง 68 นาที ที่เล่าด้วยน้ำเสียงส่วนตัว มิใช่หนังฟอร์มใหญ่ที่เล่นประเด็นเนื้อหาเกินตัวอะไร ทั้งยังมีความเรื่อยๆ ง่ายๆ ไม่ใฝ่สูงทะเยอทะยานเหมือนงานชิ้นก่อนๆ อย่าง ‘เจ้านกกระจอก’ (2009) หรือ ‘ดาวคะนอง’ (2016) เสียด้วยซ้ำ
ถ้าพอจะเคยติดตาม ก็คงทราบว่า ‘กัลปพฤกษ์’ ไม่ถูกจริตกับผลงานของ อโนชา สุวิชากรพงศ์ อย่างแรง โดยเฉพาะสองเรื่องที่กล่าวไป ค่าที่มีความรู้สึกว่าผู้กำกับช่างอหังการหาญเล่าในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้มีความเข้าใจ ไม่เคยคิดจะพัฒนาเนื้อหาที่บันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ล้ำลึกระหว่างมนุษย์เพศชายใน
‘เจ้านกกระจอก’ และเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ใน ‘ดาวคะนอง’ แล้วใช้เทคนิคหนังสารพัดสารพัน ตัดต่อข้ามเวลาไปมา ไพล่พาคนดูไปเอ้อระเหยเยี่ยมชมสิ่งอื่นๆ เพื่อกลบความกลวงโบ๋ของตัวเรื่องด้วยอาการฟุ้งซ่านติสต์แตก เหมือนมีอาการ Crystallophobia syndrome หวาดกลัวการเล่าด้วยวิธีตรงๆ ง่ายๆ ถ้าคนดูคิดตามทันแล้วจะกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จนไม่เคยได้สาระใจความใดๆ ในการดูผลงานหนังของ อโนชา สุวิชากรพงศ์ มาก่อนเลย
กระทั่งมาถึงงานกำกับร่วมกับผู้กำกับ เบน ริเวอร์ส (Ben Rivers) ชื่อ ‘กระบี่ 2562’ (2019) ที่พอจะซาบซึ้งไปกับความครุ่นคิดคำนึงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พื้นที่ที่ยังพอจะเห็นว่าโฟกัสได้อยู่ ไล่มาถึงผลงานใหม่ ‘ใจ จำลอง’ ซึ่งต้องบอกเลยว่ารู้สึกดีกับหนังของ อโนชา สุวิชากรพงศ์ มากกว่าเดิมแบบมาก ๆ แม้จะไม่ได้ประทับใจไปกับสิ่งที่ผู้กำกับอยากนำเสนอ โดยข้อแตกต่างสำคัญใน ‘ใจ จำลอง’ ก็คือ ผู้กำกับไม่ได้ดัดจริตที่จะทำตัวเป็น ‘นักเล่าเรื่อง’ อีกต่อไป หากกลับใช้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนกลเกมหมากกระดานฝ่าด่านถอดรหัสสัญลักษณ์
โดยผู้กำกับทำหน้าที่เป็นนางกวักชักชวนผู้ชมมานั่งล้อมวงร่วมเล่นเกมด้วยกันในฐานะเจ้ามือ “รู้หรือไม่ว่าตัวละครนี้ ฉากนี้ สิ่งนี้มีความหมายว่าอะไร ใครตอบได้เอาไปเลยข้อละสิบคะแนน!” ซึ่งพอใช้แผนการตลาดอีท่านี้ นักวิจารณ์ so-hard-to-please ขี้เก๊กอย่างเราก็จำต้องคำนึงถึงมรรยาท เขาชวนเราร่วมนั่งเล่นเกมดีๆ ก็น่าจะลองเสียเวลาสัก 68 นาที ดูสิว่ามันเป็นยังไง ชอบไม่ชอบก็ค่อยว่ากันไป แต่อย่างน้อยๆ เราก็จะได้เห็นว่า เออ!
