จิบลิ ภาพยนตร์อนิเมะของประเทศญี่ปุ่น ผลิตผลงานเรื่องอะไรออกมาก็สนุกสนานครบรส โดนใจคนดูเกือบทุกเรื่อง ภาพยนตร์อนิเมะของสตูดิโอนี้ เต็มไปด้วยจินตนาการ เข้าถึงอารมณ์ และได้รับความชื่นชมไปทั่วโลก ชื่อ จิบลิ
อ่านต่อที่นี่
เรื่องย่อ การ์ตูน จิบลิ
Laputa Castle in the Sky (1986) ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา
มีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในอดีต มนุษย์มีวิทยาการและอารยธรรมสูงส่งถึงขนาดสร้างอาณาจักรลอยฟ้าขึ้นมาได้ นามของอาณาจักรนั้นคือ “ลาพิวต้า” ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรปกครองผืนแผ่นดินทั้งมวล แต่ด้วยสาเหตุบางประการ ทำให้อาณาจักรนั้น ได้ล่มสลายลง แต่ก็มีความเชื่อว่าลาพิวต้า ยังคงลอยอยู่ที่ใดที่หนึ่ง บนโลกใบนี้ ในคืนหนึ่ง กลุ่มสลัดอากาศ “โดล่า” ได้เข้าโจมตีเรือเหาะโดยสาร ซึ่งในเรือเหาะนั้นมีเด็กสาวนามว่า ชีต้า ที่กำลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล เป้าหมายของโจรสลัดคือ ศิลาลอยฟ้า ของชีต้า ชีต้าที่พยายามจะหนี ได้พลักตกลงจากเรือเหาะพร้อมกับสร้อยศิลาเส้นนั้น
ปาซู เด็กกำพร้าที่ทำงานอยู่ในเหมืองแร่ ได้เห็นแสงบางอย่างกำลังต่ำลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ เมื่อเขาเข้าไปสังเกตใกล้ๆ พบว่าเป็นร่างของหญิงสาวที่บนคอมีสร้อยกำลังเปล่งแสง เขาได้ช่วยเหลือเธอที่กำลังหมดสติไว้และพากลับไปบ้านของตนเอง เมื่อฟื้น เธอก็แนะนำตัว และกลายเป็นเพื่อนกับเขา ในบ้านของปาสึ ชีต้าเหลือบไปเห็นภาพๆหนึ่งที่เขียนว่า “ลาพิวต้า” เขาเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่พ่อเค้าออกบิน เค้าเจอกับลาพิวต้า จึงถ่ายภาพๆนี้ไว้ แต่ไม่มีใครเชื่อ ระหว่างนั้นเอง แก็งโดล่าก็ออกตามหาชีต้า จนมาถึงบ้านปาสึได้พาชีต้าหนีแก็งโดล่า จนมาพบกับรถถังของกองทัพ ปาสึได้ขอความช่วยเหลือ แต่แล้วคนของกองทัพกลับพยายามจับตัวชีต้า ปาสึได้พาชีต้าหนีลงมาในเหมืองแร่เก่า และหลงทางอยู่ในนั้น จนได้พบกับชายชรานามว่า ปอม ลุงปอมกล่าวว่า เขาได้ยินเสียงก้อนหินคุยกัน จึงลงมาดูด้านล่าง ทั้งสองไม่เข้าใจ ลุงปอมจึงดับตะเกียง และหินรอบๆก็เปล่งแสงขึ้นมา ลุงปอมอธิบายว่า หินเหล่านี้มีส่วนประกอบของแร่เอธิเรียม ซึ่งใช้ในการทำศิลาลอยฟ้าของชาวลาพิวตา เมื่อชีต้าได้ยินดังนั้นจึงหยิบสร้อยของตนเองออกมาดู และพบว่ามันกำลังเปล่งแสง เมื่อลุงปอมเห็นดังนั้นก็ตกใจ และกล่าวว่า นี่คือศิลาลอยฟ้าของลาพิวต้า และ ก็จบด้วยการที่ลาพิวต้า พังและยังคงอยู่อีกส่วนบนทัองฟ้า…
My Neighbor Totoro (1988) โทโทโร่เพื่อนรัก
เรื่องเริ่มต้นที่เด็กผู้หญิงสองคน ซะสึกิ และ เม ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ในแถบชนบทกับพ่อ เพื่อที่จะให้ใกล้กับโรงพยาบาลที่แม่ของพวกเธอนอนรักษาตัวอยู่ ซะสึกิและเมได้ค้นพบว่า ในป่าข้างบ้านมี โทโทโระ สัตว์วิเศษผู้พิทักษ์ป่าอาศัยอยู่ และต่อมาได้กลายเป็นเพื่อนกัน และเรื่องราวมหัศจรรย์สนุก ๆ ก็ได้เกิดขึ้นมากมาย
Kiki s Delivery Service (1989) แม่มดน้อยกิกิ
เรื่องราวของสาวน้อยแม่มด “กิกิ” ที่เมื่อถึงวัย 13 ขวบ เธอต้องออกเดินทางไปกับจิจิแมวของเขาและไม้กวาดเพื่อค้นหาตัวเอง ในเมืองที่ไม่มีแม่มดอื่นมาอยู่ ในที่สุด เมืองที่เธออยากไปอยู่ก็มาอยู่ตรงหน้า เมืองใหญ่โตริมทะเลที่เธอฝันไว้ ความที่เป็นเมืองใหญ่ มีผู้คนอาศัยอยู่มาก เธอจำเป็นต้องปรับตัวและหาวิถีที่จะอยู่ในเมืองใหญ่เมืองนี้ให้ได้ .. ในที่สุด เธอก็ได้ไปอยู่กับครอบครัวทำขนมปัง แล้วเธอก็ใช้ความสามารถในการขี่ไม้กวาดให้เป็นประโยชน์ คอยรับจ้างส่งของให้กับคนในเมือง กิกิได้เจอกับเพื่อนใหม่มากมาย ต่างวัย ต่างอายุ แต่ก็เป็นคนที่คอยให้กำลังใจเธอยามที่เธอสูญเสียเวทมนตร์
Only Yesterday (1991) ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง
