Behind Enemy Lines 3 (2009) ถล่มยุทธการโคลอมเบีย
เรื่องย่อ
โคลอมเบีย สับสนวุ่นวาย เป็นทีม 5 คนเรานาวีซีลเริ่มดำเนินการในภารกิจที่เป็นความลับเพื่อให้แน่ใจว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลของประเทศและกบฏกองโจรไม่ปะทุรุนแรง มีภาวะแทรกซ้อนที่คาดไม่ถึงคุกคามทั้งหมดออกสงคราม ออกจากไม่มีที่ไหนเลย , ประชุมอยู่ภายใต้การโจมตีและผู้นำจากทั้งสองข้าง ถูกฆ่าตาย ซีลมีกรอบสำหรับอาชญากรรม ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากหลังแนวข้าศึกกับโคลอมเบียกองกำลังพิเศษ ( afeur ) ทิ้งโดยรัฐบาลของพวกเขาและปล่อยให้ตาย ทหาร เบื่อการแข่งขันที่จะเปิดเผยหลักฐานที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขาในขณะที่มั่นใจว่า ความรุนแรงยังมีอยู่ ควรต่อสู้ทะลักชายแดน ทั้งภูมิภาค หรือทั้งสองข้าง อาจจะตกอยู่ในนรกน่าหวาดเสียวของสงครามและความตาย
ผู้กำกับ
- Tim Matheson
บริษัท ค่ายหนัง
- WWE Studios
นักแสดง
- Joe Manganiello
- Ken Anderson
- Yancey Arias
- Channon Roe
- Tim Matheson
- Chris J. Johnson
- Steven Bauer
- Keith David
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง Behind Enemy Lines 3 (2009) ถล่มยุทธการโคลอมเบีย
สมาคมนิยมหนังสงคราม
Behind Enemy Lines : Colombia (2009)
ผักชีโรยหน้าทางการทูต ความเน่าบูดใต้พรมการเมือง
เดินทางมาถึงภาคที่สามแล้วของภาพยนตร์ชุด Behind Enemy Lines พล็อตเรื่องมาในแนวเดียวกับสองภาคแรก ก็คือการส่งทหารเข้าไปในดินแดนของข้าศึก และถูกทิ้งไว้ให้หนีกันเอง ซึ่งในภาคนี้มีนักมวยปล้ำชื่อดัง ซึ่งเคยอยู่ในค่ายของ WWE คือ Mr.Kennedy หรือชื่อจริงก็คือ Ken Anderson นั่นเอง ส่วนนักแสดงที่เหลือก็ไม่ค่อยดังซักเท่าไหร่ จะมีอีกคนก็คือ Joe Manganiello ซึ่งเคยเล่นในเรื่อง Spiderman ภาคแรก (เป็นตัวประกอบที่มีเรื่องกับ Peter Parker ที่โรงอาหาร)
เรื่องราวเล่าถึงการปฏิบัติการของหน่วยซีล ซึ่งมีสมาชิกหลักๆคือ Sean (รับบทโดย Joe Manganiello) และสมาชิก Carter (รับบทโดย Ken Anderson) Kevin (รับบทโดย Channon Roe)
ซึ่งหน่วยซีลทีมนี้ได้รับภารกิจให้แทรกซึมเข้าไปในฐานทัพของกลุ่มกบฏที่เรียกตัวเองว่า “ฟาร์ค” ในประเทศโคลัมเบีย ซึ่งมีสายข่าวกรองรายงานมาว่า จะมี “กิจกรรมบางอย่าง” ในช่วงเช้าตรู่ และอาจพบแหล่งเก็บโคเคนขนาดใหญ่ในฐานนี้ด้วย เนื่องจากเงินที่กลุ่มกบฏนี้ได้มา ส่วนใหญ่มาจากการขายโคเคนนั่นเอง
สาเหตุที่ต้องส่งหน่วยซีลเข้าไปยุ่งเกี่ยวในประเทศโคลัมเบียนี้ เนื่องจากกองทัพสหรัฐเป็นพันธมิตรกับกองทัพโคลัมเบีย มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดมา การส่งกำลังไปในครั้งนี้จึงถือเป็นการช่วยทางกองทัพโคลัมเบียได้ส่วนนึง
การแทรกซึมเข้าไปในฐานทัพนั้นดูจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่เหตุการณ์กลับพลิกผัน เมื่อหน่วยซีลได้เห็นว่ากิจกรรมบางอย่างที่ว่านั้น คือการประชุมสันติภาพระหว่างกลุ่มกบฏฟาร์ค และนายพล Valez แห่งกองทัพโคลัมเบียนั่นเอง แต่ยังไม่ทันจะได้สืบสาวราวเรื่องอะไร ก็มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายบุกเข้ามาโจมตีกลุ่มกบฏจนตายเกลี้ยง และโจมตีหน่วยซีลของเราด้วย โดนยิงตายไป 2 นาย และถูกจับ 1 นาย ส่วนอีก 2 นายต้องหนีถอยไปตั้งหลักก่อน