เขาสามารถทำหนังแนวทางแบบนี้ออกมาได้เหมือนกันนะใจจำลอง’ จึงเป็นหนังที่รวบรวมเอาเกร็ดเหตุการณ์ชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้กำกับ อโนชา สุวิชากรพงศ์เคยประสบมา แล้วนำมาเล่าผ่านตัวละครที่เธอรู้สึกสนใจ โดยไม่ได้ให้ความหวังเลยว่าเนื้อหาเรื่องราวจะได้รับการต่อยอดพัฒนาหาข้อมูลเชิงลึกมาถ่ายทอดให้คนดูได้รับรู้ เพราะผู้กำกับไม่ใช่ครูที่จะต้องเตรียมเนื้อหามาสอน เพียงแค่ไปเจออะไรกระทบใจก็นำมาตั้งเป็นกระทู้เล่นเกมกับคนดูได้ อย่าไปใส่ใจกับส่วนรายละเอียดที่กระดิกคลิกหาผ่านสารานุกรมออนไลน์อย่างวิกิพีเดีย แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เจอ
เปิดฉากมาว่าด้วยสามหนุ่มหนึ่งสาววัยผู้ใหญ่ตอนต้น (แสดงโดย ศรภัทร ภัทราคร , ภูมิภัทร ถาวรศิริ , สิราษฎร์ อินทรโชติ และ อภิญญา สกุลเจริญสุข) ดูหนัง Come Here (2021) ใจจำลอง ชักชวนกันมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีภูมิประวัติเชื่อมโยงกับทางรถไฟสายมรณะ สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เนื้อหาที่ออกจะ ‘ขายค้อง-ขายของ’ เหมาะจะทำเป็นหนังเล่นประเด็นประวัติศาสตร์การเมืองเรื่องน่ารู้เสียเกิน! แต่สำหรับผู้กำกับอโนชา
อย่าได้หวัง ทั้งสี่รายไม่มีใครรู้จักที่จะใช้กูเกิลแม็ป เดินมาถึงประตูแล้วเพิ่งจะรู้ว่าเขาปิดปรับปรุง สุดท้ายเลยได้แค่เดินเตะฝุ่นจนฟุ้งทางเดินรอบๆ แล้วกลับมาปลอบใจความเงิบกันเองที่ห้องพักเรือนแพ แผ่นั่งกรึ่มเคล้าเหล้ายาปลาปิ้ง นั่งดูเขายิงพลุตะไลไฟพะเนียงซึ่งก็ไม่รู้ว่าเนื่องในโอกาสอันใด หรือใส่มาเพียงเพื่อให้หนังพอจะมีฉากสวยๆ อันนี้ก็ป่วยการจะคาดเดาโดยเราจะได้รู้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนทำละครเวที จากบทสนทนาตัดพ้อต่อความไม่มั่นคงในอาชีพ
ว่าจะทู่ซี้ทำไปได้จนถึงอายุเท่าไหร่ ก่อนจะปล่อยให้พวกเขาใช้ลานบนเรือนแพ
มาฝึกฝนทักษะการละคร แสร้งทำตัวเป็นสุนัข ระกา และวานร โดยต้องเห่าหอนโก่งขันเกาคันและแสดงท่าทางการเยื้องย่างอย่างสมจริง ซึ่งดูจะการซ้อมที่เปล่าดายไม่คุ้มค่าความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยขบอย่างมากมาย
เพราะสุดท้ายคงไม่มีใครจ้างให้พวกเขาไปเล่นเป็นสัตว์เหล่านี้ในละครตระกูลสมจริง ยิ่งเป็นละครเกี่ยวกับสิงสาราสัตว์ ตัวบทก็จะดัดแปลงให้มีความเป็นมนุษย์ด้วยวิธีการบุคลาธิษฐานกันอยู่แล้ว ภาพการซ้อมอะไรแบบนี้จึงมีวิถีการมองศาสตร์แห่งละครเวทีที่ไม่พ้นไปจากระดับผิวเปลือกที่ขอแค่ให้ภาพภายนอกแลดูละม้ายคล้ายคลับก็จักพึงพอใจ
ในระหว่างที่เล่าเรื่องราวของสี่หนุ่มสาวนี้ หนังก็จะมีการตัดสลับไปติดตามหญิงสาวนิรนาม ซึ่งรับบทโดย เววิรี อิทธิอนันต์กุล วิ่งกระหืดกระหอบหนีตัวอะไรมากลางป่าก็มิอาจทราบ ก่อนจะเจอแอ่งน้ำขนาบแล้วได้วิ่งลงไปดื่มกินอย่างโหยกระหาย คือจากการแสดงไม่มีการบ่งบอกเลยแม้แต่โดยนัยว่าเธอเป็นใครอะไรยังไง รู้แต่ว่า เววิรี กำลังทำการแสดงแบบเล่นใหญ่ ผิดวิสัยการแสดงภาพยนตร์โดยทั่วไป
ที่ต้องเล่นให้ ‘น้อย’ กว่าละครเวที เพราะเวลาที่ภาพถูกขยายขึ้นบนจอใหญ่ ความล้นทะลักทางการแสดงอะไรแบบนี้มันจะเห็นได้ชัดเจนมาก โดยเฉพาะเมื่อมันปราศจากความหมายภายในอันกลวงโบ๋จริงๆ ในช่วงท้ายที่เราจะได้เห็นฉากนอนดิ้นทุรนทุรายสะบัดหน้าขวาซ้ายแล้วกลายสภาพ ก็พอจะมีการเชื่อมโยงกับตัวละครสี่สหายเอาไว้อยู่เหมือนกัน
