ดูหนัง Back in Action (2025) สายลับกลับมาลุย
เรื่องย่อ
สิบห้าปีหลังจากทิ้งชีวิตสายลับซีไอเอไว้เบื้องหลัง เพื่อมาสร้างครอบครัวด้วยกัน เอมิลี่กับแมตต์ต้องกลับเข้าไปในโลกของจารชนอีกครั้ง เมื่อมีคนล่วงรู้ตัวตนของทั้งคู่ เอมิลี่ (คาเมรอน ดิแอซ) และ แมตต์ (เจมี่ ฟ็อกซ์) เป็นอดีตสายลับซีไอเอที่ตัดสินใจลาออกจากวงการและใช้ชีวิตครอบครัวอย่างสงบสุขในชานเมืองแอตแลนตา พร้อมกับลูกสาววัยรุ่น อลิซ (แมคเคนน่า โรเบิร์ตส์) และลูกชายวัยทวีน ลีโอ (ไรแลน แจ็คสัน) อย่างไรก็ตาม เมื่อหัวหน้าเก่าของพวกเขา (ไคล์ แชนด์เลอร์) ปรากฏตัวพร้อมข่าวว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผย เอมิลี่และแมตต์จึงต้องกลับเข้าสู่โลกของการสืบราชการลับอีกครั้ง เพื่อปกป้องครอบครัวและยับยั้งภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้การกลับมาของคาเมรอน ดิแอซ หลังจากห่างหายไปนานถึง 10 ปี Back in Action จะเป็นที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟน ๆ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับได้รับความเห็นที่หลากหลาย บางรีวิวชื่นชมการแสดงของนักแสดงนำ แต่ก็มีความเห็นว่าบทภาพยนตร์ค่อนข้างคาดเดาได้ง่าย และฉากแอ็กชันที่ไม่น่าจดจำ
ผู้กำกับ
- Seth Gordon
บริษัท ค่ายหนัง
- Netflix
นักแสดง สายลับกลับมาลุย
- Jamie Foxx
- Cameron Diaz
- McKenna Roberts
- Rylan Jackson
- Kyle Chandler
- Glenn Close
โปสเตอร์หนัง Back in Action (2025)
รีวิว สายลับกลับมาลุย
พูดแบบตรงประเด็นเลยคือ Back in Action ผมชอบช่วงต้นๆ ของหนังครับ ตอนที่หนังเล่าถึงภารกิจสมัยก่อนของแมตต์ (Jamie Foxx) และเอมิลี่ (Cameron Diaz) ช่วงที่ว่านี่ค่อนข้างลื่น ฉากบู๊ก็ใช้ได้ เพลงที่ใส่ลงมาก็เข้ากันดี (แม้การตัดต่อเรียบเรียงเพลงอาจโดดๆ บ้างก็ตาม) ช่วงแรกนี่จัดว่าสนุก มีลุ้น ดูเพลิน ตื่นเต้นใช้ได้ จนผมนี่แอบหวังในใจเลยว่าสงสัยจะเจอหนังบู๊โดนๆ เข้าแล้วล่ะเรา ครั้นหนังเล่ามาถึงตอน 15 ปีต่อมาที่พวกเขามีลูกแล้ว หนังก็ยังโอเคครับ พวกมุกพ่อแม่ห่วงลูกมากมายจนทำอะไรเป๋อๆ หลุดๆ นี่ก็ถือว่าใช้ได้ ยังจัดว่าเพลินอยู่ แล้วก็ไล่มาถึงตอนที่พวกผู้ร้ายโผล่มาเพราะตามตัวพวกเขาเจอ ช่วงนี้ก็ยังโอเค ยังน่าติดตาม แล้วหนังก็เริ่มมาดร็อปลงตรงตอนกลางๆ ครับ ช่วงที่ครอบครัวนี้ต้องเดินทางข้ามประเทศไปทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ จริงๆ ช่วงนี้ผมแอบคิดน่ะครับว่าหนังคงต่อเรื่องด้วยการให้เหล่าลูกๆ ของพวกเขามาเป็นตัวเสริมความฮาความเพลิน แต่กลายเป็นว่าช่วงนี้หนังดูช้าลง และพวกเด็กๆ ก็ไม่ได้เป็นตัวชูรสให้กับหนังอย่างที่คิด
