ดูหนังออนไลน์ใหม่ 2024 หนังเต็มเรื่อง ดูหนังใหม่ ดูหนังฟรี HD Netflix
VegusCasino
บาคาร่า ออนไลน์
สล็อตเว็บตรง

Cafe Society (2016) ณ ที่นั่นเรารักกัน

ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้

Trailer

Cafe Society (2016) ณ ที่นั่นเรารักกัน

KUBHD ดูหนังออนไลน์  Cafe Society เต็มเรื่อง

รีวิวหนัง

ชมรมคนเฝ้าระแวง

CAFE SOCIETY (2016) ณ ที่นั่นเรารักกัน || Score : 8.5/10
.
ขึ้นชื่อว่า “ความสัมพันธ์” …มันซับซ้อนเสมอ  ดูหนังออนไลน์
ภาพยนตร์พูดถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่เกิดขึ้นที่ “ฮอลลีวูด” เมืองที่หลายๆ คนเดินทางเข้ามาเพื่อตามความฝัน ซึ่งพระเอกของเรื่องนี้ก็เลือกที่จะทำแบบนั้นเหมือนกัน เขาต้องการมีชีวิตใหม่ ละทิ้งชีวิตเก่าที่แสนน่าเบื่อ ซึ่งการตัดสินใจของเขานั้น ก็ทำให้เขามีชีวิตใหม่จริงๆ โดยเริ่มจากการมีความรักที่ทำให้เขาไม่มีวันลืมเลย
.
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับศิลป์ได้สวยมาก ตลอดเวลาที่รับชมภาพยนตร์รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปในปี 1930 เห็นสภาพสังคมของคนยุคนั้น ทั้งร่ำรวยมหาศาล จนถึงประชาชนรากหญ้า ส่วนตัวแอดมินไม่ได้คาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะสนุกอะไรมากมาย เพราะโครงเรื่องกับตัวอย่างก็ดูเฉยๆ แต่คิดว่าเรื่องนี้ต้องมีประโยคเด็ดๆ เกี่ยวกับความรักแฝงอยู่ในเรื่องแน่นอน เลยตัดสินใจไปดู แต่สิ่งที่ทำให้แอดมินแปลกใจสุดๆ ก็คือการเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์ เล่าออกมาได้สนุก ไม่น่าเบื่อ เหมือนธีมภาพยนตร์ที่นำเสนอให้เห็นในตัวอย่าง เป็นได้ทั้งดราม่า และคอมมาดี้ ที่กำลังพอดี ดูไปยิ้มไป (ถึงแม้บางมุก เราจะไม่เข้าใจก็เถอะ) ตลอดการรับชมภาพยนตร์เหมือนเรานั่งอยู่บนเรือ ชมนิทรรศการชีวิตของคนกลุ่มหนึ่ง โดยมีสายน้ำที่ไหลเฉื่อยๆ พาเราไปจนถึงปลายทาง…ปลายทางที่ไม่ใช่แค่ทางออกเดียว แต่เป็นปลายทางเปิดกว้างสู่มหาสมุทรที่ใหญ่จนเราจินตนาการต่อไม่ถึง
.
ตัวละครแต่ละตัวมีเสน่ห์มากๆ โดยเฉพาะคนในครอบครัวพระเอก ที่มีจุดยืนมากๆ (ชอบตัวละครพี่ชายชื่อ เบน มาก โจ๊กแบบมีเสน่ห์) คริสเตน สจ๊วต (บังเอิญได้ดูหนังที่นางแสดงอีกละ) ปกติจะติงความหน้านิ่งของนางมาตลอด แต่ในเรื่องนี้นางทำหน้าที่ได้ดี นางดูสวย ดูสง่า จนชายใดที่อยู่ใกล้ต้องตกหลุมรัก ซึ่งทำให้เราเชื่อจริงๆ และในตัวละครอื่นๆ ภาพยนตร์ก็จับตัวละครแต่ละตัวออกมาเล่าเรื่องในมุมมองของชีวิตที่แตกต่างกันไป มันจึงทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีมิติ มีเส้นเรื่องเป็นของตัวเอง จนทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าเบื่อ ไม่ได้โฟกัสเฉพาะแค่เรื่องความรักเพียงอย่างเดียวจนเอียน แต่ที่ชอบที่สุดของเรื่องนี้ก็คือบทที่จับต้องได้ และเกิดขึ้นจริงในชีวิตแน่ๆ ไม่มีโลกสวยใดๆ ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวมันเอง ซึ่งในเรื่องความรัก ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย มันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
.
“การรักข้างเดียวฆ่าคนตายมากกว่าวัณโรคอีกนะ”
.
“ชีวิตคือหนังตลก ที่เขียนโดยนักเขียนบทตลกแสนซาดิสม์” ประโยคที่นิยามหนังเรื่องนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว
.
อยากเม้าส์มากกว่านี แต่กลัวจะสปอย* ฮ่าๆ