แต่ก็นั่นแหละ พอมาอยู่ในหนังของอโนชา ก็เริ่มจะไม่มั่นใจเสียแล้วว่า มันคือลีลาสัญลักษณ์ หรือแค่ฉากอยากลองเทคนิคซีจี คือถ้าจะเล่นกันถึงขนาดนี้ ดูหนัง Come Here (2021) ใจจำลอง มันก็น่าจะมีลูกหยดลูกหยอดให้พอได้ถอดความอะไรกันบ้าง แต่ถ้าจะให้ไขกระจ่างผู้กำกับอโนชาก็อาจจะขอยอมตายเสียดีกว่า เอาเป็นว่าถ้าคนดูหงุดหงิดนักกับความไม่เข้าใจก็เลือกคลำความหมายคำอธิบายให้ตัวเองไว้สักแบบ มันถูกทั้งนั้นแหละกับการตีความแบบครอบทั้งเวิ้งจักรวาลอย่างนี้ แต่ถ้าจะให้ดีมองเป็นฉากเห่อซีจีว่าเดี๋ยวนี้คนไทยก็สามารถใช้เทคนิคฮอลลีวูดมาสร้างฉากแบบนี้กันได้ง่ายๆ ก็อาจจะสบายใจขึ้น
และนั่นก็เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ปริศนาประลองปัญญาท้าสมองคนดูที่ผู้กำกับจัดเตรียมไว้ในบอร์ดเกมเรื่อง ‘ใจจำลอง’ นี้ ยังมิพักต้องพูดถึงการหั่นแบ่งครึ่งจอบนล่างแสดงภาพจากฉากและสถานการณ์ที่ต่างกัน การซ้ำฉากเดียวกันโดยเปลี่ยนมุมมอง และที่ต้องขนลุกเลยก็คือ ผู้กำกับอโนชา หาได้พอใจอยู่กับการถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านสื่อภาพยนตร์อย่างเดียวไม่ แต่ยังได้ดัดแปลงบันทึกการเดินทางท่องเที่ยว
เทียวค้างอ้างแรมบนเรือนแพแปรออกมาเป็นละครเวทีอีกต่อหนึ่งด้วย ที่น่ากลัวก็คือลำพังแค่ได้เห็นเบื้องหลังการสร้างฉาก การฝากโมทีฟ (motif -หมายถึงภาพ เสียง หรือองค์ประกอบต่างๆ ในภาพยนตร์ที่ซ้ำกัน) รถไฟผ่านจอ rear projection และการนั่งบล็อคกิ้งของนักแสดง ก็รู้สึกได้แล้วว่าทำไมมันถึงเป็นละครเวทีที่กำกับศิลป์ได้แข็งกระด้างจัง นี่ถ้าต้องนั่งดูมันทั้งเรื่องจะเป็นอย่างไร จะอดรนทนไหวไหมกับความกระโดกกระเดกทางศิลปะการละครที่แทบจะหาความอ่อนโยนใดๆ ไม่เจอเลย!
การที่ผู้กำกับอโนชา เลือกใช้นักแสดงระดับคุณภาพฝีมือดี หลายคนก็เคยผ่านงานละครเวทีระดับหินมาแล้วใน ‘ใจจำลอง’ ครั้งนี้ ดูเหมือนจะมีนัยยะของการ ‘หวังพึ่ง’ ว่าได้นักแสดงระดับนี้มา ก็คงไม่มีใครปากกล้าวิจารณ์เรื่องการแสดงให้ได้ยินอีก เลยจงใจปล่อยของให้เวลาน้องๆ
แสดงศักยภาพในฉากซุ่มซ้อมต่างๆ อย่างเต็มที่ แต่หารู้ไม่ว่าต่อให้เป็นนักแสดงฝีมือดีขนาดไหนจะเกิดหรือจะตายมันก็ไม่พ้นฝ่ามือเล็กๆ ของผู้กำกับนี่แหละว่าจะปั้นพวกเขาได้ไหมในโจทย์ใหม่ แต่ ‘ใจจำลอง’ กลับสนใจมองแต่ความสามารถผิวเปลือกโดยไม่ได้สนใจการแสดงที่มาจากภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากโคลสอัพที่ให้นักแสดงทำหน้านิ่งๆ
แล้วร้องไห้ ซึ่งนับเป็นฉากแสนสุ่มเสี่ยงอันตราย เพราะการแสดงไม่ว่าจะแขนงใด ถ้านักแสดงเริ่มร้องไห้หลั่งน้ำตาออกมาเมื่อไหร่ แต่คนดูกลับไม่สามารถสัมผัสหรือเข้าใจได้เลยว่า ‘ที่มา’ ของหยาดน้ำตาเหล่านั้นมันคืออะไร ทุกหยดจะกลายเป็นเพียง ‘น้ำตาจระเข้’ จากการเสแสร้งแกล้งทำซึ่งไม่ควรนำมาใช้เลยในศิลปะการละครและด้วยการมุ่งเน้นโครงสร้างการเล่า (ที่เลื่อนไหลไปเรื่อย ๆ) ของ ‘ใจ จำลอง’ ที่ไม่ได้ต้องการสีสันอันมีชีวิตชีวาใดๆ ก็คงจะเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้ อโนชา สุวิชากรพงศ์ เลือกถ่ายหนังเรื่องนี้ด้วยภาพสีขาวดำ ลักษณะเดียวกับหนังที่เล่นโครงสร้างเรื่องแบบจัดๆ
ของผู้กำกับเกาหลีใต้ ฮองซางซู (Hong Sang-soo) ซึ่งกลวิธีนี้ก็ไม่ได้มีจุดที่ติดใจอะไร หนำซ้ำยังทำให้หนังมีบรรยากาศภาพขาวดำแบบไทยๆ ที่ไม่ใคร่จะมีผู้กำกับเลือกใช้กันบ่อยครั้งนัก ติดอยู่นิดเดียวที่การกำกับภาพตามแบบฉบับของผู้กำกับ อโนชา สุวิชากรพงศ์
