bullet train 2022 พากย์ไทย
เรื่องย่อ
bullet train 2022 พากย์ไทย เลดี้บั๊ก นักฆ่าพาซวย ที่โชคชะตามักจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เสมอ กับภารกิจครั้งสำคัญที่ทำให้เขาต้องปะทะกับนักฆ่าจากทั่วโลก ทุกคนต่างมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่ก็ต้องต่อกรกันอย่างเลี่ยงไม่ได้บนรถไฟที่เร็วที่สุด…เขาจะลงจากขบวนรถไฟได้อย่างไร ปลายทางสุดโกลาหล เป็นจุดเริ่มต้นความระห่ำ
ผู้กำกับ
- David Leitch
บริษัท ค่ายหนัง
- Columbia Pictures
- 87North Productions
นักแสดง bullet train 1พากย์ไทย
- Brad Pitt
- Joey King
- Aaron Taylor-Johnson
- Brian Tyree Henry
- Andrew Koji
- Hiroyuki Sanada
- Michael Shannon
- Benito A. Martínez Ocasio
- Sandra Bullock
โปสเตอร์หนัง bullet train 1พากย์ไทย
รีวิวหนัง bullet train เต็มเรื่อง พากย์ไทย
ekka_eak
[CR] [#Review] Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า – นักฆ่าสไตล์โบ๊ะบ๊ะ ความมันส์มาเบี้ยใบ้ราบทางทุกสถานีที่จอด แต่เนื้อหาเฉยๆ
🚅🚅🚅
เรื่องนี้ตอนเข้าฉายโรงผมก็ไม่ได้ดูเหมือนเดิม แต่มาได้ดูตอนลง Streaming นี่แหละ ด้วยแค่แรงดึงดูดของนักแสดงแต่ละคนไม่ว่าจะเป็น Brad Pitt, Joey King, Aaron Taylor-Johnson, Hiroyuki Sanada, Michael Shannon และดารานักบู๊สุดเท่จากซีรี่ส์ Warrior ที่ผมชอบมากคือ Andrew Koji แค่ชื่อดาราก็น่าดูแล้ว เรื่องอื่นช่างมันก่อนแล้วกัน คิดว่าน่าจะต้องมันส์แน่ๆ
🚅🚅🚅
เรื่องเล่าถึง เลดี้บั๊ก นักฆ่าพาซวย ที่โชคชะตามักจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เสมอ กับภารกิจครั้งสำคัญที่ทำให้เขาต้องปะทะกับนักฆ่าจากทั่วโลก ทุกคนต่างมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่ก็ต้องต่อกรกันอย่างเลี่ยงไม่ได้บนรถไฟที่เร็วที่สุด…เขาจะลงจากขบวนรถไฟได้อย่างไร ปลายทางสุดโกลาหล เป็นจุดเริ่มต้นความระห่ำ
🚅🚅🚅
หนังช่วงแรกสำหรับผม คิดว่าคือจุดบอดจุดใหญ่ของหนังเลยล่ะ เพราะหนังเล่นกับบทพูดที่ค่อนข้างเยอะและไดอะล็อกยาวก่อนที่จะเข้าเรื่องจริงจัง ซึ่งถ้ามันสามารถรวบรัดได้กระชับกว่านี้อาจจะดี หนังพยายามตัดสลับไปมา บวกกับหยอดมุขโบ๊ะบ๊ะไปมา จนกระทั่งหนังเริ่มตั้งตัวได้ ก็ถึงจะไหลลื่นและสนุกขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนท้าย
🚅🚅🚅
จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ ต้องยกให้ฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้ดีมากๆ แทบจะทั้งเรื่องเป็นการต่อสู้บนรถไฟในพื้นที่แคบๆ ซึ่งผู้กำกับสามารถจัดการกับฉากเหล่านี้ได้อย่างสุดยอด และดูสนุกมากๆ รวมไปถึงนักแสดงชื่อดังเยอะแยะมากมาย ที่มารวมตัวกันแบบจัดเต็ม ซึ่งหนังก็กระจายความสำคัญของแต่ละบทบาทได้ดีเยี่ยม ไม่ใช่เน้นแค่ Brad Pitt ที่เป็นบอร์ใหญ่สุดของตัวหนัง แต่บทก็ไม่ได้พุ่งไปที่เขาคนเดียว เพราะบทหนังกระจายไปให้ทุกตัวละครในเรื่องเลยด้วยซ้ำ และแต่ละตัวละครก็มีความสำคัญต่อเส้นเรื่องไม่แพ้กัน