หลังจากนี้ก็มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ทางหน่วยเหนือก็พยายามจะช่วยนายทหาร 2 นายนี้กลับฐานที่มั่น แต่ทางกองทัพโคลัมเบียไม่อนุญาต เนื่องจากเข้าใจผิดว่ากลุ่มที่โจมตีการประชุมในครั้งนั้น ประกอบกับทางรัฐบาลสหรัฐไม่ต้องการให้เหตุการณ์ครั้งนี้ลุกลามเป็นเรื่องทางการเมืองของสองประเทศ จึงพยายามปิดบังและแทรกแซงการทำงานของหน่วยซีล โดยทำให้ทีมซีลกลายเป็นแพะรับบาปแทน และพยายามทำให้เรื่องนี้เงียบโดยเร็วที่สุด ทำให้หน่วยซีลต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีและหาหลักฐานเพื่อล้างมลทินให้หมดสิ้นให้ได้
เรื่องราวคร่าวๆก็มีประมาณนี้นะครับ ต่อไปจะเป็นความเห็นส่วนตัวของแอดมินต่อหนังเรื่องนี้นะครับ
สำหรับด้านการดำเนินเรื่องแอดมินว่าโอเคนะ ถึงแม้พล็อตเรื่องจะมาแนวเดิมๆคือ ถูกทิ้งให้อยู่ในดินแดนของศัตรู (ก็เหมาะกับชื่อหนังอะเนาะ Behind Enemy Lines) แต่พล็อตก็ยังพอมีให้หักมุมในช่วงท้ายอยู่บ้าง ซึ่งถือว่าแปลกใหม่ดีครับ
ส่วนที่แอดมินชอบมากคือการตีแผ่ความเป็นจริงทาง”การทูต”และ”การเมือง” ให้เห็นแบบดิบๆ ซึ่งเนื้อเรื่องสื่อถึงการ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งพยายามจะรักษาภาพพจน์ของประเทศ และ “โยนขี้” ให้หน่วยซีลหน่วยนี้กลายเป็นแพะรับบาปแทน ซึ่งทั้งที่จริงแล้วหน่วยข่าวกรองของพวกเขานั่นแหละที่ห่วยแตกเอง (ซึ่งอาจเป็นจริงได้ในหลายๆประเทศนะ)
ฉากแอ๊คชั่นและการยิงปะทะกันต่างๆ ทำออกมาค่อนข้างจะออกแนวแรมโบ้ไปนิดครับ ทหารแค่ 2-3 นาย ยิงปะทะกับทหาร 20 กว่าคนได้สบายๆ แต่ถ้าดูเอามันส์ ไม่คิดอะไรมากก็โอเคครับ เทคโนโลยีในหนังนี่ถือว่าค่อนข้างล้ำสมัยนะ มีกล้องจับความร้อนซึ่งสามารถเห็นคนที่อยู่ภายในอาคารได้ หรือจับความร้อนจากอาวุธของข้าศึกได้ ทำให้รู้ว่าข้าศึกพกอาวุธอะไรบ้าง ซึ่งในอนาคตกองทัพไทยน่าจะปรับเอามาใช้บ้างนะ
แต่ในบางฉาก ยังดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ เช่น ในตอนท้ายของเรื่องพระเอกของเราเจอหัวหน้าของกลุ่มศัตรู แต่ดันชักมีดออกมาดวลกันกลางป่าซะงั้น ทำไมไม่ใช้ปืนยิงไปเลย จะได้จบๆเรื่อง หรือในตอนที่ไปกู้ไฟล์วีดีโอที่ตั้งเอาไว้ แบตกล้องไม่หมดเลยหรอ ตั้งทิ้งไว้น่าจะประมาณ 3-4 วันแล้วนะ
ข้อผิดพลาดที่พบอีกอย่างคือ มีฉากที่มีการบอกพิกัดกัน บทบรรยายไทยแปลคำว่า minute และ second ในฉากนี้ว่า “นาที” และ “วินาที” ซึ่งความจริงแล้วต้องแปลว่า “ลิปดา” และ “พิลิปดา” ซึ่งพอแปลผิดแล้วมันทำให้อรรถรสหายไปนิดนึงครับ
อีกอย่างคือ ที่ผมตัดสินใจซื้อหนังเรื่องนี้มาดูเพราะ Ken Anderson เลยครับ เพราะเป็นสตาร์ที่ดังที่สุดแล้ว เนื่องจากเป็นนักมวยปล้ำชื่อดัง จนถึงกับนำมาขึ้นเป็นปก cover หนังเรื่องนี้เลย แต่บทบาทในเรื่องนี้ดูน้อยไปนิดนึง ซึ่งค่อนข้างจะเป็นพระรองจาก Joe Manganiello นะ การแสดงก็ยังงั้นๆ ยังไม่น่าขึ้นแท่นเป็นนักแสดงอาชีพได้ หันไปเล่นมวยปล้ำแบบเก่าจะดีกว่า
แอดมินให้คะแนนเรื่องนี้อยู่ที่ 7/10 ก็แล้วกัน แต่ยังไงก็ยังให้ใจกับภาคแรกอยู่นะ