มันอาจทำให้ภาพขาวดำของหนังดูแข็งๆ ไปหน่อย ไม่ค่อยเห็นความอ่อนละมุนนัก ขนาดฉากชมดอกไม้ไฟที่น่าจะสร้างความประทับใจได้มากที่สุดในหนังก็ยังรู้สึกประดิษฐ์จัดวางไปทุกๆ ดอกดวงไฟ แต่ก็นั่นแหละอย่าลืมว่ามันคือ ‘เกม’ จะถ่ายให้สวยสดหยดย้อยกันไปเพื่ออะไร เพราะจุดใหญ่ใจความสำคัญมันคือการเล่นปริศนาถอดค่าสัญลักษณ์กันมากกว่า
นึกแล้วก็อิจฉาเหล่าคอหนังพันธุ์แทนค่าถอดสัญลักษณ์ที่คงจะสนุกสนานกับการเชื่อมโยง GAT-PAT ชิ้นส่วนต่างๆ ในหนังเรื่องนี้กันน่าดู แต่ถึงจะเป็นหนังที่วางตัวเป็นกลเกมไม่ได้ต้องการเล่าเนื้อหาอภิปรัชญาใดๆ มันก็ยังพอประเมินคุณค่าเชิงสุนทรียะได้จากตัวกฎกติกาและเบี้ยตามที่ผู้กำกับได้ออกแบบไว้
จริงอยู่ที่การเลือกดูหนังของ ‘กัลปพฤกษ์’ ไม่ได้ต่างจากการเลือกอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม ที่หวังเสมอว่าจะได้รับสาระในการรู้จักความเป็นมนุษย์แง่มุมต่างๆ รวมถึงความไพศาลสล้างของความเป็นไปได้ในโลกศิลปะ แต่ถึงเธอจะมาในรูปแบบของหนังสือแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ มีให้แต่โจทย์นะ เนื้อหาเธอต้องไปทำเอาเอง เราก็ไม่ได้อิดออดอะไร ตราบใดที่ตัวโจทย์เหล่านั้นมีความคิดสร้างสรรค์ท้าทายน่าลองทำ ไม่ได้เป็นโจทย์ที่ตั้งมาแบบสั่วๆ มั่วๆ
สักแต่เปลี่ยนตัวเลข หรือเป็นโจทย์ที่ไม่เคยสอดคล้องกับโลกความจริง เช่น ไม่รู้เลยว่าจำนวนนักเรียนห้อง /1 กับ /2 เป็นเท่าไหร่ รู้แต่ว่าทั้งสองห้องมีนักเรียนชายรวมกันมากกว่านักเรียนหญิง 5 คน คืออันง่ายๆ ไม่รู้ ดันไปรู้แต่ข้อมูลพิสดาร ถ้าแบบนั้นมันก็จะบั่นทอนสติปัญญามากกว่าจะประเทืองสำหรับเรื่อง ‘ใจจำลอง’ รวมๆ แล้วก็ยังรู้สึกว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ค่อยน่าเล่นน่าทำสักเท่าไหร่ จะให้สนุกมันจริงๆ เธอต้องติสต์แตกแหวกทุกกฎให้ได้เท่าผู้กำกับอย่าง เฟเดริโก เฟลลีนี (Federico Fellini),
ดีเรค จาร์แมน (Derek Jarman), ปีเตอร์ กรีนอะเวย์ (Peter Greenaway), อเลฆันโดร โจโดโรว์สกี (Alejandro Jodorowsky) หรือ อุลริเคอ อ็อตทิงเงอร์ (Ulrike Ottinger) หรือถ้าเอาน้ำเสียงและแนวทางใกล้เคียงที่สุดก็น่าจะเป็นผู้กำกับหญิงโปรตุเกส เทเรซา ดูหนัง Come Here (2021) ใจจำลอง ฟวิลลาแฟวร์เดอ (Teresa Villaverde) คือถ้าได้ระดับนั้นจะก้มหน้าก้มตานั่งเล่นนั่งทำได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย
การทำหนังเป็นโจทย์เป็นเกมนั่งเล่นกับคนดูที่ชวนให้รู้สึกว่าเป็นการสื่อสารที่ ‘ไม่จริงใจ’ จึงไม่ควรจะกลายเป็นข้อหาใหญ่ เพราะจริงๆ แล้วก็ไม่เคยมีใครบัญญัติไว้ว่าผู้กำกับจะต้อง ‘จริงใจ’ กับสิ่งที่เล่าต่อคนดูอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าถ้าเธอเลือกจะเล่าเรื่องราวเพื่อให้เกิดความซาบซึ้งประทับใจ
เธอจะมาใส่หน้ากากแล้วแอบเบ้ปากใส่คนดูไม่ได้ แล้วใครจะไปให้ใจ แต่ถ้าจะกวักมือชวนมาเล่นหมากกระดานกันสักยกไหม จะตอหลดตอแหลตุกติกยิกยักอะไรก็เชิญได้ตามสบาย แล้วเราจะได้ทำใจตั้งแต่แรกว่าจะไม่ได้สาระคุณค่าหรือเนื้อหาใดๆ จากหนังเรื่องนี้ที่ต้องคิดมโนทุกอย่างเอาเองหรือถ้าคิดกลับด้าน ผลงานเรื่อง ‘ใจ จำลอง’ ของ อโนชา สุวิชากรพงศ์
อาจไม่ได้ทำสิ่งใดผิดไปเลยก็ได้ เพียงแต่ ‘กัลปพฤกษ์’
