KUBHD ดูหนังออนไลน์ A Good Day to Die Hard 5 (2013) ดาย ฮาร์ด 5 : วันดีมหาวินาศ คนอึดตายยาก
เรื่องย่อ
บรูซ วิลลิสกลับมารับบทบาท จอห์น แม็คเคลน ตำรวจสายลับที่สร้างชื่อเสียงให้เขาในภาพยนตร์ เรื่อง A Good Day to Die Hard เขาต้องมีส่วนเกี่ยวพันกับเบื้องหลังการทุจริตอย่างสาหัสและการล้างแค้นทางการเมืองในรัสเซีย แม็คเคลนเดินทางมาที่มอสโคว์สะกดรอยตาม แจ็ค (ไจ คอร์ทนีย์) ลูกชายที่ไม่ค่อยลงรอยกัน และต้องตกใจเมื่อพบว่าเขาทำงานให้ผู้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล โคมารอฟ ซึ่งเป็นผู้กำความลับ ในช่วงวิกฤติหนีตายพ่อลูกแม็คเคลนต้องพักเรื่องความไม่ลงรอยกันไว้ก่อน เพื่อปกป้องโคมารอฟให้ปลอดภัยและสกัดอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นใน เชอร์โนบิล ซึ่งเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าที่สุดของโลก
“A Good Day to Die Hard” (2013) ถือเป็นภาคที่ 5 ของซีรีส์ภาพยนตร์ Die Hard อันโด่งดัง โดยนำตำนานบรูซ วิลลิสกลับมารับบทเป็นจอห์น แม็กเคลนผู้ไม่ย่อท้อ กำกับโดยจอห์น มัวร์ ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่นเรื่องนี้นำแฟรนไชส์ไปสู่อีกระดับหนึ่ง ผสมผสานฉากที่เข้มข้น การเล่าเรื่องที่น่าดึงดูด และอารมณ์ขันอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ Die Hard กลายเป็นเกมคลาสสิกที่ทุกคนชื่นชอบ
เรื่องย่อ: เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อจอห์น แม็กเคลน ฮีโร่ผู้ช่ำชองและไม่เต็มใจ ได้รู้ว่าแจ็ค (ไจ คอร์ทนีย์) ลูกชายที่ห่างเหินของเขากำลังเผชิญกับปัญหาในมอสโก ด้วยความเชื่อว่าแจ็คมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางอาญา จอห์นจึงเดินทางไปรัสเซียเพื่อติดต่อกับลูกชายของเขาอีกครั้ง และเหมือนเช่นเคย เขาพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางแผนการก่อการร้าย ทั้งคู่ต้องละทิ้งความแตกต่างและทำงานร่วมกันเพื่อขัดขวางแผนการสมคบคิดร้ายแรงที่คุกคามความมั่นคงโลก
ลำดับเหตุการณ์การระเบิด: ตามธรรมเนียม Die Hard A Good Day to Die Hard 5 (2013) ดาย ฮาร์ด 5 : วันดีมหาวินาศ คนอึดตายยาก นำเสนอฉากแอ็คชั่นที่ทำให้หัวใจเต้นแรงตั้งแต่ต้นจนจบ ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากที่น่าทึ่ง การไล่ล่ารถด้วยความเร็วสูง และการยิงปืนที่ดุเดือดซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและไหวพริบของแม็คเคลน ฉากแอ็กชันได้รับการออกแบบท่าเต้นอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่เข้าถึงได้ซึ่งกลายมาเป็นสัญลักษณ์เดียวกับแฟรนไชส์ Die Hard
ดูหนัง ออนไลน์ องค์ประกอบที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของภาคนี้คือการสำรวจความมีชีวิตชีวาของพ่อลูกระหว่างจอห์นและแจ็ค แม็กเคลน บรูซ วิลลิสนำความเฉลียวฉลาดและความสามารถพิเศษของเขามาสู่บทบาทของตำรวจมากประสบการณ์ ในขณะที่ไจ คอร์ทนีย์เพิ่มความซับซ้อนอีกระดับในฐานะลูกชายที่ห่างเหินพร้อมกับภารกิจลับของเขาเอง การล้อเลียนและเคมีระหว่างตัวละครทั้งสองช่วยเพิ่มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ไม่เพียงแต่เป็นฉากแอ็กชั่นที่น่าตื่นเต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวของการคืนดีกันในครอบครัวอีกด้วย