เรื่องราวของทาเอโกะสาวน้อยผู้ทำงานประจำในกรุงโ ตเกียวในปี 1982 เธอตัดสินใจไปพักร้อนที่บ้านในชนบทของครอบครัวของพี่ สะใภ้คนหนึ่งในระหว่าง นั้น ทาเอโกะก็หวนระลึกถึงตอนที่เธอยังเป็นเด็กนักเรียนคร ั้งเมื่อปี 1966 ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้เล่าเรื่องด้วยการตัดสลับ 2 ช่วงเวลาผ่านทั้งความทรงจำในวัยเยาว์ของทาเอโกะและ.ค วามพยายามที่ต้องตัดสิน ใจบางอย่างที่ยากยิ่งเกี่ยวกับอนาคตของตัวเธอเอง
Pom Poko (1994) ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1960-1969 ในญี่ปุ่น ฝูงตัวทานุกิ (หรือ “หมาแร็คคูน” ของญี่ปุ่น) ถูกรุกรานจากการขยายที่ทำกินแถบเนินเขาทามะ, ชานกรุงโตเกียว โดยมนุษย์ ซึ่งต้องตัดต้นไม้ที่เป็นเหมือนบ้านและใช้พื้นที่ร่วมกับพวกมัน การก่อสร้างดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนถึงตอนต้นของยุค 90s เป็นผลให้พื้นที่อยู่อาศัยและอาหารลดลงอย่างน่าใจหาย ฝูงทานุกิเริ่มที่จะต่อสู้เพื่อรักษาบ้านของพวกมันเองไว้ พวกมันจึงตัดสินใจที่จะกระทำการต่อต้านมนุษย์ โดยใช้ความสามารถที่มีอยู่ คือการแปลงร่าง และหยุดการพัฒนาที่ดินเหล่านั้น แต่ไม่สำเร็จ ดังนั้นพวกมันจึงเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อย่างสันติ
Whisper of the Heart (1995) วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู
ชิซูกุ นักศึกษาสาวได้ค้นพบสิ่งที่น่าประหลาดใจเมื่อเธอพบว่าหนังสือทั้งหมดที่เธอตั้งใจจะยืมจากห้องสมุดนั้นถูกคนอื่นหยิบออกไปแล้ว การตระหนักรู้นี้กระตุ้นให้เธอดำเนินการและค้นหาผู้ยืมลึกลับเพื่อเติมเต็มความฝันของเธอ ชิซูกุ สึกิชิมะ อายุเพียง 14 ปี เป็นเด็กสาวที่กระตือรือร้นและสนุกกับการใช้เวลาว่างอ่านและแต่งบทกวี เย็นวันหนึ่ง ขณะตรวจดูบัตรหนังสือในห้องสมุด เธอพบว่าหนังสือที่เธอยืมมักถูกเช็คเอาท์โดยผู้อุปถัมภ์ห้องสมุดชายบ่อยครั้ง สิ่งนี้ทำให้เธอสนใจ และเธอก็ออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนของเด็กผู้ชายผู้หลงใหลในวรรณกรรม เด็กคนนี้ชื่อเซอิจิ อามาซาวะ
ระหว่างอยู่บนรถไฟ ชิซึกุได้พบกับแมวที่ไม่คุ้นเคย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอจึงปะทุขึ้น ชิซูกุจึงออกเดินทางตามหาสิ่งมีชีวิตดังกล่าวและจบลงที่ร้านขายของเก่าที่มีเสน่ห์ ที่นั่นเธอค้นพบ “The Baron” รูปปั้นแมว เมื่อเธอหลงใหลในร้านค้านี้ ชิซูกุได้พบกับเซอิจิอย่างไม่คาดคิด และทั้งสองก็สานสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขารู้จักกัน ชิซึกุก็พบว่าเซจิมีความฝันที่เขามุ่งมั่นที่จะไล่ตาม เมื่อความสัมพันธ์ของชิซึกุกับเซอิจิลึกซึ้งยิ่งขึ้น เธอก็มีความเด็ดเดี่ยวมากขึ้นในการแสวงหาการเติบโตส่วนบุคคล ด้วยการสนับสนุนจากเสียงกระซิบจากใจของเธอและแรงบันดาลใจของ The Baron เธอจึงมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นทั้งศักยภาพและแรงบันดาลใจของเธอ
Spirited Away (2001) มิติวิญญาณมหัศจรรย์ทางออกจากที่นี้ได้หรือไม่
เรื่องราวของ “จิฮิโระ” เด็กหญิงวัย 10 ปี จอมงอแงและดื้อรัน ที่่กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางย้ายมาบ้านใหม่กับพ่อแม่ แต่กลับหลงเข้าไปในอีกมิติหนึ่งโดยบังเอิญ ทำให้พ่อแม่ของเธอถูกสาปเป็นหมู และเธอจะต้องติดอยู่ในมิติที่เต็มไปด้วยภูตผีและเรื่องราวมหัศจรรย์ที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ระหว่างความสับสนที่เกิดขึ้น เธอได้รับการช่วยเหลือจาก “ฮากุ” เด็กชายปริศนาที่ทำให้เธอได้เข้าสู่การหลบซ่อนภายในโรงอาบน้ำของ “ยูบาบา” แม่มดใจร้ายที่ควบคุมมิติเเห่งนี้ โดยต้องแลกดปลี่ยนกับชื่อของเธอ ณ โรงอาบน้ำแห่งนี้ จิฮิโระ ต้องทำงานเพื่อแลกกับการมีชีวิตรอด
และทำให้เธอได้พบกับเหล่าภูตผีตัวประหลาดต่างๆ มากมาย รวมไปถึงการเฝ้าติดตามของผีไร้หน้า ภายใต้หน้ากากและชุดคลุมสีดำ ที่คอยตามติดเธออย่างเงียบสงบไปในทุกๆที่ จิฮิโระพยายามหาหนทางตามหาและช่วยเหลือพ่อแม่ของเธอ ขณะเดียวกันก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เมื่อผีไร้หน้าใช้ความโลภหลอกล่อเหล่าภูตในโรงอาบน้ำเข้ามากลืนกิน พร้อมๆ กับการบาดเจ็บของ “ฮากุ” ที่เกี่ยวพันกับแฝดผู้พี่ของแม่มดยูบาบา ทำให้จิฮิโระจำเป็นจะต้องออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือ “ฮากุ”