เป็นนักวิจารณ์ที่ปวารณาตัวเป็นสานุศิษย์ของ ซูซาน ซอนทาก (Susan Sontag) ผู้เคยเขียนบทความเขย่าวงการศิลปะชื่อ Against Interpretation (1966) ไว้ว่า การเสพงานศิลปะด้วยการพยายามตะพึดตะพือถอดค่าตีความหมายเชิงสัญลักษณ์ถือเป็นการเสพศิลปะระดับต่ำเตี้ยที่สุด ศิลปะมันบรรเจิดและสูงค่ายิ่งกว่าการถอดสมการ อันควรสัมผัสผ่านอายตนะและสุนทรียญาณ
ไม่จำเป็นต้องมาแจกแจงอีกต่อไปว่าอะไรหมายถึงอะไร ตีตกหลักการจิตวิเคราะห์เชิงสัญลักษณ์ Archetypes ของ คาร์ล กุสตาฟ ยุง (Carl Gustav Jung) อย่างไม่แยแส แม้อาจจะถูกมองว่าเป็นนักเสพงานศิลปะสายขี้เกียจ ไม่ยอมให้เหล่าศิลปินทิ้งช่องว่างให้ผู้ชมสร้างความหมายเอาเอง เอ๊า!
ก็นี่ซื้อตั๋วเข้าไปดูก็เพราะอยากรู้อยากฟังความคิดของเธอไม่ใช่เหรอ ถ้าเข้าไปแล้วได้ภาชนะเปล่ากลับมาพร้อมคำพูดว่า “อันนี้เป็นที่ว่างให้เธอเทเติมเอาเองนะ” คืออย่างนี้ไม่ต้องเดือดร้อนจ่ายเงินเข้าไปในโรงก็ได้ไหม หม้อ ไห โอ่ง ถาด กาละมัง ที่บ้านก็มีตั้งมากมาย นั่งคิดนั่งมโนเติมโน่นเติมนี่เอาเองก็ได้ไม่ต้องออกไปไหน เพราะฉะนั้นทำหนังออกมา จะถ่ายทอดเนื้อหา เรื่องราว หรือไอเดียอะไร
มันล้วนเป็นหน้าที่ของเธอเหล่าผู้กำกับผู้สร้าง ไม่ใช่หน้าที่คนดูอย่างฉัน ถ้าจะมาเบี่ยงโบ้ยกันง่ายๆ แบบนี้คราวหลังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่เสียเวลามานั่งเล่นกงเล่นเกมอะไรด้วยแล้วนะ อย่าให้ต้องค้อนเคือง!ใจจำลอง แม้อดีตจะผ่านไปนานเพียงใด แต่ ‘ความทรงจำ’ จะทิ่มแทงผู้คนในปัจจุบันเสมอใจจำลอง
(Come Here) ภาพยนตร์ทดลองเรื่องล่าสุดของ ใหม่-อโนชา สุวิชากรพงศ์ ผู้กำกับหญิงชาวไทยที่เคยพา ดาวคะนอง (2016) ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 26 จากการที่ตัวภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องที่แตกแขนงกัน แต่มีจุดร่วมคือการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2519 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘เหตุการณ์ 6 ตุลา’
และในคราวนี้ ใหม่ อโนชา กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการทดลองใหม่ ที่เธอรวบรวมเอาความทรงจำจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยประสบพบเจอมาในชีวิต ออกมาถ่ายทอดและเล่าสู่กันฟังผ่านตัวละครที่เธอรู้สึกสนใจ โดยได้ ศรภัทร ภัทราคร, ภูมิภัทร ถาวรศิริ, สิราษฎร์ อินทรโชติ, อภิญญา สกุลเจริญสุข และ เววิรี อิทธิอนันต์กุล มาร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวความทรงจำเหล่านั้นให้กับผู้ชมได้รับชมโดยภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนนักแสดงละครเวที 4 คนที่ไปพักผ่อนกันที่บ้านพักริมน้ำในจังหวัดกาญจนบุรี
สถานที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง ดูหนัง Come Here (2021) ใจจำลอง ทางรถไฟสายมรณะ ที่สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ในขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่วิ่งหลงทางอยู่ในป่า หลังตามหาเพื่อนที่หายตัวไป แล้วทั้งสองเหตุการณ์นี้ก็อาจจะบอกเล่าเชื่อมโยงเข้ากับมุมมองทางประวัติศาสตร์อันแสนเจ็บปวด