โรงภาพยนตร์ที่ 3 ที่นั่ง E12

Café Society (2016) . . . ลืมได้ไหม ใครคนนั้น…?
(ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
“ชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับหนังตลกที่ถูกเขียนบทโดยนักเขียนซาดิสม์”
ประโยคเดียวเท่านั้นแหละครับที่ตัวละครหนึ่งในหนังได้กล่าวเอาไว้ก็แทบจะบอกเล่าความเป็นหนังทั้งเรื่องและปิดจบได้โดยไม่ต้องรีวิวอะไรกันอีกแล้วเลยทีเดียว #สวัสดี #บ๊ายบาย #เดี๋ยวเอ็งจะรีบไปไหน และนอกจากนั้นประโยคเดียวกันนี้ยังสามารถสื่อสารถึงอารมณ์ขันอันมากล้นและอารมณ์หนังสไตล์วู้ดดี้ อัลเลนที่ในคราวนี้มีความท๊อปฟอร์มและทำหน้าที่ได้อย่างร้ายกาจเหลือเกินจริงๆ
ความตลกของชีวิตที่ Woody Allen เล่าถึงในคราวนี้มันมีเรื่องราวเกี่ยวกับ Bobby เด็กหนุ่มจาก New York ที่เดินทางไปตามหาลุงผู้มีอิทธิพลในแวดวงภาพยนตร์ที่ Hollywood เพื่อจะหางานดีๆอะไรก็ได้ทำ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ Bobby ได้รับมากกว่างานจากลุงก็คือโอกาสในการได้ทำความรู้จักกับ Vonnie เลขาหน้าห้องของลุงที่เขาปิ๊งทันทีเมื่อแรกพบสบตา ก่อนจะพยายามพัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถ้ามันสวยงามฟีลกู๊ดแบบนี้ต่อไปนี่คงไม่ใช่หนัง Woody Allen ครับ เพราะในท้ายที่สุดแล้วความตลกร้ายของชีวิตที่ถูกเขียนบทอย่างซาดิสม์โดย Woody Allen ก็เริ่มทำงานอย่างหนักหน่วง และโดยสรุปแล้ว มันจะทำให้เราได้ซาบซึ้งถึงความบ้าบอของสิ่งที่เรียกว่าความรักและผลลัพธ์ของการคิดถึงรักครั้งเก่าๆที่บางครั้งมันก็ WTF เกินกว่าที่คิดจนอาจจะตั้งตัวไม่ติดเลยทีเดียว
ก่อนอื่นต้องบอกว่านี่เป็นหนังของปู่วู้ดดี้ที่ตลกที่สุดเท่าที่เคยดูมาแล้วก็ว่าได้ ผมนี่ขำมันทั้งเรื่อง ขำจนแทบขาดใจตาย ขำจนต้องร้องขอชีวิต (ไม่เว่อนะ๕๕๕) ซึ่งในขณะเดียวกันไอ้เรื่องราวที่ผู้ชมกำลังขำนั้นมันก็คือความทุกข์ทรมานขนาดหนักของตัวละครเคราะห์ร้ายที่ถูกนักเขียนบทโรคจิตอย่าง วู้ดดี้ อัลเลน รังสรรค์และนำพาเราไปสู่การรับรู้และเผชิญหน้ากับภาพสะท้อนของความตลกร้ายที่โคตรจะรุนแรงและร้ายกาจของชีวิตที่เราทุกคนล้วนต้องเผชิญอย่างขำขื่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