🚅🚅🚅
หนังไปเกือบสุดทางในส่วนของฉากแอ็คชั่นและการเดินเรื่องที่สนุกอย่างต่อเนื่องและน่าติดตาม เพียงแต่ว่าเนื้อหาหนังยังไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรมากมาย ถึงจะมีจุดหักมุมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับว๊าวอะไร หนังอาจจะยาวไปนิด แต่ก็ถือว่าดูได้เพลินตลอดหลังจากช่วงแรกที่ผมบอกไปว่ามันคุยกันเยอะไปนิดครับ
อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก
Bullet Train คือหนังที่ใส่พลังงานและความบ้าคลั่งลงไปเยอะมากกกกก ตัวหนังสนุกมาก
.
คือตอนที่ดู Bullet Train เนี่ย เรารู้สึกบันเทิงและจอยไปกับมันมากๆเลย ชอบในความบ้าคลั่งเหมือนกับดูหนังของ เควนติน ตารันติโน่ เลย เพียงแต่บทสนทนาบทพูดมันไม่คมเท่า โครงสร้างของบทมันค่อนข้างดี แต่ขาดความรัดกุมไปหน่อย งานในโรง Imax ก็คือกระหึ่ม สมราคามากกกก
.
เรื่องราวเหมือนจะไม่มีอะไรมาก เลดี้บั๊ก หรือ เต่าทอง (แบรด พิทท์) นักฆ่าที่กำลังจะเกษียณ เหมือนจะได้รับภาระกิจง่ายๆแค่ขึ้นไปบนชินคันเซน หรือที่เรารู้จักว่ามันคือ Bullet Train รถไฟหัวกระสุน เพื่อไปขโมยกระเป๋าเอกสารบนนั้น แต่ดวงซวยคือดันไปเจอเหล่านักฆ่าบนรถไฟที่ต่างได้รับภาระกิจมาซ้ำซ้อนกันบนนั้น และยังมีลูกชายเข้าพ่อที่จะขึ้นมาแก้แค้นบนนั้นอีก แถมยังมาเจองูพิษอีกตัวด้วย ไหนจะมีผู้หญิงลึกลับ เรื่องมันเลยไม่ง่าย เพราะชินคันเซนมันจะจอดแค่สถานีละ 1 นาทีแล้วไปต่อเลย มันเลยไม่ได้ลงง่ายๆ เรื่องราวเลือดสาดเลยเกิดขึ้นบนรถไฟนี่แหละ
.
สไตล์หนังของผู้กำกับ David Leitch นี่ผมมั่นใจมากว่าหนังมันจะต้องสนุก ผมชอบงานของเค้าจากเรื่อง Atomic Blonde มากกกก แถมดาราปังๆมาแสดงเยอะมาก ตั้งแต่ Brad Pitt , Sandra Bullock หรือแม้กระทั่ง Hiroyuki Sanada และที่กร้าวใจแบบหล่อฉิบหายเลยคือ Andrew Koji (หล่อมากกกก) นี่บอกเลยว่าดูไปเลยยาวๆเพลินๆ หนังขายสไตล์ครับ (แซนดร้าออกกระจึ๋งเดียว) ชอบแคแรคเตอร์ของ แบรท พิทท์ มากกกก ไม่ได้ขายหล่อหรือไม่ได้ว่าเก่งมาก แต่มันดูมีของ แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา อีเลมอน กับ อีแทนเจอรีนก็กาวมากกก หนังมันอีรุงตุงนัง แบบดูไปเรื่อยเลยครับ คือดูเพลินๆสนุก บ้าระห่ำ จุดด้อยคือผมว่าหนังมันพยายามจะใส่ความซับซ้อนของแคแรคเตอร์ลงไปเยอะมากครับ ตัวละครมีความผูกพันกัน แต่มันหลวมๆไปหน่อย
.