เรื่อราวการผจญภัยของจิฮิโระในมิติแห่งวิญญาณที่แสนมหัศจรรย์จะเป็่นอย่างไรต่อไป เธอจะสามารถช่วยเหลือฮากุ และนำพ่อแม่กลับสู่โลกมนุษย์ได้หรือไม่นั้น ร่วมเดินทางไปพร้อมกับเธอได้ใน Spirited Away มิติวิญญาณมหัศจรรย์
Ponyo on the Cliff (2008) โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย
ที่เมืองเล็กๆ ริมทะเล เด็กน้อยวัย 5 ขวบ โซะสุเกะ อาศัยอยู่ในบ้านบนหน้าผาสูงติดทะเลอินแลนด์ เช้าวันหนึ่ง ระหว่างที่เล่นเพลินอยู่บนหาดหินใต้หน้าผา เขาพบปลาทองหน้าเหมือนคน ติดอยู่ในโหลแยมเก่าๆ โซสุเกะ จึงช่วยชีวิตและเลี้ยงเธอไว้ในถังน้ำพลาสติกสีเขียว เขาให้ชื่อมันว่า ‘โปเนียว’ โปเนียวชอบโซสุเกะ โซสุเกะก็รู้สึกกับโปเนียวไม่ต่างกัน เด็กน้อยบอกกับว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะปกป้องดูแลเธอเอง” แต่แล้วฟุจิโมะโตะพ่อของโปเนียว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ แต่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าสมุทรมีชีวิตอยู่ใต้ทะเลลึก ก็บังคับลูกสาวตัวน้อยๆ ให้กลับสู่ท้องทะเล “หนูอยากเป็นมนุษย์ค่ะ!” เธอบอกกับพ่อ ก่อนจะหนีออกมา กลายร่างเป็นเด็กสาว และกลับมาหาโซสุเกะ แต่ระหว่างทาง เธอทำน้ำแห่งชีวิตซึ่งเป็นของเหลวศักดิ์สิทธิ์ของพ่อหลุดรั่วไปในท้องทะเลจนหมดขวด เป็นเหตุให้น้ำทะเลยกตัวขึ้นสูงเกิดสึนามิ น้ำทะเลล้นเข้าท่วมจนเมืองเล็กๆ จมอยู่ใต้น้ำ
ผู้กำกับ
ฮะยะโอะ มิยะซะกิ – Laputa Castle in the Sky (1986) ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา , My Neighbor Totoro (1988) โทโทโร่เพื่อนรัก , Kiki s Delivery Service (1989) แม่มดน้อยกิกิ , Ponyo on the Cliff (2008) โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย
อิซาโอะ ทากาฮาตะ – Only Yesterday (1991) ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง , Pom Poko (1994) ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก
โยะชิฟุมิ คนโด – Whisper of the Heart (1995) วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู , Spirited Away (2001) มิติวิญญาณมหัศจรรย์ทางออกจากที่นี้ได้หรือไม่
บริษัทผู้สร้าง
สตูดิโอจิบลิ
จิบลิ ตัวละคร นักแสดง
เคย์โกะ โยะโกะซะวะ
มะยุมิ ทะนะกะ
โคะโตะเอะ ฮะสึอิ
มิโนะริ เทะระดะ
ชิกะ ซะกะโมะโตะ
โนะริโกะ ฮิดะกะ
ฮิโตะชิ ทะกะงิ
มินะมิ ทะกะยะมะ
เร ซาคุมะ
มิทซุโอะ ยะมะงุชิ
โคกนเต ชินโจ
มาโกโตะ โนโนมูระ
ยูริโกะ อิชิดะ
โยะโกะ ฮนนะ
อิเซ ทะกะฮะชิ
ชิเงะรุ มุโระอิ
ทะกะชิ ทะชิบะนะ
เคย์จู โคะบะยะชิ
รูมิ ฮีรางิ
มิยุ อิริโนะ
มาริ นัตสึกิ
ทาคาชิ นาอิโตะ
ยาสึโกะ ซาวางูจิ
สึเนฮิโกะ คามิโจ
ทาเคฮิโกะ โอโนะ
บุนตะ ซูงาวาระ
เวอร์ชันญี่ปุ่น
ยูริเอะ นาระ
ฮิโรกิ โดอิ
โทโมโกะ ยามากูชิ
จอร์จ โทโคโระ
คาสุชิเกะ นากาชิมะ
เวอร์ชันอังกฤษ
เคต แบลนเชตต์
โนอา ไซรัส
แม็ตต์ เดม่อน
แฟรงกี้ โจนาส
ทีน่า เฟย์
เลียม นีสัน
คลอริส ลีชแมน
ลิลลี่ ทอมลิน
เบ็ตตี ไวต์
โปสเตอร์หนัง การ์ตูน จิบลิ
รีวิวหนัง การ์ตูน จิบลิ ทั้งหมด
Laputa Castle in the Sky (1986) ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา
Castle in the Sky (1986) | หนังล่าสมบัติสไตล์ Ghibli
เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ คงอธิบายว่ามันเป็นหนังล่าสมบัติที่ตัวร้ายมีแผนครองโลกเหมือนพวกตัวร้ายในเจมส์ บอนด์ แต่พระเอกของ Castle in the Sky ที่จะหยุดแผนการชั่วร้ายนั้นเป็นเพียงเด็กตัวกะเปี๊ยกที่มีหัวใจอยากปกป้องเจ้าหญิงแห่งลาพิวต้าผู้มีจิตใจงดงามในความไร้เดียงสา มันจึงเป็นแอนิเมชั่นแนวแฟนตาซีผจญภัยที่ให้ทั้งความเพลิดเพลินและความคิดปกป้องโลกที่ใสซื่อเป็นอย่างมาก