ในอดีตภาพยนตร์ของอโนชายังคงแนวทางเดิมของเธออย่างการเล่าเรื่องที่สอดแทรกประเด็นทางการเมืองผ่านท้องเรื่องและพื้นหลังของภาพยนตร์ แต่เพียงคราวนี้มันถูกถ่ายทอดและเล่าออกมาในรูปแบบของ ‘ช่วงเวลา’ และ ‘ความทรงจำ’ ที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับความรักในประเทศไทยร่วมสมัย เมื่อแนวคิดเรื่องความรักกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ความรักถูกนำไปยึดโยงกับประเทศชาติจนแยกขาดจากกันไม่ได้ แรงกดดันทางสังคมทำให้การจะรักตัวเอง ครอบครัว และเพื่อนฝูง ไม่เพียงพออีกต่อไป
เพราะแนวคิดของความรักถูกนำไปใช้อธิบายความสัมพันธ์แบบเคารพต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือส่วนสำคัญที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการที่จะนำเสนอให้กับผู้ชมได้ขบคิดและตั้งคำถามแต่ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่อาจทำให้สิ่งที่เหล่านั้นไม่สามารถส่งต่อไปสู่ผู้ชมได้
ก็คือวิธีการนำเสนอเนื้อหาของอโนชาที่เลือกที่จะนำเสนอสิ่งเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของ ‘จิ๊กซอว์’ ที่กระจัดกระจายให้ผู้ชมเป็นคนปะติดปะต่อเรื่องราวเหล่านั้นกันเอาเองโดยปราศจากคู่มือและความช่วยเหลือใดๆ ส่วนหน้าตาของจิ๊กซอว์ตอนประกอบเสร็จจะออกมาเป็นแบบไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ชมที่เป็นคนต่อเช่นกัน
ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งมันก็อาจจะเหมือนเรื่องราวของเราทุกคน ที่เวลาเราเล่าเรื่องราวต่างๆ ออกมา มันเป็นเรื่องของเรา แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่ เพราะคนจะมองและตัดสินสิ่งที่เราเล่าออกมาอย่างไรนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ที่รับฟังอยู่ดี ก็คงเฉกเช่นเดียวกับวีธีการนำเสนอของอโนชาที่เล่าเรื่องราวของเธอผ่านตัวละครและสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ชมได้เป็นคนตัดสินเรื่องราวเหล่านั้นด้วยตาของตัวเอง ซึ่งหากมองในมุมนี้ก็อาจจะพอคิดได้ว่าวิธีการนำเสนอของอโนชานั้นดูสมเหตุสมผลและมีนัยมากขึ้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยความที่ ใจ จำลอง ไม่มีบทภาพยนตร์ที่ชัดเจน (ผู้กำกับเคยกล่าวเอาไว้) มันก็อาจส่งผลให้ผู้ชมบางส่วนไม่สามารถจับต้นชนปลายในสิ่งที่ผู้กำกับต้องการจะนำเสนอได้ จนอาจถึงขั้นพานเกลียดภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเลย และด้วยความยาวเพียงแค่ 69 นาที ก็อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์ และขาดองค์ประกอบต่างๆ ไปพอสมควร
แต่หากเราได้รับชม ใจจำลอง แล้ว เราก็อาจจะพออนุมานได้ว่า อโนชาไม่ได้ต้องการให้ผลงานเรื่องล่าสุดของเธอกลายเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่เล่นเนื้อหาอะไรเกินตัว เธอเพียงแค่ต้องการให้ ใจจำลอง เป็นภาพยนตร์ที่มีความเรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ใฝ่สูงและทะเยอทะยานเหมือนงานชิ้นก่อนๆ อย่าง เจ้านกกระจอก (2009) หรือ ดาวคะนอง (2016)
สำหรับ ใจจำลอง บางทีอโนชาอาจเพียงแค่อยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเหมือนโลกเล็กๆ ใบหนึ่งที่เธอสามารถเอาไว้ใช้เล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต และเล่นเกมปะติดต่อปะต่อสิ่งเหล่านั้นกับผู้ชมเท่านั้นเอง ซึ่งนักแสดงก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะมีบางส่วนที่ดูมีปัญหาติดขัดอยู่บ้าง