คือดูสนุกครับ แต่มันยังขาดความคมของบท แคแรคเตอร์ของตัวละครมันเท่ดีครับ หนังมีสไตล์ ผมว่ารวมๆก็ถือว่าสมราคาหนังฟอร์มใหญ่ครับ ลองไปดูกันได้ครับ ไม่เสียเวลาหรอกครับหนังมันสนุกครับ!
จดอ. JUST ดู IT.
#รีบรีวิว BULLET TRAIN
มหกรรมความวายป่วงวินาศสันตะโร
หนังแอ็กชันตลกร้ายสุดเท่ กวนโอ๊ย บู๊สนั่น สนุกเกินคาด จากผู้กำกับ Dead Pool 2
“จะเป็นอย่างไรหากรถไฟขบวนหนึ่งเต็มไปด้วยนักฆ่า?”
Bullet Train เป็นหนังที่ตอนแรกทำให้เดินเข้าไปในโรงหนังด้วยเหตุผลที่ว่า เห็นรายชื่อนักแสดงที่คับคั่งไปด้วยดาราคุ้นหน้าคุ้นตา กับมีชื่อผู้กำกับ David Leitch จาก Joh Wick, Deadpool 2 และ Atomic Blonde แปะอยู่ตัวโต ๆ ทำให้คาดหวังว่ามันจะเป็นตัวการันตีว่าหนังเรื่องนี้อย่างน้อยก็สนุกและมาพร้อมฉากแอ็กชันอัดแน่นอยู่เพียบ แต่…ดูเหมือนว่ามันจะเกินคาดไปไกล มันมีทั้งความเท่ตั้งแต่ตัวละคร, เนื้อเรื่อง, ฉากต่อสู้ และสไตล์การนำเสนอที่จัดจ้านจี๊ดจ๊าดในแบบแอ็กชันดาร์กคอเมดี้
หนังดัดแปลงจากนิยายชื่อ Maria Beetle ของผู้แต่ง Kōtarō Isaka ที่ในฉบับภาพยนตร์จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับการกลับมาเข้าวงการของนักฆ่าฝีมือฉกาจที่ต้องทำภารกิจง่าย ๆ เพียงแค่ชิงกระเป๋าหนึ่งใบ ก่อนที่เรื่องราวเริ่มจะเตลิดเปิดเปิง และอันตรายมากขึ้น เนื่องจากมีนักฆ่าคนอื่น ๆ มาทำภารกิจอยู่บนรถไฟขบวนนี้ด้วย ซึ่งนอกจาก Brad Pitt จะมารับบทนักฆ่าคนนี้ที่ต้องทำภารกิจแทนเพื่อนที่ลาป่วยแล้ว ยังมีนักแสดงทั้ง Joey King, Aaron Taylor-Johnson, Brian Tyree Henry และบุรุษสมยานาม “ชิเหน๋” Hiroyuki Sanada ขนทัพกันมาให้พรึ่บ! แต่นี่ยังไม่นับ cameo ที่จะตามมาอีกเพียบด้วยนะ
นี่คือหนังที่ทำให้ Brad Pitt ได้มีโอกาสเฉิดฉายอย่างโดดเด่นอีกครั้ง จนไม่แปลกใจหากใครจะมองว่านี่คือหนังและบทบาทหนึ่ของ Brad Pitt ที่น่าจดจำที่สุด ส่วนนักแสดงคนอื่นเอง อย่าง Aaron และ Brian ที่รับบทเป็นฝาแฝดเองก็ได้โอกาสโชว์ฝีมือการแสดงและความเกรี้ยวกราดอย่างเต็มสูบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณชิเหน๋ที่โดดเด่นด้วยความเท่แบบคมคาย จนขโมยซีน Brad Pitt ไปหลายนาทีเลยทีเดียว
เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ให้ในสิ่งที่สัญญาตั้งแต่ในตัวอย่างและใบปิดคือเรื่องของสไตล์นำเสนอที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายฝรั่งในดินแดนอาทิตย์อุทัย, บทสนทนาและมุกตลกสไตล์หนัง Quentin Tarantino, ฉากแอ็กชันที่ทั้งสมจริงและโอเว่อร์แต่ชวนลุกขึ้นปรบมือ และความสนุกกับความเข้มข้นที่ยิ่งเปลี่ยนผ่านจากองก์แรกสู่องก์สอง องก์สองสู่องก์สาม ก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะเดียวกันความถูกอกถูกใจตัวละคร (ไม่ว่าจะชอบหรือจะแช่งก็ตาม) ก็ได้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