เรื่องราวของ ‘พาสึ’ เด็กชายที่บังเอิญเห็น ‘ชีต้า’ ลอยหล่นจากท้องฟ้า เธอเป็นหญิงสาวที่ถูกตามล่าจากโจรสลัดและกองกำลังทหารเพียงเพราะสร้อยคริสตัลที่เธอครอบครอง จากการที่เขาช่วยชีวิตเธอจึงนำมาสู่การผจญภัยเพื่อค้นหาเกาะลอยฟ้าที่ไม่หลงเหลืออารยธรรม แต่มันคือคำตอบของความลับสร้อยคริสตัลที่ทั้งทหารและโจรสลัดเฝ้าหามานาน
จุดแข็งของ Ghibli ที่เราชื่นชอบมาตลอดคือการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ในหนัง อย่างในเรื่องนี้คือเครื่องบินของเหล่าโจรสลัด และตัวหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ปกป้องเกาะลอยฟ้า (เครื่องบินลำเล็กแบบยืนบังคับมีปีกเหมือนแมลงปอ, หุ่นยนต์ที่มีลูกตาสำหรับปล่อยลำแสงสองขนาด ด้วยรูปร่างใหญ่ยักษ์จึงมีช่วงแขนยาวสำหรับคลานและเป็นปีก) ทุกอย่างมันช่างเปี่ยมไปด้วยจินตนาการที่พอได้โลดแล่นบนจอแล้วมันช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ในส่วนความสนุกก็เปรียบเสมือนหนังล่าสมบัติทั้งหลาย ที่มีสูตรพิมพ์นิยมทั้งการตามไล่ล่า, การช่วยเหลือตัวเอกจากการถูกคุมขัง และการทำความเร็วแข่งขันเพื่อจะไปถึงจุดหมาย โดยจุดที่อาจจะแตกต่างสักเล็กน้อยคือปลายทางของ Castle in the Sky มันมีความเป็นหนังต่อต้านความรุนแรงสไตล์ Ghibli จะเห็นได้จากทัศนคติในการปกป้องโลกก็คือการทำลายอาวุธร้ายแรงไม่ให้มีผู้ใดได้ครอบครอง คงเหลือไว้เพียงแต่สวนไม้ธรรมชาติอันงดงาม
Director: Hayao Miyazaki
writer: Hayao Miyazaki
Genre: animation, adventure, fantasy
7/10
My Neighbor Totoro (1988) โทโทโร่เพื่อนรัก
หนังโปรดของข้าพเจ้า
My Neighbor Totoro (1988) | ความสดใสของวัยเด็ก
ไม่ว่าคุณจะเห็น ‘โทโทโร่’ ในแง่มุมไหน จะเป็นผู้พิทักษ์ป่าใจดีที่มีตัวตนจริง ๆ หรือเป็นเพียงมโนภาพในจินตนาการเพื่อชดเชยความเหงาของสองสาวพี่น้อง ที่สุดแล้วก็ต้องยอมรับว่าหนังมันมีความน่ารักสดใสตามประสาเด็กเป็นอย่างมากทั้งที่ตัวเนื้อหามันมีความกังวลซ่อนอยู่มากทีเดียว ทั้งการย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่, อาการป่วยของแม่ และการหายตัวไปของน้องสาว แต่สุดท้ายหนังมันก็ยังคงมองทุกสิ่งในสายตาแบบเด็กสดใสไม่ใช่เด็กซึมเศร้า
หนังเล่าเรื่องของ ‘ซัทสึกิ’ และ ‘เมย์’ สองสาวพี่น้องที่เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านใหม่ในชนบทเพื่อที่จะได้อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่แม่ของพวกเธอพักรักษาตัวอยู่ ซึ่งในช่วงที่อาศัยอยู่บ้านนั้นสองพี่น้องได้พบว่าป่าใกล้บ้านของเธอเป็นที่อยู่ของ ‘โทโทโร่’ วิญญาณผู้พิทักษ์ป่า
อย่างที่บอกในตอนต้นว่าหนังมันมองทุกอย่างในสายตาแบบเด็กสดใส ตั้งแต่ที่เรารับรู้การมีอยู่ของภูติตัวน้อยมันสามารถเบี่ยงเบนไปเป็นหนังสยองขวัญได้เลย แต่ในโลกของ Ghibli มันกลับนำเสนอความซุกซนของทั้งเด็กและภูติตัวจิ๋ว, หรือการรอรถเมล์ในยามวิกาลเช่นนั้นมันยังสามารถเปลี่ยนบรรยากาศดูเปลี่ยวให้เป็นรอยยิ้มได้ผ่านการปรากฎตัวของโทโทโร่ที่มาเล่นสนุกกับสายฝน
ความกังวลต่าง ๆ ของสองพี่น้องก็ถูกนำเสนอในแบบพี่สาวคนโตมีหน้าที่แสดงความเข้มแข็งเพื่อคลายความกังวลของน้องสาว และความขัดแย้งเดียวในเรื่องคือการที่เธอตวาดใส่น้องจนทำให้เกิดเป็นปมความรู้สึกผิดต่อการหายตัวไปของน้องสาว ซึ่งเราชอบการคลี่คลายปมดังกล่าวก่อนจะนำไปสู่การเฝ้ามองรอยยิ้มของแม่ที่โรงพยาบาล มันเป็นหนังที่เติมเต็มความสดใสผ่านรูปแบบแฟนตาซีได้อย่างน่ารักจริง ๆ
Director: Hayao Miyazaki
writer: Hayao Miyazaki
Genre: animation, fantasy, family
6.5/10
Kiki s Delivery Service (1989) แม่มดน้อยกิกิ
Kiki’s Delivery Service (1989) ขอบคุณรีวิวหนังเรื่องโปรดของนัส Nusfish Movie Blog ครับ