การตั้งเวทีในระดับสากล: ต่างจากภาคก่อนๆ “A Good Day to Die Hard” เป็นการดำเนินการนอกขอบเขตของอเมริกา โดยวาง John McClane ไว้ใจกลางกรุงมอสโก ฉากที่เป็นสากลได้เพิ่มมุมมองที่สดใหม่ให้กับแฟรนไชส์ โดยแนะนำให้ผู้ชมได้รู้จักกับฉากหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ในขณะที่ยังคงรักษาแก่นแท้ของความโกลาหลและความโกลาหลเอาไว้
ผู้กำกับ
จอห์น มัวร์
บริษัท ค่ายหนัง
- Giant Pictures
- TSG Entertainment
นักแสดง
- บรูซ วิลลิส
- ไจ คอร์ตนีย์
- เซบาสเตียน คอช
- ยูลิยา ซนิเกอร์
- ราจา บุควิค
โปสเตอร์หนัง
รีวิวหนัง
โตมากับหนัง
A Good Day to Die Hard (2013)
จอห์น แม็คเคลน ตำรวจสายลับ เขาต้องมีส่วนเกี่ยวพันกับเบื้องหลังการทุจริตอย่างสาหัสและการล้างแค้นทางการเมืองในรัสเซีย เขาเดินทางมาที่มอสโคว์สะกดรอยตาม แจ็ค (ไจ คอร์ทนีย์) ลูกชายที่ไม่ค่อยลงรอยกัน และต้องตกใจเมื่อพบว่า ลูกชายของเขาทำงานให้ผู้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล โคมารอฟ ซึ่งเป็นผู้กำความลับเอาไว้
คะแนน 6.5/10
Mr.DarkKnight
A Good Day to Die Hard (2013) วันดีมหาวินาศ คนอึดตายยาก
John Moore
“เมื่อนึกถึง Die Hard ไม่ว่าภาคไหนต้องนึกหยิบมาดูทันที แต่มีข้อยกเว้นอยู่ภาคหนึ่ง”
ภาคต่อลำดับ 5 ที่ไม่อยากเรียกว่าภาคต่อสักเท่าไร เนื่องจากเสน่ห์ที่สร้างมาแสนยาวนานต้องมาจบลงที่ภาคนี้แทบทุกกรณี โดยเฉพาะทีเด็ดประจำตัวหนังชุดนี้ที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เรียกทีเด็ดในภาคนี้จะไม่มี แต่ถูกทำให้จืดชืดกลายเป็นธรรมดาราวกับหนังแอ็คชั่นยุค 80S-90S ที่เน้นขายเอามันส์ จะยิงจะระเบิดเผากระท่อมแค่นั้น ส่วนมิติส่วนอื่นๆหายเกลี้ยงจนเกิดความรู้สึกที่จบแล้วจบกัน
สิ่งที่ทำให้ Die Hard ยังคงเป็นหนังแอ็คชั่นชวนสนุกไม่รู้ลืมคือการดึงศักยภาพของตัวละครมาได้ไกลเกินกว่าหนังแอ็คชั่นทั่วไป โดยเฉพาะตัวร้ายที่ต้องเจ้าวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าพระเอกจะเก่งแค่ไหนยังสามารถรับมือได้ ที่สำคัญยังเซอร์ไพรส์ความเก่งกาจจนคู่ควรกับคำว่าตัวร้ายอย่างแท้จริง ซึ่งภาคนี้สิ่งที่กล่าวมาแทบไม่มีให้เห็น เป็นเพียงตัวร้ายธรรมดาๆที่แผนการไม่ได้ซับซ้อนหรือยิ่งใหญ่อย่างที่ภาคอื่นๆทำให้เห็น อีกอย่างคือไม่ได้ฉลาดหรือเฉียบคมเท่าที่ควร ค่อนข้างตามสูตรสำเร็จเสียด้วยซ้ำ ยิ่งตอนจบสร้างความผิดหวังค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ถึงตัวร้ายจะผิดหวังแม้ใช้แผนซ้อนแผนเพื่อดึงความฉลาดออกมา แต่ จอห์น แมคเคลน (Bruce Willis) คือความหวังที่โชว์ความสามารถเหนือความคาดหมายในการต่อกรกับคนร้ายด้วยวิธีที่แผนสูงกว่าเสมอ ซึ่งการทำตัวเป็นกางขวางคอขัดขาให้แผนคนร้ายสะดุดแล้วสะดุดเล่าคือความกวนประสาทอย่างหนึ่ง อีกทั้งเป็นเสน่ห์ประจำตัวหนังชุดนี้ที่ช่วยสร้างเพลิดเพลินตลอดเวลา จะไม่เหมือนกับหนังบู๊บางเรื่องที่ให้พระเอกถือปืนยิงลุยอย่างเดียว การไม่เจอกับคนร้ายตรงๆและสกัดแผนให้คนร้ายค่อยๆจนตรอกเป็นวิธีที่เข้าท่าเข้าทางและลุ้นมากกว่า แต่เผอิญภาคนี้ไม่มีอย่างว่า