ถัดจากนั้นหนังก็อยู่ในระดับเรื่อยๆ ครับ ส่วนตัวผมมองว่าที่หนังยังพอเพลินอยู่ก็เพราะการแสดงระดับอาชีพของ Foxx และ Diaz นั่นแหละ และตอนหลังก็ได้ Glenn Close มาแจมอีกคน ซึ่งผมว่ามันยังไปได้เพราะพลังดารา ในขณะที่ตัวเรื่องมันไม่ค่อยมีอะไรมาก ไม่ค่อยมีลูกเล่นเพิ่มรสชาติให้มันสนุก หรือกระทั่งแอ็คชันก็ถือว่ากลางๆ ครับ ไม่ได้มันส์หรือสาใจเท่าช่วงต้น สรุปคือผมชอบช่วงต้นเรื่องครับ มันเพลิน มันมันส์ มันตื่นเต้น และมีอารมณ์ขัน จนมาถึงตอนกลางๆ หนังถึงเริ่มดร็อปลงหน่อย จริงๆ ถ้าหนังมาเรื่องหาราวมาให้เหล่าตัวเอกต้องรับมือแบบต่อเนื่อง แบบไม่ต้องพักเลย (หรือพักน้อยๆ หน่อย) มันคงจะโอเคขึ้นน่ะครับ แต่ในแง่งานสร้างนี่ก็ถือว่าโอเคครับ ดูจากทุนระดับ %70 ล้านแล้วก็นับว่าได้อยู่ ส่วนคนกำกับเรื่องนี้ก็คือ Seth Gordon แห่ง Horrible Bosses ภาคแรก, Identity Thief และ Baywatch ฉบับปี 2017 ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว เรื่อง Back in Action นี่ยังไม่เพลินจัดๆ เท่าเรื่องแรก แต่ก็ถือว่าเวิร์กกว่า 2 เรื่องหลังครับ เอาเป็นว่าดูได้ เอามันส์ เพลินๆ ขอเพียงไม่คาดหวังเยอะก็น่าจะโอเคอยู่ครับ
ในบรรดาหนังแนวสายลับคอมมีดี้ Back in Action คิดว่าตอบโจทย์แบบพอไปได้อาจจะไม่ได้ไปจนสุดดูได้เรื่อยๆ หนังให้ความบันเทิงแนวครอบครัวแอ็คชั่นได้ประมาณนึงและค่อนข้างเดินเส้นตรงไม่มีมิติอื่นๆ ถึงแม้จะมีหักมุมแต่เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอเดาได้ เนื่องจากโทนหนังจะเบาๆ ตลกครอบครัวด้านแอ็คชั่นอาจจะดูธรรมดาไปหน่อยแต่ก็เสริมด้วยมุขตลกแทน เห็น Cameron Diaz เรื่องนี้ทำให้นึกถึง Knight and Day ที่เธอเล่นกับ Tom Cruise เป็นหนังสายลับเหมือนกันซึ่งสนุกกว่าเยอะ ฉากแอ็คชั่นจริงจังกว่า มีมิติอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น คนธรรมดาที่ต้องจับพลัดจับผลูมาเกี่ยวกับเรื่องสายลับ หรือการไม่มั่นใจในตัวละคร tom Cruise ตกลงเป็นใครกันแน่
ฉันลังเลที่จะดูหนังเรื่องนี้ แน่นอนว่าการดูเจมี่กับดิแอซนั้นสนุกดี แต่ไม่ใช่ในหนังของ Netflix หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับทั้งสองคนที่เริ่มต้นเป็นสายลับ ดิแอซกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นพวกเขาจึงอยากเลิกเป็นสายลับ เมื่อมีลูกในช่วงวัยรุ่น เด็กๆ คิดว่าพ่อแม่ของพวกเขาน่าเบื่อและมีวิถีชีวิตเป็นของตัวเอง อดีตของพ่อแม่ไล่ตามพวกเขา และเด็กๆ ก็ได้รู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาเป็นสายลับที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และทุกอย่างก็จบลงด้วยดีสำหรับครอบครัว นี่เป็นหนังธรรมดาๆ เราไม่ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ในหนังเรื่องนี้ เจมี่และดิแอซถูกดึงดูดด้วยฉากต่อสู้ ฉากเหล่านี้ได้รับการออกแบบท่าเต้นมาอย่างดี ดิแอซพูดถึงแม่ของเธอตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงรู้ว่าตัวละครนี้จะแสดงโดยเฮเลน เมียร์เรนหรือเกล็นน์ โคลส ช่วงต้นของหนังมีกลิ่นอายของ “คำโกหกที่แท้จริง” หนังเรื่องนี้ดูค่อนข้างจะฝืนๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมฟ็อกซ์กับดิแอซถึงตัดสินใจร่วมแสดง สิ่งที่เกิดขึ้นดูเป็นเรื่องสุ่มและไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่านั้นในหนัง ผู้ร้ายชัคได้รับความช่วยเหลือจากเด็กน้อยในชุดเดรสที่เป็นเนิร์ดเทคโนโลยี แต่ตัวละครนั้นไม่ได้มีศักยภาพเต็มที่เหมือนที่รูบี้ โรสทำใน John Wick 2 ดังนั้น หากคุณต้องการเสียเวลา ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เหมาะสำหรับดูไปพร้อมกับกินแฮปปี้มีลจาก MaccieD แต่ถ้าคุณเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วละก็ ข้ามเรื่องนี้ไปได้เลย แล้วออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกดีกว่า