“กิกิ” แม่มดน้อยที่อายุครบ 13 ปีบริบูรณ์ ตามกฎของแม่มด เธอต้องเดินทางออกไปเป็นแม่มดฝึกหัดและใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวเพื่อค้นหาตัวเองเป็นเวลา 1 ปี เพื่อผ่านไปสู่การเป็นแม่มดเต็มตัว เธอตื่นเต้นมากกับการเดินทางในครั้งนี้และใฝ่ฝันที่จะออกไปเผชิญโลกมาโดยตลอด โดยค่ำคืนเดือนเพ็ญเธอก็เริ่มออกเดินทางโดยมีเพียงไม้กวาดของแม่ วิทยุของพ่อ และแมวดำเพื่อนของเธอที่ชื่อจิจิ
คาแรกเตอร์ของกิกิ สะท้อนให้เห็นถึงภาพของเด็กในโลกแห่งความเป็นจริง ที่เมื่อเริ่มเติบโตขึ้นอยากจะออกเดินทางค้นหาตัวเอง อยากจะเป็นอิสระจากครอบครัวโดยไม่พึ่งพาครอบครัว แต่กระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อกิกิพบว่าโลกภายนอกนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คนที่หลากหลายปะปนกัน กิกิพบว่าตัวเองไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น เหมือนกับที่คนในเมืองไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักกับการมีอยู่ของแม่มด
กิกิ ใช้การขี่ไม้กวาดซึ่งเป็นความสามารถเพียงอย่างเดียวของเธอในการทำงาน เธอเปิดบริการรับจ้างบินส่งของ โดยขออาศัยพักอยู่กับครอบครัวเจ้าของร้านเบเกอรี่ใจดี แลกเปลี่ยนกับการให้เธอเฝ้าร้าน แต่กิกิก็ต้องเผชิญกับความสับสนในใจ (ความรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงหรือไม่) ความแปลกแยกโดดเดี่ยว (ที่ตัวเองไม่เหมือนคนอื่นทั้งการใช้ชีวิตและการแต่งตัว) หนังตั้งโจทย์ให้เธอพบความยากลำบากในการใช้ชีวิตตัวคนเดียว และให้เราเฝ้าดูการเติบโตของเธอว่าเธอจะสามารถฝ่าฟันและค้นพบตัวเองได้หรือไม่ นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าแอนิเมชั่นเรื่องนี้พูดถึงการก้าวข้ามพ้นวัย (coming-of-age) ผสมผสานกับการเป็น Road movie ที่ดีมากๆอีกเรื่องหนึ่งครับ
หนังให้เวลาเราทำความรู้จักกับเธอจนรู้สึกผูกพัน เหมือนกับว่าเราสามารถเข้าใจเธอได้ทุกเรื่อง จนรู้สึกอยากผลักดันและเอาใจช่วยเธอให้ผ่านพ้นปัญหา และทำให้ผมรู้สึกหลงรักคาแรกเตอร์ของกิกิมากๆ เป็นตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดของสตูดิโอจิบลิเลยหล่ะ
อีกสิ่งที่ผมชอบมากก็คือดนตรีประกอบของ โจ ฮิไซชิ ที่ฟังแล้วไพเราะติดหูมากๆครับ
Only Yesterday (1991) ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง
Only Yesterday (1991)
หนังเล่าเรื่องของ ‘ทาเอโกะ’ สาวออฟฟิศวัย 27 ปี กำลังเบื่อการที่ต้องทำงานแลกเงินเดือนไปวัน ๆ เธออยากมี “บ้านนอก” เป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก จนเป็นผู้ใหญ่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปอยู่ชนบทเป็นจริงเป็นจังนอกจากการได้ไปช่วยงานทำเกษตรให้พี่เขยแค่ชั่วคราว ซึ่งเธอรู้สึกประทับใจจนขอลางาน 10 วันเพื่อไปช่วยงานทำเกษตรอีกครั้ง และครั้งนี้ความทรงจำวัยเด็กเธอก็ผุดขึ้นมาตลอดการเดินทาง
เปิดเรื่องมาก็นึกถึงเพลง “บ้านนอก” ของเป้ อารักษ์ทันที เพราะส่วนหนึ่งของ Only Yesterday คือเรื่องของคนเมืองหลวงที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตในชนบท ปิดเทอมในวัยเด็กก็ต้องอยู่บ้านเหงา ๆ ในเมืองหลวงในขณะที่คนอื่นไปหาญาติที่ต่างจังหวัดกัน แล้วมันยังเป็นเรื่องของ “มนุษย์เงินเดือน” ที่เบื่อการทำงานออฟฟิศ เบื่อความวุ่นวายในเมืองหลวงจนอยากไปใช้ชีวิตสงบ ๆ ในชนบท ซึ่งตรงนี้ผมว่าคนที่ดูแล้วจะอินเป็นพิเศษก็คือต้องมีครบทั้งสองข้อนี้
ผมชอบไอเดียการเล่าเรื่อง Only Yesterday ชอบที่เขาเล่าช่วงวัยเด็กเพื่อมาสนับสนุนการตัดสินใจของเหตุการณ์ในปัจจุบัน แล้วการเล่าเรื่องวัยเด็กมันทำให้มองเห็นทั้งตัวตนของทาเอโกะและ ‘โตชิโอะ’ หนุ่มชนบทที่อยากไปเรียนเมืองหลวงตั้งแต่เด็ก จนโตมามีโอกาสได้ทำงานออฟฟิศสุดท้ายก็ลาออกมาทำเกษตรด้วยความรักในงานที่ทำ ถ้าลองสังเกตในเรื่องก็จะเห็นได้ชัดว่าทาเอโกะเองก็ชื่นชมความเป็นผู้ใหญ่และวิธีใช้ชีวิตของโตชิโอะ ในขณะที่คนดูก็จะเห็นได้ว่าโตชิโอะดูเหมาะสมเข้ากันได้ดีกับทาเอโกะ โดยที่หนังเล่าเรื่องเรื่อย ๆ ไม่ต้องบิ๊วอะไรคนดูแต่อย่างใด
