รวมหนัง หม่ำ จกม๊ก (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) นักแสดงตลกชาวไทย มีชื่อเสียงจากเป็นสมาชิกแก๊งสามช่าในรายการ ชิงร้อยชิงล้าน นอกจากนี้ยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรฟุตบอลยโสธร และเป็นผู้บริหารค่ายเพลงยุ้งข้าวเรคคอร์ด นักแสดงตลกชื่อดังไม่ได้มีดีแค่การสร้างเสียงหัวเราะแต่ยังฝากผลงานการแสดง การกำกับภาพยนตร์ให้กับวงการหนังไทย หลายเรื่องทำเงินถล่มทลาย ความฮามาแบบไม่ยั้ง รวมถึงสร้างสีสันให้กับคนดูมากมาย ปัจจุบัน หม่ำ จกม๊ก เป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ ฟิล์ม จำกัด ผลิตภาพยนตร์ ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม และ แหยม ยโสธร ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท และเป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ผลิตรายการโทรทัศน์ ได้แก่ รายการบิ๊กหม่ำ และละคร แฟกทอรีที่รัก พร้อมกับยังรับงานแสดงอยู่และทำธุรกิจร้านอาหารอีสาน แต่ได้เลิกกิจการไปแล้ว และ ได้ทำค่ายเพลงอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ ค่ายเพลง ยุ้งข้าว เรคคอร์ด
แนะนำหนัง หม่ำ จกม๊ก
Ong bak (2003) องค์บาก
เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2546 ผลงานการกำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว และผลงานการกำกับคิวแอกชั่นโดย พันนา ฤทธิไกร แสดงนำโดย พนม ยีรัมย์, หม่ำ จ๊กมก, ภุมวารี ยอดกมล และมีร่วมด้วย สุเชาว์ พงษ์วิไล, วรรณกิต ศิริพุฒ, เชษฐวุฒิ วัชรคุณ, ชุมพร เทพพิทักษ์, ฉัฏฐพงศ์ พันธนะอังกูร, รุ่งระวี บริจินดากุล , พรพิมล ชูขันทอง เรื่องย่อ : “องบาก: นักรบมวยไทย” เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นศิลปะการต่อสู้ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2546 กำกับโดยปรัชญา ปิ่นแก้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติจากฉากการต่อสู้มวยไทยที่น่าประทับใจและสมจริง รวมถึงความสามารถทางกายภาพของนักแสดงนำอย่างโทนี่ จา เรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มชื่อ ติง (รับบทโดย โทนี่ จา)
ซึ่งมาจากหมู่บ้านชนบทในประเทศไทย องค์บากซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยไปจากหมู่บ้าน และติงก็ออกเดินทางเพื่อไปกู้มันกลับมา หัวขโมยนำรูปปั้นไปที่กรุงเทพฯ และติงก็ตามไปเพียงเพื่อค้นพบโลกใต้ดินที่อันตรายซึ่งเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่ผิดกฎหมายและกลุ่มอาชญากร ขณะที่ทิงท่องไปในเมืองที่พลุกพล่านและเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้โดยใช้ทักษะมวยไทยอันโดดเด่นของเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอฉากการต่อสู้ที่ดุเดือดและกายกรรม “องค์บาก” ได้รับการยกย่องในเรื่องการเน้นศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิม การแสดงผาดโผนที่สมจริง และความสามารถด้านกีฬาของโทนี่ จา ทำให้เป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นในแนวแอ็คชั่น ภาพยนตร์เรื่องนี้มีบทบาทสำคัญในการแนะนำภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ไทยสู่ผู้ชมทั่วโลก
The Bodyguard 1 (2004) บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 1