โดยเฉพาะการเล่นใหญ่เกินเบอร์ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นถึงความหมายของการกระทำเหล่านั้นสักเท่าไร หากเปรียบเทียบกับสารตั้งต้นของภาพยนตร์อย่างการที่ตัวละครเป็นนักแสดงละครเวทีแล้ว การแสดงแบบเล่นใหญ่คงไม่ได้ผิดอะไรเลย มันออกจะถูกต้องเสียด้วยซ้ำ เพราะละครเวทีมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘มุมกล้อง’ การเล่นให้ ‘มาก’
เพื่อขับอารมณ์ออกมาให้ดูเกินจริงจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารมวลอารมณ์ของตัวละครให้แก่ผู้ชมในวงกว้าง เพียงแต่การกระทำเหล่านั้นมันผิดวิสัยของการแสดงภาพยนตร์โดยทั่วไปที่ต้องเล่นให้ ‘น้อย’ กว่าละครเวที เพราะเวลาที่ภาพและการแสดงเหล่านั้นถูกขยายขึ้นบนจอใหญ่
ความล้นทะลักทางการแสดงของพวกเขาทุกคนจะถูกมองเห็นโดยผู้ชมได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมันปราศจากความหมายใดๆ ทำให้ส่วนที่ดีที่สุดอย่างนักแสดงที่ควรเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถึงกระนั้นภาพยนตร์
ก็ยังมีงานภาพและเสียงที่ยังคงพอจะเป็นเสาหลักคอยค้ำยันให้ผู้ชมมีความตื่นเต้นลุ้นละทึกไปกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเขาได้อีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือความแอ็บสแตรกต์ของภาพยนตร์ ที่สามารถเป็นทั้งเครื่องมือที่ดึงดูดผู้ชมและขับไล่ผู้ชมในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ภาพยนตร์เลือกที่จะใช้ภาพขาวดำในการสื่อสารและเสริมอารมณ์เรื่องราวให้กับผู้ชม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในบททดสอบสำคัญสำหรับผู้ชมพอสมควร แต่ถึงกระนั้นภาพยนตร์ก็มีความชัดเจนในโครงสร้าง และเนื้อหาที่ยากเกินกว่าจะปฏิเสธแนวทางของมันได้
จากทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา หากเรามองในมุมกลับกัน คำว่า ‘จำลอง’ หมายถึงการปั้นแต่งสิ่งต่างๆ ขึ้นมา และบางทีความรู้สึกของเรานั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จงใจปั้นแต่งขึ้นเพื่อจำลองความรู้สึกของผู้ที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นได้ ในภาพรวมแล้วแม้
จะไม่ใช่ผลงานการทดลองที่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรของอโนชา แต่มันก็เป็นเหมือนใบเบิกทางให้เธอได้มีโอกาสทำงานประเภทนี้ให้กับผู้ชมได้รับชมมากยิ่งขึ้น และเมื่อถึงเวลานั้นผู้ชมอาจจะต้องตัดสินงานของเธออีกครั้งหนึ่งด้วยตาคู่นี้ของตัวเอง เฉกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้ง ดาวคะนอง
ใครกันล่ะที่เป็นเจ้าของเรื่อง ใครกันล่ะที่เป็นเจ้าของพื้นที่ในภาพยนตร์ เรากำลังจำลองใจของใครอยู่ บางครั้งคำว่า ‘เจ้าของ’ อาจจะเป็นเราทุกคนในที่นี้ หรือบางทีคำคำนั้นอาจจะไม่มีอยู่จริงมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้’กลุ่มเพื่อนหนุ่มสาว 4 คนเดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
เพื่อเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง ‘รถไฟสายมรณะ’ ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเชลยสงครามนับหมื่นคนที่สูญเสียชีวิตลงที่นี่ ช่วงค่ำคืนพวกเขากลับไปพักที่เรือนแพ สังสรรค์ดื่มกินและสนทนาพูดคุยในเรื่องสัพเพเหระ จนกระทั่งหนึ่งในกลุ่มเพื่อนได้ลุกขึ้นมาแสดงบทบาทจากฉากหนึ่งในละคร ทำให้รู้ว่าทั้งสี่คนประกอบอาชีพเป็นนักแสดงจากคณะละครเดียวกัน