การดำเนินเรื่องค่อนข้างเอื่อยนิดนึงครับ เป็นความเอื่อยที่ผมรู้สึกเห็นถึงความสดใสวัยเด็กของทาเอโกะ ทุกเรื่องในวัยเด็กของทาเอโกะมันก็ค่อนข้างเป็นธรรมชาติดูไม่ปรุงแต่ง (พ่อเข้มงวด, ผลการเรียนไม่ดี, ความภูมิใจในวัยเด็ก, ทะเลาะกับพี่สาว ฯลฯ) ซึ่งผมค่อนข้างชอบหนังแนวดราม่าที่ไม่ปรุงแต่งอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยครับ แถมช่วงท้ายรู้สึกว่าหนังหาทางลงได้สวยด้วยการสร้างประเด็นว่า “สุดท้ายสิ่งที่ทาเอโกะต้องการคือชีวิตแบบไหน”
และมันก็อาจเป็นการถามคนดูอย่างเราที่มีลักษณะใกล้เคียงกับทาเอโกะว่า “แล้วเราล่ะ ต้องการชีวิตแบบไหน” (อย่าลืมว่าคนที่จะอินเป็นพิเศษจะต้องเป็นคนเมืองหลวงไม่เคยสัมผัสชนบทจริงจัง และเป็นคนทำงานไปวัน ๆ เพื่อแลกค่าตอบแทน)
Director: Isao Takahata (ผกก. Grave of the Fireflies, The Tale of the Princess Kaguya)
manga: Isao Takahata, Hotaru Okamoto, Yuuko Tone
Genre: animation, drama, romance
9/10
Pom Poko (1994) ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก
Pom Poko (1994) | เมื่อประชากรมนุษย์เติบโตจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดผลกระทบกับธรรมชาติ
ใครเคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นอาจจะพอคุ้นเคยกับความเชื่อโบราณที่เขาบอกกันว่าตัวทานุกิสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้เพียงแค่เอาใบไม้วางไว้บนหัวแล้วท่องคาถา ซึ่ง Pom Poko สามารถหยิบไอเดียดังกล่าวมาเล่าเรื่องการต่อสู้เพื่อปกป้องถิ่นอาศัยของเจ้าทานุกิได้อย่างสนุกสนาน บนพื้นฐานที่ว่าพวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกรุกรานจากการเติบโตของเมืองหลวงทำให้ประชาชนต้องการที่อยู่อาศัยอันนำมาสู่การขยายพื้นที่เมือง
หนังเล่าถึงเหล่าทานุกิต่างหวาดกลัวการถางป่าเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ พวกมันจึงคอยแปลงกายเพื่อทำให้คนงานก่อสร้างเกรงกลัวจนไม่มีใครกล้าทำงาน แต่ไม่ว่าพวกมันจะทดลองกี่วิธี การก่อสร้างรุกล้ำผืนป่าเดิมก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ
Pom Poko ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Ghibli รักษ์ธรรมชาติที่คราวนี้ได้นำเสนอให้เรายอมรับการเจริญเติบโตของเมืองหลวงโดยมุ่งเน้นให้มนุษย์ยังคงหาแนวทางที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติให้มากที่สุด (ทำลายผืนป่าเท่าที่จำเป็น, เพิ่มปริมาณสวน, ไม่เบียดเบียนสัตว์ท้องถิ่น) เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ล้วนต้องปรับตัวรับมือความเปลี่ยนแปลง มนุษย์ก็ต้องย้ายถิ่นฐานและยอมรับการลดลงของป่าไม้กลายเป็นเมืองคอนกรีต สัตว์ต่าง ๆ ก็ต้องปรับตัวในการหาอาหารเพื่อความอยู่รอด (หนึ่งในภาพเสียดสีคือฉากจบที่เหล่าทานุกิร้องเต้นกันบนผืนหญ้าเขียวขจี พอซูมออกมากลับกลายเป็นว่ามันคือสนามกอล์ฟ)
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือในช่วงที่เหล่าทานุกิจำแลงกายไปขับไล่มนุษย์ด้วยหลากหลายวิธี ทั้งการทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิต, การปลอมเป็นผีไปหลอกหลอน ซึ่งมีจุดร่วมอย่างหนึ่งคือการทำให้มนุษย์เกรงกลัวสิ่งลึกลับกลับกลายเป็นวิธีที่ไม่ได้ผล เมื่อเทียบกับการแสดงอำนาจวิเศษให้มนุษย์เคารพยำเกรง
Director: Isao Takahata (ผกก. Grave of the Fireflies, Only Yesterday)
idea: Hayao Miyazaki
screenplay: Isao Takahata
Genre: animation, fantasy, comedy, drama
6.5/10
Whisper of the Heart (1995) วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู
Whisper of the Heart (1995) ขอบคุณรีวิวหนังเรื่องโปรดของนัส Nusfish Movie Blog ด้วยครับ
Country road
Kono michi Zutto Yukeba (ถ้าหากเธอเดินตามถนนสายนี้ไปเรื่อยๆ)
Ano machi ni Tsuzuiteru Ki ga suru (มันจะนำเธอไปสู่เมืองนั้น, ฉันว่านะ)