เป็นภาพยนตร์แนวตลกแอ็คชั่นและเป็นเรื่องแรกของ หม่ำ จ๊กมก ที่ได้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ นำแสดงโดย เพชรใต้ วงศ์คำเลา ร่วมกับ โทนี่ จา นักแสดงแอ็คชั่นในตำนานของไทย โดยหนังสามารถทำเงินไปถึง 74.40 ล้านบาทและติดอันดับที่ 53 ภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทย เรื่องราวเกี่ยวกับ วงศ์คม (เพชรไท วงศ์คำเลา) เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ล้มเหลวซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของพยานระดับสูงชื่อ ชัยชล (พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร) ไชยชลเตรียมให้การเป็นพยานเพื่อกล่าวหาองค์กรอาชญากรรมที่มีอำนาจ อย่างไรก็ตาม การขาดทักษะและความเป็นมืออาชีพของหว่องคมทำให้เกิดความท้าทาย นำไปสู่สถานการณ์ตลกต่างๆ ในขณะที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับอุปสรรคและความพยายามมากมายในชีวิตของชัยชล ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานแอ็คชั่นเข้ากับอารมณ์ขัน โทนี่ จา รับบทสมทบ นำเสนอความเชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาในฉากต่อสู้ และเพิ่มความตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์อีกระดับหนึ่ง
“The Bodyguard” ขึ้นชื่อเรื่องการผสมผสานระหว่างแอ็คชั่นและความตลกขบขัน โดยมีอารมณ์ขันของเพชรไท วงศ์คำเลาที่เสริมองค์ประกอบศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ได้รับความสนใจจากนานาชาติมากเท่ากับภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยเรื่องอื่นๆ แต่ยังคงได้รับความนิยมในหมู่แฟนหนังประเภทนี้เนื่องจากมีการผสมผสานระหว่างเสียงหัวเราะและการแสดงโลดโผนที่สนุกสนาน
Midnight My Love (2005) เฉิ่ม
ภาพยนตร์ละครโรแมนติกไทย ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2548 ผลงานกำกับเรื่องที่สองของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี นักเขียนบทผู้เคยมีผลงานจาก สยิว เดอะเล็ตเตอร์ จดหมายรัก และผู้เขียนบทปรับแก้ใน ต้มยำกุ้ง หนังบอกเล่าเรื่องราวของนักดนตรีพิการทางสายตาชื่อ เจิม (รับบทโดย อนันดา เอเวอริงแฮม) และการเดินทางของเขาเพื่อเอาชนะความท้าทายส่วนตัวและค้นหาความรัก ผลงานการกำกับของ “คงเดช จาตุรันต์รัศมี” ผู้เขียนบท-ร่วมกำกับ “สยิว” (2546) และเขียนบท “The Letter จดหมายรัก” (2547) กับการเผชิญหน้าของสองซูเปอร์สตาร์ชื่อดังแห่งเมืองไทยอย่างเจ้าพ่อตลกตลอดกาล “หม่ำ จ๊กม๊ก” กับการประกาศกล้ารับบทรักโรแมนติกอิ่มเอมใจเป็นครั้งแรก ปะทะสุดยอดนักแสดงหญิงชื่อดังจากวิกหมอชิต “นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์” กับบทหมอนวดสาวครั้งแรกในชีวิตการแสดง ในเรื่องราวของหนุ่มแท็กซี่ผู้ปิดตัวอยู่กับโลกแห่งความฝันและความสวยงามของวิทยุ AM และสาวโรงนวดที่อยู่ในโลกของแสงสีและความเป็นจริงอย่างเดียวดาย เส้นขนานของ 2 โลกที่ต่างกันสุดทาง กลับมาบรรจบกันลงตัวแบบไม่น่าเชื่อ