กล่าวคือสิ่งที่หนังพยายามจะเล่าอย่างเรื่องความตลกร้ายของชีวิตที่บางครั้งมันก็ดูราวกับมีใครเขียนบทให้นั้น ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุกสนานและลื่นไหลจนบางทีเราเองก็อาจจะไม่ทันนึกเลยด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันล้วนแต่เป็นภาพคุ้นๆที่เราเห็นกันได้บ่อยๆในโลกแห่งความจริงทั้งนั้น
เปรียบไปแล้วก็คล้ายๆกับว่าชีวิตเรานั้นมันก็เหมือนการเข้าไปร่วมวงในคาเฟ่ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าสังคมนั่นเอง ตามปรกติของทุกคาเฟ่ที่มันย่อมเต็มไปด้วยเรื่องราวของชีวิตที่แต่ละคนนำมาเล่าสู่กันฟัง และก็ตามปรกติของการเข้าสังคมที่มันย่อมเต็มไปด้วยหน้ากากที่ฉาบเอาไว้อย่างแน่นหนากับการพยายามแสดงออกแต่สิ่งที่เขาต้องการให้เห็นจนบางทีก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้างในเค้าคิดอะไรอยู่กันแน่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ Hollywood ของน้า Bobby หรือคาเฟ่ของ Bobby เองใน New York หรือจะเป็นตัวหนังเรื่องนี้เองก็ตามแต่ มันก็คือการจำลองภาพอย่างย่นย่อของการใช้ชีวิตแบบสัตว์สังคมของมนุษย์ที่อันแสนซับซ้อนและยากจะคาดเดาในผลลัพธ์และสิ่งที่ต้องเจอนั่นเอง
ทางด้านอารมณ์หนังนี่เอาจริงๆผมว่ามันมีความคล้ายคลึงกับ Vicky Christina Barcelona + Annie Hall + Midnight in Paris ค่อนข้างแรงเหมือนกันนะครับ แต่ที่แรงสุดก็น่าจะเป็นฟีลในแบบ Midnight in Paris นั่นแหละ ที่หนังมันสามารถมอบเสน่ห์อันไม่น่าเชื่อให้กับเรื่องราวที่แม้ว่าผู้ชมจะไม่ได้มีความรู้มาก่อนเลยแต่ก็ยังกำกับออกมาให้เราอินกับมันและสามารถรับรู้ความคลาสสิคของยุคสมัยที่เกิดไม่ทันได้อย่างง่ายดาย
คืออย่างในเรื่อง Midnight in Paris เนี่ยครับหนังมันจะพาเราไปเจอบรรดานักเขียน/ศิลปิน คลาสสิคดังๆในอดีตหลายคนที่เราอาจไม่เคยรู้จักไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่เราก็จะสามารถสัมผัสได้ชัดมากว่าคนพวกนี้เค้าเจ๋งและคูลมากตามยุคสมัย