Country road
คงไม่มีใครลืมเพลงนี้ลงเป็นแน่หากได้รับชมแอนิเมชั่นเรื่องนี้ครับ เป็นเพลงที่ไพเราะมาก ต้นฉบับของเพลงนี้คือเพลง “Take Me Home, Country Roads” ของจอห์น เดนเวอร์ ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นเนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น ที่มีความหมายถึงการสลัดความกลัว และมุ่งมั่นที่จะก้าวไปถึงจุดหมาย อันเป็นแก่นที่หนังต้องการจะสื่อให้กับคนดู
“ชิสึคุ” หญิงสาววัยมัธยมต้นที่มีนิสัยรักการอ่าน เธอสังเกตว่าหนังสือทุกเล่มที่เธอยืมมาอ่านจากห้องสมุด มักจะมีชื่อของ “เซจิ” ในใบยืมหนังสือก่อนหน้าเธอเกือบทุกเล่ม จนกระทั่งในวันหนึ่ง เธอได้ตามเจ้าแมวตัวอ้วนที่นำเธอไปเจอกับร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง และชักนำให้เธอได้พบกับชายหนุ่มที่ชื่อเซจิโดยบังเอิญ จนกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของความผูกพันและความรักของทั้งคู่
เสน่ห์ของแอนิเมชั่นเรื่องนี้ คือการเล่าเรื่องของความรักที่บริสุทธิ์ ปราศจากความซึ้งหวานเลี่ยน เป็นความเรียบง่ายที่สอดแทรกลงไปในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้รู้สึกว่าหัวใจเราผองโตได้จริงๆ มันอิ่มเอมและอบอุ่นมากๆ
นอกจากเรื่องความรักแล้ว เรื่องนี้ยังเป็นหนังที่บอกเล่าถึงการเติบโตข้ามพ้นวัย (coming-of-age) ชิสึคุ ที่อยู่ในวัยที่กำลังค้นหาตัวเอง และไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความความสามารถเพียงพอที่จะทำมันรึเปล่า ไม่ต่างกับเราทุกคนในวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสับสน จนเมื่อเธอพบกับคนที่มีความฝันอย่างเซจิ เธอจึงเริ่มตระหนักถึงความฝันของตัวเอง และตัดสินใจลองค้นหาความฝันของเธอบ้าง และนั่นทำให้แอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นมากกว่าแค่เรื่องของความรัก เพราะมันยังพูดถึงความฝันและแรงบันดาลใจ ควบคู่กันไปได้อย่างลงตัว
ฉากที่ประทับใจที่สุดของผม เป็นฉากที่ชิสึคุและเซจิร้องเพลงด้วยกันด้วยเพลง “Take Me Home, Country Roads” ฉบับภาษาญี่ปุ่นที่ชิสึคุเป็นคนแต่งเอง เป็นฉากที่งดงามทั้งท่วงทำนองที่ไพเราะและอบอวลไปด้วยความรักที่น่ารักน่าหยิกเสียนี่กระไร
และที่เด่นเกินหน้าเกินตาคือเจ้าแมวบารอน ที่มาแค่ยืนเป็นหุ่นนิ่งๆแต่ชนะใจคนดูเกือบหมด ดังมากเสียจนภายหลังถูกนำไปสร้างเป็นเรื่องราวผจญภัยต่อยอดจากเรื่องนี้อีกที ในชื่อเรื่องว่า The Cat Returns
Spirited Away (2001) มิติวิญญาณมหัศจรรย์ทางออกจากที่นี้ได้หรือไม่
Spirited Away (2001) | ธรรมเนียมเก่า vs. ค่านิยมสมัยใหม่
ด้วยชื่อเสียงของ Spirited Away เป็นหนังที่เปิดกว้างให้ตีความถึงสิ่งต่าง ๆ ในหนัง การดูในครั้งแรกจึงพยายามดูแบบตีความอ้างอิงบทสัมภาษณ์ผู้กำกับและแนวค่านิยมของคนญี่ปุ่น ต่อมาในการดูรอบสองของเราจึงพยายามดูเพื่อความบันเทิงแบบไม่คิดตีความให้วุ่นวาย จึงพบว่าแม้เราไม่คิดอะไรให้ลึกก็ยังสนุกไปกับโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยเทพเจ้าและวิญญาณ
‘ชิฮิโระ’ เด็กสาววัย 10 ปีกำลังย้ายไปอยู่ชานเมืองกับครอบครัว แต่ระหว่างทางเธอได้หลุดไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยเทพเจ้า, แม่มดและวิญญาณ ที่ซึ่งมนุษย์จะถูกสาปให้กลายเป็นสัตว์
ส่วนตัวผมมองว่า Spirited Away มันกำลังพูดถึงธรรมเนียมค่านิยมดี ๆ สมัยเก่าที่กำลังถูกทำลายด้วยแนวคิดของคนสมัยใหม่ เช่นวัตถุนิยม เราจะเห็นตัวละครเช่นพ่อแม่ของชิฮิโระกลายเป็นหมูเพราะความโลภ, กบที่ถูกกลืนกินเพราะละโมบความมั่งคั่ง, ผู้คนในโรงอาบน้ำที่บูชาปีศาจไร้หน้าฐานะดีอันเป็นการเสียดสีการบูชาคนที่ให้ผลตอบแทนแก่ตัวเอง (ญี่ปุ่นไม่มีธรรมเนียมการรับทิปเหมือนชาติตะวันตก)