เรื่องย่อ : เฌมผู้ตาบอดใช้ชีวิตอย่างสันโดษและค้นหาสิ่งปลอบใจจากเสียงเพลงของเขา วันหนึ่งเขาได้พบกับหญิงสาวลึกลับชื่ออ้อม (รับบทโดย นพชัย ชัยนาม) บนชานชาลารถไฟ อ้อมกำลังวิ่งหนีจากอดีตที่ไม่มีความสุข และตัวละครทั้งสองได้สร้างความสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดการมองเห็น เมื่อความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาขึ้น เจิมและอ้อมต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ รวมถึงปัญหาในอดีตและความคาดหวังของสังคมของอ้อม ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจธีมของความรัก การยอมรับ และความสามารถในการเชื่อมต่อกับผู้อื่นในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“Midnight My Love” ได้รับการวิจารณ์ในแง่บวกถึงความลึกของอารมณ์ การแสดงที่น่าดึงดูด และวิธีการจัดการกับความท้าทายที่บุคคลที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นต้องเผชิญอย่างละเอียดอ่อน ภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเล่าเรื่องบรรยากาศและการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ทำให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นในวงการภาพยนตร์ไทย
Wongkamlao (2009) วงษ์คำเหลา
เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เป็นภาพยนตร์ตลก กำกับโดยเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา นำแสดงโดย เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา , อคัมย์สิริ สุวรรณศุข,ฉันทนา กิติยพันธ์,สมชาย ศักดิกุล, แวววาว จ๊กมก, อาภาพร นครสวรรค์ , เฉลิม แย้มขะมัง, อนุวัฒน์ ทาระพันธุ์ , ตุ๊กกี้ ชิงร้อย (สุดารัตน์ บุตรพรม), เดฟ ดวงดี, อรชร เชิญยิ้ม ภาพยนตร์ทำรายได้รวม 91.2 ล้านบาท เป็นเรื่องราวของ ท่านชายเพชราวุธ หนุ่มนักเรียนนอกผู้เงียบขรึม ทายาทผู้ดูแลธุรกิจพันล้าน วงษ์คำเหลาจิวเวอร์รี่ และอภิมหาคฤหาสน์อลังการประจำตระกูล เสาหลักที่ดูแลมวลเหล่าสมาชิกในตระกูลวงษ์คำเหลาที่ว่ากันว่าแต่ละคนล้วนเอ่อล้นไปด้วยเสน่ห์ที่แสนเจิดจรัสโดดเด่นท้าทายทุกสายตาในสังคมชั้นสูงได้อย่างไม่เป็นสองรองตระกูลมหาเศรษฐีรายใดในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงแม่พราวพิลาศ คุณหญิงผู้รักศักดิ์ศรี และความเป็นผู้ดีทุกอณูแห่งลมหายใจ หญิงใหญ่พลอยวรินทร์ สาวโสดทึนทึกสุดเฮี้ยบ แถมเจ้าระเบียบอย่างสุดสุด
Khun Bun Lue (2018) ขุนบันลือ
เป็นภาพยนตร์ตลกโรแมนติก ที่สนุกสนาน เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยมุขตลกร้าย ฉากฮาๆ เรื่องราวความรัก และความวุ่นวายของเหล่าทาส เป็นเหตุการณ์ที่เกิดใน พ.ศ. 2447 ยุคสมัยที่บ้านเมืองกำลังถกเถียงเรื่องการปลดแอกสัญญาทาส ขุนบันลือ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ได้รับมอบหมายให้ไปราชการที่ เมืองเชียงราย แต่ขุนบันลือเองกลับกังวลใจ เพราะถูก มด ทาสหญิงที่ขุนบันลือแอบมีความสัมพันธ์ด้วยจับได้ว่าท่านขุนแอบซุกใครบางคนอย่างลับๆ ไว้ที่เมืองเชียงรายมาก่อน ขณะเดียวกันก็มีเรื่องราวของเพื่อนรักของท่านขุน ที่พาลูกสาวและลูกชายมาฝากให้ช่วยดูแลเนื่องจากต้องไปราชการที่ต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองก็กลับแอบปิ๊งบรรดาทาสในเรือนของท่านขุน ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นของคู่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะหาข้อสรุปอย่างไร ท่ามกลางความรักที่ยุ่งเหยิงแบบนี้
มือปืน/โลก/พระ/จัน (พ.ศ. 2544)