จอห์น แมคเคลน คือนายตำรวจจอมกวนที่มักอยู่ผิดที่ผิดเวลา มักไปอีกอย่างเจออีกอย่างจนมีสถานะเป็น”ตัวซวยของคนร้าย” ฉะนั้นเนื้อเรื่องภาคนี้จึงไม่ต่างกันที่ให้เดินทางไปถึงมอสโก ประเทศรัสเซีย เพื่อไปพบ แจ็ค แมคเคลน (Jai Courtney)
ลูกชายของตนที่กำลังขึ้นศาลเพราะไปฆ่าคนตาย ขณะนั้นเองก็มี ยูริ โคมารอฟ (Sebastian Koch) ที่กำลังขึ้นศาลเช่นเดียวและกุมความลับที่ซ่อนไฟล์บางอย่างเอาไว้ ซึ่งเป้าหมาที่แท้จริงของแจ็คคือการลักพาตัวยูริหลบหนีกลุ่มคนร้ายเพราะเป็นสายลับซีไอเอ แต่กลายเป็นว่าทั้งแผนหลบหนีของแจ็คและแผนไล่ล่าของคนร้ายต้องพังลงทั้งคู่เพราะการปราฏตัวของจอห์น
การนำ Bruce Willis มาจับคู่กับ Jai Courtney ถือเป็นการชอบส่วนตัวเรื่องนักแสดง ส่วนบทบาทตัวละครที่ตั้งใจพูดถึงความสัมพันธ์พ่อลูกก็ดูจะรวบรัดมากไปหน่อย ไม่เหมือนในภาค Live Free or Die Hard (2007) ที่ยังพูดถึงความสัมพันธ์พ่อกับลูกสาวได้ลึกซึ้งกว่า แต่พอพูดถึงลูกสาวก็ยังให้ Mary Elizabeth Winstead มารับบท ลูซี่ กับฉากอันน้อยนิดที่โผล่ออกมาตอนแรกกับตอนจบ แน่นอนว่าไม่ได้ช่วยยกระดับให้ตัวละครมีมิติมากขึ้นในฐานะครอบครัว
A Good Day to Die Hard มันส์กว่าทุกภาคที่จัดหนักจัดเต็มเรื่องฉากแอ็คชั่นจนโม้ไปหลายฉาก ยิ่งความวินาศสันตะโรมีให้เห็นกันแต่เนิ่นๆกับฉากไล่ล่าบนท้องถนนจนน่าจะเป็นช่วงเวลาที่มันส์ที่สุดเรื่องแล้ว แต่หลังจากนั้นจะไม่รู้สึกมันส์หรือดุเดือดอีกต่อไปเพราะหมดของ ซึ่งรู้สึกได้เลยว่าความมันส์เริ่มน้อยลงเรื่อยๆจนมาถึงไคล์แม็กซ์ที่ไม่ได้สนุกเหมือนที่ทำเอาไว้ในช่วงแรกๆ กระนั้นไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ถือว่าผิดสูตรความเป็น Die Hard ที่ไม่เน้นความวินาศว่าต้องมีระเบิดหรือข้าวของเสียมากมาย ขอแค่มีบ้างนิดๆหน่อยๆแบบเน้นไปเลยให้น่าจดจำ นี่ยิงกระจุยกระจายกลัวไม่สมเป็นหนังแอ็คชั่น
ผู้กำกับ John Moore เหมือนตั้งใจทำให้ภาคนี้เป็นสิ่งที่ทุกภาคมี สังเกตได้จากส่วนประกอบหลายอย่างที่พยายามหยิบเล็กผสมน้อยจากภาคนี้บ้างภาคนั้นบ้างหรือจุดเด่นจุดขายมาแสดงให้เห็นแบบตั้งใจหลายครั้ง การทำแบบนี้ชวนให้ถึงภาคก่อนๆจนขาดความเป็นตัวของตัวเองทั้งที่ทุกภาคก่อนหน้านี้พยามยามสร้างสิ่งใหม่ๆ แต่จะยกเว้นเรื่องการจัดฉากที่ออกมาสวยจนไม่แปลกใจถ้าเคยเห็นผลงานก่อนหน้านี้มาแล้วใน Max Payne (2008) จากเกมสุดมันส์มาเป็นหนังที่ไม่มันส์แต่งานองค์ประกอบฉากดี ดังนั้นไม่แปลกที่นอกจากดูเอามันส์ก็ไม่เห็นอะไรที่จับต้องได้เลย ขนาดจอห์น แมคเคลนที่น่าจะเป็นจุดขายมากที่สุดยังสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ใครจะไปนึกว่าตัวละครจอมวางแผนจะถือปืนลุยมากกว่าใช้สมอง เรียกว่าผิดหวังที่เป็นส่วนหนึ่งของ Die Hard แต่ถ้าไม่ใช่ก็ถือว่าโอเคระดับหนึ่งเพราะดูเอามันส์ไม่น้อย
IMDM 5.3/10
8.2