ใน Cafe ก็เช่นกันที่หนังมันดำเนินอยู่ในยุค 1930 ช่วงที่ฮอดลีวูดกำลังบูม เราจึงได้เห็นเรื่องราวแวดล้อมเกี่ยวกับนักแสดงและวงการภาพยนตร์ในสมัยนั้นแบบเต็มๆ ซึ่งเอาตรงๆคือผมไม่รู้จักใครสักคนที่ตัวละครมันพยายามจะกัดจะแขวะจะเสียดสีเลยแม้แต่น้อย แต่ผมเองก็ยังอินกับมันได้ผ่านการเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาแบบอ้อมๆ (และเสียง Narrator เป็นระยะๆ) ให้เราค่อยๆเข้าใจและหลงรักยุคสมัยนั้นไปทีละน้อย และรู้สึกได้เลยว่าการเล่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเสน่ห์ที่มีแต่ชายที่ชื่อ Woody Allen จะทำได้อย่างนุ่มนวลจริงๆ ไม่สิต้องบอกว่าคราวนี้ปู่แกทำออกมาละมุนกว่าครั้งไหนๆเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่เรื่องราวมันแอบโหดร้ายไม่เบาถ้าให้ผกก.คนอื่นมาเล่า แต่ปู่แกกลับสามารถกำกับให้ออกมามีความเป็นละเมียดละไมและเต็มอิ่มไปด้วยอุ่นไอแห่งความรัก ความคิดถึง และความไม่แน่นอนของหัวใจได้อย่างยอดเยี่ยมจนถึงขนาดที่หนังจบแล้วเราเองก็อาจจะเผลอคิดถึง “ใครคนนั้น ที่ยังลืมไม่ลง” แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนขึ้นมาแอบไม่ทันตั้งตัวตั้งใจเลยทีเดียว
เรียกได้ว่ามาเจอปู่แกโหมดจริงจังแบบนี้เข้าไปนี่ต้องกราบจริงๆครับ ไหนจะได้คู่ขวัญที่ผมโคตรรักอย่าง Jess / Kristen มาเล่นอีก ทั้งยังดึงเสน่ห์ของสองคนนี้เวลาเข้าทำกันบนจอออกมาได้แบบสุดๆเสียด้วย (โดยเฉพาะ Kristen เองในเรื่องนี้เจอปู่แกปรุงเสน่ห์ออกมาซะหยาดเยิ้มมากครับ สวยสุดๆไปเลยเชียว) คือช่วงนี้หลายๆคนอาจจะไม่ค่อยโอเคกับหนังที่กำลังเข้าฉายเยอะๆมีรอบท่วมโรงกันเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่าถ้าใครพอหารอบที่สะดวกไปดูได้ก็ขอแนะนำเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจนะครับ เอาชื่อปู่วู้ดดี้เป็นเดิมพันจ้ะ (y)
————————————————————
IMDb : 7.1
Rottentomatoes : 78% (Avg. 6.3)
Metascores : 66