เป็นภาพยนตร์แอคชั่น ดรามา ตลก ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2544 เขียนบทและกำกับโดย ยุทธเลิศ สิปปภาค เป็นผลงานชิ้นแรกของบริษัท อาวอง ในเครืออาร์เอส นำแสดงโดย เทพ โพธิ์งาม, สมชาย เข็มกลัด, หม่ำ จ๊กมก, ถั่วแระ เชิญยิ้ม และเท่ง เถิดเทิง ภาพยนตร์ทำรายได้ 123 ล้านบาท หนังว่าด้วยเรื่องราวของอดีตมือปืนรุ่นใหญ่ที่เพิ่งออกมาจากคุก และงานแรกที่ได้รับมาคือการสังหารมือปราบตงฉินฉายา ตำรวจเหล็ก การรวมตัวของเหล่ามือปืนตกรุ่นจึงเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันมือปืนรุ่นใหม่ค่าตัวราคาแพงและทำงานคนเดียวก็ได้รับการว่าจ้างให้ลงมือฆ่าตำรวจเหล็กคนนี้ด้วยเช่นกัน การปะทะฝีมือระหว่างมือปืนตกรุ่น กับรุ่นใหม่ไฟแรง จึงโหมปะทุ มิหนำซ้ำความจริงยังเปิดเผยว่ามีการว่าจ้างผิดตัว การชุลมุนฆ่าจึงเกิดขึ้น และกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอาชญากรรม ในเรื่องนี้ หม่ำ จ๊กมก รับบท หมา ลูกบักเขียบ หนึ่งในทีมมือปืนรุ่นลายคราม นักฆ่าที่ยิงปืนไม่เป็น ใช้แต่ระเบิดเป็นอาวุธ นั่นเอง
แหยมยโสธร (พ.ศ. 2548)
ภาพยนตร์ไทย เป็นภาพยนตร์รักย้อนยุค โดยมีฉากคือจังหวัดยโสธร (อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในสมัยนั้น) สร้างโดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนินงานสร้างโดย บาแรมยู และ บั้งไฟฟิล์ม อำนวยการสร้างโดย สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ควบคุมงานสร้างโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ กำกับภาพยนตร์โดย หม่ำ จ๊กมก ออกฉายเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2548 ความพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่บทสนทนาเป็นภาษาไทยถิ่นอีสาน และมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาไทย นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง แหยมยโสธร แม้จะเป็นภาพยนตร์ที่ใช้เงินลงทุนไม่มากแต่ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นหนังตลกทำเงินเรื่องหนึ่งซึ่งมีรายได้สูงถึง 100 ล้านบาท
เป็นหนังจากค่าย สหมงคลฟิล์ม ที่เข้าฉายเมื่อปี 2548 โดยมีหม่ำ จ๊กมก เป็นผู้กำกับและเขียนบทเอง ซึ่งเป็นหนังที่รวบรวมความฮาของสาวบ้านนอกที่แอบรักหนุ่มหน้าเหลี่ยมจากแดนอีสาน แถมในเรื่องได้ยกทีมตลกสุดฮาหลากหลายคณะมาร่วมแสดง จึงทำให้เป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่ทั้งน่าดูและแฝงไปด้วยมุกตลกที่จะทำให้ผู้ชมอย่างเราได้หัวเราะและผ่อนคลายสมอง แถมภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เกิดแฟชั่นสุดฮิตอย่างการแต่งตัวด้วยเสื้อสีสันสุดแสบทรวงกับกางเกงขาม้าที่ทำให้แฟชั่นตัวนี้ฮอตฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง
เรื่องย่อ : แหยม ยโสธร เรื่องราวความรักของ หนุ่มสาวระหว่าง ทอง กับ สร้อย ที่กำลังจีบกัน อย่างชนิดที่ว่าหวานจนกระทั่งน้ำตาลท่วมทุ่ง ในขณะ แหยม น้าชายสไตล์จิ้มลิ้มผู้เดียวของทอง ถูก เจ้ย สาวหน้าคมคล้ำ..คมคาย อีกทั้งตามจีบตามตื้อ หลงเสน่ห์สุดหล่ออย่างแหยม จำพวกโงหัวไม่ขึ้น ทำให้ยุ่งหงุดหงิดเป็นที่ซู๊ดดด อีกทั้งสี่เป็นอันรู้กันว่า เจ้ยตกหลุมรักยุ่งอย่างลงรากฝังลึก แล้วก็อุตสาหะทุกทาง ให้ยุ่งตอบรับความเอื้อเฟื้ออันนี้ ถึงแม้ว่าทองกับสร้อย จะช่วยลุ้นให้ทั้งสองจบกันพลาดท่าแหยม ยโสธร นับว่าเป็นผลงานกำกับและทำงานเบื้องหลังเป็นเรื่องที่ 2 ของหม่ำ จ๊กม๊ก กับค่ายบั้งไฟฟิล์มของเขา ที่เป็นจุดเริ่มต้นในฐานะผู้กำกับหนังไทยที่ประสบความสำเร็จอีกคน โดยภาคแรกนั้นหนังสามารถโกยรายได้ไปได้อย่างเหนือความคาดหมายถึง 100 ล้านบาท จากทุนสร้างเพียงไม่กี่ล้าน นั่นจึงทำให้หนังกลายเป็นแฟรนไชส์ที่สร้างออกมาเป็นไตรภาคในเวลาต่อมา