คู่รักคู่หนึ่งถูกโน้มน้าวให้กลับมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุ หลังจากชีวิตใหม่และความลับของพวกเขาถูกเปิดเผย Back in Action หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นหนังที่แย่จนกลายเป็นเรื่องสนุกได้ เป็นเรื่องไร้สาระ ไร้สาระสิ้นดี แต่ฉันดูตั้งแต่ต้นจนจบและไม่เบื่อเลย หนังเรื่องนี้เกินจริงไปหมด ทั้งที่ทั้งคู่ไม่ได้แก่เลยหลังจากผ่านไป 15 ปี ฉากยิงปืน เด็กๆ ที่น่ารำคาญ หนังเรื่องนี้มีกลิ่นอายของหนังเรื่อง Johnny English อยู่บ้าง มีนิยายวิทยาศาสตร์ไร้สาระ มีอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ มีฉากยิงปืนที่ตลกมาก มันทำให้ฉันหัวเราะได้สองสามครั้ง แบบแผนทั่วไปก็ค่อนข้างตลก คุณเลือกตัวละครชาวอังกฤษที่เกินจริงอย่างยอดเยี่ยมสองคน ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ใช่ชาวอังกฤษเลย ทำให้ฉันหัวเราะและนึกถึงเรื่อง Murder เธอเขียนไว้ว่า Glenn Close และ Andrew Scott ต่างก็พูดสำเนียงอังกฤษได้ไพเราะมาก ฉันค่อนข้างชอบไนเจล เจ้าหน้าที่อังกฤษที่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งน่าจะหลุดออกมาจากเรื่องล้อเลียนเมื่อต้นปี 2000 ได้ เจมี่ ดีเมทริอูก็แสดงได้ตลกดี แต่มีประเด็นหนึ่งที่คนอเมริกันล้อเลียนอาหารอังกฤษ…..ให้ฉันเอาน้ำตาล สีผสมอาหาร และไขมันทรานส์มาให้ฉัน สนุกแต่ไร้สาระ 6/10
อีกครั้งหนึ่ง เราต้องเผชิญกับภาพยนตร์ธรรมดาๆ จากบริการสตรีมมิ่งที่นำเสนอโดยนักแสดงชื่อดัง แม้ว่าอาจขาดแนวคิดดั้งเดิมและรายละเอียดพล็อตที่ซับซ้อน แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจในสิ่งที่ตั้งใจไว้ นั่นคือ ความบันเทิงให้กับผู้ชม จุดแข็งอย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือมีตัวละครที่น่าขบขันมากมายและมุกตลกที่พวกเขาถ่ายทอดออกมา องค์ประกอบเหล่านี้ไม่เพียงเพียงพอ แต่ยังเกินกว่าสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าประสบการณ์การรับชมจะน่าพึงพอใจ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าหาภาพยนตร์ดังกล่าวด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง Back in Action นั่นคือ ความคาดหวังที่ต่ำลง เมื่อคุณไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่หรือแนวคิดที่สร้างสรรค์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับคุณได้อย่างน่ายินดีและทิ้งความรู้สึกสนุกสนานและอารมณ์เชิงบวกไว้ให้คุณได้ ดังนั้น หากคุณกำลังอยู่ในอารมณ์อยากชมภาพยนตร์ที่ไม่เรียกร้องความสนใจจากคุณมากนักแต่ยังคงทำให้คุณยิ้มได้ นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง
ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
Love Hurts (2025) ด้วยรักและลูกปืน
4.7