ผู้กำกับ

วูดดี อัลเลน

บริษัท ค่ายหนัง

กราวิเยร์โปรดักชันส์
เปร์ดิโดโปรดักชันส์
ฟิล์มเนชันเอนเตอร์เทนเมนต์

นักแสดง

เจสซี ไอเซนเบิร์ก
คริสเตน สจ๊วต
สตีฟ คาเรล
เบลก ไลฟ์ลี
พาร์กเกอร์ โพซี
จีนนี เบอร์ลิน
คอรีย์ สโตลล์
เคน สตอตต์

โปสเตอร์หนัง

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

 

 

 

 

 

 

 

Cafe Society - Ciné-Feuilles

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Cafe Society - film 2016 - Beyazperde.com

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องย่อ

Cafe Society (2016) ณ ที่นั่นเรารักกัน ในปี 1930 ฮอลลีวูดตัวแทนผู้ทรงอิทธิพลฟิลสเติร์นกำลังเข้าร่วมงานปาร์ตี้และรับโทรศัพท์จากพี่สาวของเขาที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก เธอของานให้ลูกชายของเธอและบ็อบบี้หลานชายของฟิลซึ่งตัดสินใจย้ายไปฮอลลีวูด สามสัปดาห์ต่อมาฟิลนัดพบบ็อบบี้และตัดสินใจช่วยเขา เขาขอให้เวโรนิกา “วอนนี่” เลขานุการของเขาไปไหนมาไหนกับบ็อบบี้และแสดงให้เขาเห็นสถานที่ท่องเที่ยว บ๊อบบี้ตกหลุมรักวอนนี่ทันที แต่เธอบอกว่าเธอมีแฟนเป็นนักข่าวที่ต้องเดินทางเกือบตลอดเวลา อย่างไรก็ตามแฟนของวอนนี่เป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้วและก็รักเธอและในไม่ช้าเธอก็ต้องเลือกระหว่างความรักของเธอสองคน

เต็มเรื่องเป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่เกิดขึ้นในนิวยอร์กซิตี้และฮอลลีวูดในช่วงทศวรรษที่ 1930 ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของความรักและความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เล่าผ่านความตื่นเต้นและเสน่ห์แห่งยุคสมัยเรื่องราวเริ่มต้นที่บ็อบบี (เจฟฟรีย์ เดแรน) เด็กหนุ่มจากบรู๊คลินที่เดินทางมานิวยอร์กเพื่อค้นหาโอกาสทางความบันเทิง ที่นี่เขาได้รับความช่วยเหลือจากลูกสาวของ Anabel Foreman (Christine Wimber) ให้ทำงานในร้านกาแฟของเธอ และไล่ล่าความฝันในวงการบันเทิงที่นิวยอร์ก

ภาพยนตร์เรื่องนี้รวบรวมรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและร่วมสมัยของทศวรรษที่ 1930 ด้วยการสร้างมหานครที่เต็มไปด้วยแสงสีและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ฉากภายในร้านกาแฟที่เป็นเวทีกำเนิดเรื่องราวและความรักทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่ยุคอดีตเรื่องราวของ “คาเฟ่ โซไซตี้” ไม่ใช่แค่ความรักที่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังแสดงถึงการตัดสินใจในชีวิตที่ทำให้เราต้องเลือกระหว่างความฝันกับความสัมพันธ์ของเรา รูปแบบบทสนทนาและพฤติกรรมของตัวละครมีส่วนสำคัญในการสร้างความสมจริงและความซับซ้อนของเรื่อง

หากคุณชื่นชอบความรักและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน รวมถึงความโรแมนติกที่เกิดขึ้นในยุคนั้น คุณอาจพบความสุขในการรับชม แห่งนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานความโรแมนติกและความรักในแวดวงบันเทิงในยุคสุดฮอลลีวูดที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาพิเศษ!

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Night Rain and Autumn Lantern Hear Strange Stories (2024) เรื่องลึกลับคืนฝนตกกับโคมไฟฤดูใบไม้ผลิ

Damsel (2024) ดรุณีผู้พิชิต

Kingdom of the Planet of the Apes (2024) อาณาจักรแห่งพิภพวานร

Badland Hunters (2024) นักล่ากลางนรก

The Great Escape (1963) แหกค่ายมฤตยู

แสดงความคิดเห็น

Share

หนังอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ดูหนังออนไลน์ 2024

เว็บดูหนังมาแรงในตอนนี้ สามารถดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพที่สุดในตอนนี้ ไม่มีโฆษณามารบกวนใจ อีกทั้งมีหนังมากมายมาให้เลือกชม มากมายกว่า 10,000 เรื่อง ที่นี่มีหนังใหม่2023 จากค่ายดังทุกค่ายมาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่า Netflix, Disney+, Viu , DC , Marvel ทำให้ท่านได้รับความสนุกเพลิดเพลินเหมือนได้รับชมอย่างสมจริงทั้งภาพที่คมชัดระดับ Full HD และเสียงภาพยนตร์ที่คมชัดมากที่สุด

ดูหนัง Netflix หนังใหม่

อ่านต่อที่นี่