The Outrage (2011) อุโมงค์ผาเมือง
เป็นภาพยนตร์ไทย พีเรียด-ดราม่า แนวคดีฆาตกรรมปริศนา ออกฉายวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554 กำกับโดย หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 10 สร้างเพื่อฉลอง 100 ปี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และครบรอบ 40 ปี สหมงคลฟิล์ม ซึ่งทั้งสองวาระได้เวียนมาครบในปี พ.ศ. 2554 ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากบทละครของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรื่อง ราโชมอน ซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ ริวโนะสุเกะ อะคุตะงะวะ อีกต่อหนึ่ง ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว อากิระ คุโรซาวา ได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง “ราโชมอน” เมื่อปี พ.ศ. 2493 เข้าชิงและคว้ารางวัลอีกหลายสถาบัน รวมถึง รางวัลออสการ์เกียรติยศ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการกลับร่วมงานกันอีกครั้งของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ที่หลังจากได้กำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย ในปี พ.ศ. 2553 ที่ได้กลับร่วมงานอีกครั้งกับ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
เรื่องราวทั้งหมดนั้นเริ่มจากการที่ขุนศึกพร้อมเมียของเขาได้เดินทางโดยขบวนเสลี่ยงผ่านป่า กลางทางได้มีโจรป่าคนหนึ่งเข้ามาขัดขวางขบวนพร้อมเสนอขายดาบเงินโดยออกอุบายให้แม่ทัพนั้นเดินทางไปยังริมอุโมงค์หน้าผาเมืองกับตนเอง เมียของนายทัพก็เลยได้ออกมาจากขบวนมาเพื่อดูนกดูไม้ก่อนจะพบว่าขโมยป่านั้นได้วิ่งหน้าตระหนกตกใจมาบอกว่าแม่ทัพนั้นได้รับบาดเจ็บ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยผัวคุณก็เลยได้รีบตามมิจฉาชีพป่าไปแต่ว่าภาพที่คุณมองเห็นกลายเป็นผัวของคุณถูกผูกตรึงไว้กับไม้ กว่าจะทราบว่าทั้งผองเป็นเล่ห์เหลี่ยมของโจรป่าก็สายไปเสียแล้ว คุณนั้นถูกฝืนใจเฉพาะหน้าผัว
พอโจรป่าเสร็จสมอารมณ์หมายก็เกิดเหตุราวขึ้นกระทั่งทำให้นายทัพนั้นถึงแก่เสียชีวิต ทหารสามารถจับโจรป่าได้ ส่วนเมียของนายทัพนั้นก็สามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากป่าได้อย่างเดียวกัน ก็เลยมีการสอบสวนคดีขึ้น แม้กระนั้นคำพูดอีกทั้งจากขโมยป่า เมียของแม่ทัพ หรือแม่ทัพที่มาเข้าคนทรงเจ้าต่างก็เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ข้างหลังพิจารณาคดีจบก็ได้มีการประหารขโมยป่าเพื่อเป็นการสังเวยเนื่องจากว่าเมืองนั้นกำลังเต็มไปด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ พระรูปหนึ่งซึ่งเป็นพยานในเหตุดังที่กล่าวผ่านมาแล้วรู้สึกค้างคาใจเป็นอย่างมากถึงถึงขนาดที่ต้องการจะหาคำตอบโดยการสึกออกมา พระรูปนั้นก็เลยได้ตกลงใจเดินทางไปหามารดาของตนก่อนระหว่างทางเขาก็ได้เจอกับคนตัดฟืนซึ่งเป็นพยานในคดีนี้เหมือนกัน ประกอบกับฝนตกพอดิบพอดีทั้งสองก็เลยได้เข้าไปหลบอยู่ในอุโมงค์ก่อนจะพบกับสัปเหร่อและก็ได้พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