ในช่วงเวลาคู่ขนาน ยังมีหญิงสาวอีกรายที่พบตัวเองอยู่กลางป่าเพียงลำพังหลังจากที่เพื่อนของเธอได้หายตัวไป กลุ่มเพื่อนสี่คนที่พำนักอยู่ที่เรือนแพได้พูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเกี่ยวข้องกับหญิงสาวผู้นี้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแน่นอน หญิงสาวลึกลับกลางป่าพบธารน้ำ และได้เข้าไปดื่มน้ำล้างหน้าริมลำธาร
ก่อนจะเดินลงไปในน้ำ ใบหน้าของเธอได้กลับกลายไปเป็นอีกคนหนึ่งด้วยความพยายามอย่างสร้างสรรค์ของคลื่นลูกใหม่ไทย สุวิชาญกรพงศ์นำประวัติศาสตร์ทางสังคมและการเมืองไทยรวมถึงแนวคิดของโมกษะและใช้เวลาทั้งหมดกับคณะละครในวัยยี่สิบกลางๆ ซึ่งการเดินทางไปกาญจนบุรีกลายเป็นเรื่องน่าสะกดจิต
พวกเขาบันทึกประสบการณ์ของพวกเขาในภูมิประเทศที่น่ากลัวโดยแยกออกจากสถานที่และเวลา การเล่าเรื่องยังคงหลงทางในความมืดเช่นเดียวกับตัวละคร และสิ่งที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ ประวัติศาสตร์ ความทรงจำ และความฝันที่หายไปคือสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามบอกเล่าโดยใช้สุนทรียภาพแบบอาร์ตเฮาส์
นี่เป็นภาพยนตร์แนวอาร์ตเฮาส์ที่ฉันต้องการสนับสนุนมากกว่านี้ ในที่สุดฉันพบว่าสิ่งนี้ปานกลางแทนที่จะท่วมท้น มันมีอะไรให้พูดน้อยมากเหมือนกับหนังแนวนี้และไม่เคยเปิดเผยมากเกินไป อาจเป็นประสบการณ์ที่ดีกว่า แต่ความรู้สึกเฉื่อยเฉื่อยและโครงเรื่องย่อยนั้นน่าสนใจน้อยกว่าเมื่อประเภทนามธรรมเปลี่ยนไปในการเล่าเรื่อง
แม้ว่าอโนชา สุวิชากรพงศ์จะดูเป็นตัวของตัวเองมาก แต่เธอก็ค่อนข้างถูกมองว่าเป็นเพื่อนร่วมชาติรุ่น Walmart ของอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และฉันก็ไม่ผิดเพราะอโนชาเองก็ยอมรับ ฉันยังมีความเห็นด้วยว่าภาพยนตร์ของเธอถูกประเมินค่าต่ำเกินไปอย่างไร้ความปรานีในชุมชนศิลปะ แต่เมื่อเร็ว ๆ
นี้ฉันได้เห็นความคิดเห็นมากมายที่แสดงความรักและความชื่นชมต่อการทำงานร่วมกันของเธอกับ Ben Rivers เธอคู่ควรกับมันอย่างยิ่ง และเราไม่สามารถหลีกหนีจากความจริงนั้นได้ เธอคือส่วนสำคัญของวงการศิลปะไทย พร้อมด้วย ตุลภพ แสนเจริญ, นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์, วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง, บรรจง ปิสันธนากุล, ชาตรีเฉลิม ยุคล, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, มิ่งมงคล โสณกุล, เพ็ญ -เอก รัตนเรือง, สมโภชน์ ชิดเกษรพงษ์, ป้อม บุญเสริมวิชา และคนอื่นๆ.
สรุปแล้ว ในฐานะแฟนหนังไทยนิวเวฟ มีความรู้สึกที่หลากหลาย ยังไงก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมแพ้กับการสร้างที่ทะเยอทะยาน แต่ฉันจะโกหกถ้าฉันระบุว่านี่เป็นผลงานชิ้นเอกที่ทดลอง
ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ หนังไทย เรื่อง Come Here (2021) ใจจำลอง เว็บดูหนัง KUBHD.COM ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังไทย หนังต่างประเทศมากมายกว่า 10,000 เรื่อง ดูฟรี หนังไม่กระตุก ดูหนังชัดชนโรง หนังพากย์ไทย ซับไทย ดูหนัง ออนไลน์ เต็มเรื่องHD หนังใหม่อัพเดททุกวัน หนังอัพเดทตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนัง 2023 ดูหนังบนมือถือ Android iOS
7.1