allmoviesfan
5/10
Behind Enemy Lines: Colombia
ภาพยนตร์ของ WWE Studios ภาคต่อที่สองของภาพยนตร์ต้นฉบับที่นำแสดงโดย Gene Hackman/Owen Wilson ซึ่งแม้จะเป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นที่ดี แต่ก็ดูไม่ใช่ประเภทที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ได้ แต่ฉันขอออกนอกเรื่องเสียหน่อย โดยมีนักแสดงที่เป็นที่รู้จักสองสามคน (Keith David, Joe Manganiello) และดารา WWE (Mr Kennedy) ร่วมแสดงบนจอด้วยกัน
ทีมหน่วยซีลของกองทัพเรือเดินทางไปโคลอมเบีย – อย่างที่คุณอาจเดาได้จากชื่อเรื่อง – และพวกเขาถูกซุ่มโจมตี วางแผน และต้องต่อสู้เพื่อล้างมลทินให้กับชื่อเสียงของพวกเขาหลังจากที่ถูกทิ้งโดยรัฐบาลของตนเอง ซึ่งต้องขอบคุณการแทรกแซงจากชุมชนข่าวกรองที่ไม่โปร่งใส
เราทุกคนเคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อน – และทำได้ดีกว่าในเรื่องนี้ การแสดงนั้นค่อนข้างแข็งทื่อเพราะบทภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยดี ฉากแอ็กชั่นทำได้แค่พอผ่าน และยังมีจุดบกพร่องในเนื้อเรื่องที่ใหญ่โตจนคุณสามารถขับรถบรรทุกผ่านได้
ฉันสงสัยว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร แฟนๆ WWE เหรอ? เพราะสำหรับใครก็ตามที่ไม่ได้สนใจมวยปล้ำ ก็ยังมีเวอร์ชันที่ดีกว่านี้อีกมากมาย
Leofwine_draca
4/10
ค่าเช่าถูกแต่ก็แย่กว่านี้ได้
โคลอมเบียเป็นหนังเรื่องที่สามของซีรีส์ BEHIND ENEMY LINES และก้าวขึ้นมาอีกขั้นจากหนัง BEHIND ENEMY LINES II: AXIS OF EVIL ที่แสนจะห่วยแตก แม้ว่าจะไม่ได้หมายความว่าเป็นหนังที่ดีก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วหนังยังทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ทิม แมทธิวสัน นักแสดง/ผู้กำกับมากประสบการณ์ก็รู้วิธีถ่ายทำหนังของเขาอย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องเจอกับปัญหากล้องสั่นที่น่ารำคาญซึ่งทำลายภาคก่อนๆ
โครงเรื่องเป็นโครงร่างง่ายๆ ที่ใช้สร้างโครงเรื่องฉากแอ็กชั่นที่มีค่าเช่าถูกและมีพลังยิงสูง คาดว่าจะมีการยิงต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับมิตรภาพที่แสนเชยและความเป็นวีรบุรุษของผู้ชาย ทีม SEAL ถูกส่งไปที่โคลอมเบียเพื่อจัดการกับผู้ก่อการร้าย FARC แต่กลับพบว่าตัวเองถูกใส่ร้ายและทรยศ และถูกบังคับให้ต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด
โคลอมเบียได้รับประโยชน์จากนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง Keith David, Steven Bauer, Matheson และ Yancey Arias บทนำได้แก่ Joe Manganiello ผู้มีรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่ง และนักมวยปล้ำ Ken Anderson ซึ่งทำให้คุณพอจะนึกภาพออกว่านักแสดงในเรื่องนี้มีความสามารถด้านการแสดงแค่ไหน เช่นเดียวกับภาพยนตร์อเมริกันเกรดบีหลายเรื่องที่ถ่ายทำในอเมริกาใต้ เรื่องนี้ถ่ายทำในเปอร์โตริโก ฉันยังสังเกตเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างโดย WWE Studios ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมนักมวยปล้ำคนนี้ถึงมีอยู่จริง
8.2