LOVE เลยร้อยเอ็ด (2022)
หนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่มีกลิ่นอายความเป็นอีสานแบบซื่อ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศของเมืองร้อยเอ็ด ผ่านการร้อยเรียงเรื่องรักที่เป็นการกลับมาสู่วังวนหนังประเภทนี้อีกครั้งของ หม่ำ จ๊กมก นักแสดงนำ หม่ำ จ๊กมก แสดงเป็น ดาบแดง ตำรวจหนุ่มใหญ่ วัยใกล้เกษียณ , ธัญญา อาร์สยาม แสดงเป็น แพ็ต เด็กนักเรียนชั้น ม.6 ใกล้เรียนจบ
Love เลย 101 เป็นเรื่องราวความรักบนพื้นฐานของคำถามที่ว่าจะเป็นยังไง เมื่อดาบแดงตำรวจหนุ่มใหญ่คว้าหัวใจของนางฟ้าอย่าง แพ็ต ไปครอง ปฐมบทแห่งความรักที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนที่แตกต่างกันด้วยวัย ท่ามกลางการถูกสังคมเพ่งเล็งถึงรูปแบบ “ความเหมาะสม” ในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ นี่คือ รักแท้ที่บริสุทธิ์ หรือ แค่รักฉาบฉวย ที่โชคชะตานำพาให้พวกเขาทั้งคู่ต้องมาเผชิญ นี่คือผลงานของนักสร้างหนังหนุ่มรุ่นใหม่ อย่าง “เอ็กซ์ วัชรพงษ์” ที่เพิ่งแจ้งเกิดจากผลงาน ‘แดง พระโขนง’ ไปหมาด ๆ อันที่จริงหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นผลงานชิ้นแรกของเขาด้วยซ้ำ เพราะหนังน่าจะถ่ายเอาไว้ก่อน ตั้งแต่โลกจะรู้จักกับโควิด-19 แต่พอดีหนังล่าช้าและได้วันฉายตามหลังมา โดยเขากำกับจากบทและเรื่องราวที่วางเค้าโครงด้วยฝีมือของ หม่ำ จ๊กม๊ก นั่นเอง
The Murderer (2023) เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ
เป็นแนวฆาตกรรม ผสมผสานกับความตลกฮาลั่น โดยบอกเล่าถึงวันหนึ่งที่ทราย สาวสวยชาวอีสาน ที่เธอมีโอกาสได้ชวน เอิร์ล แฟนหนุ่มชางฝรั่งของเธอมาเยี่ยมบ้านเกิดของเธอ ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับวันนั้นเป็นคืนที่จะมีพายุลูกใหญ่เข้า ทำให้ที่บ้านนั้นวุ่นวายมาก แต่แล้วก็เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้น! เพราะได้เกิดเหตุฆาตกรรมยกครัว ถึง 7 ศพ และผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจต่างเพ่งเล็งก็ไม่ใช่ใครนั่นคือ เอิร์ล เขยฝรั่งของบ้านหลังนี้นี่เอง ทำให้งานนี้ สารวัตรสุดโหดอย่าง ณวัฒน์ ที่ได้รับฉายาว่า มือปราบหัวร้อนต้องออกโรงสืบสวนสอบปากคำเองซะเลย!
โดยรวมนี่คือหนังไทยจากงานสร้าง Original Netflix ของผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ที่ดีกว่าเรื่องก่อนค่อนข้างมาก แต่มันก็ยังมีปัญหาเดิมๆ เรื่องบทแปลกๆ ไม่ลงตัวจนทำให้ไม่สามารถยกให้เป็นหนังดีได้เต็มปาก แต่ก็สนุกในการเล่าเรื่องที่แปลกกับไอเดียจิกกัดเขยฝรั่งของคนอีสานที่ยังไงคนไทยต้องฮาแน่นอน เหมาะกับคนที่ชอบดูหนังสืบสวนสอบสวนแนวฝรั่ง แต่อยากลองดูแบบนี้ที่เป็นคนไทย สถานที่ไทย วัฒนธรรมไทยดูบ้าง แต่ไม่ได้บ้านๆ จนเกินไป และเป็นคดีที่ไม่ได้ง่ายจนเกินไปด้วย มีความซับซ้อนให้ชวนขบคิดตามตลอดทั้งเรื่อง และยังเหมาะกับชาวต่างชาติหากอยากจะลองชิมลางหนังไทยที่มีความไทยแท้ แต่ไม่ได้เต็มไปด้วยมุกตลกหรือบริบทที่ไม่เข้าใจด้วยภาษาหรือวัฒนธรรมมาก
5.7