แต่ขณะเดียวกันตัวชิฮิโระที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเราเชื่อว่าเมื่อเธอเติบโตไปก็คงถูกครอบงำด้วยค่านิยมตามยุคสมัย การที่เธอหลุดมายังโลกวิญญาณจึงเปรียบเสมือนการปลูกฝังธรรมเนียมดั้งเดิมให้เธอได้ค่อย ๆ เรียนรู้ตั้งแต่มารยาท (ในตอนแรกชิฮิโระถูกเตือนให้พูดขอบคุณตลอด) และการเรียนรู้ที่จะทำงานหนักแลกผลตอบแทน/เพื่อรอโอกาสที่ดี
หนังยังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เสียดสีค่านิยมยุคใหม่ เช่นเด็กทารกที่ได้รับการปกป้องเลี้ยงดูดั่งไข่ในหิน, ปีศาจไร้หน้าที่มิยาซากิบอกว่าเป็นตัวแทนของคนยุคใหม่ที่มีความเชื่อว่าเงินนำมาซึ่งความสุข, การถูกเปลี่ยนชื่อเรียกอันสื่อถึงการถูกวัตถุนิยมกลืนกินจนสูญเสียความเป็นตัวเอง, แม้กระทั่งคนโปร่งแสงในรถไฟยังอาจสื่อถึงความห่างเหินของคนรุ่นใหม่ที่ไม่สนใจสังเกตผู้คนรอบตัว
ในภาพรวมแล้วผมเชื่อว่าความคิดในการดู Spirited Away จะเปลี่ยนแปลงไปตามการเติบโตและประสบการณ์ของเรา ถึงอย่างนั้นแล้วสำหรับผู้ที่อยากดูแอนิเมชั่นสนุกไม่ต้องคิดอะไรเยอะก็ยังสามารถเพลินไปกับเรื่องราวผจญภัยแฟนตาซีของชิฮิโระได้อย่างแน่นอน
Director: Hayao Miyazaki
writer: Hayao Miyazaki
Genre: animation, adventure, fantasy
8.5/10
Ponyo on the Cliff (2008) โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย
[CR] [รีวิว] Ponyo : การ์ตูนเด็กจากจิบลิที่ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็อดอมยิ้มให้ไม่ได้
น้องโปเนียวผู้เอาหัวใจเราไปทั้งดวง
หลายๆ คนน่าจะเคยเห็นหน้าน้องโปเนียวมาบ้าง เพราะน้องค่อนข้างป็อปปูลาห์ในวงการณ์จิบลิ และหลายๆคนอาจไม่คิดจะดูเพราะคิดว่านี่เป็นการ์ตูนเด็ก แม้ว่าโปเนียวจะมีเนื้อหาที่เด็กกว่าเรื่องอื่นๆ ของจิบลิก็จริง แต่รับรองว่าจะได้ใจคนดูทุกคนไปอย่างแน่นอน
เนื้อเรื่องเล่าถึงพ่อมดในทะเลที่มีเหล่าลูกๆ ปลาหน้าคน วันนึง พี่สาวของฝูงปลานั้นเกิดได้ขึ้นมาบนบก พบเจอกับโชซึเกะ เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่รักและเอ็นดูเธอ ตั้งชื่อเธอว่าโปเนียว แต่ด้วยความที่เป็นปลา พ่อมดจึงจำต้องตามเธอกลับไป สิ่งที่โปเนียวเลือกจะทำ นั้นจะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล
สิ่งนึงที่เป็นจุดเด่นมากๆ ของเรื่องนี้คือความสร้างสรรค์ของเนื้อหา เรื่องราวของโปเนียวมันเป็นความมหัศจรรย์แต่เป็นความมหัศจรรย์ที่เข้าถึงได้ เรารับรู้ถึงความวิเศษของท้องทะเล ลุงมิยาซากิทำให้เราเชื่อในเวทย์มนต์ของท้องทะเลผ่านเรื่องราวและลายเส้นที่สื่อออกมา อยากให้ได้ไปลองดูกัน แค่ซีนโปเนียววิ่งบนน้ำ ซีนน้ำซัดหรือซีนเมืองใต้น้ำ แค่นี้ก็สวยจับใจและคุ้มค่ามากๆ แล้ว ไม่อยากเชื่อว่าใต้งาน 2D ลายเส้นง่ายๆ ลงสีง่ายๆแบบนี้มันจะดึงดูดและทำให้เรารู้สึกกับมันได้มากขนาดนั้น
ในแง่ของเนื้อหา เราชอบที่มีการสอดแทรกความยิ่งใหญ่ของทะเล ภัยธรรมชาติ หรือหายนะของทะเลที่เกิดจากมือมนุษย์ เป็นกิมมิกของการ์ตูนจิบลิมากๆ ไม่ว่ามันจะคลีเช่ขนาดไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้เรื่องราวดูขลังขึ้นไปอีก เราชอบแหละ5555555
โปเนียวและน้องโชซึเกะน่ารักมากๆๆ เราชอบในความน่ารัก ในมิตรภาพ รวมถึงลิซ่าและคุณยายในบ้านพักคนชราด้วย ตัวละครทุกตัวที่ออกมานั้นส่งผลในภาพรวมของเรื่องมันเต็มไปด้วยความรัก ความสดใส ซึ่งเราว่ามันทำให้ใจเราพองโตมากๆ เวลาได้ดู
8/10
ดูการ์ตูน จิบลิ Ghibli ครบทุกเรื่อง
Laputa Castle in the Sky (1986) ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา
My Neighbor Totoro (1988) โทโทโร่เพื่อนรัก
Kiki s Delivery Service (1989) แม่มดน้อยกิกิ
Only Yesterday (1991) ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง
Pom Poko (1994) ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก
Whisper of the Heart (1995) วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู
Spirited Away (2001) มิติวิญญาณมหัศจรรย์ทางออกจากที่นี้ได้หรือไม่
Ponyo on the Cliff (2008) โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย
7.4