Bullet Train มีข้อเสียตรงที่ ถึงแม้จะน่าสนใจตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องจนยาวมาถึงฉากจบ แต่พาร์ทแรกอาจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะจุดติด และมุกตลกร้ายในหนังเรื่องนี้อาจไม่ได้โดนเส้นทุกคนได้ขนาดนั้น (แต่ครึ่งหลังมันคือมหกรรมความสนุกดี ๆ นี่เองครับ) เพราะหากความสนุกและความอินคือการที่เรารู้สึก relate กับตัวละครจนเข้าใจมุมมองและความรู้สึกนึกคิดตัวละครอย่างถ่องแท้แล้ว ความมีเอกลักษณ์ของแต่ละตัวละครจะทำให้คุณหลงรักและตื่นเต้นไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างเร้าใจพอ ๆ กับความเร็วของรถไฟในหนัง
อย่างที่เกิร่นไว้ในตอนต้นว่าหนังเกินคาดไปไกล คือตัวบทที่มีความน่าสนใจกว่าการเป็นหนังที่จับนักฆ่ามาอยู่ในรถไฟคันเดียวกันเป็นอย่างมาก นอกจากจะมีการเชื่อมโยงที่ดี กับมีคาแร็กเตอร์ที่แบ็คกราวน์แน่นแล้ว บทหนังยังพาเราไปยังที่ที่ตัวมันเองต้องการจะพาไป โดยไม่ให้คนดูเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรข้างหน้าบ้าง และตัวละครจะอยู่หรือตาย (แน่นอนว่าหลายตัวละครเรียกได้ว่าพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ!) และที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือการนำคอนเซปต์เรื่องโชคลาง ชะตากรรมและการพบพาน ความแค้นและการปล่อยวาง มาตีแผ่บนโต๊ะต่อหน้าอย่างชาญฉลาด
BULLET TRAIN คือหนังที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความบันเทิง ที่ขนนักแสดงระดับ Top มากมายมาดวลเดือดกันอย่างคุ้มค่า และตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการเห็นหนังแอ็กชันที่มีดีมากกว่าฉากบู๊เดือด เพราะสไตล์หนังเรื่องนี้นับว่าดุเด็ดเผ็ดร้อน ทั้งด้านการกำกับ บท การแสดง การออกแบบตัวละคร และความวินาศของชะตากรรมเหล่าตัวละครในเรื่องที่เราดูแล้วต้องมองว่าสนุกดี ตลกร้ายมาก แต่ตัวละครกุมขมับกันทั้งเรื่อง
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
The Hitman’s Bodyguard (2017) แสบ ซ่าส์ แบบว่าบอดี้การ์ด
Operation Fortune Ruse de guerre (2023) ปฏิบัติการระห่ำโคตรคนฟอร์จูน
The Ministry of Ungentlemanly Warfare (2024) แสบจารชนคนพลิกโลก
8.2